Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311324
ทั่วไป:13287051
ทั้งหมด:13598375
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 223, 224, 225 ... 476, 477, 478  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42784
Location: NECTEC

PostPosted: 26/05/2014 1:45 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
"ประภัสร์"เสนอรื้อโครงสร้างรถไฟแยกบริหาร 4 ภาค กระจายอำนาจวัดผลงานง่าย


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤษภาคม 2557 20:18 น.



"ประภัสร์"ยกเครื่องรถไฟ ลุยปรับโครงสร้าง-ล้างหนี้
คอลัมน์ รายงานพิเศษ จาก ข่าวสดออนไลน์
โดย ทีม พีอาร์ การรถไฟแห่งประเทศไทย

ปัญหา ประสิทธิภาพการให้บริการและภาระหนี้มหาศาลกว่า 1.1 แสนล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทำให้นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ รฟท. ต้องเร่งเดินหน้าปรับโครงสร้างองค์กร ทั้งการบริหารงานเพื่อให้เกิดความคล่องตัวครั้งใหญ่พร้อมทั้งเดิน หน้าขยายการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการ แม้ว่าแหล่งเงินทุนก้อนใหญ่จะหายวับไปกับตา เพราะพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถผ่านออกมาเป็นกฎหมายบังคับใช้ได้เร่งปรับโครงสร้างองค์กร

ภารกิจ แรกที่ถือว่าสำคัญที่ต้องเร่งสะสางคือการปรับโครงสร้างองค์กรทั้งระบบ เบื้องต้นการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ศึกษารายละเอียดรูปแบบการปรับโครงสร้าง องค์กร คาดว่าจะเสนอให้คณะกรรมการ รฟท. และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ พิจารณาได้ในเร็วๆ นี้

แนวคิดเบื้องต้นคือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการ บริหารงานให้มีความคล่องตัวเหมือนกับหน่วยงานเอกชน เริ่มจากเตรียมปรับลดตำแหน่งรองผู้ว่าฯ รฟท. ให้เหลือ เพียง 4 คน จากปัจจุบัน 7 คน แบ่งการทำงานตามภาคเหนือ อีสาน ภาคใต้ และกลางจะรวมกับตะวันออก โดยส่วนกลางจะเป็นผู้กำหนดนโยบาย แต่จะกระจายอำนาจให้ทั้ง 4 ภาค ทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรกิจ มีฝ่ายต่างๆ เช่นเดียวกับส่วนกลาง เช่น หน่วยเดินรถ บริหารทรัพย์สิน โยธาและก่อสร้าง อาณาบาล นโยบายและแผน และประชา สัมพันธ์ เป็นต้น

ขณะที่ผู้บริหาร แต่ละภาคสามารถเสนอขอจัดสรรงบประมาณเข้ามายังส่วนกลางได้ แต่จะต้องมีการแยกบัญชีรายได้และรายรับออกจากส่วนกลางทั้งหมด เพื่อให้แต่ละภาคทำงานแข่งกันเอง โดยจะมีตัวชี้วัดผลงานเป็นเคพีไอ ภาคไหนบริหารดีมีกำไรจะได้รับโบนัสเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน รวมทั้งยังมีแผนที่จะเปิดรับพนักงานใหม่อีก 1 หมื่นคน เพื่อนำมาเสริมกำลังคนปัจจุบันที่มีเหลืออยู่เพียง 1 หมื่นคนเท่านั้น

ล้างหนี้กว่า 1 แสนล้าน
ภารกิจ ถัดมาคือการเร่งแก้ปัญหาหนี้สินที่มีอยู่ราวๆ 1.1 แสนล้านบาท ด้วยการ เตรียมยกที่ดินย่านทำเลทอง 2 แปลง คือบริเวณมักกะสันจำนวน 500 ไร่ และสถานีแม่น้ำ 270 ไร่ ให้กระทรวงการคลังนำไปพัฒนาระยะยาว 99 ปี เพื่อแลกกับภาระหนี้กว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งขณะนี้กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ซึ่งหาก รฟท.ปลอดหนี้ก็จะสามารถกู้เงินมาลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ๆ ได้

ปัจจุบัน รฟท.มีที่ดินทั่วประเทศ 234,976 ไร่ มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นที่ดินเพื่อการเดินรถ 198,614 ไร่ และที่ดินเพื่อการพาณิชย์ 36,302 ไร่ โดยมีรายได้จากการบริหารทรัพย์สินเฉลี่ยปีละ 1,600-2,000 ล้านบาท

สำหรับ ที่ดินเชิงพาณิชย์ 36,302 ไร่ อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถนำไปจัดหาประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ประมาณ 3,000 ไร่ ที่มีศักยภาพสูง เช่น ที่ดินบริเวณมักกะสัน ที่ดินบริเวณสถานีแม่น้ำ ที่ดินย่านพหลโยธิน 1,000 ไร่ และที่ดินซึ่งเช่าระยะยาวโดยกลุ่มเซ็นทรัล บริเวณสามเหลี่ยมพหลโยธิน 47 ไร่

ลุยลงทุนยกระดับบริการ
นอก จากนี้ ยังจะขยายการลงทุนเพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการแก่ประชาชนที่ใช้บริการ รถไฟทั่วประเทศ เฉลี่ย 40 ล้านคนต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 1 แสนเที่ยวคนต่อวัน ซึ่งป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด และต้องเร่งผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง แม้ว่า รฟท.ต้องเจอกับข้อจำกัดเรื่องบประมาณ ในการ นำมาจัดซื้อหัวรถจักรใหม่ ปรับปรุงซ่อม แซมทางรถไฟที่ชำรุดอย่างหนัก รวมไปถึงขยายเส้นทางรถไฟสายใหม่ ภายหลังพ.ร.บ. กู้เงิน 2 ล้านล้านแท้งไม่เป็นท่า

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิกโครงการลงทุนเดิมทั้งหมดที่บรรจุในแผนเงินกู้ 2 ล้านล้าน เป็นอันขาด เพราะทุกโครง การจำเป็นต่อการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันระบบรางของประเทศให้ เป็นศูนย์กลางการขนส่งของอาเซียน ทั้งโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 เส้นรวมทั้งการจัดซื้อและเช่าหัวรถจักร โดยเตรียมที่จะนำทุกโครงการเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ให้พิจารณาจัดหาแหล่งเงินลง ทุนแห่งใหม่ต่อไป

ดันต่อสร้างทางคู่5เส้นทาง
สำหรับ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางนั้น ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประกอบ ด้วย

1.รถไฟทางคู่ สายชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กิโลเมตร เดิมจะใช้เงินพ.ร.บ.เงินกู้ 29,221.28 ล้านบาท และเงินจากงบประมาณ 120 ล้านบาท
2.สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร เดิมจะใช้เงินจากพ.ร.บ.เงินกู้ 21,196.07 ล้านบาทและเงินจากงบประมาณ 113.55 ล้านบาท
3.สายลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร เดิมจะใช้เงินจากพ.ร.บ.เงินกู้ 16,215.10 ล้านบาท และเงินจากงบประมาณ 76.30 ล้านบาท
4.สายนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร เดิมจะใช้เงินจากพ.ร.บ.เงินกู้ 20,833.43 ล้านบาท และเงินงบประมาณ 107.17 ล้านบาท และ
5.สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร เดิมจะใช้เงินจากพ.ร.บ.เงินกู้ 17,683.82 ล้านบาท และเงินจากงบประมาณ 120 ล้านบาท

ซื้อ-เช่าหัวรถจักรเพิ่ม
ส่วนโครงการ จัดซื้อและเช่าหัวรถจักร รฟท.ได้ประกาศร่างขอบเขตงาน (ทีโออาร์) การจัดหาหัวรถจักรเพิ่มอีก 50 คัน วงเงิน 5,750 ล้านบาท เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ใช้งานได้จริงเพียง 140-150 หัว รวมทั้งในเดือนก.ค. ยังเตรียมที่จะรับมอบรถจักร 2 คันแรกจากทั้งหมด 20 คัน ที่จัดซื้อไปในช่วงก่อนนี้ ซึ่งจะทยอยรับมอบจนครบช่วงต้นปี 2558

สำหรับ การเช่าหัวรถจักร รฟท.มีแผนที่จะเช่าเพิ่มอีก 20 หัว เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้า วงเงินประมาณ ค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 35,000-40,000 บาทต่อวันต่อหัว พร้อมค่าบำรุงรักษาในเวลา 15 ปี รวมแล้วเป็นเงินประมาณ 4,380 ล้านบาท

ล่าสุดมีผู้ผลิตหลายรายสนใจ เช่น จีอี ของสหรัฐ จีน และเกาหลี ที่แสดงความสนใจ โดยล่าสุดบอร์ด รฟท.เห็นชอบในหลักการแล้ว รอเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และครม.ชุดใหม่พิจารณา

เดินหน้าซ่อมทางรถไฟสายใต้
สำหรับ งานซ่อมและบำรุงทางรถไฟ ทั่วประเทศ ก็จะทำต่อเนื่องหลังจากปิดทางสายเหนือซ่อมบำรุงมาแล้วเมื่อปีก่อน โดยในปีนี้มีแผนที่จะซ่อมบำรุงทางรถไฟสายใต้ เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีการเดินรถค่อนข้างถี่รวมทั้งการเดินทางของประชาชน และการขนส่งสินค้า ซึ่งขาดการซ่อมบำรุงมานานกว่า 10 ปี ทำให้สภาพรางชำรุดทรุดโทรมจนกระทบต่อความปลอดภัยในการเดินรถ ซึ่งจะเห็นได้จากอุบัติเหตุตกรางอยู่บ่อยๆ สามารถทำได้ทันที ไม่ต้องรอรัฐบาลใหม่ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณ ปรับปรุงการดำเนินงานรถไฟไทยวงเงินรวม 1.7 แสนล้าน ที่ได้รับจัดสรรมาจากงบไทยเข้มแข็งสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ส่วน ทางรถไฟสายใต้จะปรับปรุงรวมระยะทางประ มาณ 947 กิโลเมตร โดยจะมีการเสริมคันดิน เปลี่ยนไม้หมอนเป็นคอนกรีต เปลี่ยนรางที่เก่าชำรุดขนาด 60-80 ปอนด์ เป็นขนาดมาตรฐาน 100 ปอนด์ ตลอดทางรถไฟสายใต้

เริ่มต้นจากสถานีหัวหิน ถึงสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส รวมถึงสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา ซึ่งขณะนี้ได้ประกวดราคา คัดเลือกผู้รับเหมาเรียบร้อยแล้วรวม 8 สัญญา วงเงินรวม 8,598.927 ล้านบาท ตั้งเป้าจะเริ่มทยอยปิดทางรถไฟเพื่อซ่อมบำรุงตั้งแต่ เดือนพ.ค.นี้ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาซ่อมแซมรวม 3 ปี

ศึกษาสร้างไฮสปีด4เส้น
แม้ ว่ารัฐบาลนี้จะหมดหวังกับการสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ไปแล้ว แต่ก็ยังมีความหวังที่จะผลักดันให้ประเทศ ไทยมีรถไฟความเร็วสูงไว้ใช้ โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ รฟท. ศึกษารายละเอียดโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง-ตราด และโครงการรถไฟความเร็วสูงอีก 3 เส้นทาง ที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) รับผิดชอบ
และอยู่ ระหว่างเตรียมข้อมูล เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ และการจัดซื้อ-เช่าหัวรถจักร เป็นต้น เพื่อนำเสนอ ครม.ชุดใหม่พิจารณา หลังจากพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
รวม ทั้งเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต คาดว่าภายในเดือนพ.ค.นี้ จะเปิดซองข้อเสนอด้านเทคนิคการประกวดราคาสัญญา 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมถึงรถไฟฟ้าบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน มูลค่า 28,899 ล้านบาท โดยยืนยันว่าทุกโครงการมีความจำเป็น เพื่อยกระดับระบบรางให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

จาก นี้ต้องรอดูว่า ในยุค "ประภัสร์ จงสงวน" รถไฟไทยจะกลับมาเป็นความภาคภูมิใจของพี่น้องชาวไทยได้จริงตามคำที่ผู้ว่าฯ คนนี้เคยประกาศไว้เมื่อครั้งที่เข้ารับตำแหน่งวันแรกช่วงเดือนพ.ย. 2555 หรือไม่
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44809
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 26/05/2014 4:01 pm    Post subject: Reply with quote

หลังจากที่ได้มีการทดลองเปิดเดินขบวนรถเที่ยวพิเศษ "นั่งรถไฟไปปั่น" กรุงเทพ - อยุธยา เพื่อนำตู้รถไฟสำหรับบรรทุกจักรยาน(เต็มคัน) มาทดสอบการใช้งาน ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากนักปั่นเป็นอย่างดี ด้วยความสะดวก และเหมาะกับการท่องเที่ยวลักษณะปั่นจักรยานกันเป็นกลุ่ม และไม่มีปัญหาตู้สัมภาระเต็ม

ทั้งนี้ การรถไฟได้ดัดแปลงรถนั่งชั้น 3 ชนิดโถง หมายเลข 507 (บชส.507) เป็นรถสำหรับบรรทุกจักรยาน เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สนใจการขับขี่จักรยานในรูปแบบผสมผสานระหว่างรถจักรยานและรถไฟ และได้กำหนดราคาการเช่าเหมาตู้รถไฟบรรทุกจักรยาน ดังนี้

การเช่าเหมาเที่ยวเดียว
ระยะ 1 - 150 กม. : 4,350 บาท
ระยะ 151 - 300 กม. : 5,580 บาท
ระยะ 301 กม.ขึ้นไป : 8,370 บาท

การเช่าเหมาแบบไป-กลับ
ระยะ 1 - 150 กม. : 8,700 บาท
ระยะ 151 - 300 กม. : 11,160 บาท
ระยะ 301 กม.ขึ้นไป : 16,740 บาท

ซึ่งราคานี้ เป็นราคาค่าโดยสารบุคคล จำนวน 30 ที่นั่ง และ ค่าระวางจักรยาน จำนวน 30 คัน
และสำหรับบุคคลที่ไม่ได้เดินทางเป็นหมู่คณะ หรือเป็นกลุ่มเล็กๆ ต้องการนำรถจักรยานขึ้นรถไฟ สามารถใช้บริการได้กับขบวนรถที่มีตู้สัมภาระ โดยค่าระวางจักรยานที่นำติดตัวไป อยู่ที่คันละ 90 บาท (หากชำระบนขบวนรถ จะเป็นราคา 100 บาท)

ขณะนี้เป็นโครงการนำร่อง การรถไฟฯ มีแผนจะดัดแปลงรถเพิ่มเติมในโอกาสต่อไป

รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่หมายเลข 02-226-4869 หรือ 02-621-8701 ต่อ 5202
ที่มา: เพจ ทีม พีอาร์ การรถไฟแห่งประเทศไทย

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42784
Location: NECTEC

PostPosted: 26/05/2014 9:14 pm    Post subject: Reply with quote

กลุ่มเยาวชนรักการถ่ายภาพพัทลุง “ชวนเพื่อนพ้องน้องพี่นั่งรถไฟถ่ายภาพ”


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 พฤษภาคม 2557 14:40 น.



พัทลุง - กลุ่มเยาวชนผู้รักการถ่ายภาพจังหวัดพัทลุง WETLAND STORY เรื่องเล่ารายทาง คน เขา ป่า นา เล จัดกิจกรรม “ชวนเพื่อนพ้องน้องพี่ นั่งรถไฟถ่ายภาพครั้งที่ 1” เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนในยุคโซเชียลได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้านยุคเก่าก่อน พร้อมเก็บภาพความประทับใจ

วานนี้ (25 พ.ค.) ที่สถานีรถไฟพัทลุง กลุ่มเยาวชนผู้รักการถ่ายภาพจังหวัดพัทลุง WETLAND STORY “เรื่องเล่ารายทาง คน เขา ป่า นา เล พัทลุง” นำโดย นายกรกช ลาภานุพัฒนกุล นายปริญญา นวลแป้น นายกษิดิส บูรณะ นายนลธวัช มะชัย นายจิโรจน์ เรืองหิรัญ นายอุกฤษฏ์ พุมนวล นายฐปนัท เกลาฉีด นายปัญกร ชูผอม และนายจักรภัทร ห้องแสง ร่วมกันจัดกิจกรรมสร้างสรรค์สังคม นำเสนอของเด่นของดีในจังหวัดสู่สายตาชาวโลกในชื่อกิจกรรม “ชวนเพื่อนพ้องน้องพี่ นั่งรถไฟถ่ายภาพครั้งที่ 1”


การจัดกิจกรรมในครั้งนี้เริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อเก็บบรรยากาศแสงอาทิตย์ยามเช้าจากสถานีรถไฟจังหวัดพัทลุง เดินทางไปสถานีรถไฟบางแก้ว อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง เพื่อเรียนรู้วิถีตลาดบางแก้วยามเช้า ร่วมบันทึกภาพวิถีชีวิตของชาวบางแก้ว แวะชมเมืองเก่า ชุมชมมุสลิมหลังสถานีรถไฟ และฟังเรื่องเล่าเมืองบางแก้วจากปราชญ์ชาวบ้าน โดยมีผู้ที่สนใจลงชื่อเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 40 ท่าน ตั้งแต่เยาวชนนักเรียน นักศึกษา และผู้ใหญ่จากหลากหลายสาขาอาชีพ ร่วมสร้างภาพเล่าเรื่องกันอย่างสนุกสนาน


ด้านนายปริญญา นวลแป้น ฝ่ายประสานงาน กลุ่มเยาวชนผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ wetlandstory.com เรื่องเล่ารายทาง คน เขา ป่า นา เล พัทลุง กล่าวว่า พวกเราเป็นกลุ่มนักเล่าเรื่องที่ชอบถ่ายภาพบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในจังหวัดพัทลุง ด้วยมีความชอบส่วนตัวอยู่แล้ว จึงมีการรวมตัวกันขึ้นเพื่อให้ถ่ายทอดเรื่องราวของบ้านเกิดผ่านมุมมองต่างๆ โดยใช้พื้นที่เดียวกันเพื่อความเป็นเอกภาพแก่บุคคลภายนอกที่เข้ามาชม และเป็นการสะท้อนวิถีชีวิต ศิลปะ วัฒนธรรม อย่างเป็นเรื่องราวที่สอดคล้องกัน

ส่วนกิจกรรม “ชวนเพื่อนพ้องน้องพี่ นั่งรถไฟถ่ายภาพครั้งที่ 1” เป็นการจัดกิจกรรมเพื่อสาธารณะ ไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ จากผู้ที่มาร่วมเลย ต้องการให้เยาวชนในยุคโซเชียลมีเดีย ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านแบบเก่าก่อน และร่วมเก็บภาพความประทับใจมาอวดโฉมในเว็บไซต์ www.wetlandstory.com กันได้อย่างเต็มที่ และอยากให้รอติดตามกิจกรรมครั้งต่อๆ ไปของ WETLAND STORY “เรื่องเล่ารายทาง คน เขา ป่า นา เล พัทลุง” และขอเชิญชวนผู้ที่สนใจมาร่วมสนุกกัน
Back to top
View user's profile Send private message
milkonline
2nd Class Pass (Air)
2nd Class Pass (Air)


Joined: 02/07/2009
Posts: 810
Location: อ.เมือง จ.ลพบุรี

PostPosted: 27/05/2014 7:14 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
กรมรถไฟลาว ร่วมประชุมและดูงานโครงการปรับปรุงทาง, Container Yard
ทีม พีอาร์ การรถไฟแห่งประเทศไทย
21 พฤษภาคม 2557

นำเสนอรถจักรใหม่ 20 คัน จากประเทศจีน (ควบคุมการผลิตโดย G.E. สหรัฐอเมริกา) ซึ่ง 2 คันแรก จะส่งมอบในเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2557 นี้



สรุปแล้ว มาในแบบใหนกันแน่นะครับ
หรือว่ามาแบบรถไฟฟ้าBombadier ของ BTS Question
_________________
N-Scale model train lovers.
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44809
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 03/06/2014 8:10 pm    Post subject: Reply with quote

ททท.เร่งกระตุ้นศก.ในประเทศ จับมือ"หนีกรุง"จัดแรลลี่ถ่ายรูป
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 03 มิ.ย. 2557 เวลา 20:00:32 น.

ททท.เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวในประเทศ รุกจับมือนิตยสารหนีกรุง จัดโครงการ "แรลลี่ถ่ายรูป ปู๊น ปู๊น" เส้นทางกรุงเทพฯ-ปากช่อง สร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ พร้อมสร้างโมเดลต้นแบบการท่องเที่ยวโดยรถไฟ

นายธวัชชัย อรัญญิก ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจและการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ทาง ททท.จึงได้ร่วมกับนิตยสารหนีกรุง จัดโครงการ "แรลลี่ถ่ายรูป ปู๊น ปู๊น" เส้นทางกรุงเทพฯ-ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 21-22 มิถุนายนนี้ สำหรับสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศโดยใช้การเดินทางโดยรถไฟ และเป็นต้นแบบของการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวแบบใหม่ สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มอินเซ็นทีฟและการเดินทางแบบหมู่คณะ

โดยครั้งนี้ ททท.ได้เชิญผู้บริหารในบริษัทยักษ์ใหญ่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย อาทิ กาแฟเบอร์ดี้ บุญรอดบริวเวอรี่ NIKON ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารกสิกรไทย เป็นต้น

สำหรับกิจกรรมแรลลี่ถ่ายรูปหนีกรุง ปู๊น ปู๊น จัดเป็นแพ็กเกจ 2 วัน 1 คืน ราคา 3,800 บาท/แพ็กเกจ และ 2,900 บาท สำหรับสมาชิกนิตยสารหนีกรุง โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมดจำนวนกว่า 300 คน เริ่มแข่งขันตั้งแต่สถานีหัวลำโพง กรุงเทพฯ สิ้นสุดสถานีรถไฟสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้ ระหว่างทางผู้ร่วมกิจกรรมจะได้สนุกกับการถ่ายภาพตามโจทย์ RC ต่าง ๆ พร้อมเดินทางท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยว ชมของดีของเด่นในจังหวัดนครราชสีมา พร้อมสนุกกับมินิคอนเสิร์ตบนรถไฟจากศิลปินมาร่วมให้ความบันเทิงอีกมากมาย

ด้าน นายรัฐรงค์ ศรีเลิศ บรรณาธิการนิตยสารหนีกรุง กล่าวเสริมว่า การท่องเที่ยวทางรถไฟเต็มไปด้วยเสน่ห์และความสุนทรีย์ของการใช้เวลาอย่าง คุ้มค่า ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คนไทยอาจหลงลืมหรือมองข้ามไป ด้วยวิถีการเดินทางอย่างช้า ๆ การมองออกนอกกรอบหน้าต่างรถไฟ ที่ได้สัมผัสถึงความสวยงามตามธรรมชาติและเห็นวัฒนธรรมท้องถิ่นตามที่รางรถไฟ จะพาไปอีกด้วย กิจกรรมแรลลี่ถ่ายรูป ปู๊น ปู๊น จึงถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ผสมผสานความเพลิดเพลินจากการท่องเที่ยวทางรถไฟ กับความสนุกในการเล่นแรลลี่เข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการท่องเที่ยวอีกด้วย
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44809
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 05/06/2014 1:50 pm    Post subject: Reply with quote

ร.ฟ.ท.ยันรถไฟไทยใช้อุปกรณ์ปัดน้ำฝนระบบอัตโนมัติ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มิถุนายน 2557 13:03 น.

นายปลื้ม เพชรทองเกลี้ยง หัวหน้ากองเทคนิกการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ชี้แจงว่า ได้นำหัวรถจักรหมายเลข 4409 ซึ่งปรากฏภาพในสื่อสังคมออนไลน์มาให้สื่อตรวจสอบ ยืนยันว่า หัวรถจักรทุกคันของ ร.ฟ.ท.มีที่ปัดน้ำฝนระบบอัตโนมัติ แต่ถูกออกแบบให้มีระบบแมนนวล หรือใช้มือร่วมด้วย ถ้าหากระบบอัตโนมัติขัดข้อง และจากการสอบสวนเจ้าหน้าที่หัวรถจักรดังกล่าวรายงานว่าหัวรถจักรต้องใช้งานต่อเนื่อง 3 วัน เมื่อระบบปัดน้ำฝนขัดข้อง จึงให้ช่างเครื่องมาช่วยปัดน้ำฝน ซึ่งเป็นเหตุเฉพาะหน้า

ทั้งนี้ ช่างเครื่องคนดังกล่าวยอมรับว่าโพสต์ภาพในสื่อออนไลน์เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงได้ตักเตือนและคาดโทษแล้ว ยืนยันว่าหัวรถจักร ร.ฟ.ท.ทุกคัน จะตรวจตามมาตรฐานความปลอดภัย อุปกรณ์หลัก 7 ประเภท และอุปกรณ์เสริม 3 ประเภท ซึ่งรวมไปถึงที่ปัดน้ำฝนด้วย
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42784
Location: NECTEC

PostPosted: 05/06/2014 6:46 pm    Post subject: Reply with quote

'สมเกียรติ'แนะคสช.เชื่อมอาเซียน สร้างทางรถไฟต่อยอด'เศรษฐกิจ'
แนวหน้า
วันพฤหัสบดี ที่ 05 มิถุนายน พ.ศ. 2557, 15.19 น.

5 มิ.ย.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมเกียรติ อ่อนวิมล สื่อสารมวลชนอาวุโส และนักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว สมเกียรติ อ่อนวิมล | Somkiat Onwimon ถึงเรือง "คสช.กับการเชื่อมโยงอาเซียนทางกายภาพ ทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง ที่ไทยต้องเร่งสร้าง" ว่า ขณะนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.เข้ามายึดอำนาจการปกครอง และยังไม่ได้ตั้งรัฐบาลถาวร อำนาจการบริหารจัดการประเทศเบ็ดเสร็จอยู่ในมือของ คสช.งานเรื่องอาเซียนเร่งด่วนที่ถูก "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ทอดทิ้งไป จึงอาจจะทำได้อย่างรวดเร็วกว่าระบบการเมืองแบบมีรัฐบาลปกติธรรมดา

ทั้งนี้ งานเชื่อมโยงทางกายภาพ เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนเรื่องหนึ่ง และเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องอื่นใด เพราะเหตุที่จะเกี่ยวพันกับการใช้งบประมาณจำนวนมาก และใช้เวลาในการทำงาน ดูตามแผนแม่บทว่าด้วยการเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนทางกายภาพ มีเรื่องสำคัญคือการสร้างถนน และทางรถไฟ ตามที่ตกลงกันไว้ในแผนแม่บท ดังนี้

ระบบเชื่อมโยงอาเซียนด้านกายภาพในความรับผิดชอบของประเทศไทยที่จะต้องทำเพิ่มเติม
1.ทางรถไฟสาย น้ำตก-ด่านเจดีย์สามองค์ ความยาว 153 กิโลเมตร (ต้องเสร็จภายในปี 2020 แต่ยังไม่มีแผน)
2.ทางรถไฟสาย อรัญญประเทศ-คลองลึก ความยาว 6 กิโลเมตร (ต้องเสร็จภายในปี 2014 แต่ยังไม่มีแผน)
3.ทางหลวงสาย กาญจนบุรี-ทวาย (ต้องเสร็จภายในปี 2020 แต่ยังไม่มีแผน)
4.ทางรถไฟสาย กาญจนบุรี-ทวาย (อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้)
5.ท่าเรือน้ำลึกสตูล (อยู่ระหว่างทำแผน) และ
6.ท่าเรือน้ำลึกตรัง (อยู่ระหว่างทำแผน)

ในจำนวน 6 เรื่องสำคัญนี้ ทางรถไฟ กับ ทางหลวง ถือเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนกว่าเรื่องอื่นใด แต่รัฐบาลที่ผ่านมาก็ปล่อยให่ผ่านไปอย่างไม่สนใจ ไม่มีแม้กระทั่งแผนงานในเอกสารแนบท้ายร่างพระราชบัญญัติให้กระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท แต่ในเมื่อร่างพระราชบัญญัติกู้เงินฯ ตกไปแล้ว และ คสช.กำลังให้ความสนใจโครงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่ค้างคาอยู่ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ คสช.จะต้องเริ่มศึกษาและเดินหน้าโครงการทั้ง 6 ดังกล่าวข้างบนนั้น

โครงการ ข้อ 1 และ 2 เป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง ซึ่งเป็นทางรถไฟสายเดียวของอาเซียนที่กำหนดให้ทุกประเทศที่เกี่ยวข้องบนภาคพื้นแผ่นดินใหญ่ หรือภาคพื้นทวีปของอาเซียน ต้องเร่งสร้างทางรถไฟสายสำคัญนี้ให้เชื่อมโยงกันจนเสร็จสมบูรณ์ หากสร้างเสร็จตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ การเดินทางโดยรถไฟจะเป็นเส้นรอบวงการเดินทางที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการเชื่อมโยงผู้คนพลเมืองในอาเซียน ให้ถึงกันได้อย่างสะดวก สนุก และงดงาม

ด้วยเหตุนี้ ทางรถไฟสาย สิงคโปร์-คุนหมิง จึงมีความสำคัญทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม แต่ก็น่าผิดหวังที่ประเทศไทยไม่มีแผนจะสร้างทางรถไฟส่วนที่ขาดอยู่ คือเส้นทางจากกาญจนบุรี ไปชายแดนพม่าที่ด่านเจดีย์สามองค์ ความยาว 153 กิโลเมตร ทั้งๆ ที่มีความตกลงแล้วว่าจะต้องสร้างให้แล้วเสร็จในปี 2020 หรืออีก 6 ปีข้างหน้า กับอีกส่วนหนึ่งเพียง 6 กิโลเมตร จากอรัญญประเทศ ไปคลองลึก ติดพรมแดนกัมพูชา ซึ่งมีความตกลงไว้นานแล้วว่าไทยรับปากจะทำให้เสร็จก่อนสิ้นปี 2014 คือสิ้นปีนี้ แต่ก็ไม่พบว่ารัฐบาลไทยที่ผ่านมามีแผนก่อสร้างใดๆ เลย

//-----------



คสช. กับ การเชื่อมโยงอาเซียนทางกายภาพทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง ที่ไทยต้องเร่งสร้าง
สมเกียรติ อ่อนวิมล
5 มิถุนายน 2557 เวลา 14:37 น.


สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of Southeast Asian Countries) หรือเรียกชื่อย่อว่า “อาเซียน” (ASEAN) ได้แปลงชื่อเรียกในยุคใหม่ว่า “ประชาคมอาเซียน” (ASEAN Community) และตามกฎบัตรอาเซียน, ซึ่งเป็นเสมือนรัฐธรรมนูญกำกับการทำงานร่วมกันของรัฐสมาชิกทั้งสิบประเทศ, มีบทบัญญัติแบ่งงานเป็น 3 กลุ่ม แยกเรียกเป็น 3 ประชาคมย่อยออกไปอีก คือ:



1.ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community - APSC)
2.ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community - AEC)
3.ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community - ASCC)







งาน 3 กลุ่ม 3 ประชาคมนี้ ต้องมีการเชื่อมโยงระหว่างกัน และการเชื่อมโยงระหว่างกันนี้ ดูในแผน Master Plan on ASEAN Connectivity ซึ่งนำเสนอครั้งแรกในที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15 ณ ชะอำ-หัวหิน เดือนตุลาคม 2552/2009 และลงนามประกาศใช้ที่การประชุมสุดยอดอาเซียน ณ กรุงฮานอย เป็น “แผนแม่บทว่าด้วยการเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน” โดยแยกปฏิบัติการงานเชื่อมโยงอาเซียนออกเป็น 3 สายงาน คือ:



1.การเชื่อมโยงทางกายภาพ (Physical Connectivity)
2.การเชื่อมโยงทางสถาบัน (Institutional Connectivity)
3.การเชื่อมโยงระหว่างประชาชน (People to People)




ประเทศไทยขยันขันแข็งเป็นผู้นำริเริ่มความคิดต่างๆให้กับอาเซียนมานาน 42 ปี นับจากความริเริ่มเสนอความคิดให้ก่อตั้งอาเซียนเมื่อปี 2510/1967 จนถึงการเสนอให้เชื่อมโยงอาเซียนในปี 2552/2009




ทว่าเหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อแดงผู้สนับสนุน พตท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร บุกเข้าทำลายการประชุมสุดอยอดอาเซียน+ประเทศคู่เจรจา ในเดือนเมษายน 2009 ที่พัทยา ทำให้ประเทศไทยสูญสิ้นความเป็นผู้นำอาเซียนไปโดยฉับพลัน แม้วันนี้ก็ยังกู้ชื่อเสียงกลับมาไม่ได้ เพราะรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนำโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งสืบทอดทัศนะเชิงลบต่ออาเซียน ได้เพิกเฉยละเลยแผนงานต่างๆที่ไทยได้ตกลงไว้กับอาเซียนเสมือนไทยเป็นสมาชิกที่ไร้ความรับผิดชอบและขาดวุฒิภาวะในการเป็นรัฐสมาชิก ทั้งๆที่ไทยเองเคยมีบทบาทนำทางอาเซียนมาแต่แรกเริ่ม




ในระหว่างนี้ ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เข้ามายึดอำนาจการปกครองประเทศ และยังไม่ได้ตั้งรัฐบาลถาวร อำนาจการบริหารจัดการประเทศเบ็ดเสร็จอยู่ในมือของ คสช. งานเรื่องอาเซียนเร่งด่วนที่ถูก “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ทอดทิ้งไป จึงอาจจะทำได้อย่างรวดเร็วกว่าระบบการเมืองแบบมีรัฐบาลปรกติธรรมดา




งานเชื่อมโยงทางกายภาพ เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนเรื่องหนึ่ง และเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องอื่นใด เพราะเหตุที่จะเกี่ยวพันกับการใช้งบประมาณจำนวนมากและใช้เวลาในการทำงาน ดูตามแผนแม่บทว่าด้วยการเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนทางกายภาพ มีเรื่องสำคัญคือการสร้างถนน และ ทางรถไฟ ตามที่ตกลงกันไว้ในแผนแม่บท ดังนี้:




ระบบเชื่อมโยงอาเซียนด้านกายภาพในความรับผิดชอบของประเทศไทยที่จะต้องทำเพิ่มเติม:

1. ทางรถไฟสาย น้ำตก-ด่านเจดีย์สามองค์ ความยาว 153 กิโลเมตร (ต้องเสร็จภายในปี 2020 แต่ยังไม่มีแผน)

2. ทางรถไฟสาย อรัญญประเทศ-คลองลึก ความยาว 6 กิโลเมตร (ต้องเสร็จภายในปี 2014 แต่ยังไม่มีแผน)

3. ทางหลวงสาย กาญจนบุรี-ทวาย (ต้องเสร็จภายในปี 2020 แต่ยังไม่มีแผน)

4. ทางรถไฟสาย กาญจนบุรี-ทวาย (อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้)

5. ท่าเรือน้ำลึกสตูล (อยู่ระหว่างทำแผน)

6. ท่าเรือน้ำลึกตรัง (อยู่ระหว่างทำแผน)




ในจำนวน 6 เรื่องสำคัญนี้ ทางรถไฟ กับ ทางหลวง ถือเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนกว่าเรื่องอื่นใด แต่รัฐบาลที่ผ่านมาก็ปล่อยให่ผ่านไปอย่างไม่สนใจ ไม่มีแม้กระทั่งแผนงานในเอกสารแนบท้ายร่างพระราชบัญญัติให้กระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท แต่ในเมื่อร่างพระราชบัญญัติกู้เงินฯ ตกไปแล้ว และ คสช.กำลังให้ความสนใจโครงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆที่ค้างคาอยู่ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ คสช.จะต้องเริ่มศึกษาและเดินหน้าโครงการทั้ง 6 ดังกล่าวข้างบนนั้น




โครงการ ข้อ 1 และ 2 เป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง ซึ่งเป็นทางรถไฟสายเดียวของอาเซียนที่กำหนดให้ทุกประเทศที่เกี่ยวข้องบนภาคพื้นแผ่นดินใหญ่หรือภาคพื้นทวีปของอาเซียน ต้องเร่งสร้างทางรถไฟสายสำคัญนี้ให้เชื่อมโยงกันจนเสร็จสมบูรณ์ หากสร้างเสร็จตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ การเดินทางโดยรถไฟจะเป็นเส้นรอบวงการเดินทางที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการเชื่อมโยงผู้คนพลเมืองในอาเซียนให้ถึงกันได้อย่างสะดวก สนุก และ งดงาม:




เริ่มขึ้นรถไฟที่สิงคโปร์ - มาแวะกรุงเทพ - เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าทิศตะวันตก เข้าพม่า - แวะย่างกุ้ง - ขึ้นเหนือไปเนปิดอว์ - เข้าจีน - จอดที่คุนหมิง - โค้งขวาไปทางตะวันออก สู่เวียดนาม - เลาะชายฝั่งทะเลจีนใต้ของเวียดนาม - จะแยกไปเวียงจันทน์ทางตะวันตกก็ได้ - หรือจะต่อลงมาเมืองโฮจิมินห์ - แยกซ้ายไปพนมเปญ - หากจะไปเที่ยวทะเลก็ลงล่างไปสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นเสมือนบางแสนของชาวกัมพูชา - กลับไปพนมเปญ มุ่งสู่เสียมราฐ ชมมรดกโลกนครวัต - แล้วเข้าด่านปอยเปต - ถึงอรัญญประเทศ - ตรงกลับกรุงเทพฯ - แล้วใครอยากอยู่เมืองไทยไปยาวๆ หรือจะกลับสิงคโปร์ ข้ามช่องแคบมะละกา ไปเกาะสุมาตรา ก็ตามสะดวก!




เป็นอันจบการเดินทาง จะใช้ทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง เพื่อการท่องเที่ยว หรือขนส่งสินค้า หรือจะเดินทางสร้างสัมพันธ์กันกับเพื่อนฝูงชาวอาเซียนด้วยกัน หรือจะไปเยี่ยมลูกหลานที่ทำงานอยู่ประเทศอื่นในอาเซียนด้วยกัน หรือจะไปเยี่ยมเยือนญาติเกี่ยวดองกันในประเทศอื่น เพราะทางรถไฟเป็นโอกาสในการค้นหาความรักและสร้างครอบครัวผสมเชื้อชาติในอาเซียนได้เป็นอย่างดี




ด้วยเหตุนี้ ทางรถไฟสาย สิงคโปร์-คุนหมิง จึงมีความสำคัญทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม แต่ก็น่าผิดหวังที่ประเทศไทยไม่มีแผนจะสร้างทางรถไฟส่วนที่ขาดอยู่ คือเส้นทางจากกาญจนบุรี ไป ชายแดนพม่าที่ด่านเจดีย์สามองค์ ความยาว 153 กิโลเมตร ทั้งๆที่มีความตกลงแล้วว่าจะต้องสร้างให้แล้วเสร็จในปี 2020 หรืออีก 6 ปีข้างหน้า; กับอีกส่วนหนึ่งเพียง 6 กิโลเมตร จากอรัญญประเทศ ไปคลองลึก ติดพรมแดนกัมพูชา ซึ่งมีความตกลงไว้นานแล้วว่าไทยรับปากจะทำให้เสร็จก่อนสิ้นปี 2014 คือสิ้นปีนี้ แต่ก็ไม่พบว่ารัฐบาลไทยที่ผ่านมามีแผนก่อสร้างใดๆเลย




ทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิงนี้ เริ่มเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ไทยเป็นประธานอาเซียนสมัยนายกรัฐมนตรีบรรหาร ศิลปอาชา ปี 2538/1995 เป็นรถไฟระบบรางธรรมดา จะรางเดี่ยวหรือรางคู่ก็เป็นเรื่องของแต่ละประเทศที่ต้องกำหนดเอาเอง ความเร็วปรกติ ไม่จำเป็นต้องความเร็วสูง ขณะที่ไทยมีความพร้อมเรื่องงบประมาณกลับไม่มีความสนใจหรือไม่มีความพร้อมที่จะทำ ประเทศกัมพูชายังต้องสร้างส่วนที่ขาดในประเทศอีก 302 กิโลเมตร, ลาวยังขาดอีก 466 กิโลเมตร, เวียดนาม 119 กิโลเมตร, พม่า 110 กิโลเมตร รวมแล้วทางรถไฟอาเซียนสายสิงคโปร์-

คุนหมิง นี้จะยังต้องรออีกพักใหญ่ แต่ก็เป็นหน้าที่รับผิดชอบของไทยที่จะทำให้เสร็จตามกำหนด จะได้เป็นแบบอย่างที่ดีต่ออาเซียน จะได้เรียกความน่าเคารพเชื่อถือกลับสู่ประเทศไทย หลังจากภาพลักษณ์เสียหายมานาน 5-6 ปี

สำหรับโครงการ ข้อ 3 และ 4 เป็นงานสร้างถนนและทางรถไฟจากกาญจนบุรี ไปถึงพรมแดน และเชื่อมต่อไปเมืองทวาย ของพม่า งานสองโครงการนี้ยังรอได้ และคงจำต้องรอความชัดเจนจากพม่าในเรื่องความร่วมมือกับไทยในแผนการสร้างท่าเรือนำลึกทวาย ที่มีปัญหากับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ผ่านมา

ส่วนโครงการตาม ข้อ 5 และ 6 เป็นงานระยะยาวกว่า ที่จะต้องศึกษารายละเอียดและจัดทำงบประมาณ สร้างท่าเรือน้ำลึกที่สตูล และ ที่ตรัง

Master Plan on ASEAN Connectivity:
http://www.asean.org/images/2012/publications/Master%20Plan%20on%20ASEAN%20Connectivity.pdf
http://www.asean.org/resources/publications/asean-publications/item/master-plan-on-asean-connectivity-2
http://www.scribd.com/doc/111869648/Master-Plan-on-ASEAN-Connectivity
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42784
Location: NECTEC

PostPosted: 05/06/2014 6:48 pm    Post subject: Reply with quote

“คมนาคม” จัดทัพโครงการเร่งด่วนเสนอ “ประจิน” เน้นปรับแบบสถานีบางซื่อ-รถเมล์ NGV-ขยาย 4 เลน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2557 17:50 น.

“ปลัดคมนาคม” สั่งทุกหน่วยงานจัดลำดับความสำคัญโครงการจำเป็นเร่งด่วนเตรียมเสนอ “ประจิน” พิจารณา 11 มิ.ย.นี้ เผยปรับแบบสถานีกลางบางซื่อสายสีแดง ให้ ร.ฟ.ท.กู้เงินจ่ายเงินเดือนพนักงานเป็นเรื่องเร่งด่วนลำดับต้น ส่วนขยายถนน 4 เลน ถนนลาดยาง รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้า ซื้อรถเมล์ NGV ต้องขอเดินหน้าต่อแน่นอน

นายสมชัย ศิริวัฒนโชค ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม สรุปแผนและจัดลำดับความสำคัญโครงการต่างๆ ทั้งโครงการที่อยู่ในแผนกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท และโครงการที่ต้องใช้งบประมาณปี 2558 ซึ่งส่วนใหญ่จะมีรายละเอียดอยู่แล้ว โดยให้ทำแผนเป็นโครงการเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันที หากไม่ทำแล้วจะเกิดความเสียหาย โครงการระยะสั้นดำเนินการในปีงบประมาณ 2558 ระยะกลางดำเนินงานในปี 2559 และระยะยาวดำเนินการตั้งแต่ปี 2560 เสนอมาที่กระทรวงภายในสัปดาห์นี้ เพื่อนำเสนอต่อ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ที่จะประชุมติดตามงานในวันที่ 11 มิถุนายนนี้

ทั้งนี้ กลุ่มงานที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เช่น โครงการรถไฟสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) จะนำเสนอปัญหาการปรับแบบสถานีกลางบางซื่อเพื่อรองรับรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เพื่อให้ คสช.ตัดสินใจ กรณีการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ขอกู้เงินในวงเงินกว่า 7,000 ล้านบาท เพื่อนำมาจ่ายเงินเดือนพนักงานและชำระหนี้ การแต่งตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) สถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) เพื่ออนุมัติเรื่องประกาศนียบัตรต่อนักศึกษาที่จบการศึกษา พรัอมกันนี้ จะรายงานความคืบหน้าโครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 3,183 คัน วงเงิน 13,162.2 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนเพื่อทดแทนรถเก่า และได้ผ่านขั้นตอนการพิจารณาวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียมาแล้ว พร้อมขายซองประกวดราคาได้ทันทีหาก คสช.เห็นชอบ
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44809
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 06/06/2014 12:57 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
'สมเกียรติ'แนะคสช.เชื่อมอาเซียน สร้างทางรถไฟต่อยอด'เศรษฐกิจ'
แนวหน้า
วันพฤหัสบดี ที่ 05 มิถุนายน พ.ศ. 2557, 15.19 น.
ระบบเชื่อมโยงอาเซียนด้านกายภาพในความรับผิดชอบของประเทศไทยที่จะต้องทำเพิ่มเติม
1.ทางรถไฟสาย น้ำตก-ด่านเจดีย์สามองค์ ความยาว 153 กิโลเมตร (ต้องเสร็จภายในปี 2020 แต่ยังไม่มีแผน)
2.ทางรถไฟสาย อรัญประเทศ-คลองลึก ความยาว 6 กิโลเมตร (ต้องเสร็จภายในปี 2014 แต่ยังไม่มีแผน)
3.ทางหลวงสาย กาญจนบุรี-ทวาย (ต้องเสร็จภายในปี 2020 แต่ยังไม่มีแผน)
4.ทางรถไฟสาย กาญจนบุรี-ทวาย (อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้)
5.ท่าเรือน้ำลึกสตูล (อยู่ระหว่างทำแผน) และ
6.ท่าเรือน้ำลึกตรัง (อยู่ระหว่างทำแผน)

มีแค่ข้อ 2. ครับที่เป็นรูปเป็นร่างอยู่ตอนนี้
งานก่อสร้างทางรถไฟสายอรัญประเทศ-สุดสะพานคลองลึก โดย อิตาเลียนไทยฯ กำหนดแล้วเสร็จ 19 ก.พ. 2559 Wink
Arrow แผนงาน/ผลงานปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยฯ ตามแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2553-2557 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553

ส่วนข้ออื่น ๆ ท่าทางจะยากครับ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44809
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 10/06/2014 5:05 pm    Post subject: Reply with quote

ทหารตามจับ เขมรกว่า 500 คน พยายามหลบหนีกลับกัมพูชาคาโบกี้รถไฟ สถานีอรัญประเทศ จ.สระแก้ว
เดลินิวส์ วันอังคาร 10 มิถุนายน 2557 เวลา 16:07 น.

เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 10 มิ.ย.พ.อ.พิชิต มีคุณสุต ผบ.ฉก.กรม.ทพ.ที่ 12 (ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 ) รับรายงานว่าจะมีแรงงานชาวเขมรจำนวนมากที่ลักลอบเข้ามาทำงานในพื้นที่กรุงเทพฯแล้วจะเดินทางกลับประเทศกัมพูชา โดยรถไฟขบวนที่ 275 สาย กทม.-อรัญประเทศ ไปลงที่สถานีอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ข้ามชายแดนกลับไป จึงได้สังการให้ ร.อ.พัฒนพงษ์รัตนประสบ ผบ.ร้อย.ทพ1204 นำกำลังจนท.ทพ.จำนวนหนึ่งเข้าทำการตรวจค้นบนรถไฟขบวนดังกล่าวพร้อมทั้งให้ประสานไปยังพ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว,พ.ต.ท.สัณหกช เกศากิจ สารวัตรตำรวจสถานรถไฟอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ให้นำกำลังจนท.เข้าร่วมทำการตรวจค้นและจับกุม

ต่อมาเมื่อขบวนรถไฟสาย 275 กทม.- อรัญประเทศ มาถึงจุดตรวจพบว่ามีแรงงานชาวเขมรทั้งชายและหญิงประมาณ 500 คนพร้อมสัมภาระกระเป๋าเดินทาง จึงเข้าตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทาง ปรากฏว่าทุกคนไม่มีเอกสารแสดงตน จึงทำการจับกุมแรงงานทั้งหมดมาทำการสอบสวนที่ สถานีตำรวจรถไฟอรัญประเทศ จากการสอบสวนเบื้องต้น แรงงานทั้งหมดยอมรับสารภาพว่าเป็นแรงงานที่ทำการลักลอบเข้าไปทำงานก่อสร้างในพื้นที่กทม.แต่หลังจากทหารไทยออกมาทำการปฏิวัติพวกตนไม่สามารถเดินทางออกไปทำงานก่อสร้าง และงานอื่น ๆ ได้ตามปกติเนื่องจากนายจ้างคนไทยกลัวทหารจะจับกุมจึงให้พวกตนเดินทางกลับประเทศกัมพูชา จากนั้น จนท.ได้นำตัวแรงงานชาวเขมรทั้งหมดดำเนินคดีข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตและทำการผลักดันกลับประเทศกัมพูชาต่อไป.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 223, 224, 225 ... 476, 477, 478  Next
Page 224 of 478

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©