View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
rkarn
VIP Member
Joined: 28/04/2006 Posts: 64
|
Posted: 19/03/2007 8:33 pm Post subject: ขุดกรุ : เยี่ยมชม Steamtown National Historic Site |
|
|
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเดินทางไป Steamtown National Historic Site ที่เมือง Scranton ในรัฐ Pennsylvania ครับ ทริปนี้ผมไปคนเดียว ขับรถไป-กลับประมาณ 270 ไมล์ หรือประมาณ 430 กิโลเมตร ทริปนี้เป็นแบบเช้าไป-เย็นกลับครับ อยู่จนถึงเวลาเขาปิดผมก็ยังชมไม่เสร็จเลย
Scranton, PA นี้เป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางการทำเหมือง anthracite ซึ่งเป็นถ่านหินชนิดหนึ่ง ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐ Pennsylvania ย้อนไปเมื่อราวทศวรรษ 1820's หรือประมาณทศวรรษ 2360 ในระบบการนับปีแบบพุทธศักราช Scranton เป็น hub ของทางรถไฟหลายสายและเป็นเมืองที่ทางรถไฟหลายสายเริ่มต้น หรือผ่าน ได้แก่ Delaware, Lackawanna & Western Railroad; Delaware and Hudson Canal Company and D&H Railroad; the Erie Railroad; Central Railroad of New Jersey; Ontario and Western Railway; Wilkes-Barre & Eastern; and the New York Susquehanna & Western Railroad
สำหรับที่ตั้งของ Steamtown National Historic Site นี้เป็นที่ตั้งเดิมของย่านสถานีของ Delaware Lackawanna & Western Railroad ซึ่งอยู่ในตัวเมือง Scranton เลย (Delaware Lackawanna & Western Railroad รวมกิจการกับ Erie Railroad กลายเป็น Erie-Lackawanna Railroad ชื่อดังในปีค.ศ. 1960 ครับ) ปัจจุบัน Steamtown ได้รับการจำแนกเป็น National Historic Site อยู่ในความดูแลของ National Park Service, U.S. Department of the Interior ครับ
ผมยังจอดรถไม่เสร็จเลย ก็เห็นเจ้านี่วิ่งมา
พอเข้าไปข้างใน ผมก็เดินตามไปจนทันครับ รถจักรคันนี้เป็นรถจักร Mikado เดิมเป็นของ Canadian National Railways หมายเลข 3254 มีการจัดวางล้อแบบ 2-8-2 สร้างเมื่อ ค.ศ. 1917 (พ.ศ. 2460) โดย Canadian Locomotive Company, Kingston Works Ontario, Canada ได้รับการปลดระวางเมื่อ ค.ศ. 1958 (พ.ศ. 2501) ก่อนที่ Steamtown Foundation ซื้อมาอนุรักษ์ไว้ครับ
เห็นตู้โดยสารโบราณของ Delaware, Lackawanna & Western Railroad จอดอยู่...
...จึงหาโอกาสขึ้นไปดูสภาพบนรถเสียหน่อย
โฆษณาสบู่ลักส์ (Lux) โบราณ อยู่บนที่เก็บสัมภาระเหนือศรีษะครับ
CNR #3254 กำลังถอยเข้ามาครับ
กิจกรรมหนึ่งที่ผมตื่นเต้นมากคือ Short Train Rides ที่ชื่อ the Caboose Experience ครับ สำหรับกิจกรรมนี้ เขาจะให้เรานั่งไปบนรถ caboose หรือรถพ.ห. แล้วให้รถจักร Mikado ลากไป-มาในเขต yard และวิ่งออกไปที่ main line ข้างนอกด้วย กิจกรรมแต่ละช่วงใช้เวลาประมาณ 40 นาทีครับ ในภาพลองสังเกตสภาพภายในรถ caboose ครับ ดูจากข้างนอกดูเล็กๆ แต่ข้างในใหญ่ไม่ใช่เล่น มีที่นั่งสังเกตการณ์ชั้นบนทั้งสองด้าน มีที่นั่ง ที่นอน โต๊ะทำงาน เตาหุงต้ม เครื่องทำความร้อน และห้องน้ำอยู่ในตัวครับ ในภาพเจ้าหน้าที่ของ National Park Service กำลังให้คำบรรยายประวัติของเมือง และบรรยายสถานที่ต่างๆ ที่ขบวนรถวิ่งผ่าน รถ caboose นี้กระเทือนมากครับ |
|
Back to top |
|
|
rkarn
VIP Member
Joined: 28/04/2006 Posts: 64
|
Posted: 19/03/2007 8:34 pm Post subject: |
|
|
เสร็จกิจกรรมแล้วก็ลงมาดูการทำงานของรถจักรไอน้ำหน่อย ให้บรรยากาศ เสียง กลิ่น เขม่าติดจมูกและเสื้อผ้า และความเปียกชื้นแตกต่างไปจากรถจักรดีเซลที่คุ้นเคยจริงๆ ครับ
อีกภาพครับ
ภาพนี้กำลังเดินหน้า ทำสับเปลี่ยนอยู่ โดยมี conductor สวมเครื่องแบบเกาะไปที่ท้าย tender ครับ เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานบนรถจักรเป็น volunteer หรืออาสาสมัครทั้งสิ้นครับ
คราวนี้ผมเดินมาที่ roundhouse เห็น turntable อยู่ตรงกลาง
ผมซื้อตั๋วขึ้นชม และร่วมเดินทางไปกับกิจกรรม the Pullman Experience ครับ the Pullman Company เป็นบริษัทผลิตรถโดยสารชื่อดังของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ค.ศ. 1858 จนถึงช่วงที่กิจการของบริษัทเจริญสูงสุดในทศวรรษ 1930's ที่บริษัทรับผิดชอบในการสร้าง เป็นเจ้าของ และดำเนินการของรถโดยสารกว่า 8 พันคัน ด้วยสโลแกนว่า "Travel and Sleep in Pullman Safety and Comfort." บริษัทยุติการดำเนินการรถโดยสารเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 1968 แต่ยังคงทำการผลิตรถโดยสารและรถสินค้าต่อเนื่องมาจนบริษัท Bombardier แห่ง Canada เข้าซื้อกิจการในช่วงทศวรรษ 1970's ครับในภาพเป็นภาพของสภาพภายในรถหลังจากที่เปิดประตูจากท้ายตู้เข้าไป
สภาพภายในห้องนอน มีอ่างล้างหน้า
อีกห้องหนึ่งมีทั้งเตียงล่างและบน
ทางเดินภายในรถ
ห้องอาหาร ในภาพมี menu อาหารติดข้างฝา ระบุปีที่ใช้ค.ศ. 1937 (พ.ศ. 2480) ด้านหลังประตูเป็นส่วนเตรียมอาหาร คล้ายห้องครัวเล็กๆ หากผมจำไม่ผิดมีเตาไฟสำหรับหุงต้มอาหารด้วยครับ |
|
Back to top |
|
|
rkarn
VIP Member
Joined: 28/04/2006 Posts: 64
|
Posted: 19/03/2007 8:34 pm Post subject: |
|
|
ไปยืนถ่ายกลับมาฝั่งตรงข้าม หลังผนังที่มีรูปภาพเป็นห้องนอนครับ
ผมเดินผ่านมาอีกตู้หนึ่ง ตู้นี้เป็นตู้ที่เราใช้เดินทางกัน สภาพภายในได้รับการคงไว้เหมือนเดิมเช่นตู้ที่ผ่านมาเช่นกัน เพียงแต่โซฟาได้รับการติดตั้งใหม่สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้นั่งแทนโซฟาเดิมที่วางในตำแหน่งและลักษณะเดียวกัน บริเวณข้างหลังผมมีบาร์เครื่องดื่มและของขบเคี้ยวครับ
ขบวนรถออกแล้ว ขบวนนี้นำด้วย EMD GP9 ซึ่งจะมีภาพให้ชมในภาคต่อๆ ไปครับ ในภาพเป็นอาคาร freight station เดิมของ Central Railroad of New Jersey
เดินทางประมาณ 45 นาทีแล้วก็กลับมายังที่เดิมครับ ขณะนี้ผมเริ่มเข้ามาที่ visitor center แล้ว |
|
Back to top |
|
|
rkarn
VIP Member
Joined: 28/04/2006 Posts: 64
|
Posted: 19/03/2007 8:35 pm Post subject: |
|
|
ภาพโปสเตอร์ของรถไฟในช่วงสงคราม
อีกภาพครับ
ภาพอุปกรณ์รับประทานอาหารบนขบวนรถ Lackawanna Railroad เดิมครับ
ภาพภายในของ Louisville & Nashville United States Mail Railway Post Office #1100 ครับ
สภาพภายนอก
ส่วนนี้เป็นนิทรรศการเกี่ยวกับบุคคลแต่ละประเภทที่เกี่ยวข้องกับกิจการขนส่ง และโดยสารทางรถไฟ มีตั้งแต่ locomotive engineer,
brakeman, switchman, porter, passenger ฯลฯ ผมนำภาพตัวอย่างของผู้โดยสารมาให้ชม |
|
Back to top |
|
|
rkarn
VIP Member
Joined: 28/04/2006 Posts: 64
|
Posted: 19/03/2007 8:37 pm Post subject: |
|
|
Telegraph operator ซึ่งเป็นผู้หญิงครับ
ประวัติของ Delaware Lackawanna & Western Railroad ครับ ในภาพเห็นหมวกของ conductor ของ Amtrak
เกี่ยวกับสงครามเหมือนกันครับ มีทั้งคำแนะนำการประหยัดเชื้อเพลิง เนื้อเพลง สมุดคู่มือปฏิบัติงานรถจักร และตารางเดินรถ
วิธีการทำงานของ Janney coupler
Time and distance indicator นี่เป็นของแปลกมากที่ผมก็ไม่เคยเห็นครับ
ออกมาข้างนอกมาเทียบขนาดกับ boxcar หน่อย
รถเครน |
|
Back to top |
|
|
rkarn
VIP Member
Joined: 28/04/2006 Posts: 64
|
Posted: 19/03/2007 8:37 pm Post subject: |
|
|
รถบรรทุกน้ำมันจอกแย่หน้า oil house ครับ
กลับขึ้นไปบนชั้นสองของอาคารเพื่อชมการเก็บรถจักรเข้าใน roundhouse หลังจากที่วิ่งมาทั้งวัน
conductor กำลังให้สัญญาณ
หลังจากที่วงเวียนกลับรถจักร (turntable) อยู่ในตำแหน่งแล้ว GP9 ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นมา
หมุนจนเกือบจะครบรอบ
Big Boy ของ Union Pacific หมายเลข 4012 ถ่ายจากชั้นสองครับ
นี่เป็นสภาพในอดีตของสถานที่ที่ผมไปมาในคราวนี้ roundhouse นั้นก็อยู่ที่เดิม แต่มีการปรับปรุงสร้างใหม่ คร่อมของเก่าลงไป
oil house เป็นอาคารเดิม และ green sand storage bin หรือหอเก็บทรายสีขาวในภาพก็ยังอยู่ที่เดิมครับ |
|
Back to top |
|
|
rkarn
VIP Member
Joined: 28/04/2006 Posts: 64
|
Posted: 19/03/2007 8:39 pm Post subject: |
|
|
แบบจำลองเพื่อสรเงความเข้าใจหลักการทำงานของกลจักรไอน้ำ
ภาพในอดีต
เครื่องมือทำทางรถไฟในอดีต
roundhouse office
กุญแจสำหรับล๊อคประแจโบราณ
ตะเกียงไฟสัญญาณ
ช่วงนี้ผมเริ่มไม่ทันแล้วครับ เลยไม่ได้หาข้อมูลว่าเป็นเครื่องยนต์รุ่นใด ขนาดใด ใช้กับรถจักรรุ่นใด ทราบแต่ว่าเป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบ V16 ถ่ายภาพเพื่อเทียบให้เห็นขนาดกับผมเองซึ่งเป็นสิ่งอ้างอิง |
|
Back to top |
|
|
rkarn
VIP Member
Joined: 28/04/2006 Posts: 64
|
Posted: 19/03/2007 8:41 pm Post subject: |
|
|
ผมออกมาข้างนอกอาคารเป็นคนสุดท้าย ต้องรีบวิ่งมาเอาภาพ Big Boy เสียหน่อย เดี๋ยวจะเสียเที่ยว เจ้าหน้าที่ก็ยืนรอเพื่อปิดประตูอยู่เลย สังเกตขนาดของผมเมื่อเทียบกับ Big Boy ซึ่งเป็นรถจักรไอน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ได้รับการบันทึกไว้ใน Guinness World Records ครับ
มาอ่านข้อมูลคร่าวๆ ของ Big Boy กันครับ
Big Boy เป็นรถจักรไอน้ำที่ได้รับคำสั่งสร้างจาก Union Pacific โดย Alco จำนวน 25 คัน โดยมีการสร้างในสองช่วงเวลาคือ ค.ศ. 1941 (พ.ศ. 2484) และ ค.ศ. 1944 (พ.ศ. 2487) และได้รับหมายเลขในชุด UP 4000 ใช้งานครั้งสุดท้ายเมื่อค.ศ. 1962 (พ.ศ. 2505)
รถจักรไอน้ำรุ่นนี้มีกำลัง 6,200 แรงม้า มีการจัดวางล้อเป็นแบบ 4-8-8-4 ได้รับการออกแบบเพื่อการลากขบวนรถสินค้า และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 80 mile/hr หรือ 128 km/hr (แม้ความเร็วใช้งานจริงต่ำกว่าความเร็วเมื่อได้รับการออกแบบ) สำหรับรถจักรหมายเลข 4012 นี้เป็นรถจักร 1 ใน 8 คันสุดท้ายที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ ในปัจจุบัน National Park Service ยังไม่มีแผนที่จะอนุรักษ์ให้สามารถใช้งานได้อีกครั้งแต่อย่างใด
Big Boy บริโภคน้ำ 12,500 U.S. Gallons/hr (47,312.5 liter/hr) และถ่านหินประมาณ 22 ton/hr เมื่อเดินเครื่องเต็มที่ เมื่อ Big Boy ลากขบวนรถสินค้าขึ้น Sherman Hill ในรัฐ Wyoming อัตราการบรืโภคน้ำของรถจักรอยู่ที่ 94,625 ลิตร และถ่านหินที่ 28 ตัน ในระยะทางขึ้นเขาเพียง 27 ไมล์ หรือประมาณ 43.2 กิโลเมตร โดยมีน้ำหนักกดเพลามหาศาลที่ประมาณ 30 ตันต่อเพลา และน้ำหนักปฏิบิติการสูงสุด 1,189,500 ปอนด์ หรือประมาณ 540 ตัน หรือเทียบได้กับน้ำหนักของรถจักร GEA กว่า 6 คันรวมอยู่ในรถจักรคันเดียวกันครับ!!!!!
หลังจากที่ออกมาจากบริเวณ Historic Site แล้ว ผมขับรถต่อไปยัง Radisson Lackawanna Station Hotel ซึ่งปัจจุบันเป็นโรงแรมในเครือ Radisson อาคารโรงแรมตั้งอยู่ที่ตัวอาคารเดิมของ Lackawanna Station ซึ่งสร้างเมื่อ ค.ศ. 1908 (พ.ศ. 2451) ได้รับการยอมรับเป็นอาคารสถานีรถไฟที่สวยที่สุดทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา เดิมเป็นทั้งอาคารสถานีรถไฟสำหรับรถโดยสาร และเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ Delaware Lackawanna & Western Railroad ด้วย หลังจากที่ Delaware Lackawanna & Western Railroad ควบรวมกิจการกับ Erie Railroad เป็น Erie Lackawanna Railroad สำนักงานใหญ่ได้ย้ายออกไป อาคารสถานี้นี้ได้ถูกทิ้งร้างเมื่อกิจการรถไฟโดยสารได้ถูกยกเลิกไปในช่วงค.ศ. 1970's และได้รับการดัดแปลงเป็นโรงแรมในปีค.ศ. 1983 และการบูรณะเสร็จสิ้นสมบูณ์ในปีค.ศ. 2000 นี้เองครับ ค่าก่อสร้างอาคารสถานีนั้นคิดเป็นเงิน $500,000 แต่ค่าบูรณะเพื่อให้กลับไปอยู่ในสภาพสถานีดั้งเดิมเช่นในปี 1908 อยู่ที่ $13,000,000 ครับ ปัจจุบันอาคารสถานีได้รับการขึ้นทะเบียนไว้กับ the US National Register of Historic Places ก็คงเช่นเดียวกับการขึ้นทะเบียนอาคารโบราณสถานกับกรมศิลปากรนะครับ
ผมขออนุญาตโรงแรมเข้าไปถ่ายภาพ และขอนำมาให้ชมเป็นตัวอย่างหนึ่งภาพ สภาพที่เราเห็นในภาพเป็นสภาพที่ได้รับการบูรณะให้เหมือนกับเมื่อครั้งอาคารสถานีสร้างเสร็จเมื่อปีพ.ศ. 2451 ครับ หากโรงแรมราชธานีได้รับการบูรณะเช่นนี้บ้างคงดีไม่น้อยนะครับ
สภาพภายนอกอาคาร
เห็นสภาพการเป็น railroad terminal หลงเหลืออยู่
ภาพสุดท้ายคือชื่อบริษัทรถไฟ Lackawanna ครับ
สำหรับการเดินทางไปเยี่ยมชม Steamtown National Historic Site ของผมก็จบเพียงเท่านี้ หวังว่าทุกท่านคงได่รับประสบการณ์ตามไปกับผมด้วย และคงได้เห็นว่าการอนุรักษ์ของโบราณของเขาทำได้ดีเพียงใด พวกเราจะได้มีแนวคิดในการอนุรักษ์สิ่งต่างๆ ในอดีตหากมีโอกาสในอนาคตนะครับ
จนกว่าจะพบกันใหม่ สำหรับการเดินทางในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
กานต์ |
|
Back to top |
|
|
|