เผยโฉม รถ "สายสีแดงอ่อน"

[Mongwin]

พับแผนเพิ่ม 10% สายสีแดง
ข่าวหุ้น Thursday, 12 April 2012 05:01

สั่ง“ยุทธนา”เร่งทบทวน20 เม.ย.ชัดเจนกรอบวงเงิน

บอร์ดรฟท.พับแผนเพิ่มกรอบวงเงิน 10% รถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน ติงโปรเจ็กต์ใหญ่ อย่าคิดอะไรง่ายๆ สั่ง “ยุทธนา” เร่งทบทวน ก่อนประชุม คมนาคม-คลัง-สภาพัฒน์ ดีเดย์ 20 เม.ย. 55 ชัดเจนกรอบวงเงินใหม่ทั้ง 3 สัญญา คาดเสนอ ครม.ได้ปลาย เม.ย.นี้ ยืนยันไม่ล้มประมูลแน่นอน

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. มีมติให้ร.ฟ.ท. กลับไปพิจารณาแนวทางการปรับเพิ่มกรอบวงเงินใหม่ของโครงการระบบรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน เกี่ยวกับกระบวนการประกวดราคา 3 สัญญาตามที่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติไว้ว่าให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม หาราคาที่เหมาะสมในการประกวดราคา

ทั้งนี้ ได้ให้ร.ฟ.ท. เร่งดำเนินการหากรอบวงเงินใหม่ โดยให้ข้อสังเกตไป 3 ข้อ คือต้องคิดทั้ง 3 สัญญา ไม่ใช่สัญญาเดียว ต้องเสนอว่าในความเห็นของร.ฟ.ท. ราคาที่เหมาะสมจะเป็นเท่าไหร่ และร.ฟ.ท.จะต้องทำให้ละเอียดชัดเจน ส่วนแนวทางการเพิ่มกรอบวงเงินขึ้น 10% นั้นให้เลิกไป โดยให้ส่งรายละเอียดดังกล่าวเข้ากระทรวงในวันที่ 18 เม.ย. 55 และวันที่ 20 เม.ย. 55 จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง อาทิ สำนักงบประมาณ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) เพื่อพิจารณาเห็นชอบราคาที่เหมาะสมตามที่ ครม.มีมติไว้

ดังนั้น การประชุมวันที่ 20 เม.ย.นี้ จะได้กรอบวงเงินใหม่ในราคาที่เหมาะสมของทั้ง 3 สัญญา โดยความเห็นของทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะจากกระทรวงการคลัง ที่ ครม.สั่งให้ต้องเข้าร่วมการพิจารณากรอบวงเงินดังกล่าวด้วย

“บอร์ดให้ ร.ฟ.ท.กลับไปทบทวนทำการบ้านให้สมบูรณ์ในการปรับกรอบวงเงินใหม่ เพื่อจะส่งเข้ากระทรวงให้ได้ภายในวันที่ 18 เม.ย.นี้ โดยมองว่าการเพิ่มกรอบวงเงิน 10% ไม่เป็นเหตุเป็นผล ถึงแม้จะมีกฎหมายรองรับว่าทำได้ แต่เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการขนาดใหญ่ ต้องคิดจาก Unit Cost จริงๆ ณ เวลานั้น ที่สามารถคิดย้อนหลังได้ ไม่ใช่จะมาบวก 10% ไปเฉยๆ ถือเป็นการคิดแบบง่ายๆ ทำงานคืนเดียวเสร็จ มันไม่ใช่ ไม่ควรจะทำอย่างนั้น แต่ต้องเอาราคาจริงๆ เช่น ตอนนั้นเหล็กเท่าไหร่ ราคาเหล่านี้ที่กระทรวงพาณิชย์มีอยู่แล้ว” นางสร้อยทิพย์ กล่าว

สำหรับแนวทางปรับกรอบวงเงินจากเดิมเพิ่มขึ้นอีก 10% ที่ ร.ฟ.ท.เสนอมาโดยอ้างระเบียบพัสดุ (กพว.) นั้น มองว่ายังไม่เป็นเหตุเป็นผลตามหลักการ เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ จะต้องพิจารณากรอบวงเงินใหม่จากการจัดทำอัตราราคาต่อหน่วย (Unit Cost) จริงๆ ณ เวลานั้น ซึ่งตามหลักการสามารถคิดย้อนหลังได้ ไม่ใช่คิดง่ายๆ แค่จะขอปรับเพิ่มอีก 10% โดยอ้างข้อกฎหมายว่าสามารถกระทำได้ ดังนั้น บอร์ดจึงมีมติให้ร.ฟ.ท. กลับไปทบทวนแนวทางการปรับกรอบวงเงินใหม่โดยต้องคิดจากความเป็นจริง คือราคา ณ ที่เป็นวันจริง 30 วัน ก่อนเปิดซองว่าราคาอยู่ที่เท่าไหร่เพื่อจะได้ราคาจริงของการปรับกรอบวงเงินใหม่ให้มากที่สุด

นางสร้อยทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้ให้กรอบดำเนินการปรับวงเงินใหม่ของโครงการรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน อยากให้มีความชัดเจนภายในเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งน่าจะสามารถทำได้หากร.ฟ.ท. ทำได้เร็วตามกรอบที่ให้ดำเนินการข้างต้น เพื่อส่งต่อให้สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (สนย.) รับช่วงต่อโดยให้เวลาหนึ่งสัปดาห์หลังความชัดเจนในการประชุมวันที่ 20 เม.ย. ฉะนั้น คาดว่าหากเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่บอร์ดกำหนดให้ ร.ฟ.ท.ดำเนินการ คาดว่าปลายเดือนเม.ย.นี้ จะสามารถนำเสนอกรอบวงเงินใหม่เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้

อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูราคาที่เหมาะสมใหม่ที่จะออกมาก่อน หากไม่เกินกรอบที่เคยเสนอไว้คือ 7.5 หมื่นล้านบาท อาจจะไม่ต้องเสนอ ครม.ก็ได้

“ส่วนตัวอยากให้จบสิ้นเดือนเม.ย.นี้ เนื่องจากหากโครงการสายสีแดงทั้ง 3 สัญญาไม่ผ่านหรือไม่มีความคืบหน้า ปัญหาที่จะตามมาคือเราจะไม่สามารถขยายโครงการอื่นๆ ได้เลย เนื่องจากสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ถือเป็นเส้นที่ขวางทางโครงการอื่นๆ อยู่ทั้งหมด เช่น แอร์พอร์ตลิงค์ เมื่อผ่าน EIA แล้วก็จะประกวดราคาไม่ได้ เพราะสายสีแดงไม่ไปไหนสักที สร้างอะไรก็ไม่ได้เนื่องจากไม่มีที่จะไป ขยายเส้นทางอื่นไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องเร่งรัดแก้ไขปัญหาโครงการสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ให้เร็วที่สุด” นางสร้อยทิพย์ กล่าว

ทั้งนี้ หากกระทรวงการคลังเห็นด้วยกับกรอบวงเงินใหม่ที่กระทรวงคมนาคมเสนอไป ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการเรียกบริษัทเอกชนที่เสนอราคาต่ำสุดเพื่อเจรจาต่อรองว่ายอมรับกรอบวงเงินที่เสนอมาหรือไม่ เบื้องต้นบริษัทเอกชนผู้เสนอราคาต่ำสุด ยังเป็นผู้มีสิทธิ์ในการเจรจาเป็นเจ้าแรก อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถเจรจาตกลงในกรอบวงเงินใหม่กับบริษัทเอกชนดังกล่าวได้ จะมีการเรียกผู้ประกวดราคาในลำดับถัดไปเข้ามาเจรจาต่อไป

“กลุ่มบริษัท SU ได้สิทธิ์เจรจาก่อนอยู่แล้ว เพราะเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด แต่ถ้าหลังจากมีการเจรจากลุ่มบริษัท SU ไม่รับกรอบวงเงินใหม่ที่เสนอ ก็จะเรียกเอกชนผู้ประกวดราคาต่ำสุดลำดับ 2 มาเพื่อเจรจาเป็นรายต่อไป โดยจะไม่มีการล้มประมูลแน่นอน เนื่องจากดำเนินการมา 2 ปีแล้ว เพราะหากเปิดประมูลใหม่จะทำให้เสียเวลาไปกว่าที่เป็นอยู่มาก” นางสร้อยทิพย์ กล่าว

สำหรับโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต กรณีปัญหาการประกวดราคาสัญญาที่ 1 (งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง) กรณีที่ผู้รับเหมาเสนอราคาสูงกว่ากรอบวงเงินที่ ครม.อนุมัติไว้ คือ กลุ่มกิจการร่วมค้า SU ซึ่งประกอบด้วย บมจ.ซิโนไทย-เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และบมจ.ยูนิคเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เสนอราคาต่ำสุดที่ 3.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่กรอบวงเงินที่ ครม.อนุมัติไว้ที่ 27,170 ล้านบาท

[Wisarut]

รฟท.ชงงบก่อสร้างรถไฟสายสีแดงบางซื่อ-รังสิตให้คมนาคมวันนี้

โดย ณัฐญา เนตรหิน
ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ
วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน 2012 เวลา 16:25 น.

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ในฐานะประธาน คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า วันนี้ ทางการรถไฟฯ จะส่งหนังสือเรื่องกรอบวงเงิน โครงการรถไฟสายสีแดงช่วงบางซื่อ - รังสิต ให้กระทรวงคมนาคม รับทราบ ภายหลังจากที่ได้ข้อสรุป จากการ ประชุมคณะกรรมการเมื่อวานนี้ (18เม.ย.) และจะมีการประชุมอีกครั้ง เพื่อหาข้อสรุปในวันที่ 20 หรือ 23 เมษายนนี้ โดยมี นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุม

[Mongwin]

คค.สั่งปรับกรอบวงเงินสร้างรถไฟสายสีแดง
INN News วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ.2555 19:49น.

กระทรวงคมนาคม ให้ ร.ฟ.ท. กลับไปปรับกรอบงบประมาณก่อสร้าง รถไฟสายสีแดงใหม่ ให้เหมาะสม
นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมเรื่องกรอบวงเงินโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ว่า ได้ให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. กลับไปปรับกรอบวงเงินในส่วนของสัญญาที่ 1 อีกครั้ง เพื่อให้เหมาะสมกับการก่อสร้างของโครงการดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ยังไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ เนื่องจากยังติดปัญหาทั้ง 3 งานสัญญา คือ งานสัญญาที่ 1 งานโยธา สำหรับสถานีรถไฟบางซื่อ และศูนย์งานซ่อมบำรุง งานสัญญา 2 งานโยธาสำหรับทางรถไฟช่วงบางซื่อ-รังสิต และงานสัญญาที่ 3 งานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล รวมงานจัดซื้อตู้รถไฟฟ้า

-------------

จี้ "ร.ฟ.ท." เดินหน้าสีแดง BMCLชี้สร้างอืดขาดทุนยับ
ไทยโพสต์ 24 April 2555

คมนาคม จี้ ”ร.ฟ.ท.” เดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสีแดง หลังโครงการไม่คืบ ด้านบีเอ็มซีแอลครวญ ขาดทุนเหตุแผนสร้างโครงขายรถไฟล่าช้ากว่า 5-6 ปี

นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมพิจารณากรอบวงเงินรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ว่าเร่งรัดให้ ร.ฟ.ท.เร่งดำเนินการจัดทำกรอบวงเงินการก่อสร้างรถไฟฟ้าดังกล่าวใหม่ เนื่องจากเห็นว่ากรอบเดิม 7.5 หมื่นล้านบาทนั้นไม่เพียงพอกับมูลค่าลงทุนในปัจจุบัน เพราะเป็นกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งการจัดทำกรอบใหม่นั้นจะต้องให้ครอบคลุมทั้ง 3 สัญญา

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 1 งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง ไม่สามารถเดินหน้าการประกวดราคาได้เพราะผู้รับเหมาเสนอราคาสูงกว่ากรอบวงเงินที่ ครม.อนุมัติไว้ คือ กลุ่มกิจการร่วมค้า SU ซึ่งประกอบด้วย บมจ.ซิโนไทย-เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ บมจ.ยูนิคเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เสนอราคาต่ำสุดที่ 3.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่กรอบ ครม.อนุมัติไว้ที่ 27,170 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมา ร.ฟ.ท.ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) กล่าวว่า ผลจากการขยายโครงข่ายระบบรถไฟฟ้ามีความล่าช้ากว่ากำหนด 5-6 ปี ส่งผลให้ผลประกอบการของ BMCL ขาดทุนสุทธิ ซึ่งในปีที่ผ่านมานั้นกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (อีบิด้า) เพียง 259 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รายได้จากการเดินรถของบริษัทจะเติบโตแบบก้าวกระโดดได้หลังจากโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ แล้วเสร็จ เช่น โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินและสายสีม่วงแล้วเสร็จ.

[Mongwin]

สั่งทบทวนค่าก่อสร้างรถไฟสีแดง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 เมษายน 2555 10:32 น.

นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ รองปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมพิจารณากรอบวงเงินโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ได้ทำหนังสือยืนยันวงเงินค่าก่อสร้างที่ 7.5 หมื่นล้านบาทโดยเป็นฐานราคาในปี 2552 ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าอาจจะไม่เหมาะสมกับสถานะปัจจุบัน จึงให้ร.ฟ.ท.ทบทวนใหม่และให้เสนอกลับมาภายใน 1 เดือน เพื่อสรุปเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาต่อไป และเห็นว่า ร.ฟ.ท.ควรเร่งสรุปการประกวดราคาสัญญาที่ 1 เพราะจะทำให้สามารถประเมินวงเงินค่าก่อสร้างที่แท้จริงของโครงการทั้งหมดได้

ทั้งนี้มติครม. เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2552 ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังหารือกรอบวงเงินรถไฟสายสีแดงที่เพียงพอและเหมาะสม ซึ่งยังไม่ได้เสนอกลับไป ในขณะที่ในวันเดียวกัน ครม.เห็นชอบให้คลังกู้เงินจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) สำหรับสายสีแดงไว้ที่ 8.9 หมื่นล้านบาท

นายจำรุญกล่าวว่า สิ่งที่ร.ฟ.ท.ต้องทำเพิ่มเติมคือ การแยกรายละเอียดค่าดำเนินการในแต่ละรายการให้ชัดเจน โดยเฉพาะค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) เนื่องจาก การใช้เงินกู้ไจก้าจะไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่มในขณะที่กรอบวงเงินที่ร.ฟ.ท.เสนอครม.ที่ 7.5 หมื่นล้านบาทนั้นประเมินโดยไม่ได้พิจารณาว่าใช้เงินกู้ในประเทศหรือกู้ไจก้า

“ร.ฟ.ท.ไม่เสนอค่าก่อสร้างที่ใช้ฐานคำนวณในปี 2554 หรือ2555 แต่ยืนยันวงเงินที่คำนวณจากฐานต้นทุนปี 2552 ซึ่งกระทรวงคมนาคมมองว่าอาจจะไม่เพียงพอและเหมาะสมกับภาวะปัจจุบัน อีกทั้งที่ผ่านมา แม้จะเปิดซองราคาสัญญาที่ 1 ซึ่งกลุ่ม กลุ่มกิจการร่วมค้า SU เสนอราคาต่ำสุดซึ่งทำให้รู้ราคาเบื้องต้นแล้วแต่ร.ฟ.ท.ไม่สรุปให้จบทำให้เรื่องคั่งค้างและล่าช้าไปถึงสัญญาที่ 2 และ3 อย่างไรก็ตามเห็นว่าเมื่อสรุปสัญญาที่ 1 ได้ภาพของทั้งโครงการจะชัดขึ้นว่า กรอบที่มีเพียงพอหรือไม่”นายจำรูญกล่าว

สำหรับกรอบวงเงินก่อสร้างรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต มี 2 กรอบ คือ
1.กรอบวงเงินที่จะเสนอขอกู้เงินจาก ไจก้า โดยประเมินตามหลักเกณฑ์ของทางไจก้า วงเงิน 89,695 ล้านบาท แบ่งเป็นค่างานโยธา 44,779 ล้านบาท งานระบบไฟฟ้า เครื่องกล 13,372 ล้านบาท ค่าตู้รถไฟฟ้า 6,560 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษา 3,353 ล้านบาท ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด 4,939 ล้านบาท ค่า price escalation 11,606 ล้านบาท ค่า adminstration cost 1,694 ล้านบาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% วงเงิน 3,392 ล้านบาท
2.กรอบของร.ฟ.ท. 75,548 ล้านบาท แยกเป็นค่างานโยธา 44,779 ล้านบาท งานระบบไฟฟ้า เครื่องกล 13,372 ล้านบาท ค่าตู้รถไฟฟ้า 6,131 ล้านบาท ค่ารื้อย้าย 105 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษา 2,332 ล้านบาท ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด 1,381 ล้านบาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% วงเงิน 1,295 ล้านบาท

โดยสัญญาที่ 1 งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง กลุ่มกิจการร่วมค้า SU ประกอบด้วยบมจ.ซิโนไทย-เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่นและบมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เสนอราคาที่ 3.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติไว้ที่ 27,170 ล้านบาท

สำหรับสัญญาที่ 2 (งานโยธาสำหรับทางรถไฟ) ระยะทาง 21 กิโลเมตร มูลค่า 18,000 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ยื่นซอง 3 ราย คือ 1.บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ 2.บมจ.ช.การช่าง และ 3.กิจการร่วมค้า SU จะเปิดซองราคาได้เมื่อสรุปผลสัญญาที่ 1 ก่อน
ส่วนสัญญาที่ 3 (งานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกลรวมงานจัดซื้อตู้รถไฟฟ้าทั้งช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน) มูลค่า 26,272 ล้านบาท อยู่ระหว่างรอความเห็นไจก้าเรื่องคุณสมบัติของผู้ยื่นซอง 4 ราย

[Wisarut]

ครม.รับทราบการรื้อย้ายท่อขนส่งน้ำมันในโครงการระบบระบบรถไฟชานเมือง
โดย ณัฐญา เนตรหิน
ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ
ฐานเศรษฐกิจ
วันอังคารที่ 24 เมษายน 2012 เวลา 18:43 น.

นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการเจรจาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2554 เรื่องรายงานปัญหาอุปสรรคของการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต ตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอกรอบวงเงิน 59,888 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินงาน 4 ปี ระหว่างปี 2551-2555 โดยได้มีการลงนามสัญญาเงินกู้ระหว่าง กระทรวงการคลัง และ รฟท. กับ ไจก้า ของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2555 จำนวน 23,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างงานโยธา ระบบไฟฟ้า และอื่นๆ โดยขณะนี้ได้ข้อสรุปแนวทางการย้ายแนวท่อของ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด ทางด้านเทคนิค ทั้ง 2 ฝ่าย เห็นชอบร่วมกันจะมีการรื้อย้ายท่อขนส่งน้ำมันลดลงจากเดิมกำหนดไว้ 13 จุด เหลือเพียง 2 จุด

คือ บริเวณสถานีบางซื่อ สามารถเลือกการรื้อย้ายได้ 2 ทาง
ทางเลือกที่ 1 ระยะทาง 2.9 กิโลเมตร วงเงิน 217 ล้านบาท และ
ทางเลือกที่ 2 ระยะทาง 4.4 กิโลเมตร วงเงิน 245 ล้านบาท

ทั้งนี้ ให้ รฟท.กับ บริษัท ขนส่งน้ำมันฯ กลับไปพิจารณาทางเลือกที่มีความเหมาะสมที่สุดทางด้านเทคนิคในช่วงเวลาที่จะมีการรื้อย้าย และบริเวณสถานีดอนเมือง มีวงเงินค่ารื้อย้าย 96 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวม งบการรื้อย้ายอยู่ที่ 341 ล้านบาท

สำหรับบริเวณแนวท่อน้ำมันอีก 11 จุดที่เหลือ ผู้รับเหมาก่อสร้างจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง โดยภาระค่าใช้จ่ายในการรื้อย้าย รฟท.ให้บริษัท ขนส่งน้ำมันฯรับภาระค่าใช้จ่าย ซึ่งบริษัท ขนส่งน้ำมันฯพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ยอมรับว่า ไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายในการรื้อย้ายได้ เนื่องจากบริษัทฯขาดสภาพคล่องทางการเงิน รฟท.จึงยอมรับภาระอัตราค่าธรรมเนียมผูกพันธ์เงินกู้เพิ่มมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินการรถไฟชานเมืองสายสีแดงทั้งนี้ รฟท.จะมีการฟ้องร้องตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไปกับ บริษัท ขนส่งน้ำมันฯ

[Mongwin]

“พล.ต.ท.ชัจจ์” สั่งล้มประกวดราคารถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต
สำนักข่าวไทย วันอังคาร ที่ 24 เม.ย. 2555

กรุงเทพฯ 24 เม.ย.- พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมมีความเห็นให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยกเลิกการประกวดราคาโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กม. ในส่วนสัญญาที่ 1 หรืองานก่อสร้างงานโยธา สถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง เนื่องจากกลุ่มกิจการร่วมค้า SU ประกอบด้วย บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้เสนอราคาต่ำสุดเสนอราคาที่ต่อรองแล้วเหลือ 31,170 ล้านบาท ขณะที่กรอบวงเงินของ รฟท.อยู่ที่ 27,344 ล้านบาท เนื่องจากหากเพิ่มกรอบวงเงิน รฟท.จะไม่สามารถตอบคำถามสังคมได้

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดดำเนินโครงการรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ให้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะปัจจุบันโครงการรถไฟสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-บางซื่อ ก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่ไม่สามารถเดินรถไฟฟ้าได้ เนื่องจากระบบรถไฟฟ้าและระบบอาณัติสัญญาณจะประกวดราคาและก่อสร้างไปพร้อมกับโครงการรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต

ส่วนกรณีที่โครงการก่อสร้างดังกล่าวมีความล่าช้า เนื่องจากติดปัญหาท่อส่งน้ำมันบริเวณสถานีรถไฟพหลโยธินและมีปัญหาข้อพิพาทในการรื้อถอนระหว่าง รฟท.บริษัทท่อส่งน้ำมันนั้น ได้รับแจ้งจาก รฟท. แล้วว่าทางบริษัทท่อส่งน้ำมันจะเป็นผู้รับผิดชอบขนย้ายท่อน้ำมันออกไปเอง ซึ่งปัญหานี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการแล้ว.-สำนักข่าวไทย

----------

STEC-UNIQ ส่อแห้วชัจจ์สั่งล้มประมูลสายสีแดง หลังสู้ราคาไม่ไหว
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 25 เมษายน 2555 08:53:29 น.

พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ควรต้องยกเลิกการประกวดราคาโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กม. ในส่วนสัญญาที่ 1 หรืองานก่อสร้างงานโยธา สถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง ซึ่งกลุ่มกิจการร่วมค้า SU ประกอบด้วย บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(STEC) และ บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(UNIQ) ผู้เสนอราคาต่ำสุดเสนอราคาที่ต่อรองแล้วเหลือ 31,170 ล้านบาท ขณะที่กรอบวงเงินของร.ฟ.ท.อยู่ที่ 27,344 ล้านบาท

"หากเพิ่มกรอบวงเงิน จะไม่สามารถตอบคำถามสังคมได้ และจะเป็นตัวอย่างให้โครงการอื่นนำไปปฏิบัติ ซึ่งไม่ถูกต้องที่จะปรับเพิ่มกรอบวงเงินให้เท่ากับข้อเสนอของผู้รับเหมาก่อสร้าง ดังนั้นเห็นว่าควรต้องยกเลิกการประกวดราคาดังกล่าว และเปิดประกวดราคาใหม่ โดยกำหนดกรอบวงเงินให้สะท้อนต้นทุนในปัจจุบันที่ราคาต้นทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมัน" พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดดำเนินโครงการรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ให้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะปัจจุบันโครงการรถไฟสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-บางซื่อ ก่อสร้างแล้วเสร็จแต่ไม่สามารถเดินรถไฟฟ้าได้ เนื่องจากระบบรถไฟฟ้าและระบบอาณัติสัญญาณจะประกวดราคาและก่อสร้างไปพร้อมกับโครงการรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต

รมช.คมนาคม กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาการประกวดราคาดังกล่าวล่าช้ากว่า 1 ปี เพราะติดปัญหาเรื่องกรอบวงเงินที่ต่ำกว่าข้อเสนอของผู้รับเหมาก่อสร้างกว่า 3.8 พันล้านบาท ซึ่งตามหลักการระเบียบพัสดุของไทยไม่สามารถประกวดราคาได้ แต่เนื่องจากโครงการนี้ใช้วิธีการประกวดราคาแบบนานาชาติ ซึ่งดำเนินการตามระเบียบขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น(ไจก้า) ซึ่งสามารถประกวดราคาได้ ทำให้ร.ฟ.ท.ต้องพิจารณาแนวทางการดำเนินงานอย่างรอบคอบ และยังไม่ประกาศผลการประกวดราคาสัญญาดังกล่าว ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไม่ให้สามารถเปิดซองข้อเสนอสัญญาที่ 2 งานโยธาสำหรับทางรถไฟ ระยะทาง 21 กม. วงเงิน 18,861 ล้านบาท

[nutsiwat]

[kikoo]

^

[Wisarut]

ร.ฟ.ท.ยังไม่ล้มประมูลสีแดง รอที่ปรึกษาประเมินราคาใหม่

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 เมษายน 2555 00:11 น.


"ยุทธนา"เผยการประมูลรถไฟสายสีแดงยังดำเนินการตามระเบียบไม่ถึงขั้นที่ต้องล้มประมูล ล่าสุดบอร์ดสั่งรอผลที่ปรึกษาประเมินตัวเลขใหม่ยึดฐานต้นทุนปี 53 ช่วงยื่นซองประมูล คาดพ.ค.เสนอตัวเลขใหม่ให้”คมนาคม”รับทราบได้ เผยระเบียบปรับได้อีก 10% หรือ 7,500 ล้านบาท

นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.ที่มีนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นประธาน ได้พิจารณาการประกวดราคาโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ซึ่งได้รับอนุมัติกรอบวงเงินจากคณะรัฐมนตรี (ครม).ที่ 7.5 หมื่นล้านบาท โดยยังให้เดินหน้าพิจารณาตามกรอบเดิม ซึ่งขณะนี้ได้ให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังพิจารณาศึกษารายละเอียดที่ชัดเจนของทั้ง 3 สัญญาอีกครั้ง

โดยคาดว่าจะสรุปตัวเลขใหม่ได้ในเดือนพ.ค.นี้ และจะรายงานบอร์ดรับทราบจากนั้นจะเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อหารือกับกระทรวงการคลังก่อน ร.ฟ.ท.จึงจะนำตัวเลขดังกล่าวมาเจรจากับผู้รับเหมาได้

ทั้งนี้ การดำเนินโครงการจะยังไม่ถึงขั้นตอนที่จะล้มประมูลได้ เพราะการดำเนินงานต่างๆยังอยู่ในกรอบของระเบียบและเงื่อนไขขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) ในฐานะผู้ให้เงินกู้ ดังนั้นจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปซึ่งกรอบ 7.5 หมื่นล้านบาทนั้นคำนวนจากฐานต้นทุนราคาค่าวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆเมื่อปี 2552 อาจจะไม่สอดคล้องเพราะมีการยื่นประมูลกันในเดือนธ.ค. 2553 ซึ่งที่ปรึกษาฯ จะคำนวณฐานราคาวัสดุในช่วงที่ประมูล

อย่างไรก็ตามตามระเบียบสามารถปรับกรอบราคาได้อีก 10% หรือประมาณ 7,500 ล้านบาท

สำหรับการประกวดราคารถไฟสายสีแดงต้องล่าช้ากว่าแผนกว่า 1 ปี เนื่องจากยังหาข้อสรุป สัญญาที่ 1 งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุงไม่ได้ หลังจากกลุ่มกิจการร่วมค้า SU ประกอบด้วยบมจ.ซิโนไทย-เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่นและบมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เสนอราคาที่ 3.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)อนุมัติไว้ที่ 27,170 ล้านบาท

และส่งผลให้ไม่สามารถเปิดซองราคาสัญญาที่ 2 (งานโยธาสำหรับทางรถไฟ) มูลค่า 18,000 ล้านบาท ที่มีผู้ยื่นซอง 3 ราย คือ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ บมจ.ช.การช่าง และ 3.กิจการร่วมค้าเอสยู ไม่สามารถเปิดซองราคาได้ ส่วนสัญญาที่ 3 (งานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกลรวมงานจัดซื้อตู้รถไฟฟ้าทั้งช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน) มูลค่า 26,272 ล้านบาท อยู่ระหว่างรอความเห็นไจก้า เรื่องคุณสมบัติของผู้ยื่นซองประกวดราคา

//--------------------------------------------

บอร์ดร.ฟ.ท.ไม่ล้มประมูลรถไฟสีแดง สั่งทบทวนวงเงินใช้เกิน7.5หมื่นล. สูงกว่ามติครม.อนุมัติเหตุวัสดุพุ่ง
(ที่มา:มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 27 เมษายน 2555)เวลา 09:46:51 น.


นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) มีมติให้เดินหน้าหาราคาที่เหมาะสมในการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต หลังจากพิจารณาแล้วเห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวจะมีมูลค่ามากกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติไว้ โดยให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในฐานะที่ปรึกษาโครงการ พิจารณาศึกษาตัวเลขที่ชัดเจน


นายยุทธนากล่าวว่า การที่ต้องศึกษามูลค่าโครงการใหม่เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวคำนวณเมื่อปี 2552 อาจไม่สอดคล้องกับปัจจุบันที่ราคาวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น คาดว่าภายในเดือนพฤษภาคมนี้จะสรุปตัวเลขได้ จากนั้นจะเสนอบอร์ดพิจารณาเพื่อเสนอไปยังกระทรวงคมนาคมให้หารือกับกระทรวงการคลัง หากไม่มีปัญหาจะนำราคาที่ได้ไปเจรจากับบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมประมูลต่อไป


นายยุทธนากล่าวว่า การพิจารณาปรับเพิ่มตัวเลขกรอบวงเงินดังกล่าว ตามระเบียบสามารถดำเนินการได้อีก 10% หรือประมาณ 7,500 ล้านบาท โดยที่ปรึกษาจะต้องนำสัญญาการดำเนินโครงการที่มีอยู่ 3 สัญญาไปพิจารณาในการคำนวณหาตัวเลขที่สอดคล้องกับความเป็นจริงในปัจจุบัน "ยืนยันว่าโครงการนี้จะยังไม่ล้มประมูล การดำเนินงานต่างๆ ยังอยู่ในกรอบเงื่อนไขขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) ในฐานะผู้ให้เงินกู้"


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการดังกล่าวล่าช้ากว่าแผนประมาณ 1 ปีกว่า เนื่องจากหาข้อสรุปเกี่ยวกับสัญญาที่ 1 งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุงไม่ได้ หลังจากกลุ่มกิจการร่วมค้า เอสยู ประกอบด้วย บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เสนอราคาต่ำสุดที่ 3.1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าที่ ครม.อนุมัติไว้ที่ 27,170 ล้านบาท ส่งผลให้สัญญาที่ 2 (งานโยธาสำหรับทางรถไฟ) มูลค่า 18,000 ล้านบาทไม่สามารถเปิดซองราคาได้ ส่วนสัญญาที่ 3 (งานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกลรวมงานจัดซื้อตู้รถไฟฟ้าทั้งช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน) มูลค่า 26,272 ล้านบาท อยู่ระหว่างรอความเห็นไจก้า เรื่องคุณสมบัติของผู้ยื่นซองประกวดราคา

[Wisarut]

ปชช.พันคนนัดชุมนุมประท้วงรถไฟสายสีแดง
ข่าวเศรษฐกิจ
สำนักข่าว INN
วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2555 9:42น.

ชาวบ้าน บางกรวย บางพลัด 1,000 คน นัดชุมนุมประท้วงโครงการก่อสร้างรถไฟสายสีแดง หลังได้รับผลกระทบ
นายธีระเดช มีรุ่งเรือง ตัวแทนประชาชน ถนนเทิดพระเกียรติ และ ชาว อ.บางกรวย บางพลัด เปิดเผยว่า ในวันนี้เวลา 09.00 น. ประชาชนผู้ใช้ ถนนเทิดพระเกียรติ ชาว อ.บางกรวย บางพลัด ประมาณ 1,000 คน จะรวมตัวกันที่ลานหน้า TD แมนชั่น เนื่องจากถ้าการก่อสร้างรถไฟสายสีแดงช่วง บางซื่อ-ตลิ่งชัน ก่อสร้างแล้วเสร็จ จะมีการปิดและเปลี่ยนเส้นทาง ถนนเทิดพระเกียรติ จากทางรถไฟเดิม ทำให้ผู้ที่เดินทางผ่าน ถนนเทิดพระเกียรติ เพื่อติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ วัด โรงพยาบาล สถานศึกษา เยี่ยมญาติ ไปประกอบอาชีพ หรือเข้า-ออก ที่พักอาศัย ต้องรับภาระค่าเดินทางและเสียเวลาเพิ่มขึ้น รวมทั้งการร้องเรียนให้ผู้รับผิดชอบโครงการดังกล่าวให้ปฏิบัติตามรายงานฉบับสมบูรณ์ของการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ด้วย