รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่

Mongwin · Posted: 25/11/2011 12:22 pm Post subject:

การรถไฟฯ เตรียมโชว์ทางรถไฟคู่สายฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง รองรับขนส่งคอนเทนเนอร์ได้เพิ่มกว่าเท่าตัว
โดย.. ศูนย์ประชาสัมพันธ์และบริการท่องเที่ยว
24 พฤศจิกายน 2554 - 21:13:21

นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่การรถไฟฯได้ดำเนินโครงการทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออกตอนฉะเชิงเทรา – ศรีราชา – แหลมฉบัง ระยะทาง 78 กิโลเมตร พร้อมติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพของการขนส่งทางรถไฟในพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขนส่งสินค้าบรรจุตู้คอนเทนเนอร์ที่ขนส่งผ่านท่าเรือแหลมฉบัง และสถานี ICD ที่ลาดกระบัง ขณะนี้ การก่อสร้างมีความก้าวหน้าไปกว่าร้อยละ 99.45

การรถไฟฯจึงมีแนวคิดที่จะเชิญ พลตำรวจโท ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมที่ดูแลรับผิดชอบ และคณะ ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม ได้มาตรวจราชการดูความพร้อมของการก่อสร้างพร้อมทั้งจะร่วมกันหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมแผนรองรับปริมาณการขนส่งสินค้า จากICD ลาดกระบัง หรือ ที่จะมาจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจะดูพื้นที่เกี่ยวข้องในการบูรณาการเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากท่าเรือแหลมฉบังด้วย โดยคาดว่าประมาณกลางสัปดาห์หน้าจะทำหนังสือเชิญรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้เกี่ยวข้อง มาตรวจราชการต่อไป

การดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ตอนฉะเชิงเทรา -ศรีราชา- แหลมฉบัง ระยะทาง 78 กม. และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2547 ให้ดำเนินโครงการดังกล่าวได้ ต่อมาได้รับอนุมัติให้ปรับปรุงวงเงินลงทุนโครงการเป็นวงเงิน 5,850 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2550 และได้รับการบรรจุไว้ในแผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจีสติกส์ของประเทศไทย พ.ศ.2550 – 2554 โดยมีขอบเขตลักษณะโครงการจากฉะเชิงเทราไปศรีราชาและสุดปลายทางที่สถานีแหลมฉบัง ผ่านสถานีรถไฟฉะเชิงเทรา ดอนสีนนท์ พานทอง ชลบุรี บางพระ ศรีราชา และแหลมฉบัง ในพื้นที่จังหวัดชายทะเลภาคตะวันออก รวม 2 จังหวัดคือ ฉะเชิงเทรา และ ชลบุรี

สำหรับขอบเขตงานในการก่อสร้างนั้น ได้ก่อสร้างทางรถไฟใหม่เพิ่มอีก 1 ทาง คู่ขนานไปกับทางรถไฟปัจจุบันจากสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา (กม.60+993) ไปตามเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออกสู่สถานีศรีราชา (กม.130+605) และสิ้นสุดปลายทางที่สถานีแหลมฉบัง (กม.140+420) โดยมีการก่อสร้างแผ่นพื้น คสล. วางบนเสาเข็มเพื่อรองรับคันทางดินถมในช่วงที่เป็นดินเหนียวอ่อน (soft clay) จากฉะเชิงเทรา ถึงสถานีพานทอง ประมาณ 33 กิโลเมตร, ดำเนินการรื้อย้ายระบบอาณัติสัญญาณของทางรถไฟเดิมและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณบังคับสัมพันธ์ด้วยคอมพิวเตอร์ (Computer Based Interlocking :CBI) ทดแทนจำนวน 7 สถานี,ติดตั้งอุปกรณ์ระบบส่งข้อมูล ความเร็วสูง (SDH) เพื่อเชื่อมต่อระบบโทรคมนาคม, ปรับปรุงเครื่องกั้นถนนเสมอระดับ จำนวน 59 แห่ง พร้อมระบบควบคุม, ติดตั้งอุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณ CBI เพื่อเชื่อมต่อกับระบบควบคุมการเดินรถจากศูนย์กลาง (CTC) ให้สามารถควมคุมสั่งการและแสดงผลสถานีให้พื้นที่โครงการ,ก่อสร้างสะพานรถไฟ ประกอบด้วย สะพานคอนกรีตช่วงยาว 3 แห่ง สะพานเหล็กช่วงยาว 1 แห่ง และสะพานช่วงสั้น 20 แห่ง, ปรับปรุงโครงสร้างสะพานรถไฟเดิมเพื่อรองรับการขยายถนนของหน่วยงานท้องถิ่น, ก่อสร้างอาคารบ้านพัก (หลังเดี่ยว) พร้อมที่ทำการ 3 หลัง บ้านเรือนแถว (6 หน่วย) 3 แห่ง และอาคาร ที่ทำการบริเวณสถานี 1 แห่ง ,ก่อสร้างรั้วตลอดแนวสองฝั่งของทางคู่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขนส่งและโดยสาร, รื้อย้ายบ้านเรือนที่รุกล้ำที่ดินของการรถไฟฯ จำนวน 35 หลังไปอยู่ในบริเวณที่จัดเตรียมไว้ให้

• ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการเมื่อแล้วเสร็จครบ 100 % และสามารถให้บริการขนส่งได้กล่าวคือเพิ่มความจุของทางให้สามารถรองรับขบวนรถไฟได้เพิ่มขึ้น ลดระยะเวลาการรอหลีก ซึ่งจะทำให้สามารถทำขบวนได้เร็วขึ้น, ส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายคมนาคมขนส่ง เพิ่มสมรรถนะทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะช่วยรองรับการขยายตัวของท่าเรือแหลมฉบังและปริมาณการขนส่งในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางรถไฟ ,สนับสนุนการดำเนินงานของสถานี ICD ที่ลาดกระบังซึ่งมีเป้าหมายที่จะขยายขีดความสามารถให้รองรับตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ได้มากกว่า 1 ล้าน TEU รองรับการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรมจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพื่อกระจายไปยังภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศ รวมทั้งการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรมจากภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและประเทศลาวผ่านสะพานมิตรภาพไทย – ลาวที่หนองคาย, หากมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์จากรถบรรทุกมาใช้รถไฟในปริมาณ 500,000 TEU ต่อปี หรือเท่ากับขนส่งทางรถไฟ 22 ขบวนต่อวัน (60 TEU ต่อขบวน) จะสามารถประหยัดน้ำมัน ได้อย่างน้อยปีละ 200 ล้านบาท รวมถึง ลดความแออัดของการขนส่งทางถนน ก่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างประสิทธิภาพ ลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ และลดอุบัติเหตุทางถนนลงได้อีกทางหนึ่งด้วย

Wisarut · Posted: 01/12/2011 12:08 pm Post subject:

รถไฟรางคู่ฉะเชิงทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง เสร็จสมบูรณ์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤศจิกายน 2554 18:06 น.

พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ตรวจงานก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - ศรีราชา - แหลมฉบัง ระยะทาง 78 กิโลเมตร ว่า โครงการดังกล่าวดำเนินการก่อสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับประเทศไทย และเป็นการรองรับการขยายตัวของตู้สินค้า ระหว่างสถานีไอซีดี - ท่าเรือแหลมฉบัง ที่คาดว่าปริมาณการขนส่งจะเพิ่มจาก 400,000 ทีอียู เป็น 800,000 ทีอียู ในอนาคต

สำหรับโครงการดังกล่าว ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2547 ให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าว ต่อมาได้รับความอนุมัติให้ปรับปรุงวงเงินลงทุนโครงการเป็นวงเงิน 5,850 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2550 และได้รับการบรรจุไว้ในแผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย พ.ศ. 2550 - 2554

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวด้วยว่า ในอนาคต กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย มีโครงการก่อสร้างทางรถไฟจากสถานีฉะเชิงเทราไปภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งมีโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงอีกด้วย

Note: เวอร์ชันพิมพ์ วันที่ 1 ธันวาคม 2554 จะมีรายละเอียดมากกว่านี้ เพราะมีพูดถึงทางช่วงแก่งคอยคลอง 19 และ ปัญหาเรื่อง ทางเดียวจากสถานีแหลมฉบังข้างโรงกลั่นน้ำมัน ถึงท่าเรือแหลมฉบังระยะทาง 3.4 กิโลเมตรที่ยังเป็นทางเดี่ยว เพราะ อยู่ในที่ของท่าเรือแหลมฉบังทำให้ทำทางคู่จากสถานีแหลมฉบังเข้าไปที่ท่าเรือไม่ได้

Mongwin · Posted: 01/12/2011 7:17 pm Post subject:

รชค.ชัจจ์ตรวจทางคู่ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง รองรับการขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์และเส้นทางท่องเที่ยวใหม่
ศูนย์ประชาสัมพันธ์และบริการท่องเที่ยว 1 ธันวาคม 2554 - 13:59:40

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมตรวจราชการงานก่อสร้างทางคู่ช่วงชุมทางฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง เพื่อการบูรณาการระบบขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์และพัฒนา

นางนวลอนงค์ วงษ์จันทร์ หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ ศูนย์ประชาสัมพันธ์และบริการท่องเที่ยว การรถไฟฯ กล่าวว่า วันนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงนาคม พล.ต.ต.ชัจจ์ กุลดิลก และคณะร่วมเดินทางโดยขบวนรถพิเศษตรวจราชการ การก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออกช่วงฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง พร้อมสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ในเส้นทางสายตะวันออก(สายพัทยา)

การดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ตอนฉะเชิงเทรา -ศรีราชา- แหลมฉบัง ระยะทาง 78 กิโลเมตร และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2547 ให้ดำเนินโครงการดังกล่าวได้ ต่อมาได้รับอนุมัติให้ปรับปรุงวงเงินลงทุนโครงการเป็นวงเงิน 5,850 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2550 และได้รับการบรรจุไว้ในแผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจีสติกส์ของประเทศไทย พ.ศ.2550 – 2554 โดยมีขอบเขตลักษณะโครงการจากฉะเชิงเทราไปศรีราชาและสุดปลายทางที่สถานีแหลมฉบัง ผ่านสถานีรถไฟฉะเชิงเทรา ดอนสีนนท์ พานทอง ชลบุรี บางพระ ศรีราชา และแหลมฉบัง ในพื้นที่จังหวัดชายทะเลภาคตะวันออก รวม 2 จังหวัดคือ ฉะเชิงเทรา และ ชลบุรี

สำหรับขอบเขตงานในการก่อสร้างนั้น ได้ก่อสร้างทางรถไฟใหม่เพิ่มอีก 1 ทาง คู่ขนานไปกับทางรถไฟปัจจุบันจากสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา (กม.60+993) ไปตามเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออกสู่สถานีศรีราชา (กม.130+605) และสิ้นสุดปลายทางที่สถานีแหลมฉบัง (กม.140+420) โดยมีการก่อสร้างแผ่นพื้น คสล. วางบนเสาเข็มเพื่อรองรับคันทางดินถมในช่วงที่เป็นดินเหนียวอ่อน (soft clay) จากฉะเชิงเทรา ถึงสถานีพานทอง ประมาณ 33 กิโลเมตร, ดำเนินการรื้อย้ายระบบอาณัติสัญญาณของทางรถไฟเดิมและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณบังคับสัมพันธ์ด้วยคอมพิวเตอร์ (Computer Based Interlocking :CBI) ทดแทนจำนวน 7 สถานี,ติดตั้งอุปกรณ์ระบบส่งข้อมูล ความเร็วสูง (SDH) เพื่อเชื่อมต่อระบบโทรคมนาคม,ปรับปรุงเครื่องกั้นถนนเสมอระดับ จำนวน 59 แห่ง พร้อมระบบควบคุม, ติดตั้งอุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณ CBI เพื่อเชื่อมต่อกับระบบควบคุมการเดินรถจากศูนย์กลาง (CTC) ให้สามารถควบคุมสั่งการและแสดงผลสถานีให้พื้นที่โครงการ,ก่อสร้างสะพานรถไฟ ประกอบด้วย สะพานคอนกรีตช่วงยาว 3 แห่ง สะพานเหล็กช่วงยาว 1 แห่ง และสะพานช่วงสั้น 20 แห่ง, ปรับปรุงโครงสร้างสะพานรถไฟเดิมเพื่อรองรับการขยายถนนของหน่วยงานท้องถิ่น, ก่อสร้างอาคารบ้านพัก (หลังเดี่ยว) พร้อมที่ทำการ 3 หลัง บ้านเรือนแถว (6 หน่วย) 3 แห่ง และอาคาร ที่ทำการบริเวณสถานี 1 แห่ง ,ก่อสร้างรั้วตลอดแนวสองฝั่งของทางคู่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขนส่งและโดยสาร, รื้อย้ายบ้านเรือนที่รุกล้ำที่ดินของการรถไฟฯ จำนวน 35 หลังไปอยู่ในบริเวณที่จัดเตรียมไว้ให้

หากสามารถเปิดใช้ทางในช่วงชุมทางฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง จะสามารถยกระดับบริการเพื่อเพิ่มศักยภาพการขนส่งทางราง จะสามารถการบริการให้สามารถตอบสนองความต้องการในการขนส่งและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศได้อย่างรวดเร็ว สามารถเชื่อมต่อโครงข่ายการขนส่งสามารถสนับสนุนการกระจายสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถรองรับการขยายตัวของตู้สินค้าที่จะเข้าออกท่าเรือแหลมฉบัง เพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งตู้สินค้าระหว่างสถานีไอซีดี-ท่าเรือแหลมฉบัง สามารถเพิ่มความจุของทาง ทำให้เกิดความคล่องตัวในการเดินขบวนรถมากขึ้น และคาดว่าจะใช้เวลาในการเดินทางในช่วงดังกล่าวน้อยลง สามารถช่วยลดอุบัติเหตุทางถนน ลดมลพิษลงได้ระดับหนึ่ง ประหยัดพลังงานของชาติ

ในส่วนการเดินรถระหว่างสถานีไอซีดีลาดกระบัง-ท่าเรือแหลมฉบัง จะสามารถเพิ่มการเดินขบวนรถจากเดิม 24 ขบวนต่อวันในปัจจุบัน เป็น 48 ขบวนต่อวัน หรือปริมาณการขนส่งเพิ่ม 400,000 TEU เป็น 800,000 TEU ในอนาคตได้ และหากการรถไฟฯได้รับงบประมาณจัดซื้อรถจักร-รถพ่วงใหม่ การรถไฟฯจะสามารถเพิ่มศักยภาพในการพ่วงตู้รถสินค้าจากเดิม 30 แคร่เป็น 40 แคร่ต่อขบวน โดยในอนาคตจะสามารถรองสินค้าประเภทอื่นได้เพิ่มมากขึ้น อาทิ น้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์จากน้ำมัน สินค้าผ่านแดนจากเขตอุตสาหกรรมมาบตาพุด แร่ ทองแดง โปแตสเซียม และการบรรทุกถ่านหินนำจากประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต รวมถึงสามารถการพัฒนาเส้นทางรถไฟเพื่อการท่องเที่ยวไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่บริเวณสองข้างทางรถไฟได้อีกด้วย.

puggi · 3rd Class Pass Joined: 04/07/2006 Posts: 119

ตั้งกระทู้นี้เมื่อวันที่14/01/2008 ณ ปัจจุบัน เดือน12/2011เป็นเวลาเกือบ 4 ปี สำหรับรางคู่ระยะทางคู่ระยะทางประมาณ 55 กม นับว่านานพอดู และยังไม่มีการก่อสร้างรางคู่ใหม่เกิดขึ้นอีก ก็ได้แต่หวังว่าทุกรัฐบาล จะใส่ใจกับเรื่องรถไฟเพื่อการประหยัดต้นทุนประเทศทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้นะครับ

ได้รางคู่เส้นนี้แล้ว แต่ไม่มีหัวรถจักร์ใหม่ มีแคร่ขนสินค้าให้เพียงพอกับ ความจุทาง และปริมาณการขนที่เพิ่มขึ้น ก็คงน่าเสียดาย เพราะข่าวเรื่อง รถจักร์ใหม่ก็เงียบ มีแต่ตัวแคร่สินค้าที่มีชุดใหม่เข้ามาได้สักพักแล้ว

sprinter · 2nd Class Pass Joined: 10/09/2007 Posts: 722

ตกลงว่าทางคู่สายนี้จะเปิดใช้เต็มรูปแบบวันไหนครับ

Wisarut · Posted: 07/12/2011 11:08 am Post subject:

รางคู่ ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง ใกล้ถึงฝั่ง
หน้า คมนาคม/ลอจิสติกส์
สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1256
ประจำวันที่ 7-9 ธันวาคม 2554

รถไฟทางคู่ หรือรางคู่ เป็นสิ่งที่คนไทยอยากเห็นมานาน โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยการเดินทางโดยรถไฟเป็นประจำ และผู้ประกอบการที่ใช้รถไฟ ในการขนส่งสินค้า เนื่องจากการที่มีรางคู่เข้ามาในระบบรถไฟจะช่วยให้สามารถ เดินทางถึงที่หมายปลายทางได้ดั่งใจมากขึ้น ไม่ต้องมาเสียเวลารอรถไฟสับหลีก เป็นชั่วโมงกว่าจะสามารถเดินทางต่อได้ เพราะมีรางเดียวเวลาสวนกันทีต้องรอหลีกให้กันผ่านไปก่อน หรือให้รถไฟด่วนผ่านก่อน จึงจะเดินทางต่อไป ซึ่งเป็นที่เอือมระอามานานแต่ก็ต้องทน เพราะไม่มีทางเลือก

มาวันนี้เริ่มมีข่าวดีจากกระทรวงคมนาคมว่า โครงการรถไฟรางคู่ ช่วง ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง ใกล้จะเสร็จแล้ว โดยมีแผนที่จะเปิดให้บริการปลายปีนี้

“พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ตอน ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง ระยะทาง 78 กิโลเมตร ว่า จากตรวจราชการดูความพร้อมของการก่อสร้างฯ เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่ามีความคืบหน้า 99.45% แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและระบบ โทรคมนาคม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพของการขนส่งทางรถไฟในพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก

“การเดินทางลงพื้นที่ดังกล่าวนั้น ถือว่าเป็นการตรวจความพร้อมก่อนการเปิดให้บริการ อย่างไรก็ตามหากโครงการ ดังกล่าวแล้วเสร็จจะสามารถรองรับการขนส่งสินค้าทางรถไฟได้มากขึ้นประมาณ 32 ขบวนต่อวัน จากเดิม 28 ขบวนต่อวัน หรือเฉลี่ยแล้วเป็น 20-30% และหากมีการเพิ่มหัวจักรรถไฟก็จะเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าได้อีกเท่าตัวเช่นกัน”

โครงการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2547 ให้ดำเนินโครงการ ต่อมาได้รับอนุมัติให้ปรับปรุงวงเงินลงทุนโครงการ เป็นวงเงิน 5,850 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2550 และได้รับการบรรจุไว้ในแผนแม่บทการพัฒนาระบบลอจิสติกส์ของประเทศไทย พ.ศ.2550-2554 โดยมีขอบเขตลักษณะโครงการจากฉะเชิงเทรา ไปศรีราชาและสุดปลายทางที่สถานีแหลมฉบัง ผ่านสถานีรถไฟฟ้าฉะเชิงเทรา ตอนสีนนท์ พานทอง ชลบุรี บางพระ ศรีราชา และแหลมฉบัง ในพื้นที่จังหวัดชายทะเลภาคตะวันออก รวม 2 จังหวัดคือ ฉะเชิงเทรา และชลบุรี

สำหรับขอบเขตงานในการก่อสร้าง ได้ก่อสร้างทางรถไฟใหม่เพิ่มอีก 1 ทาง คู่ขนานไปกับทางรถไฟปัจจุบันจากสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา ไปตามเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออกสู่สถานีศรีราชา และสิ้นสุดปลายทางที่สถานีแหลมฉบัง โดยมีการก่อสร้างแผ่นพื้น คสล.วางบนเสาเข็มเพื่อรองรับคันทางดินถมในช่วงที่เป็นดินเหนียวอ่อน (soft clay) จาก ฉะเชิงเทรา ถึงสถานีพานทอง ประมาณ 33 กิโลเมตร

ด้าน “ยุทธนา ทัพเจริญ” ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) บอกว่า เมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จจะช่วยในการขนส่งสินค้าบรรจุตู้คอนเทนเนอร์ที่ขนส่งผ่านท่าเรือแหลมฉบัง และสถานี ICD ลาดกระบัง จะสามารถช่วยในการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ได้มากกว่าเดิมเท่าตัว สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายคมนาคมขนส่ง เพิ่มสมรรถนะทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะช่วยรองรับการขยายตัวของท่าเรือแหลมฉบังและปริมาณการขนส่งในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางรถไฟ สนับสนุนการดำเนินงานของสถานี ICD

โดยเฉพาะที่ลาดกระบัง จะเพิ่มขีดความสามารถให้รองรับตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ได้มากกว่า 1 ล้านทีอียูรองรับการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรมจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเพื่อกระจายไปยังภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศรวมทั้งการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรมจากภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและประเทศลาวผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาวที่หนองคาย

หากมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์จากรถบรรทุก มาใช้รถไฟในปริมาณ 500,00 ทีอียูต่อปี หรือเท่ากับขนส่งทางรถไฟ 22 ขบวนต่อวัน (60 ทีอียูต่อขบวน) จะสามารถประหยัดน้ำมันได้อย่างน้อยปีละ 200 ล้านบาท รวมถึงลดความแออัดของการขนส่งทางถนน ก่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ และลดอุบัติเหตุทางถนนลงได้อีกทางหนึ่งด้วย

� นอกจากรถไฟรางคู่ ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง แล้ว โครงการลงทุนรถไฟรางคู่ในระยะที่ 1 หรือเฟส 1 ยังมีอีก 6 โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ดังนี้

1.ฉะเชิงเทราคลอง 19-แก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร
2.ลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 118 กิโลเมตร
3.มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 132 กิโลเมตร
4.ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น 185 กิโลเมตร
5. นครปฐม-หนองปลาดุกหัวหิน 165 กิโลเมตร
6.ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 167 กิโลเมตร เริ่มก่อสร้างในปี 2554-2558
รวมระยะทาง 973 กิโลเมตร

ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ระยะที่ 2 (เฟส 2) นั้น ล่าสุด “พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต” รมว.คมนาคมได้มอบให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปศึกษาแล้ว ประกอบด้วย

1.แก่งคอย-บัวใหญ่ 220 กิโลเมตร
2.ชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี 309 กิโลเมตร
3.ขอนแก่น-หนองคาย 172 กิโลเมตร
4.ปากน้ำโพ-ตะพานหิน 69 กิโลเมตร
5.หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ 89 กิโลเมตร และ
6.ชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 166 กิโลเมตร
รวมทั้งสิ้น 1,025 กิโลเมตร คาดว่าผลการศึกษาน่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้

“ผมได้สั่งการให้ สนข.ไปทำการศึกษาว่า ในการก่อสร้างรางขนาด 1 เมตร ระยะที่ 2 นั้นหากจะหยุดการก่อสร้างแล้วมาเริ่มสร้างรางขนาด 1.435 เมตร จะมีความเหมาะสมมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากราง 1.435 เมตร สามารถ เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านได้ และไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของความเร็วมากนัก รวมถึงในอนาคตอาจร่วมกับรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) จะช่วยให้ประหยัดงบประมาณมากขึ้น” รมว. คมนาคม กล่าว

black_express · Posted: 07/12/2011 2:06 pm Post subject:

kikoo · Posted: 07/12/2011 6:54 pm Post subject:

Kan · Posted: 07/12/2011 8:34 pm Post subject: