RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311324
ทั่วไป:13288750
ทั้งหมด:13600074
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 129, 130, 131 ... 278, 279, 280  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Aesthetics
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 31/07/2015
Posts: 30

PostPosted: 15/03/2016 9:28 pm    Post subject: Reply with quote

แล้วพี่หมีคิดว่าสิ่งกำลังจะเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไรบ้างละครับ ถ้าไม่มีแนวทางอะไรเลย ? อ่านดีๆนะครับ
ผมติเตียน? หรือผมกำลังตั้งคำถาม? อ่านดีๆนะครับ แต่ที่แน่ๆ ผมว่าผมกำลังถูกพี่หมีติเตียนครับผม แต่ไม่เป็นไรครับ จะพยายามทำตามคำแนะนำของพี่หมีแล้วกันครับผม ขอบคุณมากนะครับ
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44847
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 15/03/2016 9:40 pm    Post subject: Reply with quote

"สมคิด" ไฟเขียวบีทีเอส เดินรถสายสีเขียวแลกค่าก่อสร้าง 6 หมื่นล้าน-ผุดเพิ่ม 4 สายใหม่
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 15 มี.ค. 2559 เวลา 21:14:00 น.

"สมคิด" ไฟเขียวบีทีเอส เดินรถสายสีเขียวแลกค่าก่อสร้าง 6 หมื่นล้าน ผุดเพิ่ม 4 สายใหม่ ทั้งโมโนเรลและรถไฟฟ้า สั่งนำม.44 ปลดล็อกสายสีม่วงใต้

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า วันที่ 15 มีนาคม 2559 มีการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) มี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เป็นประธาน มีการพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับโครงการกระทรวงคมนาคมเพื่อเร่งรัดโครงการต่างๆที่ยังค้างคาให้เดินหน้าต่อไปได้โดยเร็ว

โดยรับทราบความคืบหน้าการจัดการระบบตั๋วร่วม จะเริ่มใช้ในเดือนสิงหาคมนี้สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางซื่อ-บางใหญ่) และรถไฟฟ้าใต้ดิน(บางซื่อ-หัวลำโพง) จากนั้นปลายปีนี้จะใช้กับรถไฟฟ้าบีทีเอส แอร์พอร์ตลิงก์และทางด่วน พร้อมกับนำข้อสังเกตจากสภาพัฒน์ฯไปพิจารณาเรื่องโครงสร้างค่าโดยสารในส่วนอัตราค่าแรกเข้าที่จะต้องมีการปรับลดหรือยกเลิก

ทั้งนี้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) จะรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต่อไปพร้อมกับการขออนุมัติเปิดประมูลหาเอกชนมาร่วมจัดตั้งองค์กรบริหารตั๋วร่วม ตามพระราชบัญญัติร่วมทุน 2556 สำหรับศูนย์กลางในการจัดการระบบเงินของตั๋วร่วม โดยรัฐจะถือหุ้นด้วย มีวงเงินลงทุนประมาณ 600-700 ล้านบาท

พร้อมกับรับทราบการรายงานแผนแม่บทรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 10 เส้นทาง ทั้งที่กำลังจะเปิดใช้บริการ ก่อสร้าง และเปิดประมูลในปี 2559-2560 และอนุมัติรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้(เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) จะต่อขยายเส้นทางออกไปอีกประมาณ 5 กม. อยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) และปรับลดค่าก่อสร้างคาดว่าจะเสนอบอร์ดการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน(รฟม.) เดือน พ.ค. นี้ ซึ่งทางรองนายกสมคิดสั่งการให้กระทรวงคมนาคมนำม.44 มาใช้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ด้วย เพื่อให้การเปิดประมูลเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ยังอนุมัติส่วนการเดินรถสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการและช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ซึ่งคจร.เห็นชอบในร่างการโอนการเดินรถให้กับกรุงเทพมหานคร(กทม.) ไปเมื่อเดือนมิ.ย.2558 ที่ผ่านมา และได้เริ่มการร่างบันทึกข้อตกลงระหว่างกทม.และรฟม. เพื่อพิจารณาค่าก่อสร้างที่กทม.จะต้องชดเชยให้รฟม.จำนวนกว่า 6 หมื่นล้านบาท

โดยกทม.จะเจรจากับบมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ(บีทีเอสซี) เพื่อจ้างเดินรถทั้ง 2 ช่วงต่อไป คาดว่าจะเปิดเดินรถสายสีเขียว(แบริ่ง-สมุทรปราการ) ได้ปลายปี 2556 หรือต้นปี 2560 จำนวน 1 สถานี คือ จากแบริ่ง-สำโรง

อีกทั้งยังได้มอบหมายให้สนข. นำผลการศึกษารถไฟฟ้าของกทม.บรรจุในแผนแม่บทรถไฟฟ้าระยะที่ 2 ด้วย ได้แก่ โมโนเรลสายสีเทาเฟสแรกจากวัชรพล-ทองหล่อ ระยะทาง 16.25 กม. วงเงิน 27,544,โมโนเรลสายบางนา-สุวรรณภูมิ ระยะทาง 19.2 กม. เงินลงทุน 27,892 ล้านบาท และโมโนเรลสายสีทอง(กรุงธนบุรี-ถนนประชาธิปก) ระยะทาง 2.7 กม. เงินลงทุน 3,845 ล้านบาทและรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายจากตากสิน-บางหว้า ระยะทาง 7.5 กม. เงินลงทุน 14,804 ล้านบาท

รวมถึงพิจารณาการปรับเพิ่มน้ำหนักรถบรรทุก จาก 1,600 กิโลกรัม เป็น 2,200 กิโลกรัม หลังจากนี้จะบรรจุเป็นข้อบังคับในกฎจราจรต่อไป และอนุมัติจัดทำป้ายขนส่งสาธารณะให้เป็นมาตรฐานรองรับอาเซียน
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42785
Location: NECTEC

PostPosted: 15/03/2016 10:33 pm    Post subject: Reply with quote

ดูการลงบัญชีหางว่าวเพื่อเรียกร้องให้ ชื่อสถานีและป้ายบอกทางของ BTS/MRT/ARL ต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน ดูแล้วบอกตามตรงเลยว่า แม้จะเจตนาดีปานไหน ก็ดูไม่เข้าท่า ออก จาก ทึ่มๆ (silly) ไปหน่อย เพราะ จะไปบีบให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกันได้อย่างไร เพราะ ต้นรากมาไม่เหมือนกัน ดีถมไปแล้วที่ไม่โดยว่ากันหนักมือว่า อีเดียทบริสุทธิ์
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44847
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 17/03/2016 4:53 pm    Post subject: Reply with quote

รัฐเทหน้าตัก5หมื่นล.โด๊ปสายสีชมพู-เหลือง ดึงเอกชนประมูลรถไฟฟ้า"BTS-BEM"
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 17 มี.ค. 2559 เวลา 10:00:00 น.

รัฐควัก 5 หมื่นล้านสนับสนุนเอกชนลงทุนโมโนเรล 2 สาย 2 สี "ชมพู-เหลือง" แลกสัมปทาน 30 ปี รฟม.ปรับลดวงเงินใหม่ให้เหมาะสม หวังลดภาระ ก่อนเสนอ "ครม.บิ๊กตู่" ไฟเขียวปลาย มี.ค.นี้ เปิดประมูลสัญญาเดียว มิ.ย. ชี้ใครให้รัฐรับภาระน้อยที่สุด แบ่งรายได้ให้มากที่สุด เป็นผู้ชนะ คาดปลายปีรู้ผลตัดเชือก เริ่มตอกเข็มต้นปีหน้า เปิดหวูดกลางปี′63 "บีทีเอส-บีอีเอ็ม" รอดูเงื่อนไขทีโออาร์ ซุ่มหาพันธมิตรไทย-เทศชิงดำเค้กแสนล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังคณะกรรมการ PPP เห็นชอบหลักการให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าระบบโมโนเรล (รถไฟฟ้ารางเดี่ยว) 2 สายทาง รวม 111,335 ล้านบาท ได้แก่ สีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) 56,691 ล้านบาท และสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง) 54,644 ล้านบาท ตามขั้นตอน PPP Fast Tack โดยลงทุนแบบ PPP Net Cost รัฐรับภาระค่าเวนคืนที่ดิน ให้เอกชนลงทุนงานโยธา ระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถ ค่าจ้างที่ปรึกษา บริหารการเดินรถและซ่อมบำรุง เป็นระยะเวลา 30 ปี และเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสารและรับความเสี่ยงผู้โดยสาร


โดยรัฐจะสนับสนุนเงินลงทุนแก่เอกชนแต่ไม่เกินมูลค่างานโยธาเป็นการจูงใจ มอบให้รฟม.ปรับกรอบวงเงินให้เหมาะสม เพื่อลดภาระเงินสนับสนุนของรัฐ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการ งบประมาณค่าเวนคืน และกรอบวงเงินสนับสนุนเดือน มี.ค.และเปิดประมูลเดือน มิ.ย.นี้

ประมูลสายละ 1 สัญญา

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การคัดเลือกเอกชนมาดำเนินการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง จะเป็นรูปแบบสัญญาเดียวทั้งก่อสร้าง บริหารการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการ โดยพิจารณาข้อเสนอของเอกชนภายใต้เงื่อนไขเอกชนจะเป็นผู้รับความเสี่ยงด้านการดำเนินการและปริมาณผู้โดยสาร ซึ่งรัฐไม่ต้องมีภาระการสนับสนุนด้านการเงิน (Subsidy) แต่อย่างใด ขึ้นอยู่กับการประเมินโครงการของเอกชนแต่ละราย หากเอกชนรายไหนเสนอส่วนแบ่งรายได้ให้รัฐมากที่สุด หรือขอรับการสนับสนุนจากรัฐน้อยที่สุด รวมทั้งข้อเสนอที่ใช้ระยะเวลาดำเนินการก่อสร้างโครงการสั้นที่สุด จะเป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้รับสัมปทานโครงการ

"ตามเงื่อนไขรัฐจะสนับสนุนไม่เกินวงเงินค่าก่อสร้างงานโยธาตามผลการศึกษาหรือวงเงินค่าก่อสร้างงานโยธาตามที่เอกชนลงทุนจริง แล้วแต่วงเงินไหนจะน้อยกว่ากัน"

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับเงินลงทุนของสายสีชมพู ระยะทาง 34.5 กม. จำนวน 30 สถานี อยู่ที่ 56,691 ล้านบาท แยกเป็น ค่าเวนคืนที่ดิน 6,847 ล้านบาท ค่างานโยธา 23,117 ล้านบาท ค่างานระบบไฟฟ้าและขบวนรถ 25,211 ล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการ 1,516 ล้านบาท ทั้งโครงการรัฐลงทุน 6,847 ล้านบาท ส่วนเอกชนลงทุน 49,844 ล้านบาท จะเปิดบริการปี 2563 ในปีแรกจะใช้รถทั้งหมด 92 ตู้หรือ 23 ขบวน มีผู้โดยสาร 130,000 คน/วัน ในระยะเวลา 30 ปี มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) อยู่ที่ 15.65% และผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) อยู่ที่ 3.86%

ส่วนเงินลงทุนของสายสีเหลือง ระยะทาง 29.1 กม. จำนวน 23 สถานี อยู่ที่ 54,644 ล้านบาท แยกเป็นค่าเวนคืนที่ดิน 6,013 ล้านบาท ค่างานโยธา 24,380 ล้านบาท ค่างานระบบไฟฟ้าและขบวนรถ 22,772 ล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการ 1,479 ล้านบาท ทั้งโครงการรัฐลงทุน 6,013 ล้านบาท ส่วนเอกชนลงทุน 48,631 ล้านบาท จะเปิดบริการปี 2563 ในปีแรกจะใช้รถทั้งหมด 102 ตู้หรือ 17 ขบวน มีผู้โดยสาร 247,900 คน/วัน มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) อยู่ที่ 17.2% และผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) อยู่ที่ 5.43%

รัฐควักเงินอุดหนุน 4.7 หมื่นล้าน

"เงินสนับสนุนที่รัฐต้องให้เอกชน 2 สาย ประมาณ 47,497 ล้านบาท ทางคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนมาตรา 35 ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนปี"56 จะนำไปประกอบการพิจารณาและเจรจาคัดเลือกกับเอกชนร่วมลงทุน"

พลเอกยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมมอบให้ รฟม. พิจารณา 4 ประเด็นตามที่คณะกรรมการ PPP สั่งการทำรายละเอียดโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง จะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ปลายเดือน มี.ค.นี้ ประกอบด้วย รูปแบบรถไฟฟ้า รูปแบบการลงทุนและการกำหนดทีโออาร์ ปรับวงเงินลงทุนให้เป็นปัจจุบันและทบทวนค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด และรูปแบบเงินสนับสนุนเอกชน

สำหรับรูปแบบรถไฟฟ้าทาง รฟม. ยืนยัน เป็นโมโนเรล และเป็นสัญญาเดียวคือทั้งก่อสร้างและเดินรถ ซึ่งระบบโมโนเรลก่อสร้างได้เร็วและง่าย ใช้พื้นที่น้อยลง สร้างยกระดับได้โดยไม่ต้องรื้อสะพานช่วงหลักสี่ออก ขณะที่รูปแบบสนับสนุนเอกชน ทาง รฟม.ให้การสนับสนุนเป็นระยะเวลา มากกว่า 10 ปีขึ้นไป โดยรายละเอียดจะต้องบรรจุไว้ในประกาศทีโออาร์ เพราะช่วยลดภาระรัฐ แต่ห้ามเกินวงเงินโยธาและเป็นการทยอยจ่าย จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับผู้ชนะคาดว่าปลายปีนี้จะได้ผู้ดำเนินการ ตามแผนจะเริ่มสร้างต้นปี 2560 เปิดบริการกลางปี 2563

BTS รอดูเงื่อนไขทีโออาร์

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) เปิดเผยว่า มีความสนใจจะร่วมลงทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง รอดูรายละเอียดทีโออาร์ เนื่องจากเป็นโครงการที่เอกชนจะต้องลงทุนทั้งงานโยธาและงานระบบและขบวนรถ ซึ่งจะต้องให้รัฐสนับสนุนเงินลงทุนบางส่วน แต่จะมากหรือน้อยยังไม่สามารถกำหนดได้ ส่วนการยื่นข้อเสนอจะร่วมกับพันธมิตรทั้งไทยและต่างประเทศอยู่ระหว่างการเจราจายังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้

"บริษัทมีเงินทุน 6.8 หมื่นล้านบาท เป็นเงินสด 2 หมื่นล้านบาท และสิทธิการออกหุ้น 4.8 หมื่นล้านบาท พร้อมร่วมลงทุน PPP รถไฟฟ้าได้ 1 แสนล้านบาท ทั้งเดินรถสายสีเขียวช่วงหมอชิต-คูคต และแบริ่ง-สมุทรปราการ) สายสีชมพูและสีเหลือง"

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิโน-ไทยฯ กล่าวว่า สนใจจะร่วมลงทุน PPP สายสีชมพูและสีเหลือง ซึ่งจะก่อสร้างเป็นระบบโมโนเรล และให้เอกชนลงทุนทั้งก่อสร้างและเดินรถในสัญญาเดียว ขณะนี้กำลังหารือกับผู้ผลิตรถไฟฟ้าจีนและญี่ปุ่น รวมถึงผู้ประกอบการไทยด้วย เนื่องจากบริษัทถนัดเรื่องงานก่อสร้างอย่างเดียว

BEM ขอดูผลตอบแทน

ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ช.การช่าง กล่าวว่า ทางรัฐเพิ่งมีความชัดเจนเรื่องการประมูลสำหรับรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลือง จะเป็น PPP Net Cost ให้เอกชนลงทุนและรับความเสี่ยง บริษัทจะต้องศึกษาความเป็นไปได้ และดูผลตอบแทนการลงทุน แต่ศักยภาพของบริษัทสามารถเข้าร่วมลงทุนได้

โดยบมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ซึ่งมีความแข็งแกร่งและความพร้อมจะเข้าประมูลงานใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพด้านก่อสร้าง เทคนิคและการเงิน ไม่ต้องหาพันธมิตรเข้าร่วมก็ได้ เพราะมีประสบการณ์เดินรถไฟฟ้าใต้ดินและสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) เป็นลอยฟ้าเหมือนกับโมโนเรล แต่ไม่ปิดกั้นพันธมิตรรายอื่นแต่อย่างใด

นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บมจ.อิตาเลียนไทยฯ กล่าวว่า สนใจประมูลแต่บริษัทสนใจเฉพาะงานโยธา จึงต้องหาพันธมิตรด้านการเดินรถมาร่วม โดยกำลังเจรจาบริษัทญี่ปุ่น เกาหลี จีน ยุโรป
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42785
Location: NECTEC

PostPosted: 20/03/2016 1:34 am    Post subject: Reply with quote

'สมคิด' ฟาสต์แทร็ก รถไฟฟ้า อนุมัติลงทุน 6.2 แสนล้าน

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 21 มีนาคม 2559

//-------------

รมว.คมนาคม เผยดันรถไฟฟ้าสีส้ม-เหลือง-ชมพูเข้า ครม.29 มี.ค.นี้
--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) --
จันทร์ที่ 21 มีนาคม 2559 16:17:48 น.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี)ไปเมื่อสองเดือนก่อน ตนเองได้มอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไปดำเนินการพิจารณาปรับราคาค่าก่อสร้างให้เหมาะสม ซึ่งขณะนี้ รฟม.ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว และกระทรวงฯ จะเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติในวันที่ 29 มี.ค.59 เช่นเดียวกับสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) ไปแล้วก็จะเสนอเข้า ครม.ในคราวเดียวกัน



ทั้งนี้หลังจาก ครม.อนุมัติแล้วคาดว่าจะใช้เวลาร่างทีโออาร์และดำเนินการประกวดราคาไม่เกิน 3 เดือน และราวเดือน ก.ค.-ส.ค.ก็จะหาผู้รับเหมาสายสีชมพูและสีเหลืองได้

ส่วนสายสีม่วงใต้คาดว่าจะเสนอเข้า ครม.ได้ราวเดือน พ.ค.-มิ.ย.59 ส่วนสายสีส้มตะวันตกคาดว่า ครม.จะอนุมัติภายในปีนี้แน่นอน ส่วนสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน จะเปิดให้บริการได้ราวเดือน ส.ค.59 ขณะที่สายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายขณะนี้การก่อสร้างมีคืบหน้าแล้ว 70% เหลือการจัดหาผู้เดินรถ คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ PPP และ ครม.ได้ราวเดือน เม.ย.59

นอกจากนี้ รฟม.จะร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อให้เป็นผู้ดำเนินการในส่วนขยายเส้นทางทั้งด้านเหนือและด้านใต้ในวันที่ 28 มี.ค.59

สำหรับแผนแม่บทการดำเนินโครงการระบบขนส่งระยะแรก 10 เส้นทางใน กทม.จะดำเนินการอนุมัติ ประกวดราคา และเริ่มก่อสร้างให้ได้ภายในรัฐบาลชุดนี้แน่นอน ส่วนแผนแม่บทระยะที่สองนั้นจะเริ่มดำเนินการในปีหน้า
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44847
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 23/03/2016 10:39 am    Post subject: Reply with quote

อาคมการันตี ทางคู่-รถไฟฟ้า 10 เส้นทางเห็นในรัฐบาลนี้
โพสต์ทูเดย์ 22 มีนาคม 2559 เวลา 22:17 น.

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ปาฐกถา “ปีทองการลงทุนในประเทศไทย” ในงาน โพสต์ฟอรั่ม จัดโดยหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ว่า เศรษฐกิจไทยค่อนข้างเซื่องซึมมาหลายปี สิ่งที่เป็นคอขวดในการพัฒนาประเทศที่สำคัญคือโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมีความล่าช้ามานาน 10 ปี จึงไม่แปลกใจว่า หากมีการวัดความสามารถการแข่งขันทั่วโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ ไทยจะอยู่ในอันดับที่ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ผมไม่ค่อยเชื่อในการวัดลำดับความสามารถในการแข่งขัน เพราะมาตรฐานที่วัดใช้วัดกันทั่วโลก และมักจะใช้กับประเทศที่พัฒนาแล้ว เมื่อใช้เกณฑ์นี้มาวัดกับประเทศที่กำลังพัฒนา แน่นอนที่สุดว่าไม่สามารถสู้กับเขาได้ ซึ่งได้มีโอกาสพูดคุยสถาบันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม หรือที่อื่น เขาก็ยอมรับว่าเกณฑ์นี้เป็นมาตรฐาน แต่ไม่สามารถใช้เป็นมาตรฐานที่ใช้กับทุกประเทศได้ แต่ก็ไม่เป็นไร

นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกันแล้ว ลำดับไทยอาจไม่ดีเท่า แต่เมื่อสัมผัสกับนักลงทุนที่อยู่ในประเทศไทย ทุกคนบอกว่า โครงสร้างพื้นฐานของไทยดีมาก เวลาหอการค้าญี่ปุ่นสำรวจทุก 6 เดือน จะบอกว่ารถติด แต่ว่าหากเราไปสัมภาษณ์นักลงทุนในต่างจังหวัดจะบอกว่าโครงข่ายคมนาคมของเราดีมาก

โครงสร้างพื้นฐานเป็นเรื่องที่ต้องลงทุนกันครั้งใหญ่ วันนี้ท่าเรือแหลมฉบังไม่ได้ส่งสินค้าเฉพาะของไทยกันเองเท่านั้น แต่จะใช้เป็นท่าเรือส่งออกสินค้าที่ผลิตจากประเทศรอบบ้านเรา นักลงทุนปอยเปต เกาะกง หรือลาว ก็ขนส่งสินค้ามาส่งที่ท่าเรือแหลมฉบัง เช่นเดียวกับนักลงทุนเมียนมา ก็ใช้แม่สอดส่งสินค้าที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งทางหลวงเราดีมาก ระยะทางจากเกาะกง หรือปอยเปตมาที่ท่าเรือแหลมฉบังแค่ 300 กิโลเมตร

ด้านถนนทางหลวงไทยจะไม่ใช่ทางหลวงขั้นพิเศษเหมือนมาเลเซียคำว่า ทางหลวงชั้นพิเศษ หมายถึงว่าสองข้างทางจะมีแลมป์ให้หมด สองข้างทางของเขาไม่มีบ้าน ไม่มีโรงงาน ไม่เหมือนเรา ยกเว้นมอเตอร์เวย์ ทางของเราจะมีบ้านโรงงาน ซึ่งเป็นอุปสรรคของเรา แต่ก็สามารถขนส่งสินค้าได้ เวลาที่เสียส่วนใหญ่อยู่ที่การอำนวยความสะดวกที่ด่านพรมแดน ระบบศุลกากร ซึ่งนักลงทุนญี่ปุ่นยังบอกว่าจะทำอย่างไรให้สามารถเคลียร์ระบบศุลกากรได้เร็วที่สุด เพื่อลดระยะเวลาขนส่งสินค้าที่ท่าเรือนี่เป็นภารกิจที่เราต้องทำ

อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจไทยเซื่องซึมมา แต่ถ้าดูตัวเลขการค้าชายแดนจะพบว่าตัวเลขการค้าชายแดนไทยจะโต 10-15% หากเศรษฐกิจโลกดีการค้าชายแดนเราจะโต 20-25% ดังนั้นนโยบายของรัฐบาลคือการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ

“เมื่อตอน คสช.เข้ามาปลายปี 2557 ได้เสนอเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษเข้าไป นายกรัฐมนตรีก็บอกว่าเรื่องนี้สำคัญมาก จะเป็นแหล่งผลิตสินค้า เป็นโฮลโปรดักชั่นหรือคลัสเตอร์ เพราะวันนี้ไทยใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์การผลิตจากเพื่อนบ้านเพราะเขามีแรงงานที่ถูกกว่าเรามาก ดังนั้นเราจึงมีนโยบายส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษ พื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของไทยที่สำคัญตลอดเวลา 20 กว่าปี ณ เวลานี้ ถึงเวลาที่เราน่าจะซ่อมแซมใหญ่อีสเทิร์นซีบอร์ด หรือถึงเวลาที่ต้องสร้างเอสเคิร์ฟใหม่เป็นสินค้าที่รักษาฐานอุตสาหกรรมเดิม สร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่มีเทคโนโลยี ดังนั้นเราต้องกลับมาดูอีสเทิร์นซีบอร์ดที่เราออกแบบไว้ให้เป็นแหล่งผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ดังนั้นเขตเศรษฐกิจพิเศษจะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี”

นี่คือส่วนที่เรียกว่า ปีทองแห่งการลงทุน เราระบุพื้นที่ให้เรียบร้อยแล้ว ทั้งอีสเทิร์นซีบอร์ด โครงการลงทุนทางด้านชายแดนต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่งในชั้นต้นก็จะเป็นถนน ลำดับต่อไป จะมีระบบรถไฟ รถไฟฟ้าไปให้ โดยเอกชนจะต้องลงทุน แต่รัฐจะลงทุนให้ไปก่อน

ปีทองการลงทุนไทยจะไม่จำกัดเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน โดยนโยบายของรัฐจะต้องลงทุน 5 เรื่อง คือ โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง โทรคมนาคม พลังงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และทรัพยากรมนุษย์ เพราะต้องมีการผลิตบุคลากรป้อนให้อุตสาหกรรม

ลงทุน 5 ด้าน ช่วงปี’58-65

อาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้กำหนดแผนการลงทุนระยะ 8 ปี (2558-2565) ไว้ 5 เรื่อง
1.โครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง
2.ระบบขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในปีนี้ ปีหน้า จะเจอปัญหารถติดมาก เพราะมีการสร้างรถไฟฟ้า โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ที่มีการทุบสะพานข้ามแยกเกษตร และจะรื้อสะพานข้ามแยกรัชโยธิน
3.โครงข่ายถนนเชื่อมโยงชายแดน
4.ระบบการขนส่งทางน้ำ ซึ่งได้พัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง และอนุมัติไปแล้ว 2 แผนงาน และอยู่ระหว่างพิจารณาขยายท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3
“การขนส่งเป็นเรื่องสำคัญ จึงต้องมีการอนุมัติศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 1 เป็นการปรับพื้นที่เอารางไปในท่าเรือ”

5.การขนส่งทางอากาศ ปัจจุบันกำลังสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 เพราะตอนออกแบบรองรับผู้โดยสาร 45 ล้านคน แต่ปัจจุบันผู้โดยสารปีละ 50-55 ล้านคน

สุวรรณภูมิเฟส 2 มี 4 ส่วนด้วยกัน
1.รันเวย์ที่ 3 รอการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งจะทำควบคู่กันตามประกาศ คสช.ทางบริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) สามารถขออนุมัติการจัดซื้อจัดจ้างได้ เมื่อรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมผ่านการอนุมัติจึงจะประกวดราคา ซึ่งโครงการอื่นก็ทำแบบนี้

2.อาคารผู้โดยสารมี 2 อาคาร ขั้นตอนทีโออาร์เสร็จแล้ว รอประกวดราคาอาคารแซทเทิลไลท์ ที่อยู่ด้านใต้สนามบิน ซึ่งมีหลุมจอด หรืองวง ให้สามารถเพิ่มสล็อตเครื่องบินได้
3.โครงการรถไฟฟ้าเชื่อมระหว่างอาคารผู้โดยสาร (เอพีเอ็ม) คาดว่าทอท.จะประกวดราคาอาคารผู้โดยสารแซทเทิลไลท์เดือน เม.ย.นี้
4.อาคารเทอร์มินอลทางด้านเหนือที่อยู่ข้างอาคารผู้โดยสารในปัจจุบันก็ต้องสร้าง

นอกจากนี้ ต้องพัฒนาสนามบินอื่นๆ ที่เป็นปลายทางของประเทศไทยที่ชาวต่างชาติจะเข้ามา เช่นที่สนามบินภูเก็ต หาดใหญ่ และเชียงใหม่ ปัจจุบัน ทอท.สร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะเปิดเดือน มิ.ย.นี้ แต่คาดว่าเมื่อสร้างเสร็จอาจรองรับไม่พอ จึงจะพิจารณาขยายรองรับผู้โดยสารต่อไป แต่สนามบินภูเก็ตจะต้องพึ่งพาสนามบินข้างเคียงด้วยเช่น สนามบินกระบี่ และอนาคตมีข้อเสนอสร้างสนามบินเพิ่มที่ภูเก็ต ส่วนสนามบินเชียงใหม่ ได้เปิดอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศไปแล้ว

สำหรับสนามบินในเมืองหลวงจะใช้ 3 สนามบิน
1.สนามบินสุวรรณภูมิ
2.ดอนเมือง เปิดอาคาร 2 ไปแล้ว เหลืออาคารผู้โดยสารภายในประเทศเดิม ซึ่งปัจจุบันเป็นอาคารร้าง แต่ ทอท.จะนำมาปรับปรุงรองรับให้ได้ 30 ล้านคนต่อไป เฉพาะใน กทม.รวม 90 ล้านคน
3.สนามบินอู่ตะเภา ได้รับการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเพื่อรองรับเที่ยวบินประจำ และจะเปิดเดือนมิ.ย.นี้

ขั้นตอนต่อไปไทยจะพัฒนาเป็นศูนย์ซ่อมอากาศยานในภูมิภาค ซึ่งศึกษาเรียบร้อยและรอเสนอ ครม.

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้เรียนนายกฯ ว่า ทางกองทัพเรือให้การสนับสนุนเรื่องเศรษฐกิจมาก และประเทศต้องเร่งรัดพัฒนา เพราะเราล่าช้ามานานกว่า10 ปี จึงเป็นโอกาสของสายการบินต่างๆ จากเดิมที่ต้องบินไปซ่อมที่จีน สิงคโปร์ ในเร็วๆ นี้เมื่อขออนุมัติทำศูนย์ซ่อมอากาศยานในปีหน้าก็จะพัฒนาเป็นศูนย์ซ่อมได้

รถไฟระบบรางเข้าคิวเสนอ ครม.

โครงการลงทุนอีกด้านที่จะเห็นเป็นรูปธรรมคือ ระบบราง เม็ดเงินลงทุนที่ตั้งไว้ 20 โครงการวงเงิน 1.79 ล้านล้านบาท จะต้องเร่งรัดการลงทุน เพื่อผลักดันเม็ดเงินลงทุนเข้าไปจะช่วยอุตสาหกรรมก่อสร้าง และโครงการที่จะใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน ความสามารถในการสร้างนิวเอสเคิร์ฟจะทำไม่ได้ หากไม่มีอินฟราสตรักเจอร์ที่จะสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในอนาคต

รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนใน กทม.มีแผนมา 10 ปีแล้ว แต่มีไม่กี่สาย ที่ให้บริการคือสายสีน้ำเงินเฉลิมรัชมงคล และรถไฟฟ้าสายสีเขียวของ กทม.ที่ให้บริการปัจจุบัน

ขณะที่สายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานเสร็จรับรถหมดแล้ว อยู่ระหว่างทดสอบระบบ เปิดให้บริการเดือน ส.ค. 2559 ซึ่งรัฐบาลเร่งให้เปิดบริการก่อนกำหนด 4 เดือน โดยทางญี่ปุ่นรับปากเมื่อครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปญี่ปุ่นและขอให้เร่งรัดประกอบรถไฟฟ้าให้แล้วเสร็จก่อนกำหนด ซึ่งขบวนรถชินคังเซ็นกำลังประกอบอยู่ และไม่มีรถไฟฟ้าสายสีม่วง จากนั้นเมื่อรับปากนายกฯ แล้ว ทางญี่ปุ่นก็ปรับแผนประกอบรถไฟฟ้าสายสีม่วงให้ไทยเร็วขึ้น

รถไฟฟ้าสายที่ทำอยู่ขณะนี้คือ การเร่งก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ทางด้านเหนือ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต คืบหน้า 15% และด้านใต้แบริ่ง-สมุทรปราการ คืบหน้า 70% โดย กทม.มีข้อตกลงกับกระทรวงคมนาคม รฟม. ยินยอมที่จะโอนส่วนต่อขยายที่กำลังก่อสร้างให้ กทม.ไปบริหารงานเดินรถ โดยวันที่ 28 มี.ค.นี้ จะมีการลงนามในเอ็มโอยูระหว่าง กทม.-รฟม.-กระทรวงการคลัง เพื่อให้ กทม.จัดหาผู้เดินรถให้ต่อเนื่อง

รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย (เตาปูน-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) ซึ่งก่อสร้างไปเกือบ 70% อยู่ระหว่างจัดหาผู้เดินรถจะเร่งเสนอให้คณะกรรมการร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) พิจารณาในเดือนนี้ และจะเสนอเข้า ครม.ในเดือน เม.ย.นี้

สำหรับรถไฟสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) นั้น ครม.อนุมัติในหลักการและมอบหมายให้รฟม.ไปปรับลดราคาค่าก่อสร้างลงมา โครงการนี้รัฐจะลงทุนก่อสร้างให้ ส่วนการเดินรถจะเปิดให้เอกชนเข้ามาเป็นผู้เดินรถ และหลัง รฟม.เสนอเรื่องลดค่าก่อสร้าง ซึ่งจะเสนอเข้า ครม.ในวันที่ 29 มี.ค. เพื่อพิจารณาอนุมัติปรับลดต้นทุนค่าก่อสร้างลง และในส่วนของรถไฟสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน) นั้นคาดว่าจะได้รับอนุมัติภายในปีนี้

รถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และรถไฟฟ้าโมโนเรลสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ขณะนี้ผ่านคณะกรรมการพีพีพีแล้ว จะเสนอ ครม.วันที่ 29 มี.ค. จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนประกวดราคา ซึ่ง รฟม.ยกร่างทีโออาร์ได้ประมาณ 80-90% จากนั้นจะตั้งคณะกรรมการมาตรา 35 ของ พ.ร.บ.ร่วมทุนกิจการรัฐ พ.ศ. 2556 กระบวนการทีโออาร์และการประกวดราคาน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน จึงคาดว่าไม่เกินเดือน ก.ค.-ส.ค.จะได้ผู้รับเหมา

ด้านรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) พูดง่ายๆ หากวิ่งจาก (บางใหญ่-บางซื่อ) สายสีม่วงจะเชื่อมสายสีน้ำเงินและสีม่วงเชื่อมต่อราษฎร์บูรณะเชื่อมด้านเหนือ-ใต้ ขณะนี้รายงานผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ได้ผ่านเรียบร้อยไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะได้เสนอคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เดิมทีสายสีม่วงใต้น่าจะเสร็จแล้ว แต่มีปัญหาข้อจำกัดพื้นที่ จึงขอขยายเส้นทางออกไปอีก 5 กิโลเมตร จนถึงวงแหวนอุตสาหกรรม ดังนั้นศูนย์ซ่อมจะไปอยู่ปลายทาง ซึ่งได้ส่งข้อมูลให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแล้ว คาดว่าไม่เกินเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2559 จะเสนอให้ ครม.พิจารณา เพื่อทำให้การเดินทางเหนือ-ใต้ เชื่อมต่อกัน

“ผมขอยืนยันว่า แผนแม่บทรถไฟฟ้าใน กทม.ทำมา 10 กว่าปี มีทั้งหมด 10 สายทาง จะครบถ้วนในรัฐบาลชุดนี้ ครบถ้วนใน 3 รูปแบบ คือ ศึกษาขั้นตอน ประกวดราคา อนุมัติให้เกิดการลงทุน ทั้งหมดจะเกิดขึ้นแน่นอนในรัฐบาลชุดนี้” อาคม ยืนยัน

อาคม กล่าวอีกว่า กระทรวงคมนาคมจะยังไม่หยุดเดินหน้าผลักดันการลงทุนภาครัฐเพียงแค่นี้ เพราะเราเห็นปัญหา ข้อขัดข้องในรถไฟฟ้าบีทีเอสในทางเทคนิค ทำให้ต้องหยุดเดินรถบางช่วง ประเด็นคือว่า ตลอดสายทางบีทีเอสยาวมาก หมอชิต-แบริ่ง ต่อไปสมุทรปราการ เมื่อเกิดข้อขัดข้องประชาชนที่อาศัยด้านใต้สมุทรปราการต้องผ่านสถานีสยาม หากเข้ามาไม่ได้ไปไม่เป็นจะนั่งรถเมล์ก็ไม่คุ้นว่าสายใด กระทรวงคมนาคมเห็นว่า เน็ตเวิร์กเชื่อมเหนือ-ใต้-ออก-ตก ที่เชื่อมต่อโครงข่ายตรงนี้เป็นเส้นเลือดฝอยบางส่วนไม่มี

ดังนั้น ต่อไปจะต้องพัฒนาเชื่อมโครงข่ายให้สมบูรณ์ และจะต้องแล้วเสร็จภายในปีหน้า เพื่อให้โครงข่ายสมบูรณ์ หรือเรียกว่าแผนแม่บทโครงข่ายรถไฟฟ้า กทม.ระยะที่ 2

ด้านระบบรถไฟระหว่างเมืองจะมี 2 ระบบหลัก รถไฟทางคู่ ซึ่งกระทรวงคมนาคมวางไว้ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ในรัฐบาลนี้มี 6 เส้นทาง คือ 1.รถไฟทางคู่เส้นทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า (มาบกะเบา)-แก่งคอย ได้เซ็นสัญญาเริ่มก่อสร้างแล้ว 2.รถไฟทางคู่ช่วงชุมทางจิระ-ขอนแก่น ได้เซ็นสัญญาเริ่มก่อสร้างแล้ว ส่วนช่วงระหว่างแก่งคอย-นครราชสีมา อยู่ระหว่างการดำเนินกาi 3.รถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางจิระ อยู่ระหว่างเสนอ ครม.เพื่อเติมเต็ม4.รถไฟทางคู่ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร เป็นทางคู่ผ่านการพิจารณาความเหมาะสมของโครงการจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแล้วรอเสนอ ครม.ไม่เกินเดือน เม.ย.นี้ 5.รถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน อยู่ในกระบวนการรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) แต่จากประกาศของ คสช. เราสามารถดำเนินการคู่ขนานในการจะหาผู้รับเหมาได้

รถไฟความเร็วสูงจีน-ญี่ปุ่นยังลุ้นยาว

สำหรับรถไฟทางคู่ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ จะตามมาอยู่ในแผนระยะที่ 2 ต่อไปจะทำให้มีทางคู่จากนครปฐม-ชุมพร ลงใต้ และสายเหนือเส้นที่ 6 ลพบุรี-ปากน้ำโพ จะดำเนินการคู่ขนานอีไอเอ ซึ่งจะเสนอขออนุมัติ ครม.ภายในเดือน เม.ย. 2559</p>

ส่วนรถไฟความเร็วสูงทางไกลเป็นโครงการที่จะโมเดิร์นไนซ์เส้นทางของไทยมี 4.เส้นทาง 1.รถไฟไทย-จีน กรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร ซึ่งจากการหารือกับรัฐบาลจีนครั้งสุดท้ายจะกำหนดเป็นระยะที่ 1 ยังติดเรื่องต้นทุนของโครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างหารือให้ตัวเลขตรงกัน ประการต่อมาต้องหารือกันในเรื่องของสัดส่วนการลงทุน ซึ่งรัฐบาลไทยต้องการให้จีนเข้ามาร่วมลงทุนมากขึ้น โดยต้องมากกว่าที่ไทยลงทุน นอกจากนี้ยังต้องหารือกันในเรื่องบริษัทร่วมทุน

2.รถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ซึ่งเป็นความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น อยู่ระหว่างบริษัทที่ปรึกษาญี่ปุ่นศึกษา ซึ่งเดิมเรามีผลศึกษาไว้แล้ว แต่เมื่อเป็นการร่วมทุนทางญี่ปุ่นต้องมาศึกษาให้ได้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันมากขึ้น เส้นทางนี้ภายในเดือน มิ.ย. 2559 จะสามารถเสนอให้ ครม.พิจารณาได้ และสิ้นปีจะได้ผลการศึกษาครั้งสุดท้ายปี 2560 จะได้รับการออกแบบ

3.รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง และ 4.รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หัวหิน ทั้งสองโครงการนี้จะเสนอให้คณะกรรมการพีพีพีพิจารณาอนุมัติให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน ภายในเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ จากนั้น 3-4 เดือน จะทำอี-บิดดิ้ง โดยจะเปิดให้เอกชนจะเข้ามาลงทุนตั้งแต่เริ่มต้น โดยรัฐลงทุนเวนคืน เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สายสีเหลือง

อาคม กล่าวว่า รัฐบาลรู้ดีว่าในภาวะเศรษฐกิจที่ซึม การลงทุนภาครัฐจะเป็นหัวรถจักรใหญ่ จึงพยายามผลักดันการลงทุน อย่างไรก็ตามภาคเอกชนยังมองว่า ซึ่งขอยืนยันไม่ชักช้า แต่กระบวนการอาจมีการปรับเปลี่ยนให้รัดกุมขึ้น

ทั้งนี้ หากดูตัวเลขการลงทุนภาครัฐตั้งแต่ปี 2558 จะพบว่าการลงทุนของภาครัฐมากถึง 15-25% ของเงินลงทุนทั้งหมดในบางไตรมาส บางไตรมาสกลับพบว่ามีเม็ดเงินลงทุนของภาครัฐไหลลงไปสู่ระบบสูงถึง 30%

ดังนั้น ทั้ง 20 โครงการ ที่มีตัวเลขลงทุนกว่า 1.8 ล้านล้านบาท นั้นเป็นงบลงทุนที่เอกชนต้องลงทุนประมาณ 21% ซึ่งเป็นตัวเลขขั้นต่ำ แต่ภาพรวมจะมากกว่านี้อีกเล็กน้อย แต่ขอยืนยันว่า ในส่วนของการลงทุนอินฟราสตรักเจอร์เม็ดเงินจะทยอยออกจากภาครัฐให้เห็นเป็นรูปธรรมแน่นอน
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42785
Location: NECTEC

PostPosted: 24/03/2016 4:15 pm    Post subject: Reply with quote

เวนคืนที่38แปลงสายสีส้ม ทำสถานีใต้ดินตลิ่งชัน-รฟม.จัดรับฟังประชาชนชี้แจง
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
24 มีนาคม 2559 เวลา 05:01


เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2559 ที่สำนักงานเขตบางกอกน้อย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้จัดการประชุมการมีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนรายสถานี ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี โดยนายไพฑูรย์ ตุงคะเสน วิศวกรโครงการ กล่าวว่า การจัดรับฟังความคิดเห็นประชาชน ช่วงตลิ่งชัน-บางขุนนนท์ ระยะทาง 4 กม. เป็นส่วนหนึ่งในการก่อสร้างโครงการสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (มีนบุรี-ตลิ่งชัน) ซึ่งช่วง ดังกล่าวยังอยู่ในการศึกษาความเหมาะสมการก่อสร้างและมอบหมายหน่วยงานที่จะรับไปดำเนินการต่อไป โดยจะมีประชาชนที่ถูกเวนคืนจำนวน 38 แปลง ที่อาจได้รับผลกระทบจากการก่อสร้าง

นายฤทธิชัย วุ้นศิริ นักวิชาการสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ผล EIA ศึกษาทั้ง 4 ด้านสิ่งแวดล้อมคือ 1. กายภาพ เรื่องอากาศ เสียง การสั่นสะเทือนต้องดูวิธีการก่อสร้างของโครงการใช้วิธีไหน สร้างบนพื้นที่แบบไหน ผลกระทบที่เกิดขึ้นที่คาดการณ์จะเป็นอย่างไร เพราะถ้าคาดการณ์ว่าตรงจุดไหนมีผลกระทบต้องกำหนดมาตรการป้องกันการแก้ไข รวมทั้งกำหนดมาตรการตรวจสอบว่าแต่ละจุดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ถ้ามีการก่อสร้างจริงต้องติดตามตรวจสอบอีกครั้ง 2. ชีวภาพ เป็นเรื่องสัตว์และระบบนิเวศ เพราะเป็นพื้นที่ในเมืองและติดถนน สัตว์และระบบนิเวศไม่สำคัญมาก 3. คมนาคมและการใช้ที่ดิน ช่วงการก่อสร้างมีผลกระทบอะไรบ้าง การจัดผังการจราจรอย่างไร ร่วมกับการจัดจราจรกับตลาดท้องถิ่น และ 4. ด้านคุณค่าต่อคุณภาพชีวิต เกี่ยวกับคน การเวนคืนที่ดินความคิดเห็นประชาชนเป็นอย่างไร

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-บางขุนนนท์ ยังระบุเป็นจำนวนเวนคืนเป็นหลังคาเรือนไม่ได้ เพราะแต่ละจุดมีแปลงที่ดินไม่เหมือนกัน ส่วนมากจะเวนคืนที่ตั้งสถานี คือสถานีตลาดน้ำตลิ่งชันมี 1 จุด คือตั้งอยู่ใต้ถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน และที่สถานีตลิ่งชันอีก 1 จุด คือใต้ถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน ข้างสำนักงานเขตตลิ่งชัน รวมทั้งปล่องระบายอากาศอีก 3 จุด ตั้งอยู่บนที่ว่างริมถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน ที่ว่างริมถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน ใกล้สามแยก และที่ว่างริมถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน ใกล้ทางเข้าวัดไชยทิศ โดยจะมีการประชุมกับกลุ่มประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กลุ่มใหญ่ คือ ชุมชนตลาด 4 ภาค อีกครั้ง.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42785
Location: NECTEC

PostPosted: 28/03/2016 5:19 pm    Post subject: Reply with quote

มารู้จักระบบขนส่งมวลชนทางรางดีกว่า ว่าแต่ละประเภทเป็นอย่างไร
โดย ดร.สญชัย ลบแย้ม
http://www.oknation.net/blog/smartgrowththailand/2015/03/21/entry-1

//----------------

คมนาคมขนรถไฟฟ้า 4 สาย 2 แสนล้าน ชงครม.ตู่ เคาะ 29 มี.ค.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
28 มีนาคม 2559 เวลา 11:03:11 น.



จับตาประชุม ครม.บิ๊กตู่นัด 29 มี.ค.นี้ คมนาคมขออนุมัติรถไฟฟ้า 4 สาย 4 สี มูลค่ากว่า 2 แสนล้าน ลุยประมูลหลังสงกรานต์

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 29 มี.ค.นี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอโครงการรถไฟฟ้า จำนวน 4 โครงการ คิดเป็นวงเงินรวม 203,795 ล้านบาท ให้ ครม.พิจารณาอนุมัติ ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ระยะทาง 21.2 กม. เพื่อรับทราบผลการปรับราคาก่อสร้างใหม่ หลังมติ ครม.ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ปรับลดราคาใหม่ให้ใช้วัสดุในประเทศและให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. วันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา มีมติปรับลดราคาลง 1,620 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ที่ปรับลดไปแล้ว 1,028 ล้านบาท รวมเป็นวงเงิน 2,648 ล้านบาท ทำให้กรอบวงเงินค่าก่อสร้างลดลงจาก 95,108 ล้านบาท เหลือ 92,460 ล้านบาท ซึ่ง รฟม.ได้ปรับจากวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างและชะลอการก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง (เดโป้) ฝั่งตะวันตกออกไปก่อน

นอกจากนี้มีโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) 34.5 กม. เงินลงทุน 56,691 ล้านบาท และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ระยะทาง 30.4 กม. เงินลงทุน 54,644 ล้านบาท ที่ได้บรรจุในโครงการ PPP Fast Track ของกระทรวงการคลัง ซึ่งคณะกรรมการ PPP ได้อนุมัติไปแล้ว ซึ่งเมื่อ ครม.อนุมัติทาง รฟม.จะเปิดประมูลหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนก่อสร้างงานโยธา ระบบราง จัดหาขบวนรถไฟฟ้า รวมถึงบริหารการเดินรถและซ่อมบำรุงเป็นระยะเวลา 30 ปี จะเริ่มดำเนินการได้ในเดือน เม.ย.นี้จะใช้เวลา 9 เดือน

รวมถึงจะเสนอให้ ครม.พิจารณาการจ้างบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม ผู้รับสัมปทานเดินรถไฟฟ้าใต้ดินและสายสีม่วง (เตาปูน-บางใหญ่) ให้ลงทุนระบบอาณัติสัญญาณ ระบบสื่อสาร ระบบตั๋วโดยสารที่สถานีเตาปูน ระยะเวลา 15 เดือน วงเงิน 693 ล้านบาท และเดินรถให้ 1 สถานีจากบางซื่อ-เตาปูน ระยะทาง 1 กม. เป็นระยะเวลา 2 ปี ค่าจ้างปีละ 52 ล้านบาท

ทั้งนี้หาก ครม.เห็นชอบจะลงนามสัญญาได้ทันที เนื่องจากโครงการล่าช้ามานานมากแล้ว เพื่อให้การเดินรถเกิดความต่อเนื่องและพอดีกับการเปิดใช้สายต่อขยายสี น้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) จะเปิดบริการในปี 2561 และเป็นการเตรียมความพร้อมระหว่างรอให้ข้อสรุปหาเอกชนเดินรถสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ที่อยู่ระหว่างดำเนินการคัดเลือกเอกชนตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2556 ตามขั้นตอนของ PPP Fast Track แล้วเสร็จ

https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=QPqms-yYnLs
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44847
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 30/03/2016 10:03 am    Post subject: Reply with quote

ไฟเขียว! โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง "บิ๊กตู่"สั่งหาผู้รับเหมาภายใน 2 เดือน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 29 มี.ค. 2559 เวลา 20:50:34 น.

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบโครงการรถไฟฟ้าจำนวน 2 เส้นทาง ตามมติเห็นชอบของคณะกรรมการ PPP อนุมัติให้เอกชนเข้าลงทุนกับภาครัฐ (PPP) ในรูปแบบ PPP Net Cost โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 34.5 กม. วงเงิน 56,691 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ระยะทาง 30.4 กม.วง 54,644 เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) ระยะเวลาดำเนินการ 33 ปี 3 เดือน แบ่งเป็น ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน และระยะเวลาเดินรถ 30 ปี และเอกชนเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสารและรับความเสี่ยงด้านจำนวนผู้โดยสาร โดยรัฐบาลมีรายจ่ายเฉพาะค่ากรรมสิทธิ์ที่ดิน ที่เหลือเอกชนลงทุนทั้งหมด อาทิ ค่างานโยธา ค่างานระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้า และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการ รวมทั้งบริหารการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการ

นอกจากนี้ ยังอนุมัติค่างานที่เกี่ยวกับการจัดสรรกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูวงเงิน 6,847 ล้านบาทและโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู 6,013 ล้านบาท

เนื่องจากทั้ง 2 เส้นทางเป็นเส้นทางสายรอง ทำให้เอกชนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นรัฐบาลควรจะมีเงินสนันสนุนงานโยธา ทดังวนั้นรัฐบาลจะอุดหนุนประกอบด้วยโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ไม่เกินกรอบวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ไม่เกินกรอบวงเงิน 2.23 หมื่นล้านบาท โดยจะทยอยผ่อนระยะเวลา 10 ปีจนกรอบกรอบวงเงินอุดหนุน นับตั้งแต่โครงการรถไฟฟ้าเปิดให้บริการเดินรถ ทั้งนี้บริษัทใดกำหนดต้องการให้รัฐบาลอุดนุนน้อยที่สุดจะได้โครงการไป

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำชับให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจต้องดำเนินการจัดหาผู้ดำเนินโครงการให้ได้ภายใน 2 เดือน

อย่างไรก็ตาม สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ตั้งข้อสังเกตว่า เอกชนควรจะลงทุนในค่างานโยธามากกว่านี้ หรือกำหนดให้ชัดเจนว่าไม่ต่ำกว่า 25 % ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังตั้งข้อสังเกตเช่นกันว่าการกำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 25 % อาจทำให้ไม่มีความยืดหยุ่น เพราะบริษัทผู้ร่วมเสนอโครงการควรเสนอรับเงินอุดหนุนจากโครงการน้อยที่สุด ดังนั้นข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาในคณะกรรมการประกวดราคาด้วย
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42785
Location: NECTEC

PostPosted: 30/03/2016 12:16 pm    Post subject: อีตาโสภณเปิดประเด็นสายชมพู Reply with quote

ถาม'สายสีชมพู'สร้างให้ใครนั่ง? 'โสภณ'ซัดรบ.ตำน้ำพริกละลายน้ำ
แนวหน้า
วันพุธ ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559, 10.58 น.

30 มี.ค.59 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) แสดงความคิดเห็นกรณีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคลาย - มีนบุรี) ว่า อาจถือเป็นการคิดผิดเป็นอย่างยิ่งของรัฐบาล เนื่องจากเห็นว่า ไม่ใช่เส้นทางที่จะมีผู้คนสัญจรไปมา จึงไม่มีความจำเป็นต้องสร้าง ไม่คุ้มที่จะดำเนินการ พร้อมแนะนำให้รัฐบาลหาแนวทางการพัฒนารถไฟฟ้าสายอื่น อย่าสักแต่สร้างเพื่อหวังผลงานเท่านั้น

ดร.โสภณ แถลงไว้ดังนี้

รถไฟฟ้าสายสีชมพู จะสร้างให้ใครนั่ง (วะ)
AREA แถลง ฉบับที่ 114/2559: วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 255 9

ขณะนี้รัฐบาลกำลัง "ตาลีตาเหลือก" จะสร้างรถไฟฟ้า ดร.โสภณ ขอถาม จะสร้างสายสีชมพูให้ใครนั่ง มีความจำเป็นจริงหรือ เอาเงินไปสร้างสายอื่นไม่ดีกว่าหรือ

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ให้ความเห็นว่าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู อาจถือเป็นการคิดผิดเป็นอย่างยิ่งของรัฐบาล เพราะไม่มีความจำเป็นต้องสร้าง หรือหวังเพียงแต่จะสร้าง จะสร้างให้ได้เข้าทำนอง "กำ ... ดีกว่ากำ ... " หรืออย่างไร

แผนที่เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู
ที่มา : https://market.onlineoops.com/204010

องค์การรถไฟฟ้ามหานคร ให้รายละเอียดว่า รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรีนี้ เป็นโครงการหนึ่งในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ( Mass Rapid Transit Master Plan in Bangkok Metropolitan Region: M-MAP) เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ด้านเหนือของกรุงเทพมหานคร ภายใต้แผนแม่บทฯ ดังกล่าว โดยเป็นระบบขนส่งมวลชนสายรองประเภทรถไฟฟ้ารางเดี่ยว ที่เป็นทางยกระดับตลอดเส้นทาง รวมระยะทางให้บริการ 34.5 กิโลเมตร ( bit.ly/1ZJHkSD ) รถไฟฟ้านี้ประกอบด้วยสถานีทั้งหมด 30 แห่ง โดยมีประมาณการค่าลงทุนด้านงานโยธาและงานระบบเดินรถไฟฟ้า 56,725 ล้านบาท

ประเด็นปัญหาสำคัญสำหรับการสร้างรถไฟฟ้านี้ก็คือ การวิ่งระหว่างชานเมือง (แคลาย - มีนบุรี) ไม่ใช่เส้นทางที่จะมีผู้คนสัญจรไปมา การสร้างรถไฟฟ้า ควรที่จะสร้างเข้าเมืองมากกว่า ในขณะนี้มีอีกหลายสายที่ควรสร้างเพื่อวิ่งเข้าเมือง เป็นการบรรเทาปัญหาการจราจร แต่เส้นทางนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย เป็นเพียงระบบรอง และช่วยบรรเทาปัญหาทางอ้อม จึงไม่คุ้มที่จะดำเนินการ

รัฐบาลควรหาแนวทางการพัฒนารถไฟฟ้าสายอื่น อย่าสักแต่สร้างเพื่อหวังผลงาน ยังมีสิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินการอีกมากมาย

//----------------

หลังจาก อ่าน อีตาโสภณเปิดประเด็นสายชมพู เข้าแล้ว เล่นเอา ผมต้องอธิบายว่า

"สายชมพูมันป้อนสาย เขียว สายแดง และ สายส้มในอนาคต - และ ชาวบ้านย่าน แจ้งวัฒนะ - รามอินทรา เขาเอือมระอา เรื่อง จราจรติดขัด - รถเมล์ รถตู้ มีไม่พอ ถึงมี ก็ กว่าจะมาก็นานเต็มที และ ต้องยัดทะนานกันเข้าไป โดยเฉพาะ อีตอนไปดูงานที่เมืองทองธานี - มาพูดแบบนี้ เสียหายนะครับท่าน"
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 129, 130, 131 ... 278, 279, 280  Next
Page 130 of 280

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©