Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 20/12/2018 12:47 pm Post subject:
ข่าวล่ามาแรงครับ
VDO Presents งานเพิ่มประสิทธิภาพทางหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นทาง 3 ยาวถึงฉะเชิงเทรา และทางคู่จากฉะเชิงเทรา-ศรีราชา และงานทำทางคู่ใหม่ ศรีราชา-เขาชีจรรย์-สัตหีบ-มาบตาพุด
จะมีการปรับปรุงทางเก่า(น่าจะเป็นทาง 3 ช่วงหัวหมาก-หัวตะเข้)
ปรับระบบอาณัติสัญญาณ
แก้จุดตัด (ผมขอร้องตรงนี้เลยว่าช่วยแก้จุดตัดพระจอมเกล้าหน่อยเถอะครับ จะยก จะลอดยังไงก็ทำเถอะ เพราะรถติดทั้งรถภายนอก ทั้งรถนักศึกษา ติดกันทุกเช้า ยิ่งเจอขบวนขนสินค้า คือรอกันยาวๆเลย)
ทำทางคู่ใหม่ ศรีราชา-เขาชีจรรย์-มาบตาพุด
ทำทางคู่ใหม่ เขาชีจรรย์-สัตหีบ
และทางเลี่ยง (chord line) เข้าแหลมฉบัง และสัตหีบครับ
ความน่าสนใจของสายนี้คือช่วยส่งเสริมการเดินทางในเขต EEC และเชื่อมต่อกับทางคู่เส้นแก่งคอย-คลองสิบเก้า ที่กำลังก่อสร้างอยู่เพื่อจะเชื่อมโยงตะวันออกและอิสานเข้าด้วยกัน
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=586069965164820&id=491766874595130
https://www.youtube.com/watch?v=7vtBPnyW0l0
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 21/12/2018 6:40 pm Post subject:
รถไฟทางคู่ มรดก คสช.
"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
โดย "โชกุน"
ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 21 ธันวาคม 2561 17:24
หนึ่งในนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ คือ เศรษฐกิจรถไฟ แต่มันคืออะไร ไม่มีใครรู้ เพราะไม่มีรายละเอียด
ก่อนหน้านี้ สัก 3-4 เดือน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เดินทางไปสหรัฐอเมริกา ได้ไปดูรถไฟไฮเปอร์ ลูบ ซึ่งมีความเร็วถึงชั่วโมงละ 1,000 กิโลเมตร แต่ยังอยู่ในระยะทดลอง จึงเกิดไอเดียว่า จะเอาไฮเปอร์ลูบ มาแทนรถไฟความเร็วสูง เพื่อให้เกิดระบบขนส่งมวลชนที่ก้าวหน้า ทันสมัย สะดวกสบาย กระจายความมั่งคั่งสู่ทุกพื้นที่ที่รถไฟผ่าน และยังทำให้ไทยกลายเป็นประเทศแถวหน้าผู้นำนวัตกรรมขนส่งมวลชนที่ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เศรษฐกิจรถไฟของพรรคอนาคตใหม่ คงจะไม่ใช่ ไฮเปอร์ลูบ ที่เป็นเพียงความฝันฟุ้ง ที่ห่างไกลจากความเป็นจริงของนายธนาธร เช่นเดียวกับฝันเฟื่องอีกหลายๆเรื่องที่เป็นนโยบายของพรรคอนาคตใหม่
ความจริง การพัฒนาระบบรถไฟได้เกิดขึ้น อย่างเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ในยุค คสช. นี่แหละ เป็นหนึ่งในผลงานชิ้นสำคัญของรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ที่จะพลิกโฉมหน้าประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้ จะชอบหรือไมใชอบ คสช. ก็แล้วแต่ แต่นี่คือ มรดกที่ คสช. ได้สร้างไว้ให้กับคนไทยรุ่นต่อๆไป
ปัจจุบัน ทางรถไฟในประเทศไทย มีความยาวรวมกันประมาณ 3,000 กิโลเมตร เป็นทางเดี่ยว ที่ทำให้การเดินทางขนส่งสินค้าด้วยรถไฟเสียเวลามาก เพราะต้องรอสับหลีก
อีกไม่เกินสิบปีต่อจากนี้ เราจะมีทางรถไฟเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว คืออีกประมาณ 3,000 กิโลเมตร จากโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สร้างรางเพิ่มขึ้นอีก 1 ราง ในเส้นทางเดิม ทั่ว ประเทศ และสร้างทางคู่ใ นเส้นทางใหม่เพิ่มเติม
การก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะแรก 7 เส้นทางได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2559 ประกอบด้วยเส้นทาง ฉะเชิงเทรา -*แก่งคอย , ชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น ,มาบกะเบา -ชุมทางถนนจิระ ลพบุรี-ปากน้ำโพ , นครปฐม-หัวหิน ,หัวหิน- ประจวบคีรีขันธ์ และประจวบคีรีขันธ์ -ชุมพร
ระยะที่สองอีก 9 เส้นทาง คือช่วงชุมพร - สุราษฎร์ธานี, สุราษฎร์ธานี - สงขลา, หาดใหญ่ -ปาดังเบซาร์, ปากน้ำโพ-เด่นชัย , เด่นชัย - เชียงใหม่ , ขอนแก่น-หนองคาย ,ชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี , บ้านไผ่-นครพนม และช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
ช่วงเด่นชัย -เชียงราย-เชียงของ เป็นเส้นทางใหม่ ระยะทาง 326 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงการเก่า นานหลาสยสิบปีล้ว แต่ไม่ได้สร้างสักที เส้นทางนี้ และเส้นทางสายอีสานที่ไปสิ้นสุดที่หนองคาย ก็จะเชื่อมกับรถไฟไปลาว ไปถึงจีนตอนใต้ โดยไม่ต้องง้อ one belt one road ของจีน ไม่ต้องเสียเงินไปลงทุนกับโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ที่ไม่มีเหตุผลที่จะสร้างเลย ยกเว้น เกรงใจ และเกรงกลัวจีน จีน ไม่กล้าบอกเลิก
ทั้งหมดนี้ใช้เงินลงทุนประมาณ 5 แสนล้านบาท มากกว่ามุลค่าการลงทุนรถไฟความเร็วสุง กรุงเทพ -โคราช - หนองคาย ประมาณ 1 แสนล้านบาท เป็นวงเงินที่สูงมาก แต่คุ้มค่า เพราะจะได้ใช้ทั้งประเทศ ใช้ได้ไปถีงชั่วลูกชั่วหลาน เป็นการปฏิรูประบบขนส่งทางรางครั้งใหญ่ที่สุด ในรอบ120 กว่าปีนับตั้งแต่ มีทางรถไฟสายแรกเกิดขึ้นในประเทศไทย
รถไฟทางคู่นี้ จะขนได้ทั้งคนและสินค้า ความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าเพียงพอแล้ว เมื่อรถไฟวิ่งได้เร็วขึ้น เพราะไม่ต้องรอสับหลัก และเป็นเทคโนโลยี่ใหม่ การขนส่งสินค้า ที่ใช้ถนน ก็จะย้ายมาใช้ระบบราง ซึง่มีต้นทุนถูกกว่ามาก ปัจจุบัน การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เปิดประมูลผู้ลงทุนก่อสร้าง และบริหาร สถานีขนถ่ายสินค้า ตามสถานีใหญ่ๆไปแล้วหลายแห่ง
นายวรวุฒิ มาลา รักษาการ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เคยให้สัมภาษณ์ว่า ความเร็วของขบวนรถขนส่งสินค้าจาก 35 - 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะเพิ่ม เป็น 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และรถไฟขบวนขนส่งผู้โดยสารเพิ่มความเร็วจาก 50 - 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะทำให้การเดินทางในระยะ 300-500 กิโลเมตร จาก กรุงเทพ เช่น โคราช,หัวหิน,พิษณุโลก เร็วขึ้นจากเดิม 4-5 ชั่วโมง เหลือไม่ถึง 3 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นจุดขายของรถไฟที่มีความสะดวกมากขึ้นเมื่อมีสถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์กลางเชื่อมการเดินทางกับระบบขนส่งมวลชนและรถสาธารณะอื่นๆ
การเปิดประมูล รถไฟทางคู่ระยะที่สอง ล่าช้าจากแผน ที่จะต้องเสร็จสิ้นภายในปีนี้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีการเปิดประมูลเลยแม้แต่เส้นทางเดียว ทางที่ดี รัฐบาลควรจะเร่งเปิดประมูลให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง จะได้พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า นี่คือผลงานอันเป็นมรดก ของรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากวิถีทางประชาธิปไตยที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการเดินทางและการขนส่งสินค้า ในอนาคตอันใกล้นี้ เป็นอนาคตใหม่ที่เป็นจริง
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=2077478495632418&set=a.1878620525518217&type=3&theater
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44801
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 24/12/2018 11:13 am Post subject:
เดินหน้ารถไฟทางคู่อีอีซี เชื่อมท่าเรือ-นิคมฯ ลดต้นทุนขนส่ง
กรุงเทพธุรกิจ 24 ธันวาคม 2561
รฟท.เดินหน้าศึกษารถไฟทางคู่ เชื่อม 3 ท่าเรือ อีอีซี กระจายสินค้าทั่วประเทศ ลดต้นทุนการขนส่ง คาดเดือนมี.ค.2562 ได้ผลการศึกษาเบื้องต้น หากไฟเขียวใช้เวลาอีก 6 เดือนออกแบบรายละเอียด คาดใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี ทันรองรับโครงการอีอีซี
นายสมเกียรติ เตรียมแจ้งอรุณ วิศวกรโครงการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความจุทางรถไฟ ช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา และโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงการพัฒนาระบบรางเพื่อเพิ่มศักยภาพการขนส่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่า โครงการรถไฟทางคู่ในภาคตะวันออกนี้ จะเชื่อมท่าเรือที่สำคัญใน อีอีซี 3 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือมาบตาพุด ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือสัตหีบ ซึ่งเป็นท่าเรือหลักในการขนส่งสินค้าของประเทศ โดยเฉพาะท่าเรือแหลมฉบังมีสัดส่วนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศสูงถึง 80% ของการขนส่งทั้งหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 และท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 ซึ่งจะทำให้มีปริมาณขนส่งสินค้าเพิ่มสูงขึ้นมาก
Ads by AdAsia
ดังนั้นจึงต้องขยายเส้นทางรถไฟทางคู่เชื่อมโยงทั้ง 3 ท่าเรือ รองรับปริมาณสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งจะมีตู้คอนเทนเนอร์จากท่าเรือแหลมฉบังจะเพิ่มจากในปี 2563 จะมีจำนวน 8.5 แสนตู้ ในปี 2568 จะเพิ่มเป็น 1.4 ล้านตู้ ในปี 2573 เพิ่มเป็น 2.3 ล้านตู้ ในปี 2583 เพิ่มเป็น 4.3 ล้านตู้ และในปี 2593 จะเพิ่มเป็น 4.8-5 ล้านตู้ ทั้งนี้ หากคาดการณ์รายจังหวัดในพื้นที่ อีอีซี จะพบว่า จ.ฉะเชิงเทรา ปริมาณสินค้าในปี 2565 จะมีปริมาณ 13.1 ล้านตันต่อปี ในปี 2580 จะเพิ่มเป็น 17 ล้านตันต่อปี จ.ระยองในปี 2565 จะมีสินค้าปริมาณ 35.6 ล้านตันต่อปี ในปี 2580 จะเพิ่มเป็น 44 ล้านตันต่อปี และจ.ชลบุรี ในปี 2565 จะมีสินค้าปริมาณ 78 ล้านตันต่อปี ในปี 2580 จะมีสินค้า 96 ล้านตันต่อปี รวมแล้วทั้ง 3 จังหวัด ในปี 2565 จะมีสินค้าปริมาณ 126 ล้านตันต่อปี และในปี 2580 จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็น 157 ล้านตันต่อปี
ในเบื้องต้นแนวเส้นทางรถไฟจากหัวหมากถึงฉะเชิงเทราจะมีทางรถไฟ 3 ทาง จากฉะเชิงเทราถึงศรีราชา จะมีทางรถไฟทางคู่ 2 ทาง และระยะจากศรีราชาถึงมาบตาพุดจะมีทางรถไฟทางคู่ 1 ทาง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนของสินค้า เนื่องจากการขนส่งทางรางมีต้นทุนต่ำกว่าการขนส่งทางถนนอยู่มาก
ท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 จะเน้นการเพิ่มศักยภาพการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ ท่าเรือมาบตาพุด จะเน้นเป็นท่าเรือขนส่งก๊าซ และท่าเรือสัตหีบจะยกระดับไปสู่การเป็นท่าเรือท่องเที่ยวที่ทันสมัย รองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ และเรือเฟอร์รี่ โดยเส้นทางรถไฟจะเข้าไปช่วยขนส่งคน และสินค้าไปยังทุกที่ทั่วประเทศ
โดยโครงการนี้ รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 145 ล้านบาท ในการจ้างบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาศึกษาความเหมาะสมของโครงการ จะใช้เวลา 6 เดือน จะแล้วเสร็จในเดือนมี.ค.2562 ซึ่งจะมีรายละเอียดของงบการลงทุนทั้งหมด รูปแบบการลงทุน และการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟ หากผลการศึกษาพบว่าโครงการมีความเหมาะสมก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการออกแบบก่อสร้างในรายละเอียดใช้เวลาประมาณ 6 เดือน จะนั้นจะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเพื่ออนุมัติงบประมาณ ซึ่งหากรัฐบาลเห็นชอบก็จะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี ก็จะแล้วเสร็จใกล้เคียงกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ
สำหรับ แนวคิดการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งในพื้นที่ อีอีซี จะมีอยู่ 5 ด้าน ได้แก่ 1. ส่งเสริมการเดินทางของผู้โดยสารให้มีความรวดเร็ว โดยเน้นการใช้รถไฟความเร็วสูงเป็นเส้นทางหลัก และเสริมด้วยระบบ Feeder ภายในพื้นที่พัฒนาระบบขนส่งมวลชน 2. พัฒนารถไฟทางคู่เชื่อมท่าเรือ เพื่อเป็นแกนหลักของการขนส่งสินค้า 3. พัฒนารถไฟทางคู่เชื่อมท่าเรือกับย่านนิคมอุตสาหกรรม พัฒนารถไฟทางคู่ลักษณะรวมและกระจายการขนส่งสินค้าระหว่างนิคมอุตสาหกรรม เข้าสู่รถไฟแกนหลัก เพื่อเชื่อมออกประตูการค้า และ5. การขนส่งสินค้ามูลค่าสูง หรือขนาดเล็ก รองรับด้วยการขนส่งด่วนทางอากาศ
ในส่วนของโครงข่ายการคมนาคมระบบรางในพื้นที่ อีอีซี จะมี 3 ระบบ ได้แก่ โครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมือง ร่วมกับรถไฟทางไกล โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) และโครงการรถไฟทางคู่ช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา สถานีชุมทางศรีราชา-มาบตาพุด และชุมทางเขาชีจรรย์-สัตหีบ
โดยระบบรถไฟฟ้าชานเมืองจะเชื่อมโยงการเดินทางจากกรุงเทพฯสู่ปริมณฑล เป็นหนึ่งในโครงการส่งเสริมการเดินทางและการขนส่งเชื่อมโยงไปยังพื้นที่ อีอีซี โดยเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ กับระบบรถไฟฟ้าชานเมือง และขยายแนวเส้นทางรถไฟต่อไปยัง 4 จังหวัดคือ พระนครศรีอยุธยา, ฉะเชิงเทรา, นครปฐม และจ.สมุทรปราการ เพื่อให้เกิดการเดินทางระหว่างเมือง กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และยังเชื่อมโยงพื้นที่กรุงเทพฯกับ อีอีซี ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกล ประกอบด้วย สายเหนือช่วงรังสิต-สถานีชุมทางบ้านภาชี ระยะทาง 60 กม. สายตะวันออกเชื่อมมักกะสัน-หัวหมาก ระยะทาง 12.6 กม. ช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา ระยะทาง 43.2 กม. สายตะวันตก ช่วงตลิ่งชัน-นครปฐม ระยะทาง 43 กม. และสายใต้ ช่วงมหาชัย-ปากท่อ ระยะทาง 56 กม.
โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นโครงการสำคัญเพื่อสร้างโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่ อีอีซี ให้สมบูรณ์ โดยรถไฟความเร็วสูงสามารถเดินทางจากสถานีระยองเข้าถึงสถานีสุวรรณภูมิ สถานีบางซื่อ และสถานีดอนเมืองได้โดยตรง ช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางจากกรุงเทพฯ-ระยอง และเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภาอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งในเส้นทางรถไฟความเร็วสูงนี้จะมี 9 สถานี ได้แก่ สถานีดอนเมือง, บางซื่อ, มักกะสัน, สุวรรณภูมิ, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ศรีราชา, พัทยา และสถานีอู่ตะเภา
โครงการรถไฟทางคู่ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางรางส่งเรือ ซึ่งจะศึกษาความเหมาะสม ออกแบบรายละเอียด และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ของโครงการรถไฟทางคู่ช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา สถานีชุมทางศรีราชา-มาบตาพุด และชุมทางศรีราชา-สัตหีบ ซึ่งจะเป็นการปรับปรุงทางรถไฟเดิม ปรับปรุงระบบอาณัตสัญญาณ และแก้ไขจุดตัดทางผ่าน ช่วงหัวหมาก-สถานีชุมทางศรีราชา ระยะทางประมาณ 115 กม. เพิ่มเส้นทางรถไฟช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา ระยะทาง 46 กม. ก่อสร้างทางคู่ ช่วงชุมทางศรีราชา-ชุมทางเขาชีจรรย์-มาบตาพุด และชุมทางเขาชีจรรย์-สัตหีบ ก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองบริเวณชุมทางศรีราชา และชุมทางเขาชีจรรย์ ระยะทาง 85 กม.
นอกจากนี้ จะศึกษาการพัฒนาที่ดินโดยรอบสถานีรถไฟฟ้า เพื่อสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ มีพื้นที่ศึกษา 500 เมตร-1 กม. รอบสถานีรถไฟ ซึ่งผลการศึกษาจะเสนอแนวทางออกแบบเบื้องต้น และประมาณราคาต้นทุนการพัฒนา ในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยในพื้นที่นิ้จะประกอบด้วยย่านการค้าเพื่อเชื่อมต่อการเดินทาง ต้องมีพื้นที่สาธารณะเพียงพอตอบสนองการใช้งาน ซึ่งจะมีย่างการค้าเกาะตัวไปตามแนวแกนเชื่อมต่อหลัง และรอง หรือสถานีเชื่อมต่อการขนส่งโดยรอบ ย่านการขนส่งสินค้าต้องสอดคล้องกับประเภท รูปแบบ และปริมาณการขนส่งสินค้า
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44801
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 25/12/2018 9:45 am Post subject:
เว็บไซต์
โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความจุรถไฟ ช่วงหัวหมาก ฉะเชิงเทรา ศรีราชา และโครงการรถไฟทางคู่ช่วงศรีราชา มาบตาพุด
http://doubletracktomaptaphut.com
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 26/12/2018 9:43 pm Post subject:
Wisarut wrote: ประชาชนชาวเมืองพล แวงน้อย แวงใหญ่ ต้องการให้การรถไฟแแห่งประเทศไทย"ยกระดับทางรถไฟ"
เพื่อแก้ไขปัญหาจุดตัดและการจราจร
โดยต้องยกระดับด้วยเสาตอม่อ และคาน ค.ส.ล.ในเขตเมือง
เพื่อแก้ไขระบบระบายน้ำอย่างหยั่งยืน
เพื่อขยายเมืองพลไปด้านทิศตะวันตกอย่างมั่งคั่ง
เพื่อพัฒนาพื้นที่ใต้ทางรถไฟให้มีมูลค่ามากยิ่งขึ้น
เพื่อสร้างสวนสาธารณะ สนามกีฬา
เพื่อสร้างแหล่งเศษฐกิจใหม่ให้รุ่งเรือง
เพื่อสร้างแลนมาร์คแห่งใหม่ให้เมืองพล
เพื่อสร้างรายได้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย
เพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศชาติ
เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทย
Note: ออก จะทุเรศ ไปหน่อย โรนคอยากได้หน้ากำเริบใจแน่ๆ จึงคิดบ้าๆบอๆ อะไรแบบนี้
https://www.facebook.com/2388292624532908/photos/a.2388337164528454/2440320645996772/?type=3&theater
ชาวเมืองพลฟ้องศาลปกครองรถไฟทางคู่ละเมิดสิทธิ์ ขอคุ้มครองจนกว่าแก้แบบใหม่
25 ธันวาคม 2561 17:02 น.
ขอนแก่น-ชาวเมืองพลยื่นฟ้องศาลปกครอง หลังการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายจิระ-ขอนแก่นสร้างจุดตัดละเมิดสิทธิพื้นฐานในการเดินทาง-กระทบวิถีชีวิตชุมชนท้องถิ่น ทั้งเสี่ยงตาย-น้ำท่วมเมือง ย้ำไม่ได้ค้านโครงการแค่ขอแก้แบบให้ได้มาตรฐาน
กรณีชาวเมืองพล จ.ขอนแก่น ได้ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้แบบแปลนก่อสร้าง 3 ข้อ คือ 1. ให้ยกระดับทางรถไฟข้ามจุดตัด ถนนเมืองพล-แวงน้อย-จ.ชัยภูมิ เว้นพื้นที่เผื่อถนนกว้าง 6 ช่องจราจร ความสูงไม่น้อยกว่า 6 เมตรไปจดถนนมิตรภาพ 2. ให้ยกระดับทางรถไฟ ขยายอุโมงค์ทางลอดจุดตัด ถนนเมืองพล-แวงใหญ่ เป็น 4 ช่องจราจร พร้อมทางเท้าตรงไปเชื่อมต่อถนนทางหลวงโดยไม่ต้องเป็นทางกลับรถ ความสูงไม่น้อยกว่า 6 เมตร และ 3. ให้ทำทางลอดระหว่างชุมชนศรีเมืองกับหมู่บ้านชัยประเสริฐ เป็น 2 ช่องจราจร พร้อมทางเท้า ความสูงไม่น้อยกว่า 3.50 เมตร ที่ผ่านมาทางหน่วยงานรับผิดชอบได้รับทราบปัญหาและรับปากที่จะนำไปแก้ไขแล้ว
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 ธ.ค.2561 นายวิชิตชนม์ ทองชน พร้อมด้วยผู้ฟ้อง 7 ราย และทนายความ นำรายชื่อชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างมายื่นเอกสารฟ้องศาลปกครอง ขอนแก่น เพื่อให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับการก่อสร้างทั้ง 3 จุดที่การออกแบบมีปัญหาไว้ก่อน เพื่อให้ทุกฝ่ายมาตั้งโต๊ะเจรจาหาทางออก การแก้ปัญหาร่วมกัน
ต้องมาคุยกันใหม่ทั้งหมดทั้งการปรับเปลี่ยนแก้ไข การทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ แต่ที่ผ่านมาการก่อสร้างไม่มีมาตรฐาน เมื่อชาวบ้านเสนอแนะให้มีการแก้ไข หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับปากว่าจะดำเนินการ แต่กลับพบว่าไม่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาแต่อย่างใด ที่ผ่านมาชาวบ้านเดินทางไปเรียกร้อง ยื่นหนังสือขออำนาจนิติบัญญัติ อำนาจฝ่ายบริหาร มาทั้งหมดแล้ว ก็ยังไม่มีความชัดเจน จึงทำให้เรามาพึ่งอำนาจศาล โดยชาวบ้านยื่นศาลเพื่อขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระงับการก่อสร้างไว้ก่อน เพราะที่ผ่านมาเราคุยกับทางการรถไฟ แต่ก็ไม่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้ซักถาม ทำให้รู้สึกว่าไม่มีความจริงใจกับภาคประชาชน แม้ทางชาวบ้านจะได้รับการประสานมาจากกระทรวงคมนาคมนัดไปคุย แต่ยังไม่ได้กำหนดเวลาที่ชัดเจน และไม่มีหนังสือออกมา จึงทำให้ต้องตัดสินใจมาศาลปกครองในวันนี้นายวิชิตชนม์ กล่าว
ต้องมาคุยกันใหม่ทั้งหมดทั้งการปรับเปลี่ยนแก้ไข การทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ แต่ที่ผ่านมาการก่อสร้างไม่มีมาตรฐาน เมื่อชาวบ้านเสนอแนะให้มีการแก้ไข หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับปากว่าจะดำเนินการ แต่กลับพบว่าไม่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาแต่อย่างใด ที่ผ่านมาชาวบ้านเดินทางไปเรียกร้อง ยื่นหนังสือขออำนาจนิติบัญญัติ อำนาจฝ่ายบริหาร มาทั้งหมดแล้ว ก็ยังไม่มีความชัดเจน จึงทำให้เรามาพึ่งอำนาจศาล โดยชาวบ้านยื่นศาลเพื่อขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระงับการก่อสร้างไว้ก่อน เพราะที่ผ่านมาเราคุยกับทางการรถไฟ แต่ก็ไม่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้ซักถาม ทำให้รู้สึกว่าไม่มีความจริงใจกับภาคประชาชน แม้ทางชาวบ้านจะได้รับการประสานมาจากกระทรวงคมนาคมนัดไปคุย แต่ยังไม่ได้กำหนดเวลาที่ชัดเจน และไม่มีหนังสือออกมา จึงทำให้ต้องตัดสินใจมาศาลปกครองในวันนี้นายวิชิตชนม์ กล่าว
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44801
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 02/01/2019 9:23 am Post subject:
ชงครม.อนุมัติรถไฟทางคู่ ขอนแก่น2.6 หมื่นล้าน
กรุงเทพธุรกิจ 2 ม.ค. 62
นโยบายเศรษฐกิจ
รฟท.จัดทัพโปรเจครถไฟทางคู่เฟส 2 ประมูลปี 2562 ต่อเนื่อง นำร่องรับปีใหม่ ชง ครม.ต้นเดือน ม.ค.ไฟเขียวช่วงขอนแก่น-หนองคาย วงเงินลงทุน 2.6 หมื่นล้านบาท มั่นใจผู้โดยสารเดินทางแน่น 1.6 ล้านคน รองรับการขนส่งสินค้า 3.2 ล้านตัน
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ว่า ขณะนี้ รฟท.เหลือโครงการรถไฟทางคู่ที่รอการประมูลรวมอยู่ 8 โครงการ แบ่งเป็นการพัฒนาในเส้นทางปัจจุบัน 7 โครงการ และพัฒนาเส้นทางสายใหม่ 1 โครงการ ซึ่งปัจจุบัน อยู่ในขั้นตอนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) พิจารณารายละเอียดทั้งหมดแล้ว และคาดว่าต้นเดือน ม.ค.2562 จะมีการเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติแนวเส้นทางขอนแก่น-หนองคาย เป็นโครงการแรก
ตอนนี้ทุกโครงการ รฟท.ได้ส่งไปยัง สศช.พิจารณารายละเอียดแล้ว ซึ่งเบื้องต้นก็จะทยอยนำเสนอโครงการเหล่านี้เข้า ครม. ตามความเหมาะสม โดยจะไม่เสนอรวมทุกโครงการ เพราะต้องพิจารณาเอาตามความเหมาะสมเป็นหลักก่อน ซึ่งก็พบว่า แนวเส้นทางภาคอีสาน ค่อนข้างเป็นเส้นทางเร่งด่วน เพราะจะเชื่อมต่อกับเส้นทางในภาคอื่นๆ ได้ดี และมีการใช้งานสูง แต่อย่างไรก็ดีตลอดทั้งปีหน้ารถไฟทางคู่จะยังเป็นโครงการเร่งด่วนที่ รฟท.เสนออนุมัติการลงทุนอย่างต่อเนื่อง นายวรวุฒิ กล่าว
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย มีระยะทาง 169 กิโลเมตร (กม.) มูลค่าโครงการ 26,057.89 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้างพร้อมติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและระบบโทรคมนาคม 36 เดือน โดยผลการศึกษาความเหมาะสมค่า FIRR -319% ค่า EIRR 19.28% คาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารอยู่ที่ 1,160,970 คน ในปีแรกที่เปิดให้บริการ (2564) และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,945,380 ล้านคนต่อปี ในปี 2594 ส่วนปริมาณขนส่งสินค้าอยู่ที่ 3.2 ล้านตันต่อปี ในปี 2564 และเพิ่มเป็น 4.2 ล้านคนต่อปี ในปี 2594
ขณะเดียวกัน รฟท.ได้เตรียมความพร้อมในการเปิดประมูลรถไฟทางคู่ตลอดทั้งปี 2562 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา และจัดการประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 โดยที่ปรึกษาจะเข้ามาดำเนินการในส่วนของโครงการรถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ช่วงชุมทางจิระ-อุบลราชธานี ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงชลา ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย และช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่
ทั้งนี้ แผนพัฒนารถไฟทางคู่เฟส 2 เหลืออยู่ 8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3 แสนล้านบาท ประกอบไปด้วย การพัฒนารถไฟเส้นทางปัจจุบัน คือ
1.ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม. วงเงิน 62,883.55 ล้านบาท
2.ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ 189 กม.วงเงิน 56,837.78 ล้านบาท
3.ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี 308 กม.วงเงิน 37,527.10 ล้านบาท
4.ช่วงขอนแก่น-หนองคาย 169 กม.วงเงิน 26,663.26 ล้านบาท
5.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี 168 กม. วงเงิน 24,294.36 ล้านบาท
6.ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา 324 กม.วงเงิน 57,375.43 ล้านบาท
7.ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 45 กม.วงเงิน 8,120.12 ล้านบาท และ
8. โครงการพัฒนาสายทางใหม่ ช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. มูลค่าโครงการ 67,965.33 ล้านบาท
ดังนั้น ทั้งปี 2562 จะมีโครงการรถไฟทางคู่ทยอยเปิดประมูลอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ระบบรางยังเป็นโครงการขับเคลื่อนหลักตามนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการสนับสนุนให้ระบบรางเป็นโครงข่ายการขนส่งหลักของประเทศ เนื่องจากสามารถลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ
อีกทั้งระบบรางยังมีความแม่นยำในเรื่องของตารางเวลาเดินทาง มีความปลอดภัยสูง ทำให้การเดินทางขนส่งคนและสินค้ามีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากแผนพัฒนาระบบรางในเส้นทางเดิมแล้วตามแผนก็จะมีการพัฒนาเส้นทางระบบรางเส้นใหม่ของประเทศอย่างช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม เพิ่มขึ้นมาด้วย
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44801
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 02/01/2019 4:46 pm Post subject:
คมนาคมดันประมูลบิ๊กโปรเจกต์ 3.9 แสนล้านในไตรมาส 1/62
เผยแพร่: 2 ม.ค. 2562 16:19 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
คมนาคมเดินหน้าประมูลบิ๊กโปรเจกต์ ดันล็อตแรก ไตรมาส 1/62 วงเงินกว่า 3.9 แสนล้าน รับเหมางานแน่น ต่อเนื่อง ด้านผู้ว่าฯ รฟท.เร่งทีโออาร์อาณัติสัญญาณทางคู่ 1.1 หมื่นล. และรถไฟไทย-จีน อีก 12 สัญญา ขณะที่ ทล.จ่อขายซอง "ทางยกระดับพระราม 2" กว่า 1 หมื่นล้าน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ 1/2562 หรือตั้งแต่เดือนม.ค.-มี.ค. 2562 มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของคมนาคม ที่อยู่ในขั้นตอนนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ และโครงการที่เตรียมเปิดประมูล เพื่อเริ่มการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้งบลงทุน ในโครงการที่ใช้รูปแบบ การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public Private Partnership: PPP) ซึ่งล้วนทำให้เกิดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) ค่าก่อสร้างงานโยธา ประมาณ 125,000 ล้านบาท ซึ่งได้ทยอยเปิดประมูลตอนที่1 ช่วงกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง3.5 กม. และตอนที่ 2 ช่วงสีคิ้ว - กุดจิก ระยะทาง 11 กม. ไปแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 12 ตอน จะทยอยประมูลหมดภายในต้นปี 2562
โครงการ ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ระยะที่ 1 ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้ 53,490 ล้านบาท เอกชนจะลงทุน 30,871 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีโครงการทางพิเศษพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก วงเงินลงทุน 30,437 ล้านบาท ซึ่งใช้เงินค่าก่อสร้างจากการระดมทุนผ่าน กองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) หรือ TFF
โครงการทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี - ปากท่อ ช่วง บางขุนเทียน-มหาชัยก่อน ระยะทางประมาณ 10 กม. งบประมาณ 10,500 ล้านบาท และโครงการ ติดตั้งระบบ จัดเก็บค่าผ่านทางและบำรุงรักษาโครงการ (O&M) มอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา วงเงิน 33,258 ล้านบาท และทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 (สายบางใหญ่-กาญจนบุรี) วงเงิน 27,828 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่อยู่ในขั้นตอนการนำเสนอ บอร์ดสภาพัฒน์ฯ และขออนุมัติ ครม. ได้แก่ รถไฟทางคู่เฟส 2 จำนวน 8 เส้นทาง ได้แก่ หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์, ชุมพร-สุราษฎร์ธานี, สุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา, ปากน้ำโพ-เด่นชัย, จิระ-อุบลราชธานี, ขอนแก่น-หนองคาย, เด่นชัย-เชียงใหม่, และบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม
โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) 3 เส้นทาง ได้แก่ สายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มธ.รังสิต ระยะทาง 8.9 กม. วงเงิน 6,570.40 ล้านบาท และสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ระยะทาง 6 กม. ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา ระยะทาง 19.7 กม. วงเงิน 17,671.61 ล้านบาท
***รถไฟ เร่งคลอด ทีโออาร์ อาณัติสัญญาณทางคู่เฟสแรก และ ก่อสร้างสายเด่นชัย-เชียงราย
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ รฟท.กล่าวว่า โครงการที่ผ่านการอนุมัติและอยู่ในไทม์ไลน์ สามารถเปิดประมูลได้ภายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 ได้แก่ รถไฟไทย-จีน อีก12 ตอนที่เหลือ โดยจะทยอยประกาศทีโออาร์ประกวดราคาก่อสร้างงานโยธา โดยในเดือนม.ค. 2562 จะประกาศทีโออาร์ประมูล 5 สัญญา เดือนก.พ. 2562 ประมูล 7 สัญญา
ขณะที่จะเร่งจัดทำร่างทีโออาร์ ระบบอาณัติสัญญาณสายใต้ รถไฟทางคู่ เส้นทาง นครปฐม-ชุมพร จำนวน 59 สถานี ราคากลาง 6.2 พันล้านบาท ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาคณะกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง (ซุปเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัดจ้าง) แล้ว ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลระบบอาณัติสัญญาของสายเหนือ เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ จำนวน 20 สถานี วงเงิน 2.9 พันบ้านบาท, และสายตะวันเฉียงเหนือ เส้นทางมาบกระเบา- ชุมทางจิระ จำนวน 20 สถานี วงเงิน 2.5 พันล้านบาท พร้อมๆกัน
และทีโออาร์ รถไฟทางคู่ เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กม. วงเงิน ค่างานโยธา 72,921 ล้านบาท
***กรมทางหลวง เร่งสรุปทีโออาร์ O&M มอเตอร์เวย์
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ทางยกระดับพระราม 2 ช่วง 10 กม.แรก จะเปิดประมูลได้ในเดือ นม.ค.2562 ขณะที่ ระบบ O&M มอเตอร์เวย์ 2 สาย ต้องรอคณะกรรมการมาตรา 35 แห่งพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2556 ประชุมสรุปร่างทีโออาร์ แต่เชื่อว่าจะเปิดประมูลได้ในไตรมาสแรก ปี 2562 ทั้งนี้ อาจจะเปิดประมูลระบบ O&M สายบางปะอิน-นครราชสีมา ก่อน ส่วนระบบ O&M สายบางใหญ่-กาญจนบุรี อาจจะต้องพิจารณาความก้าวหน้าของงานโยธา เนื่องจากอยู่ระหว่างปรับเพิ่มวงเงินค่าเวนคืนที่อยู่ในขั้นตอนเสนอครม. เพื่อให้การก่อสร้างมีความสอดคล้องกัน
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group