ข่าวและภาพรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

[Nakhonlampang]

ตรงแยกปิ่นเกล้า ถ้าให้เดา ผมคิดว่าน่าจะเบี่ยงแนวรถไฟฟ้าไปทางด้านตะวันออกของถนนนะครับ เพราะมีพื้นที่เหลือเฟือ

ถนนจรัญสนิทวงศ์ตรงแยกปิ่นเกล้านี้ ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าขอบถนนฝั่งตะวันออก ไม่ได้เป็นแนวตรงขานไปกับแนวถนน แต่จะผายออกไปเชื่อมต่อกับถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า จึงทำให้มีพื้นที่ว่างฝั่งทิศตะวันออกกว้างพอที่จะเบี่ยงแนวรถไฟฟ้าด้วยรูปแบบต่อม่อปกติได้ เรื่องความสูงก็ต้องยอมรับสภาพไป แต่ก็สร้างได้ไม่ยากแล้ว เพราะไม่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่และรูปแบบตอม่อตามเหตุผลที่ว่ามาครับ

ส่วนถ้าใครสงสัยว่าแล้วทำไมฝั่งตะวันตกไม่มีที่ว่างแบบฝั่งตะวันออก
คำตอบก็คือว่าเดิมทางแยกนี้เป็นสามแยกที่มีถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้าที่เชื่อมต่อกับสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าวิ่งมาชนถนนจรัญสนิทวงศ์เท่านั้น ฝั่งตะวันตกยังไม่มีถนนบรมราชชนนีมาเชื่อมต่อ แนวขอบถนนจึงสร้างผายมาทางฝั่งตะวันออกเพียงด้านเดียว ฝั่งตะวันตกจึงเป็นแนวตรงปกติ

[Mongwin]

ขอบคุณพี่หนุ่มมากครับ
แสดงว่าโครงการรถไฟฟ้าแบบนี้ ใช้ระบบการส่งมอบงานโครงการก่อสร้างแบบ design-build นะครับ คือ ออกแบบแล้วก็ก่อสร้างไปเรื่อย ๆ ทำให้พวกเราต้องมาลุ้นคาดเดาใจวิศวกร สถาปนิกกัน

ไม่เหมือนแบบเดิมที่เป็น ออกแบบ-ประมูล-ก่อสร้าง (design-bid-build) ซึ่งเสียเวลาออกแบบมาก ต้องสำรวจอย่างละเอียด ออกแบบก่อนแล้วค่อยประมูล ซึ่งถ้าเจอปัญหาเฉพาะหน้าที่เหนือความคาดหมาย ก็จะยิ่งกินเวลามาก เช่น ขุด ๆ ไปเจอซากโบราณสถาน อะไรแบบนี้

หวังว่าที่แยกปิ่นเกล้า เส้นทางรถไฟฟ้าจะไม่สูงชันจนเป็นรถไฟเหาะนะครับ

[Nakhonlampang]

ถึงอย่างไรก็คงต้องยกระดับเหิรฟ้าข้ามเหนือทางยกระดับบรมราชชนนีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างใดๆที่มีอยู่แต่เดิม

ถ้าจะไม่ให้สูงขนาดนั้น ก็ต้องสร้างให้ลอดทางยกระดับ แต่ถ้าหากถ้าจะทำอย่างนั้นจริงก็ต้องรื้อสะพานลอยข้ามแยกที่อยู่ด้านล่างออกไป ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากครับ

[Mongwin]

บทความในสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ 27 ก.ค. 55 คอลัมน์ สโมสรมิวเซียม
สถานีต่อไป'มิวเซียมสยาม' หรือ 'สนามไชย' ?
โดยคุณพันธุ์ทิพย์ ธีระเนตร ลงในหน้าแฟนเพจของมิวเซียมสยาม
http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/526390_10151963927975215_211080048_n.jpg
http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/549635_10151963928335215_1650879258_n.jpg
http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/480329_10151963928600215_1112982861_n.jpg

[Wisarut]

รถไฟฟ้าใต้ดินฉลอง “วันแม่” ให้แม่นั่งฟรีตลอดวัน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 กรกฎาคม 2555 17:20 น.

รถไฟฟ้าใต้ดินร่วมฉลอง “วันแม่ 12 สิงหา” ให้แม่นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินฟรีตลอดวัน

พลตรี ชาติชาย ประดิษพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์ องค์กร บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า MRT ร่วมฉลองเนื่องในโอกาสครบ 80 พรรษา มหาราชินี และส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว ในวันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2555 นี้ ให้คุณแม่โดยสารรถไฟฟ้า MRT ฟรีตลอดสาย ตลอดระยะเวลาให้บริการ เพียงคุณลูกพาคุณแม่ไปติดต่อขอรับคูปองพิเศษที่ห้องออกบัตรโดยสารทั้ง 18 สถานี (คุณลูกและคุณแม่จะต้องขึ้น-ลงรถไฟฟ้า MRT สถานีเดียวกัน โดยคุณลูกชำระค่าโดยสารปกติ) ทั้งนี้ BMCL ยังคงยกเว้นค่าโดยสารสำหรับเด็กที่มีส่วนสูงไม่เกิน 90 ซม. ไว้เช่นเดิม สอบถามรายละเอียดได้ที่ป้ายประชาสัมพันธ์ภายในสถานีรถไฟฟ้า MRT และทาง www.bangkokmetro.co.th หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 0-2624-5200

[Mongwin]

รถไฟ ใต้ดินลักไก่ขึ้นค่าตั๋ว200บ. BTS-แอร์พอร์ตลิงก์งัดแผนตรึงราคาช่วยคนกรุง
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 01 ส.ค. 2555 เวลา 13:10:19 น.

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า จากการสำรวจอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือ MRT พบว่าตารางราคาที่ได้มีประกาศราคาอัตราค่าโดยสารบัตรประเภทต่าง ๆ นั้น บัตรประเภท 30 วันแบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยว ปรับขึ้นจาก 1,200 บาท เป็น 1,400 บาท ตั้งแต่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนประเภทอื่นยังคงราคาเดิม ได้แก่ บัตรโดยสารประเภท 1 วัน ราคา 120 บาท, บัตรประเภท 3 วัน ราคา 230 บาท

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับการจำหน่ายตั๋วรายเดือนในราคา 1,400 บาท แม้จะมีข้อดีที่สามารถเดินทางได้แบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยว แต่ถ้าคิดราคาเฉลี่ยต่อวันแล้วเท่ากับต้องจ่าย 46 บาท เทียบจากตั๋วราคาเดิม 1,200 บาท ตกวันละ 40 บาทเท่านั้น

ใต้ดินปรับตั๋วเดือน 200 บาท

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (บีเอ็มซีแอล) ผู้รับสัมปทานเดินรถไฟฟ้าใต้ดิน เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทเพิ่งปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน 18 สถานีใหม่ มีผลตั้งแต่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นไปตามพันธสัญญาที่จะมีการปรับราคาทุก ๆ 2 ปี เพียงแต่ที่ผ่านมาชะลอการปรับราคาเนื่องจากทางกระทรวงคมนาคม ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ออกนโยบายให้ช่วยดูแลประชาชนเพราะค่าครองชีพที่สูงขึ้น

"นโยบายที่รับมาให้ช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพแพง บริษัทจึงได้จัดโปรโมชั่นแก่ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน สำหรับผู้โดยสารทั่วไปที่ไม่ใช่ตั๋วเดือน เรายืนราคาเดิม 15-40 บาท โดยขยายเวลา 90 วัน ตั้งแต่ 3 ก.ค.ถึง 2 ต.ค.นี้"

นายชัยวัฒน์กล่าวว่า หลังจากพ้นช่วงตรึงราคาค่าโดยสารตามนโยบายรัฐบาลแล้ว (2 ต.ค.) บริษัทจัดทำอัตราค่าโดยสารใหม่อีกรอบ ปรับราคาขึ้นกว่า 2% หรือไม่เกิน 1 บาทในบางสถานี เท่ากับค่าโดยสารตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.นี้เป็นต้นไปจะเริ่มที่ 16-40 บาท มีกำหนดเวลา 2 ปี คือระหว่าง 3 ต.ค. 2555-2 ก.ค. 2557 โดยค่าโดยสารเริ่มต้นสำหรับผู้สูงอายุ 8 บาท, นักเรียน 14 บาท, บุคคลทั่วไป 16 บาท

"ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินประมาณ 2.5 แสนเที่ยวคน/วัน

การปรับขึ้นค่าโดยสารใหม่ถือว่ากระทบต่อผู้ใช้บริการน้อยมาก เนื่องจากเป็นการปรับขึ้น 1 บาท เพียง 6 สถานี บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากค่าโดยสารในปีนี้ 1,803 ล้านบาท" นายชัยวัฒน์กล่าว

BTS ตรึงราคาเดิม

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายสายสุขุมวิทที่ กทม.ลงทุนสร้างเองจากสถานีอ่อนนุช-ซอยแบริ่ง จำนวน 5 สถานี มีอัตราค่าโดยสารรวม 15 บาท หรือเฉลี่ยสถานีละ 3 บาท จากเดิมราคา 25 บาท เนื่องจากได้เซ็นสัญญาว่าจ้างเดินรถกับบีทีเอสซี เป็นเวลา 30 ปี จึงสามารถจัดเก็บค่าโดยสารในราคาดังกล่าวได้

นายอาณัติ อาภาภิรม กรรมการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทตรึงค่าโดยสาร 15-40 บาท ถึงแม้ว่าจะครบเวลาขอปรับค่าโดยสารใหม่ตามสัญญาสัมปทานจาก กทม.แล้วก็ตาม ซึ่งสามารถปรับราคาได้ถึง 58 บาท

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเมินแล้วพบว่าค่าโดยสารในปัจจุบันยังไม่กระทบกับบริษัท อีกทั้งผู้ใช้บริการก็มีจำนวนมากขึ้นจนแน่นขบวน โดยเฉพาะช่วงสถานีทองหล่อ-อ่อนนุช-แบริ่ง บีทีเอสซีต้องลงทุนซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 1 ตู้ รองรับผู้โดยสารเพิ่มได้อีก 300 คน มีกำหนดเริ่มให้บริการภายในเดือนส.ค.นี้ ขณะที่รายได้จากค่าโดยสาร วันธรรมดาอยู่ที่ 14 ล้านบาท/วัน มีผู้ใช้บริการเฉลี่ย 5.8 แสนเที่ยวคน/วัน

แอร์พอร์ตลิงก์ลดค่าตั๋ว 20-50%

นายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์เปิดเผยว่า จะยังคงอัตราค่าโดยสารเดิมต่อไป โดยจำแนกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ รถด่วนหรือเอ็กซ์เพรสไลน์ ราคา 90 บาท/เที่ยว กรณีซื้อตั๋วแบบไป-กลับ คิดราคาเหมา 150 บาท กับรถไฟฟ้าธรรมดาหรือซิตี้ไลน์ ค่าโดยสารเริ่มต้น 15 บาท บวกเพิ่มสถานีละ 5 บาท สูงสุดที่ 45 บาท

สำหรับนโยบายตรึงค่าครองชีพประชาชน ภายใน 1-3 เดือนนี้จะลดราคาค่าโดยสารจากปกติ 50% ให้กับผู้โดยสารที่เป็นผู้สูงอายุและผู้พิการ ส่วนนักเรียน นักศึกษาจะให้ส่วนลด 20%

"แผนลงทุนที่ทำควบคู่กันไปคือ จัดซื้อรถไฟฟ้าใหม่ 7 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ ตั้งงบฯลงทุนรวม 5,200 ล้านบาท รอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก่อน เพราะแนวโน้มปริมาณผู้โดยสารมีเพิ่มขึ้นทุกวัน ปัจจุบันเฉลี่ยมีผู้ใช้บริการ 4-5 หมื่นเที่ยวคน/วัน คาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.2 แสนเที่ยวคน/วัน ภายใน 1 ปี" นายภากรณ์กล่าว

[Mongwin]

รฟม.เตรียมปรับใช้ค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย- คาดได้สรุปBMCL ก.ย.นี้
ฐานเศรษฐกิจ วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม 2012 เวลา 16:43 น.

นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการ รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)เปิดเผยว่า รฟม.จะดำเนินการให้บริการค่าโดยสารรถไฟฟ้าตลอดสายอยู่ที่ราคา 20 บาทตามนโยบายรัฐบาล โดยขณะนี้ได้เจรจากับ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ(BMCL)เบื้องต้นจะลงทุนขยายรถไฟฟ้า 19 ตู้ จากปัจจุบันที่ BMCL มีรถไฟฟ้าวิ่งอยู่ 19 ขบวนๆละ 3 ตู้ จะเพิ่มเป็น 4 ตู้ คาดจะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ยังไม่ได้ตกลงกันว่าฝ่ายเอกชนจะต้องเป็นผู้ลงทุนหรือไม่

ทั้งนี้รฟม. คาดว่าจะได้ข้อสรุปการเจรจากับ BMCL ภายใน 1-2 เดือนนี้ และคาดว่าจะเสนอต่อครม.ได้ในเดือน ก.ย.นี้ ส่วนจะเริ่มได้เมื่อไรขึ้นกับการสั่งซื้อขบวนรถไฟฟ้าเพิ่มเติม แต่คงจะเริ่มดำเนินการได้ก่อนที่จะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อในปี 58

[Mongwin]

รฟม.เร่งถกค่าตั๋วรถไฟฟ้า20บาท แลกซื้อตู้รถเพิ่ม-ชดเชยบีเอ็มซีแอล
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 11 ส.ค. 2555 เวลา 11:42:40 น.

นาย ยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือร่วมกับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที เกี่ยวกับการปรับลดอัตราค่าโดยสารเหลือ 20 บาทตลอดสายตามนโยบายรัฐบาล คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือน หรือประมาณเดือนกันยายนนี้ หลังจากนั้นจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป หลังจากนั้นจะสามารถใช้บริการได้ประมาณปลายปี 2556

"รฟม.ได้หารือกับ บีเอ็มซีแอลมาแล้ว 3 ครั้ง เพื่อพิจารณารายละเอียดการปรับลดราคาลงมาเหลือ 20 บาทตลอดสาย เพราะหากรอให้รถไฟฟ้าเสร็จทั้งหมดรวม 10 สาย อาจจะล่าช้าเกินไป จึงจำเป็นต้องเปิดให้บริการก่อนเพื่อดึงคนใช้บริการรถไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการลดปริมาณการจราจรทางถนนให้ลดลงได้"

ทั้งนี้ เรื่องสำคัญที่จะต้องดำเนินการก่อนปรับลดราคาเหลือ 20 บาทตลอดสาย คือจะต้องจัดซื้อตู้รถไฟฟ้าใหม่เข้ามาให้บริการเพิ่มเติม ไม่เช่นนั้นอาจจะมีปัญหาผู้โดยสารเข้าใช้บริการมากจนไม่สามารถรองรับได้ เพียงพอ ดังนั้น จะต้องมีการจัดซื้อตู้รถไฟฟ้าใหม่เพื่อนำเข้าไปประกอบกับขบวนรถไฟฟ้าที่ให้ บริการอยู่รวม 19 ขบวน ในปัจจุบันอย่างน้อย 1 ตู้ ต่อ 1 ขบวน ซึ่งจะช่วยให้การบริการมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

"การให้บริการ 20 บาทตลอดสายจะเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับการจัดซื้อตู้รถไฟฟ้าใหม่ โดยปกติจะใช้เวลาจัดซื้อประมาณ 1 ปีจึงจะรับมอบได้ แต่หากรัฐบาลต้องการให้ปรับลดเร็วขึ้น ก็อาจจะต้องมีการชดเชยรายได้ที่หายไปให้กับบีเอ็มซีแอล"

นายยงสิทธิ์ กล่าวว่า จะเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกสายทั้งที่อยู่ในระหว่างก่อสร้าง และยังไม่ได้ก่อสร้างให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะยิ่งรวดเร็วมากเท่าไหร่ ก็จะลดความแออัดของการจราจรทางถนนได้เร็วมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เนื่องจากปัจจุบันการให้บริการรถไฟฟ้าสามารถรองรับประชาชนในกรุงเทพฯได้ เพียง 10% หรือประมาณ 1 ล้านคน จากทั้งหมดที่มี 8 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย ที่รองรับได้ถึง 50% ขณะที่ญี่ปุ่นรองรับถึง 90%

นายคมทัศน์ ชัยภักดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ มีความคืบหน้าแล้ว 47% รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ 21% และสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 0.5% คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จตามเป้าหมายที่กำหนด

[Mongwin]

ปัดฝุ่นแหล่งช็อปปิ้งรถไฟใต้ดิน เซ็นทรัลประเดิมสถานีพระราม9
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 17 ส.ค. 2555 เวลา 13:30:33 น.

นายวิสุทธิ์ บริบูรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดการเปิดร้านจำหน่ายสินค้าและบริการภายในพื้นที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพิ่มเติมจากที่เปิดให้บริการอยู่ 4 สถานี จากทั้งหมด 11 สถานี คือ สถานีจตุจักร สถานีกำแพงเพชร สถานีพหลโยธิน และสถานีสุขุมวิท คาดว่าจะเปิดให้บริการปลายปีนี้ได้อีก 1 สถานี และจะทยอยเปิดให้บริการในปีถัดอย่างต่อเนื่อง

"ที่ผ่านมาบีเอ็มซีแอลให้บริษัทในเครือเป็นผู้ดำเนินการพัฒนาสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่มีศักยภาพเพื่อจำหน่ายสินค้าและบริการต่างๆ โดยอนาคตจะมีการพัฒนาให้มากยิ่งขึ้น แต่จะพิจารณารูปแบบการให้บริการที่แตกต่าง เพื่อดึงดูดผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินให้หันไปใช้บริการ และเดินซื้อสินค้าภายในสถานีให้มากยิ่งขึ้น" นายวิสุทธิ์กล่าว และยอมรับว่า ปัจจุบันผู้โดยสารยังเข้าใช้บริการร้านค้าภายในสถานีรถไฟฟ้าไม่มากเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป จะเน้นความรวดเร็วในการใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินมากกว่าที่จะเดินช็อปปิ้งเพื่อซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ดังนั้นบีเอ็มซีแอลจะต้องหารูปแบบบริการใหม่ๆ ที่ตรงใจผู้ใช้บริการให้มากขึ้น

นายวิสุทธิ์กล่าวว่า เบื้องต้นได้หารือร่วมกับกลุ่มบริษัทเซ็นทรัล เปิดจำหน่ายสินค้าและบริการในสถานีพระราม 9 ซึ่งมีทางเชื่อมต่อใต้ดินระหว่างรถไฟฟ้าใต้ดินกับห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลพระราม 9 ส่วนรูปแบบความร่วมมือจะเป็นการให้กลุ่มเซ็นทรัล เปิดจำหน่ายสินค้าในสถานีได้ทั้งหมด หรือเฉพาะบางพื้น คงต้องหารือร่วมกันก่อน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้

"หากปีนี้จะขยายร้านค้าและบริการเพิ่มเติมคงจะเป็นที่สถานีพระราม 9 เพราะเป็นสถานีที่มีศักยภาพ เนื่องจากมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก มีห้างสรรพสินค้าและคอนโดฯหลายแห่ง ส่วนปี 2556 จะขยายไปอีก 2 สถานี และเพิ่มเติมในปีต่อไป" นายวิสุทธิ์กล่าว

นายวิสุทธิ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก มีประมาณ 250,000 คนต่อวัน บางวันได้เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 300,000 คน จากช่วงปลายปีที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการประมาณ 190,000 คนต่อวัน เฉลี่ยเติบโตประมาณ 20% ต่อปี สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15% ต่อปี

[Wisarut]

ปัดฝุ่นแหล่งช็อปปิ้งรถไฟใต้ดิน เซ็นทรัลประเดิมสถานีพระราม9
มติชน 17 ส.ค. 2555 เวลา 13:30:33 น.

นายวิสุทธิ์ บริบูรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดการเปิดร้านจำหน่ายสินค้าและบริการภายในพื้นที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพิ่มเติมจากที่เปิดให้บริการอยู่ 4 สถานี จากทั้งหมด 11 สถานี คือ สถานีจตุจักร สถานีกำแพงเพชร สถานีพหลโยธิน และสถานีสุขุมวิท คาดว่าจะเปิดให้บริการปลายปีนี้ได้อีก 1 สถานี และจะทยอยเปิดให้บริการในปีถัดอย่างต่อเนื่อง

"ที่ผ่านมาบีเอ็มซีแอลให้บริษัทในเครือเป็นผู้ดำเนินการพัฒนาสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่มีศักยภาพเพื่อจำหน่ายสินค้าและบริการต่างๆ โดยอนาคตจะมีการพัฒนาให้มากยิ่งขึ้น แต่จะพิจารณารูปแบบการให้บริการที่แตกต่าง เพื่อดึงดูดผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินให้หันไปใช้บริการ และเดินซื้อสินค้าภายในสถานีให้มากยิ่งขึ้น" นายวิสุทธิ์กล่าว และยอมรับว่า ปัจจุบันผู้โดยสารยังเข้าใช้บริการร้านค้าภายในสถานีรถไฟฟ้าไม่มากเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป จะเน้นความรวดเร็วในการใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินมากกว่าที่จะเดินช็อปปิ้งเพื่อซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ดังนั้นบีเอ็มซีแอลจะต้องหารูปแบบบริการใหม่ๆ ที่ตรงใจผู้ใช้บริการให้มากขึ้น

นายวิสุทธิ์กล่าวว่า เบื้องต้นได้หารือร่วมกับกลุ่มบริษัทเซ็นทรัล เปิดจำหน่ายสินค้าและบริการในสถานีพระราม 9 ซึ่งมีทางเชื่อมต่อใต้ดินระหว่างรถไฟฟ้าใต้ดินกับห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลพระราม 9 ส่วนรูปแบบความร่วมมือจะเป็นการให้กลุ่มเซ็นทรัล เปิดจำหน่ายสินค้าในสถานีได้ทั้งหมด หรือเฉพาะบางพื้น คงต้องหารือร่วมกันก่อน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้

"หากปีนี้จะขยายร้านค้าและบริการเพิ่มเติมคงจะเป็นที่สถานีพระราม 9 เพราะเป็นสถานีที่มีศักยภาพ เนื่องจากมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก มีห้างสรรพสินค้าและคอนโดฯหลายแห่ง ส่วนปี 2556 จะขยายไปอีก 2 สถานี และเพิ่มเติมในปีต่อไป" นายวิสุทธิ์กล่าว

นายวิสุทธิ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก มีประมาณ 250,000 คนต่อวัน บางวันได้เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 300,000 คน จากช่วงปลายปีที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการประมาณ 190,000 คนต่อวัน เฉลี่ยเติบโตประมาณ 20% ต่อปี สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15% ต่อปี (กรอบตจว.)

//--------------------------------------------------------------------------

รฟม.ส่งกฤษฎีกาตีความฟื้นคอมเพล็กซ์รถไฟฟ้า
สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1326
ประจำวันที่ 15-17 สิงหาคม 2555

รฟม. - “ยงสิทธิ์” ผู้ว่าการรฟม.คนใหม่จาก “ไทยคม” เครื่องร้อน เตรียมยื่นกฤษฎีกาตีความให้พัฒนาคอมเพล็กซ์ย่านศูนย์ ซ่อมบำรุงห้วยขวาง เนื้อที่ 1,000 ไร่ได้ หวังนำไปอุดหนุนค่า โดยสารให้ถูกลง เผยแผนเร่งรัดก่อสร้างรถไฟฟ้าหลังได้รับผล กระทบจากน้ำท่วม เทกระจาดส่วนต่อขยายสีน้ำเงินประมูล วิธี “ดีไซน์ แอนด์ บิลด์” พ่วงยก เลิกเวนคืนที่ดินชาวบ้าน

เปิด เสรีรับที่ดินแลกกับการต่อเชื่อมสถานี

นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนจากการเวนคืนเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้า ตนจึงมีนโยบายจะยกเลิกการเวนคืนที่ดินประชาชนในเส้นทางที่จะก่อสร้างหลังจากนี้ โดยหันมาใช้วิธีเปิดให้ประชาชนหรือเอกชนที่มีที่ดินตามแนวเขตทางรถไฟฟ้าเสนอให้ใช้ที่ดิน เพื่อแลกกับการก่อสร้างสถานีต่อเชื่อมรถไฟฟ้าได้เลย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอาจจะเป็นที่จอดรถ ช็อปปิ้งมอลล์ หรือเอกชนจะเป็นผู้รวบรวมที่ดินมาสนับสนุน รฟม.เพื่อแลกกับการต่อเชื่อมรถไฟฟ้าก็ได้เช่นกัน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาห้างสรรพสินค้าจะต่อเชื่อมกับรถไฟฟ้าจะต้องจ่ายค่าต่อเชื่อมอยู่แล้ว เช่น ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว ต้องจ่ายเงินกว่า 10 ล้านบาท เพื่อแลกกับการต่อเชื่อมรถไฟฟ้า MRT ดังนั้น ถ้ารฟม. เปิดกว้างให้ผู้ที่มีที่ดินตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในเส้นทางจะก่อสร้างในอนาคต อาทิ รถไฟฟ้าสีเขียว สามารถเสนอใช้ประโยชน์ที่ดินร่วมกันก็จะแก้ปัญหาการเวนคืนที่ดิน และการก่อสร้างรถไฟฟ้าล่าช้าได้

นอกจากนี้ เพื่อเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 จึงมีนโยบายจะเปิดประมูลแบบดีไซน์ แอนด์ บิลด์ (อออกแบบไปก่อสร้างไป) ซึ่งจะอาจจะใช้กับสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายได้เลย หรือจะใช้วิธีก่อสร้าง แอนด์ ทรานส์เฟอร์ (ออกแบบ ก่อสร้างรวมไฟแนนซ์) และเทิร์นคีย์ (จ้างเหมาเบ็ดเสร็จ) ก็ได้เพื่อความรวดเร็ว ซึ่งโครงการที่ผ่านมามีการแบ่งซอยโครงการเยอะมาก

นายยงสิทธิ์ กล่าวอีกว่า รฟม.ได้ลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าไปแล้ว 1 แสนล้านบาท และกำลังก่อสร้างเส้นทางใหม่จะต้องใช้เงินอีก 2 แสนล้านบาท ซึ่งงบประมาณก่อสร้างทั้งหมดมาจากรัฐบาล ทำให้เป็นภาระในการใช้จ่ายงบประมาณ แต่ถ้ารฟม.สามารถหารายได้เองก็จะเป็นการแบ่งเบาภาระในส่วนนี้ ดังนั้น ตนจึงมีแนวคิดจะนำที่ดินศูนย์ซ่อมบำรุงห้วยขวางเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ ไปพัฒนาเชิงพาณิชย์ เพื่อหารายได้อีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้านี้รฟม.ก็มีแนวคิดจะดำเนินการเช่นกัน แต่ติดกฎหมายไม่สามารถดำเนินการไป

"ผมจะส่งให้สำนักงานกฤษฎีกาตีความใหม่ว่า ที่ดินจากการเวนคืนสามารถนำไปพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้หรือไม่ ซึ่งไม่น่าจะมีปัญา ยกตัวอย่าง บริเวณรถไฟฟ้าบีทีเอสก็มีการขายของทุกสถานี หรือต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง ญี่ป่น และจีน ก็มีการพัฒนาเชิงพาณิชย์เพื่อหารายได้มาอุดหนุนกิจการเดินรถ โดยด้านล่างเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงด้านบนก็เป็นออฟฟิส ถ้ารฟม.สามารถพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ก็จะมีรายได้ ทำให้ค่าโดยสารถูกลง ซึ่งประชาชนได้ประโยชน์"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ รฟม.มีแนวคิดจะนำที่ดินศูนย์ซ่อมบำรุงห้วยขวางไปพัฒนาเชิงพาณิชย์ โดยก่อสร้างเป็นคอมเพล็กซ์บนเนื้อที่ 691 ไร่ แต่สำนักงานกฤษฎีกาได้ระบุว่า การใช้ประโยชน์ที่ดินพระราชกฤษฎีการเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าจะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อเป็นกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับรถไฟฟ้าเท่านั้น เช่น ลานจอดรถ เป็นต้น ดังนั้น การจะนำที่ดินบริเวณศูนย์ซ่อมบำรุงห้วยขวางไปพัฒนาเป็นคอมเพล็กซ์ไม่สามารถทำได้

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารฟม.ไม่ได้ละความพยายามในการนำที่ดินย่านห้วยขวางไปพัฒนาเชิงพาณิชย์ หลังจากสำนักงานกฤษฎีกาตีความว่าไม่สามารถทำได้ โดยได้ปรับแผนร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทำเป็นศูนย์การท่องเที่ยว 4 ภาคและศูนย์แสดงสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า จนกระทั่งมีแผนจะปัดฝุ่นการก่อสร้างคอมเพล็กซ์อีกครั้ง