รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่

Mongwin · Posted: 20/12/2017 12:23 am Post subject:

นาทีที่ 33:30 พูดถึงรถไฟทางคู่ ตามด้วยรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนครับ

https://www.youtube.com/watch?v=Isncd7xgDPQ

------

รายการเดินหน้าประเทศไทย 19 ธ.ค. 60 เวลา 18.00 น. พูดถึงรถไฟความเร็วสูงและรถไฟทางคู่เฟสแรก 5 เส้นทางครับ นาทีที่ 10:50

https://www.youtube.com/watch?v=iKg7kzxwDuE

Mongwin · Posted: 20/12/2017 10:10 am Post subject:

ทบทวนมติสร้างรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน5เส้นทาง
แนวหน้า วันอังคาร ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2560, 18.26 น.

คมนาคมเสนอขอทบทวนมติ ครม.รถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วน 5 เส้นทาง

19 ธ.ค.60 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ทางกระทรวงคมนาคมได้เสนอขอทบทวนมติ ครม. และรายงานผลการดำเนินงานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน จำนวน 5 เส้นทาง แยกเป็น งานก่อสร้าง งานระบบอาณัติสัญญาณ และงานที่ปรึกษา ส่วนด้านการก่อสร้างจะมีทั้งหมด 10 สัญญา แบ่งเป็น โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญาการก่อสร้าง 2 สัญญา ,โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ มีสัญญาการก่อสร้างจำนวน 3 สัญญา โดยใน 3 สัญญานี้มี 1 สัญญาเป็นงานก่อสร้างอุโมงค์รถไฟ

โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน สัญญาก่อสร้าง 2 สัญญา ,โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ สัญญาก่อสร้าง 1 สัญญา และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร สัญญาก่อสร้าง 2 สัญญา ซึ่งมี 1 สัญญาที่ยังไม่ได้ประกวดราคา คือ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ ซึ่งจะมีบริเวณ อ.สีคิ้ว ถึงชุมทางถนนจิระ ที่มอบหมายให้ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ไปปรับแบบเพื่อยกระดับขึ้นตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงงานระบบอาณัติสัญญาณที่เตรียมประกวดราคาต่อไป

ทั้งนี้ หลังมีการขอทบทวนมติครั้งนี้มีการปรับราคากลางใหม่ทำให้วงเงินลดลง 2,764 ล้านบาท จากวงเงินเดิมประมาณ 101,748 ล้านบาท เหลือ 98,984 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าก่อสร้าง 82,573 ล้านบาท ค่าระบบอาณัติสัญญาณ 12,921 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษา 2,625 ล้านบาท ค่าเวนคืนที่ดิน 745 ล้านบาท ค่าช่วยประกวดราคาสัญญาที่ 2 ของช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 62.61 ล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียด 57.26 ล้านบาท

สำหรับในขั้นตอนต่อไปทางการรถไฟฯจะทำความตกลงกับทางกระทรวงการคลังและจะมีการลงนามในสัญญาก่อสร้างงานโยธาทั้ง 9 สัญญา ในวันที่ 28 ธ.ค.นี้ โดยในปี 2561จะมีโครงการรถไฟทางคู่อีก 9เส้นทาง ซึ่งจะมีการดำเนินการในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.2561 ก็จะทยอยนำเสนอ ครม.ต่อไป

“ในอนาคตจะมีโครงการรถไฟทางคู่เส้นใหม่อีก 2 เส้นทาง คือ ช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม และช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ รวมถึงจะมอบหมายการรถไฟฯและสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ศึกษาในเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก(EWED) ที่มีแผนให้นครสวรรค์เป็นจุดเชื่อมระหว่างเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้(NSED) และ EWED ซึ่งเส้นทางระหว่างนครสวรรค์-บ้านไผ่ ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษา และจุดเชื่อมต่อจากนครสวรรค์-แม่สอด ที่ทางการรถไฟฯได้มีผลการศึกษาไว้แล้ว” นายอาคม กล่าว

ส่วนนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) กล่าวว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการปรับแบบใหม่ไม่เกิน 6-8 เดือน แต่จะลงนามในสัญญาได้หรือไม่ต้องรอให้ผ่านการพิจารณาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม(EIA) ก่อน

ส่วนในการดำเนินการจะมีการแยกสัญญาเพิ่มเติมหรือไม่ จะต้องมีการหารือร่วมกับทางคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ(คนร.)อีกครั้ง อย่างไรก็ตามสำหรับการดำเนินการโครงการรถไฟทางคู่ระยะแรก ช่วงคลองสิบเก้า-แก่งคอย มีความคีบหน้ากว่า 60% แล้วคาดว่าต้นปี 2562 จะแล้วเสร็จ ส่วนที่บ้านไผ่อาจจะมีการล่าช้าไปอีก 6 เดือน เนื่องจากมีการแก้แบบที่เป็นทางยกระดับ

----

ครม.ไฟเขียวรถไฟ-ไทยจีน ควบทางคู่ 5 เส้น 9 หมื่นล้านบาท
โพสต์ทูเดย์ 20 ธันวาคม 2560 เวลา 10:45 น.

รมว.คมนาคม เผย ครม.ไฟเขียวรถไฟ-ไทยจีน ควบทางคู่ 5 เส้น 9 หมื่นล้านบาท เร่งลงนามปลายเดือนธ.ค.นี้ พร้อมเชิญ 'บิ๊กตู่' ตอกเสาเข็มไทย-จีน 21 ธ.ค.นี้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้มีมติเห็นชอบโครงการรถไฟฟ้าไทย-จีนระยะแรก ช่วง กรุงเทพ-นครราชสีมา วงเงิน 1.79 แสนล้านบาทโดยได้เห็นชอบให้แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 4 ตอน คือ ตอนที่ 1 ช่วงกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กม.
ตอนที่ 2 ช่วงปากช่อง-คลองขนานจิตร ระยะทาง 11 กม.
ตอนที่ 3 ช่วงแก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 119.5 กม. และ
ตอนที่ 4 ช่วงแก่งคอย-บางซื่อ ระยะทาง 119 กม.
ซึ่งในวันที่ 21 ธ.ค.นี้จะทำพิธีวางศิลาฤกษ์เพื่อเป็นสัญลักษณ์ก่อนเดินหน้าก่อสร้างระยะแรก 3.5 กิโลเมตรต่อไป สำหรับการก่อสร้างระยะแรกนั้น ครม.ได้เห็นชอบตามแผนที่กระทรวงคมนาคมได้เสนอให้กรมทางหลวง(ทล.)เป็นผู้ก่อสร้างตอนที่ 1 วงเงิน 425 ล้านบาท เนื่องจากช่วงดังกล่าวเป็นงานก่อสร้างที่ไม่แตกต่างจากการก่อสร้างทางหลวงที่กรมทางหลวงมีความชำนาญอยู่แล้ว โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)จะมีการลงนามในสัญญากับกรมทางหลวงเพื่อให้เข้าไปดำเนินการในวันที่ 20 ธันวาคม 2560

นายอาคม กล่าวว่า หลังจากดำเนินการในตอนที่ 1 แล้ว จะดำเนินการในตอนอื่นๆตามแผนงานที่กำหนดอย่างต่อเนื่อง ส่วนการดำเนินงานในระยะที่ 2 จากนคราชสีมา-หนองคาย จะดำเนินการต่อเนื่องจากระยะที่ 1 ด้วยเช่นเดียวกัน โดยในระยะที่ 2 ทางไทยจะเป็นผู้ดำเนินการเอง จะใช้ผลการศึกษาและแบบการก่อสร้างที่ รฟท.เป็นผู้ดำเนินการนำเสนอ ครม.อนุมัติ ซึ่งการก่อสร้างในระยะที่ 2 ถือว่าไม่มีอะไรยุ่งยากเหมือนระยะที่ 1 เนื่องจากสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ไม่มีภูเขา

นายอาคม กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมครม.ยังได้เห็นชอบผลการประกวดราคาโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง วงเงินรวม 98,984 ล้านบาท ลดลงจากเดิมที่กำหนดวงเงินไว้ที่ 101,748 ล้านบาท หรือลดลง 2,764 ล้านบาท ประกอบด้วย 9 สัญญา จากทั้งหมด 13 สัญญา คือ
1.ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร
2.ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ
3.ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ
4.ช่วงนครปฐม-หัวหิน และ
5.ช่วงหัวหิน-ประจวบฯ

“เดิมทั้ง 5 เส้นทางกำหนดเปิดประกวดราคาไว้ 5 สัญญา แต่ภายหลังได้ปรับเปลี่ยนใหม่เป็น 13 สัญญา ทำให้สามารถปรับลดราคาลงมาได้ ซึ่งหลังจากนี้ รฟท.จะไปลงนามในสัญญากับบริษัทผู้รับเหมา และเริ่มลงมือก่อสร้างได้ในไตรมาส 1 ปีหน้า เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยทำให้โครงข่ายรถไฟสมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งก็ถือเป็นของขวัญปีใหม่ด้วยก็ได้”นายอาคม กล่าวและว่า ในปีหน้าจะมีการประกวดราคาอีก 9 เส้นทาง โดยคาดว่าจะทยอยนำเสนอ ครม.อนุมัติได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2561

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการ รฟท. กล่าวว่า ในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ รฟท.จะลงนามในสัญญากับบริษัทที่ชนะการประกวดราคาทั้ง 5 เส้นทาง เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการเบิกจ่ายก้อนแรกก่อนคิดเป็นวงเงินราว 6,000-7,000 ล้านบาท หลังจากนั้นก็จะเริ่มลงมือก่อสร้าง โดยเส้นทางที่ใช้เวลาในการก่อสร้างมากสุดอยู่ที่ 48 เดือน ส่วนน้อยสุดอยู่ที่ 30 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ ส่วนอีก 9 เส้นทางจะมีการแบ่งสัญญาการประกวดราคาเหมือน 5 เส้นทางหรือไม่ ต้องรอนโยบายจากทางคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง(ซุปเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัดจ้าง)ก่อน

Wisarut · Posted: 20/12/2017 10:57 am Post subject:

Mongwin · Posted: 24/12/2017 8:27 pm Post subject:

รฟท.คาดแบบรถไฟทางคู่ชุมทางจิระเสร็จต้นปี61
INN News ข่าวเศรษฐกิจ วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2560 8:33 น.

รักษาการผู้ว่าการการรถไฟ คาด แบบรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางจิระ-ขอนแก่น ผ่านโคราชเสร็จต้นปี61

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า หลังจากที่ได้ข้อสรุปเรื่องแบบการก่อสร้าง รถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ว่าจะทำการยกระดับรางรถไฟทางคู่ในเขตตัวเมืองนครราชสีมาขณะนี้ได้เร่งปรับแบบให้แล้วเสร็จภายในต้นปีหน้าเพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าก่อสร้างได้

ทั้งนี้ การยกระดับให้แต่อาจไม่ตลอดทาง แต่จะพิจารณารูปแบบให้ดีที่สุด ไม่ให้บดบังทัศนียภาพของเมืองโคราชตามที่พี่น้องชาวโคราชได้เรียกร้อง

ส่วนความคืบหน้า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เฟสแรก จำนวน 5 เส้นทาง คือ 1. ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 2. ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 3. ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ 4. ช่วงนครปฐม-หัวหิน และ 5. ช่วงหัวหิน-ประจวบฯ รวมระยะทาง 668 กิโลเมตร มูลค่ารวม 9.58 หมื่นล้านบาท หลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้หมด 28 ธันวาคมนี้

Mongwin · Posted: 25/12/2017 11:22 pm Post subject:

เตรียมเสนอ ครม. พิจารณา รถไฟทางคู่ภาคเหนือ
สำนักข่าวไทย Breaking News 25 ธ.ค. 2017 20:20:42

“ปรเมธี” เลขาธิการ สศช. เผยที่ประชุมยุทธศาสตร์ภาคเหนือเตรียมเสนอ ครม. พิจารณาโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางลพบุรี-เชียงใหม่ และเส้นทางเชียงใหม่-เชียงของ ในเดือน มี.ค.61 และมีข้อเสนอสร้างเส้นทางรถไฟเส้นใหม่ จาก อ.ลำนารายณ์ จ.ลพบรี-เพชรบูรณ์ เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟทางคู่ภาคเหนือและรถไฟความเร็วสูง และแผนสร้างมอเตอร์เวย์เชียงใหม่-เชียงราย โดยเร่งรัดแผนเริ่มก่อสร้างให้เร็วกว่าปี 65

Mongwin · Posted: 26/12/2017 12:51 pm Post subject:

“บิ๊กตู่” โปรยงบภาคเหนือตอนล่าง ดึงคันเร่ง 3 โครงการน้ำ-ราง-สนามบิน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 25 ธันวาคม 2560 - 18:25 น.

“บิ๊กตู่” โปรยงบภาคเหนือตอนล่าง ดึงคันเร่ง 3 โครงการน้ำ-ราง-สนามบิน ดันท่าอากาศยานเชียงใหม่ แห่งที่ 2 รองรับนักท่องเที่ยว 35 ล้านคน แก้น้ำท่วม-แล้งลุ่มแม่น้ำยม 1.4 พันล้าน ชงรถไฟเส้นทาง เด่นชัย-เชียงของ ลพบุรี-เชียงใหม่ เข้า ครม.มี.ค.62 “ไฮสปีดเทรน” กรุงเทพ ฯ-เชียงใหม่ ส่ออืด ทบทวนความคุ้มค่า 4 แสนล้าน

เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2560 ที่ห้องประชุมศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ 2 มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศส.) แถลงผลการประชุมระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่นและผู้แทนเกษตรกรภาคเหนือ ระหว่างเดินทางไปประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) อย่างเป็นทางการ จังหวัดพิษณุโลก-สุโขทัย ระหว่างวันที่ 25-26 ธันวาคม 2560 ว่าที่ประชุมได้รับทราบข้อเสนอเพื่อนำไปพิจารณา 6 ด้าน ประกอบด้วย

1.ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ 1.1 การพัฒนาโครงข่ายการขนส่งทางอากาศ (1) เร่งรัดโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่แห่งที่ 2 เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเต็มศักยภาพในปี 2573 จำนวน 35 ล้านคน ในพื้นที่ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) เชื่อมต่อจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน อำเภอบ้านทิ (2) ปรับปรุงพัฒนาท่าอากาศยาน ประกอบด้วย การขยายทางวิ่งท่าอากาศยานลำปาง แพร่ น่าน และพิษณุโลก ทั้งหมดอยู่ในแผนการขอกรอบวงเงินงบประมาณในปี 2562

1.2 การพัฒนาโครงข่ายการขนส่งทางบก (1) โครงการมอเตอร์เวย์เชียงใหม่-เชียงราย ซึ่งต้องเจาะภูเขาและอุโมงค์ ถึงแม้จะร่นระยะเวลาในการเดินทางได้เร็วขึ้น แต่ก็ต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น มากกว่าการขยายช่องจราจร 4 เลน ตามแผนของกระทรวงคมนาคม ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมจะต้องไปศึกษาความคุ้มค่าอีกครั้ง (2) สร้างศูนย์การขนส่งสินค้าไปสู่การขนส่งหลายรูปแบบ (Multi Modals Transportation Logistics Center) ซึ่งอยู่ในแผนในปีงบประมาณ 2562 และการเวนคืนที่ดิน

(3) พัฒนาระบบรถไฟฟ้ารางเบา จังหวัดเชียงใหม่ หรือ Light Rail Transit System (LRL) โดยรัฐบาลลงทุนเอง หรือ ร่วมทุนกับเอกชน (Public Private Partnership : PPP) ยังไม่ได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตามรัฐบาลเห็นว่า รูปแบบการลงทุนควรเป็น PPP โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ PPP ต่อไป ทั้งนี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งทางบกและจราจจร (สนข.) ได้ศึกษาเส้นทางทั้งใต้ดินและบนดิน 34 กิโลเมตรและบนดินทั้งหมด 41 กิโลเมตร

(4) ก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่ (เชียงใหม่-เลี่ยงเมืองลำพูน) (5) พัฒนาโครงการข่ายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 จังหวัดกำแพงเพชร-สุโขทัย-อุตรดิษถ์-แพร่-น่าน-พะเยา-เชียงราย เพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลก และ (6) ขยายช่องทางจราจร 3-4 ถนน ได้แก่ 1) ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 106 เป็น 4 ช่องทางจราจร และสำรวจออกแบบช่วง อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง-อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เชื่อมต่อไปยังอำเภอแม่สะเรียง-อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน 2) ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1091 อำเภอจุน-อำเภอปง-อำเภอเชียงม่วน-จังหวัดน่าน 3) ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 115 กำแพงเพชร-พิจิตร-พิษณุโลก และ 4) ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 หล่มสัก-เพชรบูรณ์-ทาลี่-เลย ทั้งนี้บางช่วงยังมีการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่

1.3 การพัฒนาโครงข่ายการขนส่งทางบก (1) การก่อสร้างสะพานเชื่อมโยงเศรษฐกิจภูมิภาค ทางหลวงหมายเลข 1026 ตอนผาเวียง-ปากนาย เพื่อบรรจบทางหลวงหมายเลข 1339 ตอนน้ำปาด-ปากนาย และ (2) เส้นทางสายแม่สอด-ตาก เชื่อมทางหลวงหมายเลข 12 เพื่อเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจตะวันตก

1.4 การพัฒนาโครงข่ายการขนส่งทางราง เห็นชอบผลักดันระบบรางเส้นใหม่ เส้นทางเด่นชัย-เชียงของ ลพบุรี-เชียงใหม่ และ คาดว่าจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเดือนมีนาคม 2561 นอกจากนี้ภาคเอกชนเสนอรถไฟทางคู่ เส้นทางลพบุรี-เพชรบูรณ์ ด้วย

ขณะที่รถไฟความเร็วสูงเส้นทาง กรุงเทพ ฯ – พิษณุโลก – เชียงใหม่ ผลการศึกษาของญี่ปุ่น ลงทุนสูง ประมาณ 4 แสนล้าน จึงต้องพิจารณาเรื่องคุ้มค่าการลงทุน ผลตอบแทน เนื่องจากหากเปรียบเทียบกับรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เส้นทาสง กรุงเทพ ฯ – หนองคาย ซึ่งผลประโยชน์ตอบแทนทางเศรษฐกิจชัดเจน

2.ด้านการบริหารจัดการน้ำภาคเหนือ โดยเฉพาะลุ่มแม้น้ำยม เสนอโครงการขนาดเล็ก เช่น ฝาย และ โครงการปรับปรุงประตูระบายน้ำตอนล่างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ โดยกรมชลประทานจะขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม วงเงิน 1,400 ล้านบาท ผ่านคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ

3.ด้านการเกษตรและแปรรูป โดยขอรับการสนับสนุน “โครงการเกษตรอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกภาคเหนือ” โดยใช้ผักผลไม้ที่สร้างรายได้สูงเพื่อนำร่อง ได้แก่ กล้วยหอม สัปปะรด กระเจี๊ยบ มะม่วง ข้าว ไผ่ และพืชสมุนไพร คาดว่าจะมีเกษตรกรร่วม 5,000 ราย สร้างรายได้ 9,000 ล้านบาท ยกระดับเป็นพืชส่งออกและแปรรูป

4.ด้านการค้าและการลงทุน (1) การอำนวยความสะดวกการผ่านแดนโดยการทำ Visa on Arrival (VOA) ณ ด่านชายแดนและเมียนมา กระทรวงต่างประเทศรับไปพิจารณา (2) การทำความตกลงทวิภาคีการเปิดเดินรถส่วนบุคคลเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างไทย-เมียนมาได้ (3) การอนุญาตให้รถขนส่งของเมียนมาเข้ามาขนส่งสินค้าในฝั่งไทยด้านด่านแม่สอด จังหวัดตาก (4) ศึกษาเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันตก (West Economic Corridor : WEC) ในพื้นที่ จังหวัดตาก พิษณุโลกและสุโขทัย ทั้งนี้อยู่ในเส้นทางยุทธศาสตร์ East-West Economic Corridor อยู่แล้ว

และ (5) เร่งรัดดำเนินการเพิกถอนเส้นทางในการก่อสร้างถนนเพื่อการคมนาคมและการค้าระหว่างประเทศไปยังจุดผ่อนปรณบ้านห้วยต้นนุ่น จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเวียงเหล้าและป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่เงา-แม่สำเพ็ง ระยะทาง 9.7 กม. 365 ไร่ เพื่อยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวรในอนาคต ดังนั้นจึงให้กระทรวงกลาโหมและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปพิจารณาศึกษาร่วมกันอีกครั้ง เนื่องจากมีข้อติดขัดเรื่องความไม่ชัดเจนของเขตแดน

นอกจากนี้เอกชนยังขอให้พิจารณาสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้าศักยภาพการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปมูลค่าเพิ่มสูงภาคเหนือ (Northern Thailand Food Valley & Fruit Expo) และ (2) การจัดงานแสดงสินค้าและจับคู่ธุรกิจภาคเหนือในระดับนานาชาติ (Northern Thailand GMS Trade Fair and Business Forum) โดยกระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาดำเนินการ

5.ด้านการแพทย์ การบริการผู้สูงอายุและสังคม เนื่องจากภาคเหนือมีอัตราผู้สูงอายุสูง หรือร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ จึงต้องมีโครงการดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร การผลักดันนโยบายเมืองสมุนไพร (Herb City)

6.ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว เนื่องจากการท่องเที่ยวในภาคเหนือไปได้ดี ซึ่งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยบูรณาการระหว่างกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬากับกระทรวงคมนาคมเพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคมระหว่างภูมิภาคกับการท่องเที่ยวตามจุดต่าง ๆ

Wisarut · Posted: 26/12/2017 3:54 pm Post subject:

ความก้าวหน้าของการสร้างสถานีบ้านดอนใหญ่ ในทางคู่ถนนจิระ - ขอนแก่น
https://www.facebook.com/pr.railway/posts/1969584613056400

Mongwin · Posted: 26/12/2017 3:55 pm Post subject:

ครม.รับทราบแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งภาคเหนือ
เผยแพร่: 26 ธ.ค. 2560 14:54:00 โดย: MGR Online

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ จ.สุโขทัย ว่า ที่ประชุมฯ ได้รับทราบแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งในภาคเหนือ ประกอบด้วย การคมนาคมขนส่งทางบก ซึ่งในภาคเหนือมีงบประมาณที่ได้ขับเคลื่อนด้านการคมนาคม ประมาณร้อยละ 24 ของงบประมาณในการสร้างถนน โดยกระทรวงคมนาคมมีผลการดำเนินงานที่ผ่านมา สรุปได้ดังนี้

1.การก่อสร้างถนนสี่ช่องจราจร ถนนหลวง หมายเลข 12 แม่สอด-มุกดาหาร โดยรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมได้รายงานความคืบหน้าว่า ถนนจากแม่สอด-มุกดาหาร แบ่งเป็น 4 ตอน ขณะนี้แล้วเสร็จ 3 ตอน คงเหลืออีก 1 ตอน คือ แม่สอด-ตาก ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วร้อยละ 5 เนื่องจากยังติดขัดในการสร้างเส้นทางที่คาบเกี่ยวบริเวณที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ ทั้งนี้ มีความจำเป็นที่ต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งจะได้ประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมธรรมชาติในการแก้ไขปัญหาต่อไป

2.การก่อสร้างเส้นทางเลี่ยงเมืองเชียงใหม่ (เส้นทางป่าตอง - หางดง) เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรที่มีสภาพจราจรผ่านเมืองหลัก เช่น ถนนเลี่ยงเมืองสันป่าตอง-หางดง จ.เชียงใหม่ โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้เริ่มดำเนินภายในปี 2561

3.ระบบพัฒนาการขนส่งในเมืองหลัก คือ เชียงใหม่ พิษณุโลก ที่ต้องการให้มีระบบขนส่งสาธารณะ รถราง รถไฟ ในเขตตัวเมือง เพื่อพัฒนาการขนส่งทางบกทางถนน

ส่วนการคมนาคมทางราง มีการเสนอโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ลพบุรี – ปากน้ำโพ และปากน้ำโพ - เด่นชัย โดยในช่วงลพบุรี – ปากน้ำโพ จะสามารถลงนามได้ภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2560 ส่วนเส้นทางปากน้ำโพ - เด่นชัย จะสามารถนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561

ส่วนที่สองโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ (ทางคู่) คือ สายเด่นชัย เชียงราย เชียงของ อยู่ในการพิจารณารายละเอียดของสภาพัฒน์ และจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในปี 2561

ส่วนที่สาม คือ รถไฟความเร็วสูง (ความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น) สาย กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ แบ่งออกเป็นระยะที่ 1 กรุงเทพฯ – พิษณุโลก ระยะทาง 380 กิโลเมตร คาดว่าจะสามารถนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติโครงการของคณะรัฐมนตรีได้ภายในต้นปี 2561

ขณะที่การคมนาคมขนส่งทางอากาศ จะมีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร ของท่าอากาศยานเชียงใหม่แห่งที่ 2 ซึ่งอยู่ระหว่างกำลังพิจารณาระหว่าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ หรือ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ซึ่งขณะนี้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศอยู่ระหว่างการจัดทำแผนแม่บทในการจัดตั้งและศึกษาความเหมาะสม ขณะเดียวกัน อาคารหลังเดิมของท่าอากาศยานเชียงใหม่ จะมีการขยายปริมาณรองรับผู้โดยสารให้มากขึ้น จาก 10 ล้านคนต่อปี จะขยายให้ได้ 20 ล้านคนต่อปี และจากเดิมรองรับสายการบินจาก 24 เที่ยวต่อสัปดาห์ เป็น 34 เที่ยวต่อสัปดาห์

ส่วนการคมนาคมขนส่งทางน้ำ จะมีการพัฒนาปรับปรุงทางเดิน 98 ร่องน้ำ อีกด้วย

----

ครม.เห็นชอบพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภาคเหนือ
สำนักข่าวไทย 26 ธ.ค. 2017 15:22:12

สุโขทัย 26 ธ.ค. – ครม.เห็นชอบพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภาคเหนือ เตรียมลงนามเส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ 28 ธ.ค.นี้ คาดรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลกเสนอ ครม.ต้นปี 61 สั่งคมนาคมขยายถนนรองรับท่องเที่ยวเมืองรอง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.สั่งการให้ศึกษาแผนก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นใหม่ เด่นชัย -เชียงราย-เชียงของ หลังจากศึกษามา 30 ปี แต่ยังไม่ได้ริเริ่มโครงการ จึงเร่งรัดให้นำเสนอ ครม.ภายในปี 2561 และเร่งรัดแนวทางก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางปากน้ำโพ-เด่นชัย เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาและกำหนดลงนามไตรมาสแรกปี 2561 ส่วนเส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ มีกำหนดลงนามวันที่ 28 ธันวาคมนี้ โดยใช้แนวทางพัฒนาควบคู่ไปเส้นทางรถไฟรางเดิม เพื่อลดระยะเวลาการเดินทางให้รวดเร็วขึ้นจาก 14 ชั่วโมง เหลือ 12 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ยังสั่งการให้นำผลการศึกษาของญี่ปุ่นในการสร้างรถไฟเส้นทางกรุงเทพฯ -พิษณุโลก ระยะทาง 380 กิโลเมตร วงเงินก่อสร้าง 270,000 ล้านบาท และเฟส 2 ช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่ ให้ศึกษาดูว่าควรเป็นรถไฟความเร็วสูง หรือความเร็วปานกลาง เพราะการเดินทางโดยรถไฟไปภาคเหนือไม่ได้เชื่อมต่อกับประเทศอื่นเหมือนกับเส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาต้นปี 2561 นายกรัฐมนตรียังสั่งการให้กระทรวงคมนาคมขยายและปรับปรุงถนนเชื่อมโยงระหว่างภาคต่าง ๆ ในเส้นทางรอง เพื่ออำนวยความสะดวกการท่องเที่ยวในภูมิภาคมากขึ้นรองรับการเดินทางไปท่องเที่ยวในเมืองรอง

รวมทั้งสั่งการให้ศึกษาแผนสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารแห่งใหม่ของสนามบินเชียงใหม่ รองรับผู้โดยสารจาก 10 ล้านคน เป็น 20 ล้านคนในปี 2578 การขยายเส้นทางจราจรให้คล่องตัว ตลอดจนสั่งเร่งรัดแผนขยายรันเวย์ของสนามบินลำปาง แพร่ น่าน จากระยะ 1,500-1,900 เมตร เพิ่มเป็น 2,500 เมตร รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ในการขึ้นลง ส่วนสนามบินพิษณุโลกให้ขยายอาคารเทียบผู้โดยสารให้เพียงพอ การขยายสนามบินแม่สอด-เมียนมาร์ เพิ่มเติม เพื่อเปิดบริการให้ได้ในปี 2561 หลังจากปรับปรุงคืบหน้ามากแล้วร้อยละ 80-90

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นว่างบการก่อสร้างถนนทั้งประเทศสัดส่วนร้อยละ 24 จัดสรรมายังภาคเหนือ จึงต้องการให้ขยายเส้นทางหมายเลข 12 แม่สอด-มุกดาหาร ส่วนที่เหลือร้อยละ 5 ยังตัดผ่านต้นไม้ขนาดใหญ่ไม่ได้ จึงต้องหาทางแก้ไขและแผนสร้างทางเลี่ยงเมืองสันป่าตอง-หางดงของเชียงใหม่ กำหนดให้เร่งสร้างภายในปี 2561 และการพัฒนาระบบรถไฟรางเบาของเชียงใหม่ให้เร่งศึกษาแผนลงทุนลดปัญหาจราจร.-สำนักข่าวไทย

Mongwin · Posted: 26/12/2017 5:40 pm Post subject:

คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ วิทยาเขตสุโขทัย จังหว้ดสุโขทัย
ทำเนียบ รัฐบาล 26 ธ.ค. 60

นาทีที่ 37 ครับ

https://www.youtube.com/watch?v=NBwbVj7lAVY#t=37m

Mongwin · Posted: 27/12/2017 11:29 am Post subject:

เดินหน้าประเทศไทย มติคณะรัฐมนตรีฉบับประชาชน
MGR Online VDO Published on Dec 26, 2017
26/12/2017 เดินหน้าประเทศไทย มติคณะรัฐมนตรีฉบับประชาชน

นาทีที่ 6:10 พูดถึงรถไฟทางคู่ ลพบุรี-ปากน้ำโพ ปากน้ำโพ-เด่นชัย เด่นชัย-เชียงรายครับ

https://www.youtube.com/watch?v=4G-Z_IJABLc#t=6m10s