ตะลอน ๔ บุรี ตามเก็บสายแม่กลอง ไปเมืองโอ่ง แวะเที่ยวเพชรบุรี

[ExtendeD]

หลังจากหลับสบายอย่างอบอุ่น เพราะ 3 คนนอนกันเต็มเตียงพอดีครับ เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็ตื่นแต่เช้าตามปกติ แต่กว่าจะงัดเจ้า 2 ตัวให้ตื่นจากที่นอนได้นี่... ต้องออกกำลังกันสักหน่อย โดยเฉพาะกับเจ้าตี๋

ว่าจะไปดักรอรถไฟที่จะวิ่งผ่านราชบุรีตอนเช้า ๆ แต่คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่าครับ ที่ตลาดริมน้ำคงน่าสนใจกว่า แล้วก็ได้รูปนี้มาฝากกันครับ แม่น้ำแม่กลองยามเช้า 07.29 น. ครับ ที่เห็นอยู่ในรูปก็คือ " สะพานธนะรัชต์ " และ " สะพานจุฬาลงกรณ์ "



ตอม่อใหญ่ ๆ 2 ต้นนั่นเป็นของ " สะพานจุฬาลงกรณ์ " ครับ ส่วนตอม่อของ " สะพานธนะรัชต์ " จะเป็นเสาต้นเล็ก ๆ 3 ต้น แค่นี้ก็รู้แล้วว่าคนละรุ่นกัน


ที่เลือกมาที่ตลาดนี่ก็เพราะจะมาหาของกินนั่นล่ะครับ สุดท้ายก็ได้ปาท่องโก๋ + สังขยา โอวัลตินเย็น นมร้อน อิ่มไปอีก 1 มื้อ ต่อจากนั้นผมว่าจะไปไหว้หลวงพ่อแก่นจันทร์ที่วัดช่องลมเสียหน่อย แต่พอไปถึงที่วัดเห็นว่าเหมือนกำลังจัดเตรียมงานอะไรบางอย่างอยู่ แถมประตูอุโบสถก็ยังไม่เปิดเลย สรุปแล้วก็มาฟรีครับ ช่วงระหว่างเดินกลับก็ผ่าน " พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ราชบุรี " ที่พิพิธภัณฑ์นี้ใช้อาคารศาลากลางจังหวัดหลังเก่ามาเป็นที่ทำการครับ




ตั้งใจจะไปไหว้พระแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ก็ได้แต่ยกมือไหว้หลวงพ่อ หลวงพี่ที่เดินบิณฑบาตผ่านไปมา มองไปรอบ ๆ ตัวก็เห็นว่ามีรถสองแถววิ่งผ่านแถวนั้นเขียนข้างรถว่าไป " เขางู " ด้วยครับ อยากไปจริง ๆ แต่เวลาคงไม่พอแล้วครับ กลับไปที่โรงแรมจัดการกับเสบียงที่ซื้อกลับมา จัดกระเป๋าไปดูข่าวตอนเช้าไปด้วย ประมาณ 09.00 น. ก็ออกจากโรงแรมตรงไปที่ " ที่หยุดรถสะพานจุฬาลงกรณ์ " อีกครั้งครับ

เพื่อมารอรถขบวนนี้ครับ ขบวนรถธรรมดาที่ 255 ต้นทางสถานีธนบุรี - ปลายทางสถานีหลังสวน ในวันนั้นได้รถจักรดีเซลไฟฟ้า General Electric ( GEK. ) หมายเลข 4041 ทำขบวนครับ ในวันนั้นช่องจำหน่ายตั๋วที่ " ที่หยุดรถสะพานจุฬาลงกรณ์ " นี้ไม่มีเจ้าหน้าที่มาขายตั๋วครับ ต้องไปซื้อตั๋วบนรถเอาเอง...



คนบางคนดูแต่หน้าตาไม่ได้จริง ๆ ครับ อย่างพี่คนที่อยู่ในรูป หน้าตาก็ดุ แถมยังสูบบุหรี่อีก แต่พี่เขาใจดีแถมคุยสนุกดีครับ ท่าทางจะเป็นคนราชบุรีครับ เพราะรู้เรื่องราวสถานที่ท่องเที่ยวที่นี่เยอะมาก ๆ เลย ยืนตากแดดรอรถอยู่จริง ๆ แล้วก็นานครับ แต่คุยกับพี่เขาไปจนเพลิน ถ้าพี่พขร. ไม่เปิดหวีดก็คงจะไม่ได้รูปนี้มาแน่ ๆ
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ในวันนั้นผู้โดยสารบนขบวนที่ 255 ก็หนาแน่นเหมือน ๆ กับทุก ๆ วันที่ผมเคยเห็น แต่ผมก็ยังโชคดีอยู่บ้างที่ยังหาที่นั่งได้ แม้ว่าจะเป็นที่นั่งด้านหน้าห้องน้ำก็ตาม ในวันนั้นขบวนที่ 255 มาถึง " สถานีเพชรบุรี " เวลา 10.37 น. ครับ




จากการสอบถามกับผู้คนที่อยู่แถว ๆ " สถานีเพชรบุรี " เกี่ยวกับโรงแรมที่อยู่ในตัวเมืองเพชรบุรีนั้น ทุกคนจะพูดถึงแต่ " โรงแรมเขาวัง " ครับ ผมเองก็รู้จักโรงแรมนี้ครับ อยู่ไม่ไกลจากสาขาเพชรบุรีที่ผมเคยมาทำงานบ่อย ๆ ก็อยู่แถว ๆ เขาวังตามชื่อโรงแรมนั่นล่ะครับ จากสถานีรถไฟนี้ก็ต้องไปอีกไกล ผมก็เลยคิดว่าจะเดินดูแถว ๆ " สถานีเพชรบุรี " ให้เสร็จ ๆ ไปเลย จะได้ไม่ต้องอ้อมไปอ้อมมาผ่านมาแถว ๆ นี้อีก

คิดได้แบบนั้นก็ออกเดินเท้ามุ่งหน้าลงใต้ ไปตามทางประธานครับ ไม่ทันไรก็มาเจอเข้ากับ " ป้ายจำกัดความเร็ว * " ( พขร. จะต้องใช้ความเร็วไม่เกินกว่าที่ป้ายแสดง จนกว่าท้ายขบวนจะพ้นจากป้ายปกติ ) แถมยังมีป้ายบอกให้รู้ว่าระยะทาง 2,200 เมตรข้างหน้านี้ มีโค้งถึง 4 โค้งด้วยครับ



* รายละเอียดเกี่ยวกับ " ป้ายจำกัดความเร็ว " รวมถึงป้ายสัญญาณต่าง ๆ ที่ใช้ในกิจการรถไฟไทย สามารถอ่านได้จาก file " signalsign.pdf " ที่ download จาก rotfaithai.com


เดินผ่านประแจไปอีก 2 ตัวก็มาเจอเข้ากับประแจตัวนี้ครับ " ทางแยกปริศนา "



ตอนแรกก็ยังงงอยู่ครับว่าแยกไปไหน แต่หลังจากนั้นได้ไปอ่านรายละเอียดในกระทู้ " ประวัติ สรพ. ปากน้ำโพ " คงจะมีพี่ ๆ น้อง ๆ บางคนสงสัยว่าปากน้ำโพ กับ เพชรบุรีเกี่ยวข้องกันอย่างไร ในกระทู้นั้นพี่วิศรุตได้เล่าเอาไว้ว่า...

[ExtendeD]

อีกมุมหนึ่งของประแจตัวนี้ จะเห็นว่าอยู่ใกล้ ๆ กับประแจตัวที่แยกเข้าสู่ย่านของ " สถานีเพชรบุรี " ครับ ใกล้ ๆ กันนั้นมี " ป้ายหวีดรถจักรสำหรับถนนผ่านเสมอระดับทางรถไฟมีเครื่องกั้นถนนและมีสัญญาณผ่านถนนเสมอระดับทาง * " ติดตั้งอยู่ด้วย ( เมื่อหน้าขบวนรถถึงป้ายให้ พขร. ใช้หวีดเตือน ) ซึ่งจุดตัดถนนเสมอระดับตามป้ายนั้น จะอยู่ทางด้านทิศเหนือของ " สถานีเพชรบุรี " ครับ



* รายละเอียดเกี่ยวกับ " ป้ายหวีดรถจักรสำหรับถนนผ่านเสมอระดับทางรถไฟมีเครื่องกั้นถนนและมีสัญญาณผ่านถนนเสมอระดับทาง " รวมถึงป้ายสัญญาณต่าง ๆ ที่ใช้ในกิจการรถไฟไทย สามารถอ่านได้จาก file " signalsign.pdf " ที่ download จาก rotfaithai.com


มองตามรางที่แยกออกมา ไม่ไกลจากประแจเท่าไหร่ ก็มาเจอกับจุดเชื่อมนี้ครับ ทำให้รู้ว่าจากตรงนี้ไปจนถึงสุดสายปลายทางของทางแยกนี้ จะใช้รางที่เล็กกว่าช่วงแรกที่แยกออกมาจากทางประธาน




ทางแยกนี้จะวางคู่ไปกับทางประธานไปเรื่อย ๆ ส่วนจุดตัดถนนเสมอระดับที่เห็นอยู่นี้ก็คือ " จุดตัดถนนราชดำเนิน " ครับ




จากจุดตัดถนนราชดำเนิน ทางประธานก็จะค่อย ๆ ยกระดับขึ้นเรื่อย ๆ ที่เห็นเป็นเนินที่มีหญ้าปกคลุมซะเขียวไปหมดนั่นล่ะครับ เพื่อไปสู่ " สะพานข้ามแม่น้ำเพชรบุรี " ที่อยู่ข้างหน้า แต่เจ้าทางแยกนี่สิครับ ยังอยู่ในระดับแนวราบอยู่เลย ผมเดินตามทางแยกนี้มาถึงแค่บริเวณนี้ล่ะครับ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะยาวไปถึงไหน รอให้พี่ ๆ น้อง ๆ ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ทางแยกทั้งหลายได้มาเดินดูเอง แต่ผมคิดว่าคงจะไม่ได้ยาวขนาดข้ามแม่น้ำเพชรบุรีไปหรอกครับ หรือว่าจะเป็นแนวทางประธานเดิมหรือเปล่า ?



ผมว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพแบบนี้ แถมยังอยู่ในตัวเมืองเพชรบุรีอีกต่างหาก ก่อนหน้านี้คงจะเคยมีพี่ ๆ น้อง ๆ มาเดินดูแล้วละมั้งครับ เจฟกับอ๋องเคยมาหรือยังเอ่ย ? ที่ผมไม่ได้เดินดูทางแยกนี้ต่อ ก็เพราะในตอนนั้นถ้าผมไม่ได้ยินเสียง เสียงหนึ่งที่น่าสนใจกว่าเสียงนั้นคือเสียงอะไร ก็รอติดตามต่อตอนหน้าครับ

จนกว่าจะถึง ตอนเย็น ๆ ของวันอาทิตย์ ขบวนรถงดเดินนะครับ ไม่ใช่เพราะผู้โดยสารน้อยก็เลยงดเดินเหมือนรถชานเมืองท่าเรือ ( ขอพาดพิงเล็กน้อย ) แต่เป็นเพราะช่างทาสีสะพานที่รับบทเป็นพขร. จะพาส. แขวงและรถพ่วงไปเที่ยวให้สบายใจครับ
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[Rakpong]

เห็นคุณเต้ย เบรกไว้ ขออนุญาตปาดด้วย ป้ายเก่าของ "สะพานจุฬาลงกรณ์" ที่ยังใช้ชื่อ "สะพานราชบุรี" อยู่ครับ



กำลังช่วยลุ้นเพชรบุรีอยู่ครับ สะพานเยอะเหลือเกิน

[Nai_SapaN]

[palm_gea]

[therock]

โดนจนได้

[ExtendeD]

ผมเดินตามถนนมาเรื่อย ๆ จนถึงสะพานเทศบาล ก็เห็นว่าเสียงที่พูดถึงเมื่อหลายวันก่อน ก็คือเสียงเชียร์ของกองเชียร์ และโฆษกในงานแข่งเรือยาวที่แม่น้ำเพชรบุรีครับ มองออกไปด้านข้างก็เห็นทั้งกองเชียร์ ทั้งฝีพายทุกคนต่างจ้องมองกันไปทางจุดปล่อยเรือเหมือนกันหมด...




ไม่กี่วินาทีต่อมา เรือยาว 2 ลำก็ผ่านเข้ามาครับ จากภาพนี้คงไม่ต้องบอกแล้วละมั้งครับ ว่าเรือลำไหนจะเป็นฝ่ายชนะ




อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำเพชรบุรีก็มีกองเชียร์เหมือนกัน ยังดีที่น้ำหนักของสาว ๆ บนเวทีไม่มากจนเกินไปนัก เวทีคงจะพอรับไหว ส่วนฝีพายใส่เสื้อสีฟ้าที่อยู่ในเรือลำนี้ กำลังพายเรือไปที่จุดเริ่มต้นครับ



จริง ๆ แล้วปีนี้ผมคิดว่าจะไปดูงานแข่งเรือที่อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร แต่ในเมื่อหลาย ๆ อย่างไม่อำนวย แค่ได้มาแวะยืนดูที่จังหวัดเพชรบุรี ถึงแม้จะแทนกันไม่ได้ เพราะงานแข่งเรือที่อำเภอหลังสวนนั้น ไม่เหมือนกับที่อื่น ๆ แต่ก็พอจะทำให้นึกถึงเมื่อครั้งยังเป็นเด็กที่ได้ไปดูงานแข่งเรือที่หน้าวัดใหญ่อยู่บ่อย ๆ
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ผมยืนดูการแข่งเรือยาวรื้อฟื้นอดีตอยู่นานพอสมควร จากนั้นก็หาทางกลับขึ้นมาบนทางรถไฟครับ ผมมาเริ่มต้นสำรวจ " สะพานข้ามแม่น้ำเพชรุบรี " จากทางฝั่งใต้ครับ เท่าที่มองดูจากภายนอกคร่าว ๆ ก็เห็นว่า " สะพานข้ามแม่น้ำเพชรบุรี " แห่งนี้เป็นสะพานเหล็กแบบโครงขึ้น มี 2 ช่วง Span มีตอม่ออยู่กลางแม่น้ำ 1 ต้นครับ

[ExtendeD]

สำหรับแม่น้ำเพชรบุรีบริเวณนี้จะมีถนนขนาบทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเลยครับ แล้วในวันนั้นก็อย่างที่ได้เห็นรูปไปว่ามีการแข่งเรือยาวกันอยู่ เพราะฉะนั้นก็จะมีผู้คนมากหน้าหลายตา ไม่เพียงแต่ยืนดูการแข่งขันอยู่บนสะพานเทศบาลอย่างที่เห็นอยู่ในรูปนะครับ แต่บนถนนที่ขนาบทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำก็มีฝีพาย รวมไปถึงผู้เกี่ยวของทีมต่างที่เข้าร่วมการแข่งขันในวันนั้น มานั่งพัก หรือนั่งรอเวลาแข่งด้วย




นี่เป็นครั้งแรกที่การสำรวจสะพานของผมมีสายตาจ้องมองมากขนาดนี้ ก็เลยต้องรีบทำเวลาสักหน่อย สะพานแห่งนี้ก็เลยได้ตำแหน่งสะพาน ( ขนาดใหญ่ ) ที่ผมใช้เวลาสำรวจน้อยที่สุดไปครองครับ ในวันนั้นผมได้เดินสำรวจเพียงรอบเดียวครับ ( ข้ามไป แล้วไม่ได้ข้ามกลับ ) รูปที่ได้ติดกล้องมาก็เลยไม่ได้เห็นทุกซอกทุกมุมของสะพานครับ

เริ่มจากบริเวณคอสะพานครับ เก็บมาได้แค่รูปเดียว




คานเหล็กรับน้ำหนักที่อยู่ใต้ทางประธานครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.