รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่

[Wisarut]

[Mongwin]

เมกะโปรเจค '8แสนล้าน' ส่อหลุดเป้า
กรุงเทพธุรกิจ 21 สิงหาคม 2560

เมกะโปรเจค "คมนาคม" ระยะเร่งด่วน ส่อหลุดเป้าเดินหน้า 36 โครงการ ลงทุนรวม 8.95 แสนล้านปีนี้ หลัง 8 เดือน ทำได้เพียง 6 โครงการ มูลค่า 4.3 หมื่นล้าน

กระทรวงคมนาคมเปิดฉากปี 2560 ด้วยแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน (Action plan) ซึ่งบรรจุการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานไว้ 36 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 895,757.55 ล้านบาท

กรุงเทพธุรกิจ สำรวจพบผ่านมาร่วม 8 เดือน สามารถดำเนินการตามเป้าหมายเพียง 6 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 43,818.67 ล้านบาท ต้องลุ้นว่า กระทรวงคมนาคมจะผลักดันโครงการที่เหลือได้มากน้อยเพียงใดในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้
สำหรับ Action plan 2560 จำนวน "6 กลุ่มงาน" มีความคืบหน้าดังนี้

กลุ่มที่ 1 โครงการที่ตั้งเป้าหมายพร้อมเปิดให้บริการ มูลค่ารวม 219.66 ล้านบาท ขณะนี้เป็นไปตามแผน 1 โครงการจากทั้งหมด 2 โครงการ ได้แก่
1.โครงการพัฒนาท่าเรือเฟอรี่เชื่อมโยงอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออกและตะวันตก (พัทยา-หัวหิน) เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา และ
2.โครงการบริหารจัดการตั๋วร่วม มูลค่า 219.66 ล้านบาท เลื่อนเวลาเปิดให้บริการจากเดือน มิ.ย. เป็นเดือน ต.ค. นี้

กลุ่มที่ 2 โครงการที่ตั้งเป้าหมายจะเริ่มก่อสร้าง มูลค่า54,798.5ล้านบาท ขณะนี้เป็นไปตามแผน 1 โครงการ จากทั้งหมด 5 โครงการ ได้แก่
1.ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงราย มูลค่า 2,365.81 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา
2.การพัฒนาท่าอากาศยานในภูมิภาคระยะแรก4แห่ง มูลค่า 7,685.50 ล้านบาท ปัจจุบันท่าอากาศยานแม่สอด จ.ตาก และท่าอากาศยานเบตง จ.ยะลา อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ท่าอากาศยานกระบี่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปี 2561 ส่วนท่าอากาศยาน จ.สกลนคร มีผู้โดยสารไม่หนาแน่น จึงสามารถรอการพัฒนาได้

3.ทางพิเศษ (ทางด่วน) พระราม3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันตก มูลค่า 31,244 ล้านบาท ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา คาดเปิดประมูลภายในเดือน ต.ค. และเริ่มก่อสร้างเดือน ธ.ค.2560 แต่มีแนวโน้มว่าการก่อสร้างจะล่าช้าเป็นเดือน มี.ค.2561

4.รถไฟทางคู่หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่า 10,239.58ล้านบาท เตรียมเสนอรายชื่อผู้ชนะการประมูลให้คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ด ร.ฟ.ท.) เห็นชอบ คาดจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีนี้ และ
5.การปรับปรุงระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระอาคารผู้โดยสารหลักท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มูลค่า 3,263.61 ล้านบาท อยู่ระหว่างเปิดประมูลและจะทราบผลในเดือน ต.ค. นี้

กลุ่มที่ 3 โครงการที่เริ่มประกวดราคาได้ 15 โครงการ มูลค่า 468,564.48 ล้านบาท ขณะนี้ยังไม่มีโครงการใดเป็นไปตามเป้าหมาย ได้แก่
1.การจัดซื้อรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) ไฟฟ้า 200 คัน พร้อมก่อสร้างสถานีประจุไฟฟ้า มูลค่า 2,272.22 ล้านบาท ยังไม่เริ่มประกวดราคา
2.รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4 มูลค่า 21,197 ล้านบาท อยู่ระหว่างทบทวนรายละเอียดและเตรียมเสนอโครงการให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา

ด้านการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 2 เส้นทางถูกชะลอไว้ เพื่อรอความชัดเจนเรื่องการโอนทรัพย์สินระหว่างการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้แก่
3.รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วงสมุทรปราการ-บางปู มูลค่า 12,146 ล้านบาท
4.รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วงคูคต-ลำลูกกา มูลค่า9,803ล้านบาท
5.รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย มูลค่า123,354ล้านบาท อยู่ระหว่างทบทวนรูปแบบการประมูล

6.รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ ส่วนต่อขยายช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท มูลค่า 31,149.35 ล้านบาท อยู่ระหว่างทบทวนรูปแบบการประมูล คาดเปิดประมูลพร้อมรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 ท่าอากาศยานในเดือน พ.ย. นี้
7.รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มูลค่า 7,596.94 ล้านบาท อยู่ระหว่างขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ด้านรถไฟทางคู่ 6 โครงการผ่านความเห็นชอบจากบอร์ดการรถไฟฯ แล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงคมนาคม ได้แก่
8.โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย มูลค่า 56,066.25 ล้านบาท
9.โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี มูลค่า 35,839.74 ล้านบาท
10.โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย มูลค่า 26,065.75 ล้านบาท
11.รถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี มูลค่า 23,384.91 ล้านบาท
12.รถไฟทางคู่ ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา มูลค่า 51,823.28 ล้านบาท
13.รถไฟทางคู่ ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ มูลค่า 7,941.80 ล้านบาท

14.รถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ มูลค่า 59,924.24 ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาของการรถไฟฯ และ 15.ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานที่สนามบินอู่ตะเภา อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ

กลุ่มที่ 4 โครงการที่มีเป้าหมายจะนำเสนอ ครม. หรือคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) 8 โครงการ มูลค่ารวม 298,004.67 ล้านบาท ขณะนี้ยังไม่มีโครงการใดเป็นไปตามเป้าหมาย ได้แก่
1.รถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มูลค่า 76,978.82 ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดสภาพัฒน์)
2.รถไฟทางคู่ ช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม มูลค่า60,351.91ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงคมนาคม คาดเสนอให้ ครม. เห็นชอบได้เดือน ต.ค.

3.รถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช และช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา มูลค่า 19,042.13 ล้านบาท อยู่ระหว่างขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4.ท่าเรือแหลมฉบังเฟส3 มูลค่า 35,099.54 ล้านบาท อยู่ระหว่างจัดทำรายงานผลกระทบทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (EHIA) 5.ทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือตอน N2 และ East-West Corridor ด้านตะวันออก มูลค่า 14,382 ล้านบาท อยู่ระหว่างทบทวนรายงานความเหมาะสมและคาดว่าจะเสนอ ครม. ในเดือน พ.ย. นี้

6.ทางด่วน ช่วงกระทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต มูลค่า 10,496.65 ล้านบาท อยู่ระหว่างพิจารณารายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA)
7.ทางพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ช่วงนครปฐม-ชะอำ มูลค่า 80,600 ล้านบาท เตรียมเสนอรายงานพีพีพีให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา
8.โครงการศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนม มูลค่า 1,053.62 ล้านบาท กระทรวงคมนาคมเห็นชอบรายงานพีพีพีและเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาแล้ว

กลุ่มที่ 5 โครงการที่ตั้งเป้าหมายให้เตรียมข้อเสนอโครงการแล้วเสร็จ มูลค่ารวม 48,985.56 ล้านบาท ขณะนี้เป็นไปตามแผน 2 โครงการ จากทั้งหมด 4 โครงการ ได้แก่
1.การพัฒนาท่าเรือเฟอร์รี่เชื่อมอ่าวไทยตอนบน ฝั่งตะวันออก-ตะวันตกในระยะยาว ของกรมเจ้าท่า (จท.) มูลค่า981.70ล้านบาท อยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสม
2.มอเตอร์เวย์ ช่วงหาดใหญ่-ชายแดนไทย-มาเลเซีย มูลค่า 30,500 ล้านบาท อยู่ระหว่างจัดทำรายงานพีพีพีให้เสร็จภายในปีนี้

ด้านการศึกษาโครงการพัฒนาสถานีขนส่ง 2 โครงการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เตรียมเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา ได้แก่ 3.โครงการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้าภูมิภาคชายแดน 9 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงราย ตาก หนองคาย มุกดาหาร สระแก้ว ตราด กาญจนบุรี สงขลา และนราธิวาส มูลค่า 8,065.84 ล้านบาท และ4.โครงการพัฒนาสถานีขนส่งภูมิภาคเมืองหลัก 8 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี ปราจีนบุรี และสุราษฎร์ธานี มูลค่า 9,438.02 ล้านบาท

กลุ่มที่ 6 โครงการสำคัญที่ตั้งเป้าหมายจะผลักดัน วงเงิน 24,049 ล้านบาท ขณะนี้เป็นไปตามเป้าหมาย 2 โครงการ ได้แก่
1.การก่อสร้างจุดพักรถบรรทุก 3 แห่ง ที่บุรีรัมย์ อุบลราชธานี และกำแพงเพชร มูลค่า 450 ล้านบาท ซึ่งได้รับงบประมาณดำเนินการในปี 2561 แล้ว และ
2.โครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชน จ.ภูเก็ต มูลค่า 23,499ล้านบาท ซึ่ง รฟม. เตรียมว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำรายงานพีพีพี

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมเหลือโครงการสำคัญที่ตกค้างจาก Action Plan 2559 ซึ่งยังไม่คืบหน้ามากนัก ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-ระยอง และกรุงเทพฯ-หัวหิน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของ สคร. เพื่อให้เปิดประมูลได้ภายในปีนี้

โครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-ญี่ปุ่น เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ซึ่งมีแผนจะสรุปผลการศึกษาภายในเดือน ส.ค. นี้ และขณะนี้ยังไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจน โครงการรถไฟไทย-จีน เฟส 1 เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ซึ่งผ่านความเห็นชอบจาก ครม. แล้ว ตั้งเป้าจะตอกเสาเข็มภายในปีนี้ รวมถึงโครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ซึ่งต้องขออนุมัติงบประมาณก่อสร้างจาก ครม. เพิ่มเติม

[Wisarut]

คมนาคมพร้อมแก้ไขปัญหาผลกระทบโครงการสร้างรถไฟทางคู่
โดย MGR Online

21 สิงหาคม 2560 14:28 น.
นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจราชการในการประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดนครราชสีมา โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ที่สถานีรถไฟสีคิ้ว-สถานีรถไฟนครราชสีมาและสถานีรถไฟชุมทางถนนจิระ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวหลังการลงพื้นที่ว่า การลงพื้นที่วันนี้มาดูการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนของชาวจังหวัดนครราชสีมา ในข้อเสนอที่ต้องการให้มีการยกระดับทางรถไฟทางคู่ที่จะมีการดำเนินการก่อสร้างที่จะกระทบต่อวิถีการเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งมีการแก้ไขปัญหาโดยในพื้นที่อำเภอสีคิ้วได้สำรวจจุดตัดจำนวน 3 แห่ง เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางได้สะดวกมากขึ้น หากมีการก่อสร้างรถไฟทางคู่และไม่กระทบต่อวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งในพื้นที่อำเภอสีคิ้วน่าจะสามารถแก้ไขไปได้ด้วยดี

ส่วนในพื้นที่ตัวเมืองนครราชสีมานั้น กำหนดหาแนวทางในกรอบที่น่าจะเป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งประชาชนจะมีผลกระทบด้านการจราจรและปัญหาการแบ่งแยกชุมชนออกเป็น 2 ฝั่ง ซึ่งทางการรถไฟได้เร่งแก้ไขปัญหาทั้งในเรื่องของจุดตัดและการยกระดับในพื้นที่ ที่จำเป็นต้องยกระดับ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน

//------------------------------

คิดถึงกันบ้างเด้อ…“นายกฯตู่”โชว์อ้อน นำครม.ลุยโคราชชื่นมื่น ย้ำลูกอีสานไม่ลืมบ้านเกิด ไฟเขียวรวด 3 โครงการใหญ่ (ชมคลิป)
โดย MGR Online

21 สิงหาคม 2560 17:26 น.

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “นายกฯ ตู่” นำ ครม. สัญจร ลงพื้นที่พบชาวโคราชชื่นมื่น ย้ำเป็นคนโคราชลูกอีสานไม่เคยลืมบ้านเกิด พร้อมทุ่มเอาใจไฟเขียวรวด 3 โครงการใหญ่กว่า 6,000 ล้าน ผันน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ลงเขื่อนลำตะคองกว่า 4,000 ล้าน- ยกระดับรางรถไฟทางคู่ช่วงผ่าเมืองโคราชกว่า 2,000 ล้าน และสร้างปอดแห่งใหม่เมืองย่าโมร่วม 100 ล้าน อ้อนเป็นภาษาอีสานว่า “คิดถึงกันบ้างเด้อ” ยันทหารพูดแล้วไม่โกหก

วันนี้ ( 21 ส.ค. ) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดินทาง มาตรวจติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และพบปะกับผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ ประชาชน กว่า 1,200 คน ที่อาคารอเนกประสงค์สวนสาธารณะเทศบาลตำบลหัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ในโอกาสเดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ จ.นครราชสีมา หรือ ครม.สัญจร ระหว่างวันที่ 21- 22 ส.ค.นี้ โดยมี นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ ผู้ว่าราชการจังหวัดอีก 19 จังหวัดภาคอีสานให้การต้อนรับ ท่ามกลางการอารักขาและดูแลความปลอดภัยของกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ อย่างเข้มงวด

โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชมวีดิทัศน์ที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงศักยภาพและปัญหาของภาคอีสาน รวมถึงข้อเรียกร้องของประชาชนชาวโคราชที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรี ดำเนินการแก้ไขปัญหา จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวปราศรัยแก่ประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัย ระบุว่า การเดินทางมาที่ จ.นครราชสีมา ครั้งนี้เหมือนกลับมาบ้าน เพราะตนเป็นคนโคราชเป็นลูกอีสาน ได้มาสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ที่เราเคารพ และยังได้เหรียญที่ระลึกย่าโม ด้วย

ตนเกิดในค่ายทหาร ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา สุจิบัตรระบุอยู่จนทุกวันนี้ เป็นลูกทหาร และแม่เป็นคนชัยภูมิ คนเราต้องไม่ลืมบ้านเกิดตัวเอง และตนก็ไม่เคยลืมเช่นกัน การพัฒนาประเทศนั้นต้องทำทุกระดับ ตั้งแต่ระดับล่างถึงระดับบนเพื่อให้สอดคล้องและสอดรับกัน วันนี้โจทย์ที่เราจะร่วมกันแก้คือเรื่องการสร้างรายได้ทำอย่างไรให้เราหลุดพ้นจากประเทศกำลังพัฒนา รายได้ปานกลางไปสู่ประเทศพัฒนา

สำหรับโครงการที่ชาวโคราชเสนอขอมานั้น ทั้งเรื่องการยกระดับรางรถไฟทางคู่ช่วงผ่านตัวเมืองนครราชสีมา รัฐบาลรับทราบและจะทำการปรับแก้ให้ ส่วนจะได้มากน้อยเพียงใดนั้นกระทรวงคมนาคมกำลังดำเนินการอยู่ ทั้งนี้ต้องคำนึกถึงงบประมาณที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ด้วย ซึ่งต้องใช้งบประมาณ 2,100 ล้านบาท

ส่วนโครงการผันน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มายังเขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา นั้น เป็นโครงการใหญ่เม็ดเงินลงทุนค่อนข้างสูง ถึง กว่า 4,000 ล้านบาท แต่เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำแล้งให้กับเขื่อนลำตะคอง และชาวจังหวัดนครราชสีมา ทางรัฐบาลพร้อมสนับสนุนและบรรจุไว้ในแผนดำเนินงานแล้ว รวมถึงโครงการก่อสร้างปอดแห่งใหม่ของเมืองโคราช บริเวณบึงหัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา กว่า 90 ล้านบาทนั้น ไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งได้รับเสียงปรบมือจากประชาชนที่เข้าร่วมรับฟังการปราศรัยเป็นอย่างมาก

ในช่วงท้ายของการปราศรัยก่อนลงจากเวที นายกรัฐมนตรี พูดอ้อนประชาชนชาวโคราชและพูดเป็นภาษาอีสานในบางช่วง ว่า ตนเองสนับสนุนการเลือกตั้ง แต่ที่ผ่านมาได้คนไม่ดีมาตลอด เพราะคนดีไม่ได้ไปเลือก ส่วนจะเลือกใครก็ไปเรื่องของประชาชน ขออย่าเลือกคนผิดอีก ทุกอย่างเป็นเรื่องชะตากรรมของบ้านเมือง และส่วนตัวก็ต้องรับชะตากรรมอยู่แล้ว ในเมื่อได้เข้ามาอยู่ตรงนี้แล้ว แต่ความหมายของการเลือกตั้ง คือจะต้องได้รัฐบาลที่มี ธรรมาภิบาล ขณะเดียวกัน ขอประชาชนอย่าไปหลงเชื่อคนที่บอกว่าจะให้สิ่งของให้เงินทองพอเลือกเข้ามาก็เป็นแบบเดิม

วันนี้ดีใจ ความจริงอยากพูดให้มากกว่านี้แต่เนื่องจากมีภารกิจมากจึงต้องหยุดไว้เท่านี้ก่อน ซึ่งเฉพาะเอกสารที่ทีมงานร่างมาให้พูดก็ 50 กว่าหน้า ตนร่างเอง อีก70 หน้ารวมเป็น 100 กว่าหน้า ก็ไมได้พูดหมด แต่ทั้งหมดนี่คืออนาคตประเทศไทย อนาคตอีสาน และอนาคตโคราชอยู่ในนี้หมด “ใช่บ่ คิดถึงกันบ้างเด้อ” ก็เป็นไปตามที่ตนพูดไว้ เพราะทหารพูดอะไรโกหกไม่ได้ รวมถึงคำมั่นสัญญาที่ต้องทำ

และยังพูดติดตลกอีก ว่า ไหนบอกขอเวลาอีกไม่นาน...แต่จนถึงวันนี้ 3 ปีแล้วยังไม่ไปซักที ซึ่งตนจะไปก็ไปตามขั้นตอน ไปได้ก็ไป อย่าไล่ผมแล้วกัน ถ้าไล่ก็จะไม่ไป ขอบคุณทุกคน

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ได้ร่วมกันมอบเอกสารที่ดินทำกินตามโครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก่อนเดินทางไปร่วมประชุม กรอ.ภาคอีสาน ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ หลังศาลากลางจังหวัดนคราชสีมา จากนั้น เดินทางลงพื้นเยี่ยมพบปะประชาชนและติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้งน้ำท่วมซ้ำซาก ในพื้นที่ อ.ประทาย และ อ.โนนแดง จ.นครราชสีมา ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ (21 ส.ค.)

[Mongwin]

[Mongwin]

นายกรํฐมนตรี ลงพื้นที่รับฟังปัญหาชาวนครราชสีมา กล่าวว่าจะยกรถไฟทางคู่ช่วงผ่านเมืองให้
สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ 21 ส.ค. 2560

นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์ โอชา พร้อมคณะรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ระหว่างวันที่ 21-22 สิงหาคม 2560 เมื่อถึงโคราช นายกรัฐมนตรี ได้ไปกราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจชาวนครราชสีมา จากนั้นเดินทางลงพื้นที่พบปะประชาชนในเขตเมือง ณ อาคารอเนกประสงค์ สวนสาธารณะบึงหัวทะเล พร้อมคณะ โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และผู้ว่าราชการจังหวัดภาคอีสานทั้งหมดร่วมต้อนรับกับประชาชนชาวนครราชสีมา ประมาณ 1,000 คน

นายกรัฐมนตรี รับฟังข้อคำถามที่เป็นปัญหาในหลายด้านและได้กล่าวกับชาวนครราชสีมา ว่า อยากจะเห็นการพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้ประชาชนมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ อยู่ดีกินดี มีรายได้ ส่วนเรื่องรถไฟทางคู่ ช่วงผ่านตัวเมืองโคราช ที่ประชาชนเรียกร้องก็พร้อมปรับให้ยกระดับ แต่ต้องดูตามความเหมาะสม รัฐบาลก็จะหางบประมาณเพิ่มอีกประมาณ 2,200 ล้านบาท เรื่องโครงการผันน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มาเติมเขื่อนลำตะคอง เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำในอ่างมีน้อยและยังช่วยป้องกันน้ำท่วมภาคกลางได้ด้วย ก็เห็นชอบ พร้อมนำเสนออนุมัติต่อไป และการเพิ่มพื้นที่ป่าในเมืองเพื่อเป็นปอดแห่งใหม่ ที่สวนสาธารณะบึงหัวทะเล ก็อนุมัติให้ชาวโคราชด้วย
และภาคบ่าย นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีกหลายคน ลงพื้นที่พบปะประชาชนที่อำเภอประทาย ดูการพัฒนาโครงการแก้มลิงบึงกระโตน ที่จะเพิ่มการเก็บกักจาก 10 ล้านลูกบาศ์กเมตร เป็น 15 ล้านลูกบาศ์กเมตร คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปีนี้

สำหรับความคืบหน้า การก่อสร้างรถไฟทางคู่ จากภาคกลางถึงหนองคาย นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นำคณะลงพื้นที่โคราชตรวจติดตามโครงการรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางจิระ-ขอนแก่น คืบหน้า 35% ส่วนโครงการ มาบกระเบา – จิระ จะยกระดับในเขตเมืองตามที่คนโคราชเรียกร้อง

โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการะทรวงคมนาคมและคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ– ขอนแก่น ที่บริเวณสถานีรถไฟบ้านกระโตน ตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา และได้ตรวจติดตามการก่อสร้างถนนมอเตอร์สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ตั้งแต่อำเภอกลางดง – ปางอโศก อำเภอปากช่อง และ กม. 3 ถนนบายพาสเลี่ยงเมืองนครราชสีมา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ชุมชนถนนจิระ-ขอนแก่น งานในส่วนนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยตั้งแต่ปี 2559-2560 อยู่ที่ 35% เร็วกว่าแผนเล็กน้อย และยังดูเพื่อเตรียมพร้อมไว้ให้สำหรับรถไฟความเร็วสูง ที่จะเกิดในอนาคตด้วย ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เน้นเรื่องของโครงข่ายและการเชื่อมต่อ ซึ่งได้มอบให้กรมทางหลวงชนบทไปวางแผนในเรื่องการปรับปรุงถนนเข้า-ออกให้เป็น 2 เส้นทาง มีความสะดวกสบายในเรื่องของรถที่เข้า-ออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องมีความสัมพันธ์กับตัวรถไฟความเร็วสูง โดยเฉพาะสถานีรถไฟความเร็วสูงที่อยู่ใกล้ที่สุด สามารถที่จะผ่องถ่ายผู้โดยสารรถไฟท้องถิ่นได้สะดวก
ส่วนทางคู่ยกระดับในเขตตัวเมืองนครราชสีมา จะยกระดับให้ตามที่พี่น้องชาวโคราชได้เรียกร้อง แต่ว่าอาจจะไม่ตลอดทาง แต่ว่าจะดูรูปแบบให้ดีที่สุด ตามที่นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับประชาชนชาวโคราชไปแล้วว่า จะยกรถไฟทางคู่ช่วงผ่านเมืองให้ แม้จะต้องใช้งบประมาณเพิ่มอีกกว่า 2-3 พันล้านบาท ซึ่งอาจต้องใช้เวลาก่อสร้างเพิ่มอีก 19 เดือน

ข้อมูลข่าวและที่มา

ผู้สื่อข่าว : ทิวาพร แสนเมืองชิน
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา

----

คมนาคมลั่นพร้อมลอยฟ้ารถไฟทางคู่โคราช
ฐานเศรษฐกิจ 21 August 2017

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยปลัดกระทรวงคมนาคม อธิบดีกรมทางหลวง อธิบดีกรมทางหลบวงชนบท ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย และคณะเดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น ที่บริเวณสถานีรถไฟบ้านกระโดน ตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจุดดังกล่าวจะเป็นจุดย่านเก็บกองและขนถ่ายตู้สินค้า(ตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้า) พร้อมทั้งตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างจุดจอดพักรถบรรทุกที่บริเวณสถานีตรวจสอบน้ำหนัก ถนนมิตรภาพ อำเภอโนนสูงฯ (ขาออก) ซึ่งก่อนหน้าที่ได้ตรวจติดตามการก่อสร้างถนนมอเตอร์สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ตั้งแต่อำเภอกลางดง – ปางอโศก อำเภอปากช่อง และ กม. 3 ถนนบายพาสเลี่ยงเมืองนครราชสีมา

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า โครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ชุมชนถนนจิระ-ขอนแก่น งานในส่วนนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยตั้งแต่ปี 2559-2560 อยู่ที่ 35% เร็วกว่าแผนเล็กน้อยเรียกว่าเป็นไปตามแผนก็แล้วกัน ที่ตนมาดูวันนี้มาดูความก้าวหน้าของการก่อสร้าง ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมไว้ให้สำหรับรถไฟความเร็วสูงไว้ที่สถานีด้วย เพราะว่าพอเลยสถานีไปจะให้ทางโครงการรถไฟความเร็วสูงวางแนว ซึ่งเราได้เผื่อไว้ให้แล้วในอนาคต

ส่วนการลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและมาประชุม ครม.สัญจรนอกสถานที่อย่างเป็นทางการซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็ได้มอบหมายเน้นเรื่องของโครงข่ายและการเชื่อต่อ ฉะนั้นตนมาดูที่นี่ก็เพื่อที่จะให้ดูว่าเมื่อเวลาโครงการนี้เสร็จแล้วการเข้า การออกสถานีเป็นอย่างไร ซึ่งตนได้มอบให้กรมทางหลวงชลบทไปวางแผนในเรื่องการปรับปรุงถนนเข้า-ออกให้เป็น 2 เส้นทาง ซึ่งทั้งหมดมี 19 สถานี เราเน้นที่ตัวสถานีจะต้องมีความสะดวกสบายในเรื่องของรถที่เข้า-ออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องมีความสัมพันธ์กับตัวรถไฟความเร็วสูง โดยเฉพาะสถานีที่อยู่ใกล้ที่สุดสามารถที่จะผ่องถ่ายผู้โดยสารรถไฟท้องถิ่นได้สะดวก

ส่วนทางคู่ยกระดับในเขตตัวเมืองนครราชสีมาเราก็ได้พูดคุยกันหลายรอบแล้วก็คิดว่าไม่น่ามีปัญหา ซึ่งคงจะยกระดับให้แต่ว่าอาจจะไม่ตลอดทาง แต่ว่าจะดูรูปแบบให้ดีที่สุดไม่ให้บดบังทัศนียภาพของเมืองโคราชตามที่พี่น้องชาวโคราชได้เรียกร้อง

[Mongwin]

บิ๊กตู่นั่งหัวโต๊ะประชุมครม.สัญจร เคาะปรับแผนสร้างรถไฟทางคู่จุดผ่านโคราช
แนวหน้า 22 ส.ค. 2560 07:55 น.

22 ส.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 08.30 น.วันนี้(22 ส.ค.60) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะเป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ(ครม.สัญจร) ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา หลังจากได้มีการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 20 จังหวัด และตัวแทนภาคเอกชน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงลงพื้นที่พบปะประชาชนไปแล้วเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ครม.สัญจร ในวันนี้มีวาระที่น่าสนใจ คือ ทางกระทรวงคมนาคม จะเสนอการปรับแผนก่อสร้างยกระดับเส้นทางรถไฟทางคู่จุดผ่านตัวเมืองนครราชสีมา รวม 4 กม. โครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟความเร็วสูง กทม.-หนองคาย ระยะที่ 1 ช่วง กทม.-นครราชสีมา ในส่วนของสัญญาควบคุมงาน และสัญญาการออกแบบ ที่เมื่อผ่านการอนุมัติจาก ครม.แล้ว จะเป็นเอกสารที่นายกรัฐมนตรีนำไปลงนามกับทางการจีน ในการประชุมกลุ่มเศรษฐกิจบริคส์(BRICS) ที่จะมีขึ้นที่ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 4-5 ก.ย.2560 นี้

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอแนวทางการฟื้นฟูถนนและโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ งบประมาณรวม 3,500 ล้านบาท

[Wisarut]

อาคม"จี้รฟท.ลุยรถไฟทางคู่
เดลินิวส์
อังคารที่ 22 สิงหาคม 2560 เวลา 01.15 น.

อาคมสั่งรฟท.-ทช. ศึกษาลานขนถ่ายตู้สินค้า สร้างถนนเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟทางคู่ชุมทางจิระ-ขอนแก่น

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าโครงการโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กม. 19 สถานี 7 จุดจอดว่า ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว 35% ซึ่งเร็วกว่าแผน 1% โดยอยู่ระหว่างดำเนินการงานติดตั้งชิ้นส่วนคาน ทางรถไฟยกระดับที่จ.ขอนแก่น ก่อสร้างชานชาลา คันทาง และติดตั้งระบบราง เป็นต้น และเพิ่มลานขนถ่ายตู้สินค้าและขนส่งผู้โดยสาร ที่สถานีบ้านกระโดน จากเดิมเป็นแค่จุดจอด ซึ่งได้สั่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ไปศึกษาบริหารลานขนส่งตู้สินค้าว่าจะให้บริการเองหรือให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการ เนื่องจากเอกชนจะมีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด สำหรับสถานีชุมทางบัวใหญ่และสถานีท่าพระให้ศึกษาเกี่ยวกับการเก็บกองขนส่งตู้สินค้าด้วย


นอกจากนี้ให้กรมทางหลวงชนบท (ทช.) วางแผนการพัฒนาถนนเข้าสู่ทั้ง 19 สถานี เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้บริการให้กับผู้โดยสารและขนส่งสินค้า รวมถึงการใช้ประโยชน์เรื่องการเดินทางร่วมกับรถไฟความเร็วสูงหรือไฮสปีดเทรนในสถานีหลัก ได้แก่ สถานีบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น, จ. อุดรธานี และจ.หนองคาย เพื่อขนส่งผู้โดยสารไปยังอำเภอต่างๆ

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ในฐานะรักษาการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า โครงการดังกล่าวตามแผนสร้างแล้วเสร็จ ก.พ. ปี 62 แต่มีช่วงสถานีบ้านไผ่ที่ทำเป็นสถานียกระดับโดยต้องใช้เวลาขยายดำเนินการเพิ่มอีก 2 ปี เฉพาะสถานีนี้แล้วเสร็จ ปี 64 ซึ่งอยู่ระหว่างขออนุมัติจากครม. ขอวงเงินก่อสร้างเพิ่ม 896 ล้านบาท เนื่องจากได้มีการปรับแบบใหม่ โดยยกโครงสร้างสูงยกข้ามถนนแจ้งสนิท และถนนมนตรีเพื่อเข้าสู่สถานีบ้านไผ่ ระยะทางประมาณ 650 เมตร ซึ่งทำให้ค่าก่อสร้างเพิ่ม

“อาคม” รับลูกคนโคราช ปรับแบบรถไฟทางคู่ “ยกระดับ” ผ่าเมือง งบบาน 2,600 ล้าน ชงครม.สัญจรช่วยน้ำท่วมอีสาน 3,500 ล้าน
วันที่ 21 สิงหาคม 2560 - 16:05 น.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี กับภาคเอกชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้มีการปรับแบบโครงการรถไฟทางคู่ในส่วนชุมทางมาบกระเบา-จิระ ซึ่งมีข้อเรียกร้องจากประชาชนจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะช่วงผ่านตัวเมือง ได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้างทางรถไฟเสมอระดับทางทำให้ชุมชนถูกแบ่งเป็นสองฝั่งกระทบต่อการดำรงชีวิตผู้ประกอบอาชีพทั้งสองฝั่ง จึงขอให้กระทรวงคมนาคมทบทวนแบบก่อสร้าง


โดยจะมีการปรับแบบใหม่ ประกวดราคาใหม่ให้เป็นยกระดับประมาณ 4 กิโลเมตร จาก 12 กิโลเมตร ซึ่งจะทำให้งบประมาณเพิ่มขึ้นประมาณ 2,200-2,600 ล้านบาท และจะทำให้โครงการล่าช้าไปอีก 12 เดือน แต่กระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดให้เร็วกว่านั้น

ทั้งนี้ ในการประชุม ครม.สัญจร ที่นครราชสีมา วันอังคารที่ 22 สิงหาคม 2560 กระทรวงคมนาคม จะเสนอขออนุมัติงบประมานช่วยเหลือฟื้นฟูหลังน้ำท่วมในภาคอีสานและภาคเหนือ รวม 3,500 ล้านบาท จากงบกลางกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน 2,100 ล้านบาท และปรับเปลี่ยนงบประมาณส่วนอื่นของกระทรวงอีก 1,400 ล้านบาท

นอกจากนี้จะมีการขออนุมัติการลงนามในสัญญาโครงการรถไฟไทย-จีน 2 สัญญา คือสัญญาการคุมงานก่อสร้าง และสัญญาการออกแบบ เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำไปเจรจาลงนามกับผู้นำฝ่ายจีน ในโอกาสการประชุมกลุ่มประเทศ BRICS ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างวันที่ 4-5 กันยายน 2560

[Mongwin]

[Mongwin]

“บิ๊กตู่” ปากหวานอ้อนประทับใจ “คนโคราช” อนุมัติ 2,600 ล. สร้างทางรถไฟลอยฟ้าแก้รถติด
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 22 สิงหาคม 2560 - 18:36 น.

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่มหาวิทยาลัยสุรนารี จ.นครราชสีมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ว่า การประชุมครม.สัญจรครั้งนี้ มีความรู้สึกที่ดีกับชาวอีสาน ตนได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาต่างๆ จึงขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้มา ซึ่งการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีข่าวว่าประชาชนที่ไม่เห็นด้วยมายื่นหนังสือ และสื่อได้รายงานว่าตนทำสีหน้าไม่พอใจกลับไปด้วย อย่างไรก็ตามยังมีคนที่ยืนหนังสือแสดงความขอบคุณรัฐบาล โดยขอให้ปฏิรูปสื่อด้วย

“ยังมีประชาชนยื่นหนังสือให้กำลังใจรัฐบาล พร้อมขอให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีตลอดไป แต่เรื่องนี้ผมไม่รับ เพราะจะเป็นการหาเรื่อง ผมอยากขอบคุณและดีใจที่ได้มา ผมไม่ได้ต้องการว่าจะท่านจะสนับสนุนผมหรือไม่ ผมประทับใจทุกอย่างที่เป็นโคราช ไม่ว่าจะผู้คน อาหารการกิน สถานที่ น้ำใจไมตรี ถือว่านี่คือดินแดนของประเทศไทยที่มีความสุข แม้จะมีรายได้น้อย ผมก็ยิ่งต้องทำให้เขา และแผ่นดินผืนนี้เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ เพราะบรรพบุรุษไทยตายทับถมไปเท่าไรก็ไม่รู้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การประชุมครม.สัญจรครั้งนี้ ได้มีมติเกี่ยวกับการจัดหาเครื่องมือเพื่อใช้ในการขุดหาแหล่งน้ำ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีเครื่องมือเตรียมการจัดเก็บน้ำ นอกจากนี้ยังจัดหาเครื่องมือด้านการเก็บเกี่ยวให้สหกรณ์การเกษตร เนื่องจากรัฐบาลจำเป็นต้องเร่งรัดโครงการประชารัฐ ส่วนการท่องเที่ยวนั้น มีปัญหาด้านความเสื่อมโทรม ตนจึงสั่งการให้ปรับปรุงซ่อมแซมและอำนวยความสะดวกในการเดิน เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวยังอยู่ห่างไกลกัน เพื่อเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว และได้สั่งการให้ทุกภาคขึ้นทะเบียนแหล่งท่องเที่ยวว่ามีสถานที่ใดเป็นจุดเด่นน่าสนใจบ้าง โดยจัดลำดับ 5 แห่งต่อภูมิภาค และเชื่อมโยงกันทั่วประเทศ เพื่อทำการประชาสัมพันธ์ดึงคนเข้ามาเที่ยว

“ผมขอให้ทุกคนติดตามประเด็นความมั่นคงด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นในต่างประเทศ ไม่เช่นนั้นจะมุ่งแต่ความขัดแย้งภายในของเราเอง โดยลืมเฝ้าระวังเหตุการณ์ภายนอก บางประเทศแม้จะมีความเจริญแล้วก็ตาม แต่ก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นได้ เราจึงต้อช่วยกันระงับเหตุและความขัดแย้งให้ได้โดยเร็ว อย่าให้มีอะไรเข้ามาแทรกซ้อน แล้วเกิดอันตรายต่อประเทศไทย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ครม.มีมติอนุมัติงบประมาณ 2,600 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการสร้างทางรถไฟยกระดับ เป็นระยะทาง 5 กิโลเมตร เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการจราจรในตัวเมืองนครราชสีมา ส่วนจังหวัดอื่นที่มีปัญหาการจราจรก็จะพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป สำหรับการพบปะผู้ว่าราชการจังหวัด 20 จังหวัดนั้น ตนได้กำชับให้รับทราบปัญหาว่าศักยภาพของภาคอีสานเป็นอย่างไร มีพื้นที่จำนวนเท่าไร มีรายได้อยู่ในเกณฑ์ต่ำมาก รวมถึงปัญหาด้านน้ำท่วม ปัญหาฝนแล้ง ทั้งนี้ภาคอีสานมีศักยภาพและความเสี่ยง ดังนั้นการทำงานต้องศึกษายุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป โดยทุกภาคส่วนต้องทำความเข้าใจร่วมกัน

“สำหรับการรับฟังความเห็นจากประชาชน ภาคเอกชน และนักธุรกิจ ในพื้นที่ภาคอีสานไม่ได้เป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมือง แต่กลับพอใจในเสถียรภาพของประเทศ ที่สามารถทำให้ประกอบธุรกิจ ติดต่อราชการ และหาลู่ทางในการลงทุนได้ ผมพร้อมทำงานแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ไม่ต้องเอาผลโพลมาให้ผมดู เพราะผมไม่สนใจ และถึงจะได้ความนิยมศูนย์เปอร์เซ็นต์ผมก็ยังอยู่ ไม่ต้องเขียนให้คะแนนนิยมน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะผมยังจะอยู่ต่อไปตามกฎหมาย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

---

ครม.ปรับแบบรถไฟทางคู่ผ่านตัวเมืองโคราช
ThaiPBS Esan Published on Aug 22, 2017

ได้ข้อสรุปแล้ว สำหรับแผนก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่จุดผ่านตัวเมืองนครราชสีมา ระยะทางรวม 4 กิโลเมตร โดยที่ประชุม ครม.ได้ปรับแผนก่อสร้างให้เป็นทางยกระดับ


https://www.youtube.com/watch?v=kA1P6ccipSg

[Mongwin]

ปิดฉากประชุม ครม.สัญจรโคราช | 23-08-60 | เช้าข่าวชัดโซเชียล
thairath Published on Aug 22, 2017

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดนครราชสีมาปิดฉากลงไปแล้วโดยได้มติอนุมัติงบประมาณให้กับโครงการสำคัญๆหลายโครงการ โดยเฉพาะการแก้ไขแบบก่อสร้างรถไฟทางคู่ เพื่อยกระดับเหนือพื้นดินช่วงผ่านตัวเมืองนครราชสีมาและอนุมัติร่างสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา รวมถึงงบประมาณในการบริหารจัดการน้ำ ติดตามจากรายงาน


https://www.youtube.com/watch?v=G6LSL1765C0