View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 22/11/2007 1:10 pm Post subject: |
|
|
ขอบคุณครับคุณเต้ย
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใช้เวลารับประทานกันประมาณ ๑๐ นาทีเสร็จเรียบร้อยครับ ก่อนเดินทางเราแวะสักการะเจ้าพ่อขุนตานกันที่ศาลเจ้าพ่อฯซึ่งอยู่ใกล้ๆปากอุโมงค์ด้านทิศเหนือ เพื่อความปลอดภัยกะว่าพอขบวน ๑๒ ผ่านไปแล้วด่วนพิเศษลิ้นห้อย-ขาลากภาคสองจะเดินตามครับ จุดธูป ๙ ดอก สวดคาถาบูชาเจ้าพ่อฯตามข้อความในแผ่นป้ายยังไม่ทันจะครบจบที่สามดี ได้ยินเสียงหวีดดีเซลรางแดวูดังมาข้างหลัง อ้าวเฮ๊ย ขบวน ๑๒ จะมาแล้วนี่ เร่งครับเร่ง ๑๒๐ เร่งสวดจบที่สาม ก้มกราบแล้วเผ่นออกมายืนข้างทางอย่างรวดเร็ว ยังทันถ่ายขบวน ๑๒ ได้อย่างเฉียดฉิวครับ
สงสัยว่าลมปะทะจากขบวน ๑๒ จะแรงครับ เลยพัดใบหน้าน้องแม็กซ์ให้หันไปตามทิศทางที่ขบวนรถแล่นผ่าน
|
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 22/11/2007 1:22 pm Post subject: |
|
|
หันไปดูทางซ้ายปรากฏว่า น้องเอ็ม และน้องธีก็ถูกลมปะทะจนต้องหันหน้าตามทิศทางที่ขบวน ๑๒ แล่นผ่านดุจกัน
ชาวเวบเราต้องไล่ตามถ่ายภาพจนถึงตูดรถ เอ๊ย!ท้ายรถสิครับ ถึงจะเป็นที่พอใจ อิ่มเอมพร้อมเดินทางต่อครับ
|
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 22/11/2007 1:49 pm Post subject: |
|
|
พอขบวน ๑๒ ผ่านพ้นไป ถ้าพิจารณาถึง ระบบตอนสมบูรณ์แล้ว นับว่าเป็นระยะปลอดภัยอย่างน้อยก็ประมาณ ๒๐-๓๐ นาที กว่าจะมีขบวนรถผ่านทางตอนนี้ได้อีก ชาวคณะจึงรีบออกเดินลิ้นห้อย-ขาลากกันในเวลา ๑๐.๑๙ น. ทั้งนี้ผมไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ขอขมาเจ้าพ่อขุนตานที่ชาวคณะเร่งสวดมนต์ไปหน่อยเมื่อสักครู่
เกิดมาตั้งสามสิบกว่าปี นั่งรถไฟสายเหนือขึ้นล่องกรุงเทพ-เชียงใหม่ มานับครั้งไม่ถ้วน เพิ่งจะมีโอกาสได้เดินลอดอุโมงค์ขุนตาน สัมผัสบรรยากาศอย่างใกล้ชิดรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าไปเข้าถ้ำอาถรรพ์ บ้านผีสิงตามสวนสนุกบันลือโลกเสียอีก ตื่นเต้นจริงๆ ตื่นเต้นตริงๆ
ในวันนั้นมีปรากฏการณ์อันน่าตื่นเต้นตกใจเพิ่มขึ้นมาอีก กล่าวคือ พอชาวคณะเริ่มจะก้าวเท้าเข้าไปในอุโมงค์ขุนตาน เราเห็นแสงไฟหน้า(เฮดไลท์)ดูคล้ายๆไฟหน้ารถดีเซลรางแดวูสว่างขึ้นมา จะมีรถขบวนอื่นสวนกลับขึ้นมาก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือขบวน ๑๒ จะถอยหลังกลับ หรือจะเป็นภาพลวงตาจากมิติพิศวง ฯลฯ ตั้งท่าดูสักพักหนึ่งดวงไฟนั้นก็หายไป ในที่สุดก็คาดว่าจะมีใครเป็นไฟหน้าของรถคันท้ายขบวน ๑๒ ส่องกลับมาในอุโมงค์น่ะครับ |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 22/11/2007 3:51 pm Post subject: |
|
|
ชาวคณะมีทั้งหมด ๕ คน ได้รับสนับสนุนไฟฉายจากทางสถานีบ้านตุ้ยมา ๒ กระบอก เป็นไฟฉายขนาดใหญ่ (และหนัก) ค่อนข้างสว่างมาก ๑ กระบอก กับไฟฉายขนาดเล็ก ๑ กระบอก เราก็เลยต้องจัดริ้วขบวนการเดินลอดอุโมงค์ขุนตาน โดยเริ่มจากน้องแม็กซ์ผู้รักษาไฟฉายขนาดใหญ่ เป็นผู้นำ(รถคันนำขบวน) พร้อมใช้ไฟฉายกระบอกนั้นเป็นเสมือน เฮดไลท์ ของด่วนพิเศษ(แล่นช้าเป็นพิเศษ)ลิ้นห้อย-ขาลาก ภาคสอง ตามด้วยน้องเอ็ม น้องเจฟ น้องธี ปิดท้ายด้วย นสน.าย. ซึ่งย้ายมาทำหน้าที่พรร. ขบวนรถลิ้นห้อย-ขาลากฯนี้ชั่วคราว โดยคอยช่วยส่องไฟฉายส่งท้ายให้น้องๆช่วงกลางขบวน
ที่เห็นเป็นวงกลมสีขาววงเล็กๆในภาพข้างต้นนั้น มิใช่พระจันทร์วันเพ็ญ หรือภาพเสียนะครับ แต่เป็นบรรยากาศเมื่อมองไปข้างหน้าฝ่าความมืดมิดภายในอุโมงค์ขุนตาน จะเห็นแสงสว่างจากปากอุโมงค์ด้านทิศใต้อยู่ไกลลิบๆเป็นความหวังให้ชาวคณะก้าวเดินต่อไป คำเปรียบเปรยถึง แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ นั้นผมได้ยินมานานแต่เพิ่งจะเห็นภาพพจน์อย่างเด่นชัดก็วันนี้เองครับว่าเป็นเหมือนกับความหวังในชีวิตอันมืดมน(ในบางช่วง)จริงๆ ตอนที่เดินลอดอุโมงค์ห้วยแม่ลานก็ยังไม่ซาบซึ้งถึงความหวังซึ่งอยู่ที่ แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ สักเท่าไร เพราะอุโมงค์ไม่ยาวมากนัก
ภายในอุโมงค์ทั้งเย็นยะเยือก บางช่วงมีน้ำซึมจากเพดานหยดลงมาไม่ขาดสาย ทำให้สภาพทางชื้นแฉะ มีการขุดร่องระบายน้ำออกไปทางด้านขวาเป็นระยะๆ พวกเราเดินชิดขวา(เมื่อหันหน้าไปทางแม่ตานน้อย)ก็ต้องพบอุปสรรคจากร่องน้ำ พื้นทางแฉะเป็นโคลน หินโรยทางไม่สม่ำเสมอ ทำให้หัวขบวนต้องคอยแจ้งเตือนให้ระวังและ เบาทาง กันเป็นระยะๆ มีเดินสะดุดบ้าง ตกร่องบ้าง เซออกนอกแนวทางบ้างเล็กๆน้อยๆ จะเดินระหว่างกลางรางก็ไม่ถนัดเพราะมีรางวางอยู่ด้านในอีกคู่หนึ่ง แม้อากาศจะเย็น เดินยากลำบากเพียงไรแต่บรรยากาศการเดินเป็นไปด้วยความอบอุ่นฉันพี่ๆน้องๆน่าประทับใจมากครับ
ไม่ช้าขบวนรถด่วนพิเศษลิ้นห้อย-ขาลากฯก็ทำขบวนใกล้จะถึงปากอุโมงค์ด้านทิศใต้แล้วครับ อดคิดนอกเรื่องเป็นคติสอนตนเองไม่ได้ว่า บางทีการดำเนินชีวิตของคนเราอาจประสบกับปัญหา อุปสรรคต่างๆนานาให้เราฟันฝ่าไปให้ได้ ถ้าเปรียบตามแนวคนบ้ารถไฟก็ต้องบอกว่าเหมือนเดินอยู่ในอุโมงค์ขุนตานอันมืดมิดน่ะครับ หากเราอดทนก้าวเดินต่อไปอย่างมีสติ ด้วยความหวัง(เห็นแสงสว่างเล็กๆที่ปลายอุโมงค์) มีความเพียรพยายาม มีความสามัคคีช่วยเหลือกันฯลฯ เราก็จะฟันฝ่าอุปสรรคนั้นไปจนประสบความสำเร็จ เหมือนได้เดินก้าวพ้นจากอุโมงค์โดยสวัสดิภาพ ได้พบแสงสว่างภายนอกอุโมงค์อีกด้านหนึ่ง
ออกจะนอกเรื่องไปหน่อย ต้องขออภัยท่านผู้ชมด้วยนะครับ คนอายุมากก็มักจะเป็นอย่างนี้ละครับ กลับเข้าเรื่องของเราโดยฝากข้อสังเกตถึงการเดินในอุโมงค์ขุนตานอีกสักนิด เผื่อท่านที่ไปคราวหน้าจะได้เดินสะดวกสบายขึ้นว่า ผมเพิ่งจะทราบจากการเดินเที่ยวกลับว่าหากเดินชิดด้านซ้าย(เมื่อหันหน้าไปทางแม่ตานน้อย) ฝั่งที่มีช่องหลบขบวนรถเป็นระยะๆ จะเดินได้สะดวกกว่าทางด้านขวา(แบบที่ชาวคณะเดินขาไป)มากครับ เพราะแห้งกว่า มีหลุม ร่องระบายน้ำน้อยกว่าครับ |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 22/11/2007 6:59 pm Post subject: |
|
|
สรุปว่าชาวคณะลิ้นห้อยฯใช้เวลาเดินจากปากอุโมงค์ขุนตานด้านทิศเหนือถึงปากอุโมงค์ด้านทิศใต้ ประมาณ ๒๐ นาทีครับ
ถ่ายภาพหมู่กันสักหน่อยโดยน้องธีรับเป็นช่างภาพให้ครับ
|
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 22/11/2007 7:33 pm Post subject: |
|
|
nirakan wrote: | เอ้อ แทรกหน่อยครับพี่ตุ้ย ได้ถ่ายภาพรูหลบรถในอุโมงค์มาบ้างรึเปล่าครับผม อยากจะได้ยลโฉมแบบชัดๆน่ะครับ เพราะผ่านไปทีไร เห็นแต่แสงไฟจากขบวนรถ กระแทกเข้าไปในหลืบน่ะครับ |
พี่ไม่ได้ถ่ายไว้ครับน้องอาร์ม ไม่กล้าถ่ายในอุโมงค์มากนัก อุโมงค์นี้มีความเป็นมายาวนาน มีคนถูกสังเวยชีวิตระหว่างการก่อสร้างมาเยอะ หากถ่ายไปกลัวว่ากล้องจะไปจับภาพ "อะไรบางอย่าง" มาด้วยน่ะครับ ความจริงตอนเดินๆอยู่บางครั้งพี่ยังรู้สึกแปลกๆและขนลุกโดยไม่มีสาเหตุด้วยครับ ขนาดตอนนี้อยู่บ้านพิมพ์ไปก็ยังขนลุกไปด้วยนะครับนี่
แต่ดูเหมือนว่านายแบบโลว์แบตเล่มใหม่ หรือไม่ก็น้องธี(เอชเอ็น)แมวย่องจะถ่ายไว้นะครับ ตอนเดินในอุโมงค์พี่เห็นแสงเฟรชวูบวาบอยู่เหมือนกัน |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 22/11/2007 7:39 pm Post subject: |
|
|
ถ่ายภาพกันเสร็จต้องรีบทำเวลาแล้วละครับ เพราะตามแผนการที่วางไว้น้องเอ็มจะต้องเดินกลับมาที่สถานีขุนตานอีกครั้งภายในเวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น. เพื่อขับรถกลับเชียงใหม่แล้วขึ้นเครื่องบินเที่ยว ๑๔.๔๕ น. กลับกรุงเทพไปเดินสายโชว์ตัวต่อในงานแต่งงานที่ จ.ปราจีนบุรี
หนทางยังอีกยาวไกลครับ จากปากอุโมงค์ขุนตานไปยังสะพานสองหอซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดก็ประมาณ ๓ ก.ม. กว่าๆ ถึงตอนนี้ความแตกต่างในสมรรถนะ(ความเร็ว)ในการเดินของชาวคณะเริ่มเห็นเด่นชัดแล้วครับ น้องเอ็มกับน้องแม็กซ์เปรียบเสมือนดีเซลรางแดวู(รุ่นอ้วน-ผอม) (พิกัดความเร็ว ๑๒๐)นำหน้าไปอย่างรวดเร็วจนท้ายหายลับทางโค้งตามภาพข้างต้นไปแล้ว ส่วนน้องธี(เอชเอ็น)กับน้อง(เอนเคเอฟ)เจฟ (พิกัดความเร็ว ๑๐๐) รั้งท้ายชมนกชมไม้ พินิจสภาพทางไปเรื่อยๆตามภาพนี้ครับ
ตามเสาโทรเลขข้างทางมีป้ายแสดงความลาดชันติดอยู่เป็นระยะๆ น้องแม็กซ์กำลังเก็บภาพป้ายดังกล่าวไว้ครับ
ถ้าแดวูอ้วน-ผอม เขาไม่หยุดถ่ายภาพ ผมไม่มีทางเดินไล่ตามทันหรอกครับ |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 22/11/2007 8:25 pm Post subject: |
|
|
ขาไปนี่เราเดินลงเขาไปเรื่อยๆไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไร แต่เดินยากเหมือนกันครับ ท่านที่เคยเดินตามทางรถไฟเป็นระยะทางไกลๆคงทราบดีว่าเดินลำบากกว่าการเดินบนพื้นดินธรรมดา หรือผิวถนนเรียบๆเป็นอย่างมาก หินโรยทางมันคอยจะดิ้นกรอบแกรบตลอดทุกย่างก้าวที่เหยียบลงไป จะก้าวเหยียบเฉพาะบนไม้หมอนก็สั้นเกินไป จะก้าวหมอนเว้นหมอนก็ยาวเกินไปเป้ากางเกงอาจขาดได้ หรือไม่ก็ขายาวไม่พอก้าวไม่ถึงทีละสองหมอน สรุปแล้วก็ต้องเหยียบบนหินโรยทางอยู่ดี มัวแต่บ่นอยู่ในใจ เผลอแป๊บเดียวแดวูอ้วน-ผอม แห่งทริปลิ้นห้อยฯเดินลิ่วล่วงหน้าไปไกลแล้วครับ
น้องทั้งสองข้างหน้าเป็นแดวูอ้วน-ผอม ส่วนน้องอีกสองที่รั้งท้ายเป็น THN/NKF แล้ว ผมขอเป็นสปรินเตอร์(เก่าๆโทรมๆ)ก็แล้วกันครับ ต้องรอให้แดวูอ้วน-ผอม จอดถ่ายป้ายบอกความชันที่เสาโทรเลขอีกครั้งหนึ่งนะครับ สปรินเตอร์แก่ๆ เอ๊ย!เก่าๆถึงโขยกตามไปทันถ่ายภาพเบื้องหลัง
สังเกตว่าแดวูอ้วน-ผอม เขาตั้งท่าทางเล็งยิง(ภาพ)เป็นระเบียบเหมือนกันราวกับทหาร/ตำรวจหัดแถวเลยนะครับ (อ้อ!ลืมไปว่าน้องเอ็ม แดวูอ้วนเขาเป็นนายตำรวจนี่นา ) ถ้าท่านผู้ชมเพ่งมองไปตามทางโค้งในภาพข้างต้นให้ดีๆ ท่านจะเห็นน้องที(เอชเอน) และน้องเอ็นเคเอฟเจฟ เดินล่องตามมาอยู่ลิบๆ |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 22/11/2007 10:01 pm Post subject: |
|
|
เดินจากปากอุโมงค์ด้านทิศใต้มาได้ประมาณ ๒๐ นาที พบสะพานขนาดเล็กไม่มีแผงเหล็กด้านข้างเสียด้วย
ก่อนจะเดินข้ามสะพานสองหอ สามหอของจริง ทดลองเดินข้ามสะพานนี้ก่อนก็ได้ครับ
ความสูงขนาดนี้ แมวไม่ย่อง คือ น้องธีเดินผ่านได้สบายๆไม่ต้องเบาทางอย่างแรง |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 22/11/2007 10:19 pm Post subject: |
|
|
ตามกำหนดเวลาเดินรถฉบับแจกผู้โดยสาร(ผมไม่มี และไม่เคยมี ปดร.นะครับ ) ระบุว่าขบวน ๔๐๘ ออกจากขุนตาน ๑๐.๓๙ น. ตอนชาวคณะลิ้นห้อยฯเดินถึงปากอุโมงค์ขุนตานด้านทิศใต้ หากขบวนรถเดินตามเวลาก็น่าจะผ่านไปได้แล้ว แต่ยังไม่มาถึงสักที เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาพวกเราจึงเดินต่อไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับคอยเงี่ยหูฟังเสียงล้อกระทบรางอย่างตั้งอกตั้งใจ เพราะรถไหลลงเขามักจะมาเงียบๆ ไม่มีเสียงเร่งเครื่องดังกระหึ่มแบบตอนขึ้นเขา จนกระทั่งเวลาประมาณ ๑๑.๑๐ น. ผมถึงได้ยินเสียงหวีด THN/NKF ดังปู๊นหนึ่งมาทางข้างหลัง พร้อมเสียงล้อกระทบรางลอยตามลมมา
รีบกระโดดลงข้างทางเลยครับ ไม่ถึงสิบวินาทีขบวน ๔๐๘ ก็โผล่มาแล้วด้วยความเร็ว
ถึงวินาทีนี้เอาชีวิตให้รอดก่อนครับ ส่วนมุมถ่ายภาพขบวน ๔๐๘ ถึงจะชั่วร้าย(คือไม่สวย-มืดฯลฯ)ไปบ้างก็ช่างมันก่อนละครับ
บังเอิญว่าวันนี้ขบวน ๔๐๘ เหลือแค่ ๒ คันเองครับ เท่ากับจำนวนน้องธี(เอชเอ็น)กับน้องเอ็นเคเอฟเจฟที่เดินรั้งท้ายอยู่สองคัน(คน)อย่างไม่ได้ตั้งใจ เหมือนว่าฟ้าส่งมาแซวเลยนะครับ |
|
Back to top |
|
|
|