View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
pattharachai
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 6536
Location: ราชอาณาจักรไทย
|
Posted: 28/07/2007 11:49 am Post subject: |
|
|
Metro บางสายในปารีส ก็เป็นล้อยางเหมือนกันครับ |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 28/07/2007 2:37 pm Post subject: |
|
|
Quote: | ง่ารถใต้ดินที่ว่าเวลาเข้าทางหลีก จะเป็นแบบไหนกันหละเนี่ย.... |
ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันครับพี่ณัฐ แต่เข้าใจว่ารูปแบบทางแยก(แบบประแจรถไฟ)ของรถประเภทนี้น่าจะเป็นไปตามภาพที่คันไซ ซึ่งพี่หมอกรุณานำมาให้ชมนะครับ
ต้องขอบคุณพี่หมอและน้องบอยสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ หากพี่หมอหรือท่านใดจะจัดทริปไปนั่งรถไฟสวิสฯกันอีกเมื่อไร ชวนผมด้วยนะครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------
ออกจากสนามบินประมาณ ๘.๐๐ น. แล้วเดินทางไปยังเมืองชาฟเฮาเซ่นใกล้ๆชายแดนสวิสฯ-เยอรมันเพื่อชมน้ำตกไรน์ ซึ่งเป็นน้ำตกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป เกิดจากการลดระดับของชั้นหินในลำแม่น้ำไรน์ทำนองเดียวกับการเกิดน้ำตกไนแองการ่าในสหรัฐอเมริกาน่ะครับ เพียงแต่น้ำตกไรน์มีขนาดเล็กกว่า แต่ของจริงก็ยังใหญ่อยู่ดีครับ ก่อนเข้าเมืองชาฟเฮาเซ่นเห็นสะพานเสาขึงเคเบิลรูปร่างแปลกตาคล้ายเสาจะล้มครับ
พอลงจากรถที่ลานจอดรถบริเวณน้ำตกไรน์ ใครๆเขาหันไปดูน้ำตกกัน แต่ผมกลับหันไปในทางตรงกันข้ามเพื่อชมสิ่งนี้ครับ
ด้านบนเนินเขาฝั่งตะวันตกของน้ำตกไรน์มีสะพานรถไฟ ขอเรียกเป็นภาษาไทยว่า แบบเสาหินโค้ง ด้วยครับ ถ้าไม่ติดว่ามีเวลาจำกัดละก็อยากจะเดินลุยหญ้า หาทางปีนขึ้นไปชมใกล้ๆเลยละครับ เมื่อไปชมสะพานไม่ทันก็ลงไปชมน้ำตกไรน์กันดีกว่าครับ ด้านหน้าน้ำตกอยู่ทางทิศตะวันออกพอดี ย้อนแสงสุดๆเลยครับ
Last edited by tuie on 11/08/2007 4:43 pm; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 28/07/2007 8:39 pm Post subject: |
|
|
น้ำตกไรน์มีความสูงไม่มากนัก แค่ประมาณ ๒๕ เมตร แต่มีความกว้างถึงประมาณ ๑๕๐ เมตร ลึกประมาณ ๑๓ เมตร มองไปทางต้นน้ำเห็น อะไร แล่นอยู่ด้านหลังไหมครับ
มีรถไฟแล่นบนสะพานทางรถไฟแบบเสาหินโค้งข้ามแม่น้ำไรน์ซึ่งอยู่ก่อนถึงน้ำตกนั่นเองครับ พอดีมีทางเดินอ้อมด้านหน้าน้ำตกไปทางทิศเหนือ เดินไปชมน้ำตกและสะพานดังกล่าวกันให้ใกล้กว่านี้ดีกว่าครับ
ยิ่งใกล้น้ำตกยิ่งเห็นความแรงของกระแสน้ำ เป็นละอองลอยไปไกลเชียวละครับ
ปีนขึ้นเนินข้างๆน้ำตกมาแล้วเริ่มเห็นสะพานเสาหินโค้งชัดเจนขึ้นครับ
ซูมเข้ามาใกล้ๆหน่อยนะครับ
|
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 29/07/2007 8:43 am Post subject: |
|
|
ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำทางด้านทิศใต้มีปราสาทอยู่หลังหนึ่ง ทราบข้อมูลมาว่าด้านหลังปราสาทมีสถานีรถไฟ Schloss Laufen ซึ่งสามารถขึ้นรถไฟที่สถานีนี้เดินทางไปยังซูริคได้ แต่ถ้าอยู่ฝั่งทิศเหนือของแม่น้ำไรน์อย่างผมนี่ต้องลงเรือข้ามฟากไปยังฝั่งปราสาทก่อนนะครับ
รออยู่สักพักหนึ่งยังไม่มีรถไฟแล่นข้ามสะพานมาให้ชมอีก เลยชมบรรยากาศน้ำตกไปพลางๆก่อนมองไปตามลำน้ำเห็นละอองน้ำตกกระทบแสงแดดเป็นสีรุ้งสวยเชียวครับ
ถ้ามาเที่ยวเองไม่ถูกจำกัดเวลาแบบมากับทัวร์ผมก็อยากจะนั่งรอดูรถไฟแล่นข้ามสะพานเสาหินโค้งที่นี่อีกสักครึ่งชั่วโมง แต่ตอนนี้หมดเวลาตามโปรแกรมเที่ยวชมน้ำตกไรน์แล้วละครับ ตอนที่รถแล่นออกจากน้ำตกผมก็ไม่ลืมที่จะ(พยายาม)ถ่ายภาพสะพานเสาหินโค้งที่อยู่ทางทิศตะวันตกของน้ำตกไรน์อีกสักครั้งหนึ่ง
สังเกตว่าสะพานนี้อยู่บนแนวทางโค้ง เสาสะพานตั้งอยู่บนที่ลาดเชิงภูเขา
ความสูงของเสาและช่องใต้สะพานก็ผันแปรไปตามความลาดชันของเชิงเขาด้วยครับ
ภาพนี้ไม่เกี่ยวกับรถไฟสวิสฯแต่ดูน่ารักดี เลยขอนำมาฝาก แก๊งค์สามหมู แห่งทริปด่วนติ่มซำครับ
|
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 29/07/2007 7:16 pm Post subject: |
|
|
ต่อจากน้ำตกไรน์เป็นรายการเที่ยวชมเมืองซูริคครับ พอรถแล่นเข้าเขตเมืองซูริคก็เริ่มเห็นเส้นทางรถรางหลายสายเลยละครับ รถรางที่เมืองนี้ไม่ได้วางรางอยู่ช่วงกลางถนนตลอดทางทั้งหมดนะครับ บางช่วงวางรางอยู่ริมฝั่งถนนด้านใดด้านหนึ่งก็มีอยู่หลายช่วง
ที่เห็นเป็นซุ้มกระจกขอบอลูมิเนียมสองข้างทางรถรางในภาพข้างต้นนั้นเป็นป้ายรถรางครับ
ตามปกติผมมักจะเห็นพื้นผิวระหว่างรางรถรางและแนวทางรถรางเป็นถนนลาดยางบ้าง คอนกรีตบ้าง ที่ดูคลาสสิคหน่อยก็ต้องเป็นพื้นหินก้อนใหญ่ๆ แต่บางช่วงของทางรถรางเมืองนี้แถวๆใกล้ๆจะถึงมหาวิทยาลัยซูริคมีหญ้าขึ้นเขียวขจี สวยงามสบายตาไปอีกแบบหนึ่งครับ
ที่มีหญ้าขึ้นระหว่างรางและแนวทางรถรางได้เป็นเพราะใช้บล็อกคอนกรีตแบบมีรูปูพื้นผิวน่ะครับ อย่างนี้รถยนต์เข้าไปแล่นได้ลำบากหน่อยเนื่องจากไม่เรียบเท่าพื้นผิวลาดยาง
ก่อนจะถึงริมทะเลสาบซูริคหันไปเห็น ขบวนรถรางรวม พอดีเลยครับ มีตู้คอนเทนเนอร์ขนาดเล็กพ่วงต่อท้ายรถรางมา ๑ คัน
|
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 29/07/2007 9:21 pm Post subject: |
|
|
ผมมีเวลาเดินเที่ยวชมย่านเมืองเก่าแถวๆบานฮอฟสตาเซ่(BAHNHOFSTRASSE) ประมาณ ๑ ชั่วโมงครับ บานฮอฟ(BAHNHOF)เป็นภาษาเยอรมัน หมายถึง สถานี ส่วนสตาเซ่ (STRASSE) หมายถึง ถนน แปลรวมๆกันว่า ถนนสถานี ครับ บริเวณนี้มีร้านค้าหรูๆขายสินค้าแบรนเนมอยู่หลายร้าน อาคารบ้านเรือนก็ดูคลาสสิคสวยงาม ใครจะไปชอปปิ้งก็ไปเถอะครับ ผมสนใจเส้นทางรถรางที่ทอดยาวอยู่ช่วงกลางถนนสายนี้มากกว่าครับ เดินไปเรื่อยๆก่อนจะถึงป้ายรถรางป้ายใหญ่เสมือนเป็น ชุมทางรถราง พบประแจรถรางครับ
ประแจด้านล่างของภาพเป็นประแจสวนครับ ดูลิ้นประแจแล้วอยู่ในท่าบังคับให้รถรางแล่นตรงไปครับ
กะด้วยสายตาแล้ว ผมว่าร่องตรงลิ้นประแจรถรางที่ซูริคนี้ดูจะแคบกว่าประแจรถรางที่ญี่ปุ่นนะครับ
|
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 29/07/2007 9:45 pm Post subject: |
|
|
รถยนต์ในประเทศสวิสฯขับชิดขวา(พวงมาลัยอยู่ทางซ้าย)เหมือนกับในประเทศสหรัฐอเมริกา เยอรมัน ฝรั่งเศสฯลฯ ตรงกันข้ามกับรถยนต์ในประเทศไทยซึ่งขับชิดซ้าย(พวงมาลัยอยู่ทางขวา)เหมือนกับในประเทศอังกฤษ ญี่ปุ่น ออสเตรเลียฯลฯ รถรางที่ซูริคก็แล่นชิดขวา คือ ใช้ทางคู่ทางขวาสุดทำนองเดียวกับรถยนต์ในประเทศสวิสฯครับ
แล่นชิดขวามาหนึ่งขบวนแล้วครับ เป็นรถรางสาย ๙ ตัวอักษรที่อยู่ในป้ายด้านหน้ารถใต้เลข ๙ คือ ปลายทางของรถรางสายนี้ครับ
ห้องขับอยู่ด้านหน้าสุดของรถคันที่หนึ่ง ส่วนรถคันที่สองเป็นรถพ่วงติดกับรถคันที่หนึ่งเป็นชุดเดียวกัน สังเกตว่าด้านท้ายรถคันที่สองเป็นที่นั่งผู้โดยสารไม่มีห้องขับนะครับ
รถคันที่สามซึ่งเป็นคันสุดท้ายก็ไม่มีห้องขับทั้งด้านหัวและท้ายรถ แต่บนหลังคามีอุปกรณ์รับกระแสไฟฟ้าติดตั้งอยู่เข้าใจว่าจะมีมอเตอร์กำลังขับเคลื่อนติดตั้งที่รถคันที่สามด้วยครับ
|
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 30/07/2007 3:31 pm Post subject: |
|
|
เดินต่อมาจากประแจรถรางอีกประมาณ ๒๐ เมตร ก็ถึงป้ายรถราง Paradeplatz แล้วครับ
ป้ายรถรางป้ายนี้เป็นเสมือนชุมทางรถรางสามเส้นทางจึงมีขนาดใหญ่กว่าป้ายรถรางทั่วๆไป มีร้านขายของอยู่ในอาคารป้ายรถรางทางซ้ายของภาพนี้ด้วยครับ
เดินอยู่ไม่ทันไรมีรถรางสาย ๙ แล่นเข้ามาจอดป้ายนี้ รีบไปถ่ายภาพท้ายขบวนก่อนครับ
รถรางขบวนนี้ดูจะเป็นรุ่นใหม่กว่าขบวนที่แล้ว แต่ที่เหมือนกัน คือ มีห้องขับเพียงห้องเดียวอยู่ทางด้านหัวขบวน ส่วนทางด้านท้ายขบวนเป็นที่นั่งผู้โดยสาร สังเกตดีๆท่านจะเห็นป้ายบอกสายรถรางและปลายทางอยู่ในกระจกด้านข้างรถใกล้ๆกับจุดที่ผมยืนด้วยนะครับ
รถรางที่นี่ไม่มีการจำหน่ายตั๋ว หยอดเหรียญหรือบัตรหรือคูปองชำระราคาค่าโดยสารกันบนรถ ผู้โดยสารจะต้องซื้อตั๋วก่อนขึ้นรถรางจากเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติเครื่องนี้ครับ
ตอนแรกผมเข้าไปสังเกตการณ์วิธีซื้อตั๋วจากเครื่องนี้ด้วยความมึนงง เพราะตัวอักษรเล็กมากๆแถมเป็นภาษาเยอรมัน(ซึ่งผมอ่านไม่ออกนอกจากเดาๆเอา)เกือบทั้งหมด ในที่สุดหาคำแนะนำการใช้เครื่องเป็นภาษาอังกฤษพบ สรุปได้ว่า ผู้โดยสารจะต้องดูจุดที่จะลงว่าอยู่ในโซนใดในแผนที่เล็กๆด้านขวาบนของเครื่องก่อน แล้วนับไปว่าอยู่ห่างจากป้ายนี้กี่โซน จากนั้นกดปุ่มแจ้งจำนวนโซนที่จะเดินทาง เครื่องจะแสดงราคาค่าโดยสารที่หน้าจอ แล้วก็หยอดเหรียญชำระราคารับตั๋วจากเครื่องไปใช้ขึ้นรถรางได้
บนรถรางไม่มีนายตรวจคอยตรวจตั๋วประจำอยู่ตลอดนะครับ มีเพียงการสุ่มตรวจเท่านั้น ถ้าใครขึ้นรถรางโดยไม่มีตั๋วแล้วถูกตรวจพบจะถูกปรับหลายสิบเท่า(ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็น ๔๐ เท่า)ของราคาค่าโดยสารเชียวละครับ แต่ถ้าใครซื้อบัตร Swiss Pass (บัตรโดยสารรถไฟสวิสไม่จำกัดจำนวนครั้งในช่วงวันเวลาที่กำหนด) มาแล้วก็สามารถใช้โดยสารรถรางได้โดยไม่ต้องซื้อตั๋วจากเครื่องอัตโนมัติอีกครับ |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 30/07/2007 7:07 pm Post subject: |
|
|
รถรางสาย ๖ จอดเทียบชานชาลาฝั่งตรงข้ามกับรถรางสาย ๙ ครับ
ในวันนั้นที่ซูริคอากาศร้อนมาก ประมาณ ๓๐ องศาฯ(ถ้าเป็นที่กรุงเทพก็ต้องบอกว่าร้อนไม่มาก) รถรางที่นี่ไม่มีเครื่องปรับอากาศให้เย็น(แอร์คอนดิชั่น) มีแต่ฮีทเตอร์ ก็เลยต้องเปิดช่องกระจกด้านบนระบายอากาศ ดูๆแล้วคล้ายๆกับรถไฟปรับอากาศของไทย(รุ่นที่เปิดกระจกด้านบนได้)ตอนที่เครื่องปรับอากาศชำรุดเลยละครับ
สังเกตว่ามีโฆษณาติดที่รถรางเหมือนกัน แต่ของเขาติดด้านบนหลังคาไม่บดบังทัศนียภาพเหมือนโฆษณาที่ติดตามกระจกข้างรถแบบรถไฟฟ้าบีทีเอสของบ้านเรา
รถคันสุดท้ายของรถรางสาย ๖ ก็ไม่มีห้องขับอีกเช่นกันครับ สร้างความฉงนสนเท่ห์แก่ผมเป็นอย่างมากว่ารถรางเหล่านี้จะทำขบวนกลับกันอย่างไร หรือจะวิ่งวนเป็นวงกลมแบบรถรางรอบเมืองก็ไม่น่าจะใช่ทุกสาย หรือจะมีวงเวียนหรือสามเหลี่ยมกลับรถ(แบบใช้กลับรถจักรไอน้ำ)ที่ปลายทาง ฯลฯ อยากจะทดลองนั่งรถรางให้สุดสายสักสายหนึ่งก็ไม่มีเวลาเพียงพอ เลยต้องเก็บความสงสัยไว้จนกระทั่งวันที่ไปเที่ยวเมืองเจนีวา นั่งรถผ่านสุดปลายทางรถรางสายหนึ่งของเมืองนั้น เห็นทางรถรางที่สถานีปลายทางเป็นรูปตัวโอถึงเข้าใจได้ว่าสามารถวนรถกลับได้ที่ปลายทางนั่นเอง แต่ที่ซูริคจะเป็นแบบเดียวกันกับที่เจนีวาหรือไม่ เอาไว้คราวหน้าซื้อสวิสพาสคนละใบแล้วไปตะลุยนั่งรถรางเมืองซูริคให้สุดสายด้วยกันก็แล้วกันนะครับ
ใกล้ๆป้ายรถรางดังกล่าวมีรถจักรยานยนต์แบบมีรถพ่วงท้ายคล้ายๆจะเป็นสกายแล็บเมืองไทยกลายพันธุ์อยู่คันหนึ่ง เป็นรถอะไรหนอ น่ารักจริงๆ น่ารักจริงๆ
เฉลยเลยแล้วกันครับ ผมเข้าไปดูใกล้ๆแล้วปรากฏว่าเป็นรถจักรยานยนต์ของบุรุษไปรษณีย์ บรรทุกจดหมายและพัสดุมานำจ่ายครับ โปรดสังเกตว่ารถเบนซ์เอสคลาสที่จอดอยู่ริมถนนใกล้ๆกับรถจักรยานยนต์ฯในภาพข้างต้น สวม หมวกเหลือง ใช้ทำเป็นรถแท็กซี่สาธารณะด้วยนะครับ |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 31/07/2007 6:51 am Post subject: |
|
|
มีเวลาเหลือไม่มากนักผมเลยรีบเดินไปเที่ยวชมทะเลสาบซูริคซึ่งเป็นสถานที่สำคัญ วิวสวยแห่งหนึ่งของเมืองนี้ ระหว่างทางผ่านจัตุรัสแห่งหนึ่งมีน้ำพุอยู่ตรงกลาง รายรอบด้วยดอกไม้ ต้นไม้ร่มรื่นนั่งพักผ่อนได้สบายๆ เห็นว่าที่เมืองซูริคนี้มีน้ำพุนับร้อยแห่งเชียวนะครับ
เดินต่อมาอีกนิดพบตลาดนัดครับ มีของขายอยู่หลายอย่าง เช่น ดอกไม้นานาชนิด เปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวชมตลาดนัดของเขาบ้างนะครับ
ดอกกุหลาบก็มีครับ
ดอกทานตะวันดูจะดอกเล็กกว่าของบ้านเรานะครับ
|
|
Back to top |
|
|
|