เรื่องของหัวลำโพง

[Mongwin]

หัวลำโพงกระหึ่ม! รฟท.จับมือ น้ำแร่ฯ ตราช้าง เปิดพื้นที่แสดงดนตรี มอบความสุขแก่ประชาชน
ผู้จัดการออนไลน์ 2 พ.ย. 2566 18:57

การรถไฟฯ ร่วมกับน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง เปิดพื้นที่จัดกิจกรรมสร้างเสียงดนตรีในสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ส่งเสริมให้เป็นพื้นที่แลนด์มาร์กจัดกิจกรรมที่สำคัญระดับชาติ แผนอนาคตจัดกิจกรรมนั่งรถไฟไปชมคอนเสิร์ตตามภูมิภาคต่างๆ ด้วย

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2566 เวลา 16.00 น. การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมกับ น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง จัดกิจกรรมทางดนตรีครั้งสำคัญ ในสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ภายใต้ชื่องาน “น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง เติมเต็มคำว่าเพื่อน” “Chang Road to Friendship” โดยมีนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย และนายทรงวิทย์ ศรีธรรม ผู้บริหารสูงสุดผลิตภัณฑ์น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง เข้าร่วมในการจัดงาน เพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้แก่ประขาชน ผู้โดยสารทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่ใช้บริการภายในสถานี ตลอดจนส่งเสริมให้สถานีหัวลำโพงเป็นแลนด์มาร์กการจัดกิจกรรมที่สำคัญระดับประเทศ

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ รฟท. เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมทางดนตรีในสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างการรถไฟฯ กับน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้เสียงดนตรีเป็นสื่อกลางให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สร้างสรรค์มิตรภาพ และความสนุกสนานร่วมกัน ตลอดจนส่งมอบความสุขแก่ประชาชน ผู้โดยสารที่ชื่นชอบเสียงดนตรีที่เข้ามาใช้บริการในสถานี โดยมีหัวลำโพงเป็นศูนย์กลางในการบอกเล่าเรื่องราวของกิจกรรม

สำหรับภายในงานมีศิลปิน พิธีกร และนักแสดงชื่อดังเข้าร่วมมากมาย เช่น ดีเจอ๋อง ดีเจดาด้า ต่อ ธนภพ เจเจ กฤษณภูมิ โอบ นิธิ มะปราง อลิสา พร้อมทั้งกิจกรรมความบันเทิงและการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินชั้นนำของวงการ เช่น วงโปเตโต้ กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ และ คริส พีรวัส ที่มามอบความสุขให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน โดยคาดว่า ตลอดเวลาจัดงานจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 5,000 คน

นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังได้ร่วมมือกับ น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง จัดกิจกรรมนั่งรถไฟไปชมคอนเสิร์ตตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่แฟนเพลง และคอคอนเสิร์ต สามารถใช้บริการรถไฟเป็นพาหนะหลักในการเดินทางไปชมคอนเสิร์ตได้ ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนอีกทางหนึ่งด้วย

ในอนาคต การรถไฟฯ ยังมีความพร้อมที่จะร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ในการเปิดพื้นที่สถานีหัวลำโพง สำหรับจัดกิจกรรมอันดีที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของสถานีหัวลำโพงในการเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดพื้นที่สถานีรถไฟแห่งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ หรือสถานีรถไฟในต่างจังหวัด สำหรับให้จัดกิจกรรม เพื่อร่วมอนุรักษ์และส่งเสริมภาพลักษณ์อันดีของสถานีรถไฟต่างๆ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของพื้นที่ ซึ่งจะก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ให้การรถไฟฯ อีกด้วย

ทั้งนี้ หน่วยงานที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อใช้พื้นที่สำหรับจัดกิจกรรม และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของไทย ได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊ก แฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย

https://www.facebook.com/pr.railway/posts/729093302581997

[Mongwin]

ททท.ปลุกพลังท่องเที่ยวชุมชน ด้วยรถไฟไทย หวังท่องเที่ยวยั่งยืน
ผู้จัดการออนไลน์ 5 พ.ย. 2566 16:50 น.

ททท. ชวนสัมผัสมนต์เสน่ห์สองข้างราง กับโครงการ “The story of Railway Journey นักเที่ยวแบบสับ (จับเรื่อง) ราง” ปลุกพลังท่องเที่ยวชุมชนโดยรถไฟไทย เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล สุดยอดเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโดยรถไฟ โครงการ “The story of Railway Journey เที่ยวแบบสับ (จับเรื่อง) ราง” พร้อมเปิดตัว 5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโดยรถไฟไทยอย่างยั่งยืน ปลุกกระแสการท่องเที่ยวชุมชนโดยรถไฟไทย เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคนรุ่นใหม่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ Amazing experience อันเปี่ยมด้วยคุณค่า และความหมายในทุกการเดินทาง ณ สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง)

เปิดตัว 5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโดยรถไฟไทยอย่างยั่งยืน โครงการ “The story of Railway Journey เที่ยวแบบสับ (จับเรื่อง) ราง”

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า ภายใต้การขับเคลื่อนปีท่องเที่ยวไทย 2566 ททท. มุ่งพัฒนาศักยภาพประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ประกอบกับกระแสการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ที่เปี่ยมคุณค่า และความหมาย (Meaningful Travel) กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Y-Z และวัยทำงาน ททท. จึงมีแนวคิดผลักดันการท่องเที่ยวควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนด้วยระบบคมนาคมขนส่ง ที่สามารถเชื่อมโยงและสร้างการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และเล็งเห็นประโยชน์ของการต่อยอดการท่องเที่ยวโดยรถไฟซึ่งมีมนต์เสน่ห์เฉพาะตัวที่สามารถเติมเต็มประสบการณ์ สร้างแรงบันดาลใจแก่นักท่องเที่ยวผ่านช่วงเวลาระหว่างทางด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คนที่ผูกพันกับรถไฟ สะท้อนความหมายที่แท้จริงของการเดินทางได้เป็นอย่างดี

ครั้งนี้ ททท. ได้ผนึกกำลังร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย แพลตฟอร์มจัดทริปเที่ยว ทริปไนซ์เดย์ (TripNiceDay) เพจทีมนั่งรถไฟกับนายแฮมมึน เพจการท่องเที่ยวเชิงไฉไล บริษัท มาสเตอร์แพลน จำกัด และบริษัท ฟายด์ โฟล์ค จำกัด สนับสนุนการเปิดพื้นที่ให้เหล่านักท่องเที่ยวมืออาชีพร่วมสร้างสรรค์ และนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโดยรถไฟแบบไม่จำกัดไอเดีย ภายใต้ โครงการ The story of Railway Journey “เที่ยวแบบสับ (จับเรื่อง) ราง” ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรม และการนำเสนอผลงาน เพื่อผลักดันการบูรณาการส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งส่งเสริมรูปแบบการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Tourism) ผ่านการเชื่อมโยงกับระบบคมนาคมขนส่งหลักของประเทศ เช่น รถไฟ รถโดยสารสาธารณะ ไปยังชุมชนในพื้นที่ ทำให้เกิดการกระจายรายได้สู่ฐานรากอย่างทั่วถึงต่อไป

โครงการ The story of Railway Journey “เที่ยวแบบสับ (จับเรื่อง) ราง” ได้เปิดรับสมัคร และคัดเลือกนักเที่ยวแบบสับ (จับเรื่อง) ราง จากทั่วประเทศ จำนวน 10 ทีม (ทีมละ 2 คน) ผ่านเข้าร่วม การแข่งขันเฟ้นหา “สุดยอดเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโดยรถไฟ โครงการ The story of Railway Journey “เที่ยวแบบสับ (จับเรื่อง) ราง” ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรม Boot Camp ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางท่องเที่ยว และออกแบบสร้างสรรค์สื่อนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโดยรถไฟ และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ของโครงการฯ เพื่อชิงเงินรางวัลรวมกว่า 100,000 แสนบาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณจาก ททท.

ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 ถือเป็นรอบชิงชนะเลิศของโครงการฯ โดยกำหนดให้ทีมที่ผ่าน การคัดเลือกทั้ง 10 ทีม นำเสนอการสร้างสรรค์เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโดยรถไฟต่อคณะกรรมการ ซึ่งมีผล การแข่งขัน ดังนี้ รางวัลชนะเลิศสุดยอดนักเที่ยวแบบสับ (จับเรื่อง) ราง ได้แก่ ทีม Touch And Go รับโล่ประกาศเกียรติคุณ จากนายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. พร้อมเงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ ทีม Freeland รับโล่ประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัลมูลค่า 30,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ ทีมเปรี้ยวกับป้า รับโล่ประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาท และรางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ ทีม The Couple และทีมสับราง team รับเงินรางวัลมูลค่า 5,000 บาท พร้อมกันนี้ 10 ทีม นักเที่ยวแบบสับ (จับเรื่อง) ราง ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับประกาศนียบัตรด้วย

นอกจากนี้ ภายในงานยังได้มีการจัดเวทีเสวนา ภายใต้หัวข้อ “เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยว ที่ร่วมค้นหาช่วงเวลาแห่งชีวิตที่เต็มเปี่ยม – Exploring the Meaningful Experience” ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองกับตัวแทนพันธมิตรของห่วงโซ่คุณค่าในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในแต่ละมิติ โดยได้รับเกียรติจาก นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. นายพล เวชการ รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ ด้านปฏิบัติการ คุณวัลย์ณัฐ บุญประเสริฐ เลขาธิการสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) และนายจิรายุ ลิ่มจินดา ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มจัดทริปเที่ยว ทริปไนซ์เดย์ (TripNiceDay) ร่วมจุดประกายความคิดและต่อยอดประสบการณ์ท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดโครงการฯ ผลงานเส้นทางท่องเที่ยว และกิจกรรม การท่องเที่ยวของนักเที่ยวทั้ง 10 ทีมนักเที่ยวแบบสับ (จับเรื่อง) ได้ที่ เว็บไซต์ www.therailwayjourney.com และแฟนเพจเฟสบุ๊ก The story of Railway Journey

[Wisarut]

"ครุฑ สถานีหัวลำโพง"
สถานีรถไฟกรุงเทพ หรือที่ทุกคนเรียกติดปากกันมาเป็นร้อยปีแล้วว่า "หัวลำโพง" เปิดใช้งานเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2459 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ยุคกรมรถไฟหลวงที่ใช้ตราครุฑเป็นตราประจำหน่วยงานราชการในสมัยนั้น
เมื่อมีการก่อสร้างอาคารสถานีในส่วนของโดมที่เป็นโครงเหล็กทรงกระบอกผ่าซีกนี้ออกแบบโดย คาร์ล ซีกฟรีด เดอห์ริ่ง สถาปนิกชาวเยอรมัน ได้มีการนำกระจกสีมาติดประดับไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังอาคารทั้ง 2 ฝั่ง
ส่วนของฝั่งด้านเหนือมีการใช้กระจกสีเหลือง มาเรียงต่อกันให้ได้รูปลักษณะของตัวครุฑ โดยจะมองเห็นเฉพาะเมื่ออยู่ภายในตัวอาคารและตอนกลางวันเท่านั้น เพราะต้องอาศัยแสงสว่างจากภายนอกอาคารส่องเข้ามา
สถานีกรุงเทพ แต่เดิมอาคารนี้ใช้ชื่อว่า "สถานีรถไฟหลวงสายเหนือ" สัณนิษฐานว่าเปลี่ยนมาใช้ชื่อ "สถานีกรุงเทพ" เมื่อทางรถไฟสายเหนือและสายใต้เชื่อมต่อกันเมื่อเปิดใช้สะพานพระราม 6 ในปี 2469 สมัยรัชกาลที่ 7
https://www.facebook.com/witsawakamrotfai/posts/844181857502585

[Mongwin]

คิดถึง..หัวลำโพง ยกมือขึ้น สถานีรถไฟแห่งความทรงจำ ที่ยังมีชีวิต
ไลฟ์สไตล์

10 พ.ย.66 - สถานีรถไฟหัวลำโพง อาจไม่ใช้ศูนย์กลางของการเดินทางโดยรถไฟแล้ว แต่ที่นี่ยังเต็มไปด้วยความทรงจำ และประวัติศาสตร์การรถไฟไทย ที่ทรงคุณค่า และพร้อมให้ทุกคนมาเก็บความทรงจำในการเดินทางร่วมกัน

https://www.mcot.net/view/F3oxkQRH

[Mongwin]

รฟท. จัดงานวันเด็ก @หัวลำโพง โชว์ 7 รถจักรที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์
เดลินิวส์ 10 มกราคม 2567 17:45 น.
นวัตกรรมขนส่ง

รฟท. จัดกิจกรรมวันเด็ก “ขบวนรถไฟแห่งความสุข” 13 ม.ค.นี้ ทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาค ไฮไลต์ปีนี้นำ 7 รถจักรที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ จัดแสดงที่สถานีหัวลำโพง ให้เด็กๆ ได้สัมผัส พร้อมทดลองเป็นพนักงานขับรถไฟ

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ 2567 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 13 ม.ค.67 นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่า รฟท. มอบนโยบายให้ รฟท. ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค จัดกิจกรรมวันเด็กขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้เด็ก และเยาวชนได้เรียนรู้ สร้างประสบการณ์เกี่ยวกับกิจการรถไฟ ควบคู่กับความสนุกสนาน และเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ โดยในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ขบวนรถไฟแห่งความสุข” มุ่งเน้นให้เด็กๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบขนส่งทางรถไฟที่สำคัญ และมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน รวมทั้งจัดกิจกรรมสันทนาการ สร้างแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ สามารถลงมือทำจริง ถือเป็นการสนับสนุนให้เด็ก และเยาวชนเติบโตอย่างมีคุณภาพ กล้าที่จะแสดงศักยภาพออกมาอย่างเหมาะสม

นายเอกรัช กล่าวต่อว่า ไฮไลต์งานวันเด็กในปีนี้ รฟท. จัดขึ้นที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์คทางมรดกสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศ โดยในปีนี้เป็นโอกาสพิเศษที่ รฟท. ได้นำรถจักรที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ 7 คัน มาจัดแสดงที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) บริเวณชานชาลาที่ 4 และ 5 เปิดโอกาสให้น้องๆ ได้ขึ้นไปสัมผัสบนรถจักรไอน้ำ พร้อมทดลองเป็นพนักงานขับรถไฟ ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และเข้าชมด้านในห้องเครื่องบนรถจักรเป็นครั้งแรก รวมทั้งยังได้พบกับแฟนพันธุ์แท้รถไฟไทย จะมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจ มีกิจกรรมสันทนาการให้ร่วมสนุกลุ้นรับรางวัลมากมาย อาทิ แท็บเล็ต สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า รถจักรยาน ของที่ระลึกอีกมากมายกว่า 1,500 รางวัล พร้อมบริการอาหาร และเครื่องดื่มฟรีตลอดงาน ตั้งแต่เวลา 09.00–12.00 น.

นายเอกรัช กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ รฟท. ยังได้จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ อีก 6 แห่ง ประกอบด้วย สถานีอุบลราชธานี แขวงรถจักรอุตรดิตถ์ สถานีศาลายา สถานีขอนแก่น สถานีรถไฟชุมพร และศูนย์ปฏิบัติชายแดนภาคใต้ รฟท. พร้อมกับได้สนับสนุนของรางวัลให้กับหน่วยงาน และชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศกว่า 50 แห่ง เพื่อส่งมอบความสุข สร้างรอยยิ้มให้กับเด็กและเยาวชนที่จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคตต่อไป

[Mongwin]

หัวลำโพงเตรียมจัดงานวันเด็ก 13 มกราคม 2367 #รถไฟ #train #hualamphong
Rose pakwanตลาดสด
Jan 12, 2024


https://www.youtube.com/watch?v=ZyLQU7dWtnQ

[Mongwin]

สุดคึกคัก!บรรยากาศ"วันเด็ก"ที่หัวลำโพง เด็กๆแห่ทดลองเป็นพนักงานขับรถจักรไอน้ำ
ผู้จัดการออนไลน์ 13 ม.ค. 2567 16:15

สุดคึกคัก การรถไฟฯ จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 “ขบวนรถไฟแห่งความสุข” ที่สถานีหัวลำโพง และ 8 สถานีภูมิภาคทั่วประเทศ เด็กๆร่วมสัมผัสรถจักรไอน้ำ และทดลองเป็นพนักงานขับรถไฟกันด้วยความสนุกสนาน

วันนี้ (13 มกราคม 2567) ณ สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นประธานเปิดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 “ขบวนรถไฟแห่งความสุข” ซึ่งการรถไฟฯ ได้จัดขึ้นเพื่อส่งมอบความสุข และเพิ่มพูนความรู้แก่เยาวชนทั่วประเทศ พร้อมกับมีกิจกรรมสันทนาการ สร้างแรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ โดยมีน้องๆ เด็กและเยาวชนให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2567 นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟฯ ได้มอบหมายให้การรถไฟฯ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมอย่างเต็มที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้ เสริมสร้างประสบการณ์นอกห้องเรียน เติบโตไปเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต

ในปีนี้การรถไฟฯ ได้จัดกิจกรรมขึ้นภายใต้แนวคิด “ขบวนรถไฟแห่งความสุข” ซึ่งมุ่งเน้นให้น้องๆ เด็กและเยาวชน ได้เรียนรู้ และลงมือทำจริง เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เกิดความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนมีความรักภาคภูมิใจในกิจการรถไฟ ซึ่งเป็นระบบขนส่งทางรางที่มีประวัติศาสตร์อยู่คู่กับเมืองไทยมายาวนานกว่า 125 ปี ขณะเดียวกันยังมุ่งส่งเสริมการปลูกฝังจิตสำนึกให้รู้จักหน้าที่ ปฏิบัติตนในระเบียบวินัยอันดี สอดคล้องกับคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 ที่นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน มอบไว้ว่า “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย”

สำหรับบรรยากาศ กิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ 2567 ที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กทางมรดกสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศ เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของเด็ก เยาวชน และครอบครัวที่เข้าร่วมงาน ผ่านการจัดกิจกรรมอันหลากหลายไม่ว่าจะเป็นการละเล่นซุ้มเกมชิงของรางวัล ตอบคำถามชิงรางวัลสุดพิเศษ การรับฟังความรู้จากสุดยอดแฟนพันธุ์แท้รถไฟไทย รวมทั้งมีบริการ อาหาร เครื่องดื่มฟรีตลอดงาน

ที่สำคัญในปีนี้นับเป็นโอกาสพิเศษที่การรถไฟฯ ได้นำรถจักรที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ จำนวน 7 คัน มาจัดแสดงที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) บริเวณชานชาลาที่ 4 และ 5 พร้อมกับเปิดโอกาสให้น้องๆ ขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศบนรถจักรไอน้ำ พร้อมทดลองเป็นพนักงานขับรถไฟ ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และเข้าชมด้านในห้องเครื่องบนรถจักร ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กและเยาวชนจำนวนมากอีกด้วย

ส่วนบรรยากาศการจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติส่วนภูมิภาค ซึ่งปีนี้การรถไฟฯ จัดขึ้นใน 8 แห่ง ประกอบด้วย สถานีอุบลราชธานี แขวงรถจักรอุตรดิตถ์ สถานีศาลายา สถานีขอนแก่น สถานีรถไฟชุมพร สถานีลำปาง โรงรถจักรแก่งคอย และศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน โดยมีเด็กและเยาวชน เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก ซึ่งได้รับความรู้ ความสุข สนุกสนาน ประทับใจตลอดงานทุกคน

[Mongwin]

หัวลำโพงคึกคัก จัดงานวันเด็กเปิดให้ขึ้นชมรถจักรไอน้ำ เด็กๆแห่ขึ้นเหล่าทวดม้าเหล็ก #รถไฟ
Rose pakwanตลาดสด
Jan 14, 2023


https://www.youtube.com/watch?v=tD5-AHLvXrI

[Mongwin]

19 ม.ค. “ขสมก.” เลิกวิ่งรถชัตเติ้ลบัส “สถานีกลางฯ-หัวลำโพง” หลังบริการฟรีครบ 1 ปี
เดลินิวส์ 16 มกราคม 2567 16:59 น.
นวัตกรรมขนส่ง

19 ม.ค. นี้ “ขสมก.” เลิกวิ่งรถชัตเติ้ลบัสขึ้นทางด่วน เส้นทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-หัวลำโพง หลังบริการฟรีมา 1 ปี อำนวยความสะดวกผู้โดยสารเดินทางเชื่อมต่อรถไฟทางไกล แนะนั่งบริการรถเมล์สาย 49 เชื่อมต่อบริการระหว่าง 2 สถานีได้

นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค. 67 เป็นต้นไป ขสมก. จะยกเลิกการจัดเดินรถชัตเติ้ลบัส หรือ Shuttle Bus (ขึ้นทางด่วน) เส้นทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) โดยให้บริการด้วยรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค. 66 เป็นต้นมา เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน โดยไม่คิดค่าบริการ ตามที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีการเปลี่ยนแปลงต้นทาง/ปลายทางกลุ่มขบวนรถด่วนพิเศษ ด่วน เร็ว จากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ไปที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค. 66

อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก ขสมก. ได้ให้บริการรถ Shuttle Bus (ขึ้นทางด่วน) มาเป็นระยะเวลาพอสมควร หรือประมาณ 1 ปีแล้ว อีกทั้ง ขสมก. มีรถโดยสารประจำทาง สาย 49 เส้นทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ให้บริการ และประชาชนสามารถเดินทางด้วยรถไฟบริการเชิงสังคม ระหว่างสถานีชุมทางบางซื่อ-สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)-สถานีชุมทางบางซื่อ ได้อย่างสะดวก ปลอดภัยอยู่แล้ว ขสมก. จึงขอยกเลิกการจัดเดินรถ Shuttle Bus (ขึ้นทางด่วน) ดังกล่าว

นายกิตติกานต์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ที่ผ่านมา ขสมก. ได้จัดเดินรถโดยสารวิ่งรับ-ส่งประชาชน ระหว่างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน โดยไม่คิดค่าบริการ จำนวน 2 เส้นทาง ได้แก่

1.รถเฉพาะกิจ (เส้นทางธรรมดา) ให้บริการด้วยรถโดยสารธรรมดา ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.-29 เม.ย. 66 และ 2.รถชัตเติ้ลบัส หรือ Shuttle Bus (ขึ้นทางด่วน) ให้บริการด้วยรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค. 66-19 ม.ค. 67 ระยะเวลา 1 ปี

[Mongwin]

สถานีรถไฟ "กรุงเทพอภิวัฒน์-หัวลำโพง" เดินทางยังไง หลังไม่มี Shuttle Bus
19 ม.ค. 2567 19:33

วันที่ 19 ม.ค. 2567 เป็นวันแรกที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ไม่มีบริการรถ Shuttle Bus ระหว่างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ กับสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) (ขึ้นทางด่วน) เนื่องจากครบระยะเวลาการให้บริการตามข้อตกลงร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) หลังจากที่ให้บริการฟรีเมื่อครั้งที่การรถไฟฯ เปลี่ยนแปลงต้นทางและปลายทางขบวนรถเชิงพาณิชย์ ได้แก่ รถด่วนพิเศษ รถด่วน และรถเร็ว ส่งผลให้ประชาชนที่เดินทางระหว่างสถานีดังกล่าว เฉลี่ยประมาณ 500-600 คนต่อวัน ต้องเปลี่ยนวิธีการเดินทางใหม่

ทีมข่าวโซเชียลมีเดีย MGR Online ขอแนะนำการเดินทางระหว่างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ กับสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) แต่ละตัวเลือกดังนี้

https://news1live.com/detail/9670000005700