View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42746
Location: NECTEC
Posted: 24/01/2023 11:34 am Post subject:
🔰 รถด่วนราชธานีรุ่นเก่าโดนแปรสภาพเป็น รถด่วนชั้นสามติดแอร์สำหรับคนจน 🔥 สาย PATNA - KOTA Express😍😍 ช่วง Patna - DDU ที่สถานี Jaynagar 💚
https://www.youtube.com/watch?v=KKqqqMAdDZQ
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42746
Location: NECTEC
Posted: 02/02/2023 12:16 pm Post subject:
✅ Content :- South Eastern Railways :: Nagercoil Shalimar Express + East Coast express + Baghajatin Express + Bhubaneswar Jan Shatabdi Express🔥🤩🤩
📛 Video :- https://youtu.be/yQRzc6RaP0w
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44634
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42746
Location: NECTEC
Posted: 06/02/2023 2:12 pm Post subject:
"เหนือจรดใต้ เปิดโลกทัศน์ด้วยรถไฟอินเดีย"
เขียนโดย ณัฐ วัชรคิรินทร์
ภารัต-สยาม / Bharat-Siam
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14:26 น.
ขณะนี้กระแสหนึ่งที่เริ่มกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง ก็คือกระแสการท่องเที่ยว หลังจากที่ธุรกิจท่องเที่ยวซบเซาไปเป็นระยะเวลานานพอสมควรจากการระบาดของโควิด 19 ก็เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ คนส่วนใหญ่เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับโรคระบาดนี้และสิ่งต่าง ๆ เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ หลายคนเริ่มโหยหาสิ่งที่ขาดไปในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ คือการไปท่องเที่ยวต่างประเทศนั่นเอง ในจำนวนนี้ ก็มีผู้ที่ประสงค์จะไปเยี่ยมเยือนอินเดีย ทว่าหลายคนที่ต้องการไปท่องเที่ยวอินเดียอาจจะมีคำถามในใจว่า หากต้องการจะเดินทางด้วยรถไฟไปตามเมืองต่าง ๆ ของอินเดีย จะได้รับความสะดวกสบายหรือไม่ หรือว่าเป็นไปตามภาพเก่า ๆ ที่เคยรับรู้กันว่ารถไฟอินเดียต้องแน่นขนัดไปด้วยผู้โดยสารที่ล้นออกมาตามหน้าต่างและลามขึ้นไปบนหลังคา ดังที่ปรากฏบนสื่อออนไลน์บ่อย ๆ ซึ่งทำให้ภาพพจน์ของรถไฟอินเดียดูจะไม่ปลอดภัยนัก ดังนั้นในวันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจข้อนี้และเล่าเรื่องของรถไฟอินเดียให้ฟังโดยสังเขป
ก่อนอื่นต้องขอกล่าวว่า เรื่องของรถไฟกับอินเดียนั้น ดูจะแยกกันไม่ขาด เพราะรถไฟเป็นวิธีการคมนาคมที่มีบทบาทมากที่สุดในอินเดียโดยไม่ต้องสงสัย ทั้งด้วยประวัติศาสตร์ที่อยู่คู่อินเดียมายาวนานตั้งแต่ยุคจักรวรรดิ ทั้งเส้นทางอันครอบคลุม เข้าถึงเมืองและสถานที่ต่าง ๆ มากมายตั้งแต่เหนือจรดใต้ ทั้งค่าโดยสารที่เอื้ออำนวยให้คนทุกชนชั้นสามารถเข้าถึงได้ง่าย รวมไปถึงการที่รถไฟปรากฏอยู่ตามสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพยนตร์อินเดียซึ่งจำนวนมากจะต้องมีการโดยสารรถไฟในเรื่อง ถึงแก่มีบางคนตั้งคำถามว่า ภาพยนตร์อินเดีย (ที่มีเนื้อเรื่องสมัยใหม่) มีเรื่องใดบ้างหรือเปล่าที่ไม่มีรถไฟเลย ซึ่งเมื่อมาลองคิดดูแล้วก็หายากจริง ๆ ที่จะไม่มีรถไฟปรากฏในเรื่อง บางเรื่องถึงกับดำเนินเนื้อเรื่องบนขบวนรถไฟทั้งเรื่องเลยก็ว่าได้ นั่นเป็นข้อหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าวิถีชีวิตคนอินเดียผูกพันกับรถไฟอย่างมาก และรถไฟมีบทบาทมากในการพาชาวอินเดียจำนวนพันกว่าล้านเดินทางไปทั่วประเทศอันกว้างใหญ่
สำหรับประวัติรถไฟอินเดียโดยสังเขปมีดังต่อไปนี้
รถไฟอินเดียเกิดเป็นครั้งแรกในสมัยบริติชราช ช่วงปลายทศวรรษ 1830 และทศวรรษ 1840 ในแถบเมืองมัทราส (Madras) ซึ่งปัจจุบันใช้ชื่อว่า เจนไน (Chennai)โดยชาวอังกฤษที่เข้ามาปกครองอินเดียในสมัยนั้นเป็นผู้สร้างทางรถไฟขึ้น แรกเริ่มเดิมทีจุดประสงค์หลักในการใช้งานคือ สำหรับขนส่งสินค้าจำพวกหินแกรนิตและวัตถุดิบการก่อสร้างโดยเฉพาะ หาได้ใช้ขนผู้โดยสารแต่อย่างใดไม่ ส่วนรถไฟโดยสารนั้นถือกำเนิดขึ้นอีกราว 20 ปีต่อมา คือในช่วงทศวรรษ 1850 ซึ่งหากนับถึงปัจจุบันก็มีอายุร่วม 170 ปีแล้ว เกี่ยวกับเรื่องนี้ เราได้ทราบจากบันทึกว่า เมื่อวันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 1853 เวลา 15:53 น. รถไฟโดยสารขบวนแรกในอินเดียได้ออกเดินทางจากโบรีบันเดอร์ ชายฝั่งบอมเบย์ (Bombay) ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า มุมไบ (Mumbai) ไปยังเมืองทันนา (Thanna) หรือที่ปัจจุบันเรียก ฐาเณ (Thane) รวมระยะทาง 21 ไมล์หรือประมาณ 33.8 กิโลเมตร รถไฟขบวนดังกล่าวมี 14 ตู้ และผู้โดยสารที่เดินทางไปกับขบวนแรกนี้มีประมาณ 400 คน ใช้เวลาเดินทาง 57 นาทีจึงถึงปลายทาง ซึ่งแม้ว่านับตามมาตรฐานปัจจุบันจะถือว่าช้ามาก แต่ก็เรียกได้ว่าสะดวกที่สุดแล้วสำหรับการเดินทางในยุคนั้น
รถไฟขบวนแรกของอินเดียที่ว่านี้ ดำเนินการโดยบริษัทชื่อ Great Indian Peninsula Railway (GIPR) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1849 โดยผ่านพระราชบัญญัติจากสภาอังกฤษ ด้วยทุนเรือนหุ้นมูลค่า 50,000 ปอนด์ และได้เข้าทำสัญญาอย่างเป็นทางการกับบริษัทอินเดียตะวันออก (East India Company) เพื่อดูแลการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อบอมเบย์กับเมืองสำคัญอื่น ๆ ของอินเดียในเวลานั้น ช่วงแรกมีรถไฟในอินเดีย บริษัท GIPR ได้ขยายเส้นทางรถไฟออกไปรอบ ๆ เมืองบอมเบย์ตามลำดับ โดยที่เมืองในสมัยนั้นมักจะมีชื่อเรียกตามสำเนียงของคนอังกฤษที่เข้ามาปกครอง เส้นทางจากทันนาไปกัลเลียน (เป็นการออกเสียงแบบอังกฤษ ส่วนอินเดียเรียกกัลยาณ) เปิดในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1854 ครั้นถึงวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1856 ก็เปิดส่วนต่อขยายผ่านเมืองปาดัสเดอร์รี (ปาลัสธารี) ไปถึงคัมพูลี (โขโปลี) และอีกราวสองปีต่อมา คือ 14 มิถุนายน ค.ศ. 1858 ก็เปิดเส้นทางคันดาลา-ปูนา (ปูเณ) บริษัทดังกล่าวยังดูแลเส้นทางเชื่อมต่อไปยังมัทราสและกัลกัตตา (โกลกาตา) อีกด้วย ในปี ค.ศ. 1854 รถไฟโดยสารขบวนแรกของอินเดียตะวันออกได้เปิดเส้นทางจากเมืองฮาวราไปสู่เมืองฮูกลีเป็นระยะทาง 24 ไมล์หรือประมาณ 39 กิโลเมตร และในปี ค.ศ. 1856 ก็เกิดรถไฟขบวนสายใต้ที่มีระยะทางรวม 60 ไมล์หรือ 97 กิโลเมตร
ในปี ค.ศ. 1864 เกิดพัฒนาการครั้งสำคัญ คือภาคเหนือของอินเดียมีชุมทางรถไฟแห่งแรก ชื่อว่า ชุมทางเดลี (The Delhi Junction) ซึ่งเป็นสถานีเก่าแก่ที่สุดในเมืองและยังคงดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน สถานีแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในย่านจานท์นีจอก (Chandni Chawk) เพื่อรองรับขบวนรถไฟที่เดินทางจากเมืองฮาวราในเบงกอลตะวันตก อาคารหลังปัจจุบันของชุมทางเดลีก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1903 มีจุดเด่นคือลักษณะสถาปัตยกรรมที่คล้ายคลึงกับป้อมแดง (Red Fort) ที่อยู่ไม่ห่างกันมากนัก
สมควรกล่าวด้วยว่า ในยุคต้นของรถไฟอินเดีย มีเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยหรือสยามในเวลานั้นด้วย กล่าวคือ การเสด็จประพาสอินเดียของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในปี ค.ศ. 1872 พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และคณะผู้ติดตามอีกจำนวนหนึ่ง ในสมัยนั้นเส้นทางรถไฟขยายออกไปมากพอสมควรแล้ว สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงจึงได้ทรงอาศัยรถไฟอินเดียเสด็จพระราชดำเนินไปยังเมืองต่าง ๆ อยู่หลายเที่ยว แต่ละครั้งใช้เวลาประทับอยู่ในรถไฟอย่างยาวนาน เช่นในเที่ยวแรกที่เสด็จจากกัลกัตตาไปเดลี พระองค์ประทับในรถไฟถึง 1 วัน 1 คืนเต็ม ๆ นอกจากนี้ยังประทับรถไฟอีกในการเสด็จจากเดลีไปอาครา จากอาคราไปกอนโปร์ และต่อไปยังลัคเนาว์ จากนั้นจากลัคเนาว์ไปบอมเบย์ ซึ่งครั้งหลังสุดนี้เป็นการเดินทางที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับคณะผู้ตามเสด็จอย่างยิ่ง เพราะขบวนรถไฟพระที่นั่งลอดผ่านอุโมงค์ถึง 14 ครั้งในเวลาเพียง 15 นาที สำหรับความเกี่ยวเนื่องกับประเทศไทยนั้น รองศาสตราจารย์สาวิตรี เจริญพงศ์ ได้วิเคราะห์เอาไว้ในผลงานเล่มล่าสุดที่จัดพิมพ์กับศูนย์อินเดียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือเรื่อง "ยุวกษัตริย์พระปิยมหาราชประพาสอินเดีย" ว่า ในการประพาสอินเดียครั้งนั้น รัชกาลที่ 5 ต้องพระราชอัธยาศัยการเสด็จด้วยรถไฟมาก เพราะเป็นการเดินทางอันสะดวกรวดเร็วเมื่อเทียบกับวิธีอื่นในยุคสมัยนั้น เป็นไปได้ว่ากระตุ้นให้เกิดพระราชดำริจะจัดตั้งทางรถไฟในสยามประเทศ และทรงกระทำตามพระราชดำริดังกล่าวได้สำเร็จในอีกเกือบ 20 ปีต่อมา โดยมีขบวนกรุงเทพฯ ปากน้ำเป็นขบวนปฐมฤกษ์ มีระยะทางประมาณ 21 กิโลเมตร ที่เชื่อได้ว่าพระองค์ได้แบบอย่างมาจากอินเดียก็เพราะรถไฟไทยเกิดขึ้นก่อนที่จะประพาสยุโรปครั้งแรก และใช้เวลาสำรวจและก่อสร้างอยู่เกือบสิบปี ดังนั้นคงไม่ผิดถ้าจะกล่าวว่านี่เป็นคุณูปการข้อหนึ่งของอินเดียที่มีต่อสังคมไทยในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ความทันสมัย
เดิมทีทางรถไฟอินเดียสายต่าง ๆ เป็นของบรรดาบริษัทเอกชน มีผู้ประกอบการมากมาย ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1950 เป็นต้นมา รัฐบาลได้จัดระเบียบกิจการรถไฟต่าง ๆ โดยเข้าถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ เหล่านั้นและเข้าไปบริหารจัดการ หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลทางรถไฟทั่วอินเดียในปัจจุบันเรียกว่า Indian Railways (IR) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลอินเดีย ใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการรถไฟ (Ministry of Railways)
ปัจจุบันเส้นทางรถไฟของอินเดียมีความยาวรวมทั้งหมดถึงกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นกิโลเมตร ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ มีจำนวนสถานี 7,325 แห่ง สะพาน 150,390 แห่ง สถานีที่สูงจากระดับน้ำทะเลที่สุดคือสถานีฆุม (Ghum) บนเส้นทางดาร์จีลิงหิมาลัย ที่ระดับความสูงถึง 2,257 เมตร รถไฟอินเดียจัดเป็นเครือข่ายทางรถไฟที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก ถัดจากสหรัฐอเมริกา รัสเซีย และจีน ตามลำดับ และยังนับเป็นหนึ่งในเครือข่ายที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก จากการเก็บสถิติครั้งล่าสุดเมื่อปี ค.ศ. 2020 ประมาณการว่ามีผู้ใช้งานรถไฟอินเดียกว่า 8 พันล้านคนต่อปีหรือเฉลี่ยประมาณ 22 ล้านคนเศษต่อวัน และขนส่งสินค้ามากกว่า 1,200 ล้านตันต่อปี ไม่เพียงแต่การเดินทางในอินเดียเท่านั้น รถไฟอินเดียยังมีเส้นทางเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านดังต่อไปนี้คือ บังกลาเทศ ภูฏาน เมียนมา เนปาล และปากีสถาน ดังนั้นเมื่อท่องเที่ยวเข้าไปในอินเดียแล้ว สามารถเดินทางต่อเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายประเทศได้อย่างง่ายดาย
ที่สำคัญบริการรถไฟอินเดียในปัจจุบันยังมีหลากหลายรูปแบบและชั้นโดยสารอีกด้วย ซึ่งจัดแบ่งตามความด่วนของรถไฟ และระดับบริการก็มีตั้งแต่แบบหรูหราไปจนถึงแบบธรรมดาทั่วไป แน่นอนว่าค่าโดยสารก็จะแตกต่างกันไปตามระดับของบริการ ซึ่งเป็นข้อยืนยันว่า การเดินทางด้วยรถไฟถือเป็นวิธีคมนาคมที่ได้รับความนิยมจากมวลชนอินเดียอย่างแท้จริง
จากที่ศึกษาข้อมูลมีรถไฟอินเดียถึงกว่า 30 ประเภท และในจำนวนดังกล่าวมีรถด่วนเกินกว่า 20 ประเภทแล้ว โดยจะมีชื่อเรียกที่มีคำว่า Express ต่อท้าย รถด่วนที่เร็วที่สุดห้าอันดับแรกในอินเดีย มีดังต่อไปนี้
1. วันเทภารัตเอ็กซ์เปรส (Vande Bharat Express) ความเร็วสูงสุดถึง 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีสองเส้นทางคือพาราณสี-เดลี และ เดลี-กัฏฑา (Katra หรืออีกชื่อหนึ่งว่า ไวษโณเทวี ตั้งอยู่แถบมลรัฐแคชเมียร์) นี่เป็นรถไฟด่วนพิเศษขบวนล่าสุดที่นายกโมดีทำพิธีเปิดไปในเดือน ก.พ. ปี 2019
2. คติมานเอ็กซ์เปรส (Gatimaan Express) ที่มีความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคยมีชื่อเสียงในฐานะรถด่วนที่เร็วที่สุดในอินเดียก่อนที่จะเกิดวันเทภารัตเอ็กซ์เปรสขึ้นมา คติมานเอ็กซ์เปรสทำให้สามารถเดินทางจากเดลีไปอาครา (Agra) ได้ด้วยระยะเวลาเพียง 100 นาทีเท่านั้น
3. ศตาพทีเอ็กซ์เปรส (Shatabdi Express) เส้นทางเดลี-โภปาล (Bhopal) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมลรัฐมัธยประเทศ ความเร็วสูงสุดประมาณ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
4. ราชธานีเอ็กซ์เปรส (Rajdhani Express) เส้นทางมุมไบ-เดลี มีความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเช่นเดียวกัน ศตาพทีเอ็กซเปรสเส้นทางเดลี-กานปูร์ (Kanpur) ก็มีความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
5. ราชธานีเอ็กซ์เปรสเส้นทางเดลี-ฮาวรา (Delhi-Howrah) และดูรอนโต้เอ็กซเปรส (Duronto Express) เส้นทางบิกาเนร์-นิวเดลี-ศิยัลดาห์ (Bikaner-New Delhi-Sealdah) สองสายนี้มีความเร็วเท่ากันที่ประมาณ 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ดังนั้นผู้อ่านที่อยากลองนั่งรถไฟอินเดีย ขอให้มั่นใจว่ามีทางเลือกอย่างหลากหลาย ทั้งแบบหรูหราติดเครื่องปรับอากาศ มีอาหารอร่อย ๆ บริการ และใช้เวลาเดินทางรวดเร็วทันใจ ไปจนกระทั่งรถไฟที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คนและใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานและจอดหลายสถานี ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นไปตามสไตล์การท่องเที่ยวของแต่ละคน อยู่ที่ว่าต้องการความสะดวกสบายหรืออยากจะสัมผัสวิถีคนท้องถิ่น
ข่าวดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนไทยสายจาริกแสวงบุญ ก็คือเมื่อไม่นานนี้นายกรัฐมนตรีโมดีได้ริเริ่มรถไฟที่ชื่อว่า Buddhist Circuit Train เพื่อเชื่อมโยงเมืองสำคัญทางพระพุทธศาสนาเข้าไว้ด้วยกัน โดยประดับตกแต่งขบวนรถอย่างสวยงามด้วยภาพโบราณสถานทางพระพุทธศาสนา จัดเป็นรถไฟที่มีจุดประสงค์เฉพาะในการเอื้ออำนวยความสะดวกแก่การจาริกแสวงบุญของชาวพุทธทั่วโลก ซึ่งนับเป็นหนึ่งในความดำริริเริ่มหลายประการของโมดีเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา หากมีโอกาสเราอาจจะขยายความเป็นอีกหนึ่งหัวข้อในอนาคต เพราะมีรายละเอียดค่อนข้างมาก
ส่วนประเด็นที่กล่าวไว้เมื่อต้นบทความเกี่ยวกับภาพพจน์ด้านความปลอดภัย ตามที่หลายท่านอาจเคยเห็นภาพถ่ายเก่า ๆ หรือสื่อภาพยนตร์เก่า ๆ ของอินเดียที่แสดงภาพการโดยสารรถไฟอย่างแน่นขนัด มีผู้โดยสารล้นออกมาตามช่องหน้าต่างและจำนวนมากก็ขึ้นไปนั่งบนหลังคานั้น ขอชี้แจงว่าปัญหาดังกล่าวจัดเป็นปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นจริง ๆ กับรถไฟอินเดียตลอดมา โดยส่วนใหญ่เรื่องนี้จะเกิดในภูมิภาคอินเดียเหนือที่มีประชากรหนาแน่นมาก (เช่นในมลรัฐพิหารหรืออุตตรประเทศ) ผู้โดยสารที่ไม่ได้นั่งในตัวรถนั้น ส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อตั๋วโดยสารและอาศัยเกาะมาตามทาง และโดดขึ้นโดดลงเวลาที่รถไฟใกล้เข้าสถานีหรือเพิ่งออกจากสถานี
พฤติกรรมดังกล่าวมีคำเรียกเฉพาะเป็นภาษาอังกฤษว่า "train surfing" หรือบางครั้งเรียกว่า "train hopping" หรือ "train hitching" ซึ่งไม่จำเป็นต้องอธิบายขยายความใด ๆ ก็รู้ว่าเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงภัยอันตรายอย่างที่สุด ในปี ค.ศ. 2008 มีสถิติอันน่าเศร้าสลดว่ามีผู้เสียชีวิตถึงประมาณ 17 คนทุกวันจากการโดยสารรถไฟวิธีนี้ พฤติกรรมการโดยสารบนหลังคารถไฟยังปรากฏในภาพยนตร์อินเดียบางเรื่อง และถูกนำเสนอด้วยมุมมองว่าเป็นเรื่องสนุกสนานด้วยซ้ำ เช่นในมิวสิควิดีโอของภาพยนตร์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในอดีตเรื่องหนึ่ง เสนอภาพพระเอกของเรื่องร้องเพลงพร้อมกับเต้นอย่างสนุกสนานบนหลังคารถไฟตั้งแต่ท้ายขบวนไปหานางเอกที่นั่งกอดเข่าอยู่บนหลังคาด้านหัวรถจักร ซึ่งพิจารณาจากความนิยมภาพยนตร์ของชาวอินเดียแล้ว ก็ต้องนับว่าสุ่มเสี่ยงต่อพฤติกรรมเลียนแบบเป็นอย่างยิ่ง และสะท้อนมุมมองแบบอินเดียด้วยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องธรรมดา
แน่นอนว่าการรณรงค์เรื่องนี้มีอยู่ตลอดมาเป็นระยะ ๆ แต่ก็ใช่ว่าพฤติกรรมดังกล่าวจะหมดไปง่าย ๆ ดังนั้น ในปี ค.ศ. 2010 อินเดียตัดสินใจควบคุมปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยศาลสูงได้ประกาศว่าการโดยสารบนหลังคารถไฟเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ในคำประกาศของศาลระบุถึงกับว่า "รถไฟจะต้องหยุดเดินทันทีหากพบเห็นผู้ใดนั่งบนหลังคารถไฟแม้แต่เพียงคนเดียวก็ตาม" (นอกจากในอินเดียแล้วประเทศข้างเคียงเช่นบังกลาเทศก็ประสบปัญหานี้และดูจะหนักกว่าอินเดียด้วยซ้ำ ศาลสูงของบังกลาเทศเพิ่งจะประกาศห้ามการโดยสารบนหลังคารถไฟไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมานี้เอง)
ดังนั้น อาจกล่าวโดยรวมได้ว่า บริการรถไฟอินเดียนั้นกำลังมีพัฒนาการดีขึ้นตามลำดับ ทั้งเรื่องเส้นทางที่มากขึ้น ความเร็วที่เพิ่มขึ้น เทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น และมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งก็ทำให้รถไฟอินเดียเป็นตัวเลือกการเดินทางท่องเที่ยวในอินเดียที่น่าสนใจอีกตัวเลือกหนึ่งเลยทีเดียว เพราะการเดินทางโดยรถไฟมีข้อได้เปรียบการโดยสารเครื่องบินอยู่อย่างน้อยหนึ่งข้อ ก็คือการได้ยลทัศนียภาพสองข้างทางไปตลอดเวลาที่รถไฟวิ่งไปตามราง ซึ่งทำให้ได้เพลิดเพลินไปกับภูมิทัศน์ของท้องถิ่นต่าง ๆ ในอินเดีย สมกับหัวข้อที่ได้กล่าวไว้ว่า "เหนือจรดใต้ เปิดโลกทัศน์ด้วยรถไฟอินเดีย" นั่นเอง
https://www.facebook.com/BharatSiamOfficial/posts/205576958656102
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42746
Location: NECTEC
Posted: 08/02/2023 1:09 pm Post subject:
กระทรวงรถไฟอินเดียทำโครงการทางคู่สาย Sambalpur-Titlagarh (182 กิโลเมตร) มูลค่า 26,180 ล้านรูปี เพื่อขนส่งแร่ alumina และเหล็กกล้า, สิ่งทอทั้งแบบทมือและผ้าโรงงาน handloom, textiles, และสินค้าเกษตรในรัฐโอริสสา
https://www.facebook.com/RailMinIndia/posts/570511231776121
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44634
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44634
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42746
Location: NECTEC
Posted: 13/02/2023 10:59 am Post subject:
Winter TrainSpotting : 15203 Barauni Lucknow Express Arrival at Gorakhpur Junction
Video Link - https://youtu.be/gS5VQ7Y5LcQ
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44634
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 19/02/2023 12:46 pm Post subject:
นั่งรถไฟบังคลาเทศ | Mohanagar Provati Express Bangladesh| EP.134
น้าเต้สะเทือนน้ำ NaTaeSathueanNam
Feb 19, 2023
https://www.youtube.com/watch?v=NG0xiLc82F0
วันนี้พามานั่งรถไฟบังคลาเทศที่สถานีกลางของบังคลาเทศซึ่งกำลังจะพัฒนาเป็นศูนย์การคมนาคมเชื่อมต่อรถไฟฟ้า รถไฟ รถบัส อยู่ในบริเวณเดียวกัน และผมจองตั๋วออนไลน์ไว้ตั้งใจว่าจะนั่งรถไฟไปเมืองกาจีปูนอกเมืองธากาพอนั่งไปถึงสถานีหน้าสนามบินแล้วอยากรีวิวรถไฟขบวนอื่นๆแต่โชคร้ายตั๋วเต็มพอดีเลยไม่สามารถเดินทางต่อไปยังเมืองกาจีปูได้ครับ ต้องขออภัยด้วยนะครับ
ลิงค์จองตั๋วรถไฟบังคลาเทศ https://eticket.railway.gov.bd/
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44634
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top