รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่

[Wisarut]

[Mongwin]

อิตาเลี่ยนไทยฯ หั่นราคาคว้าทางคู่ “หัวหิน-ประจวบฯ” ลด 15% ลุยสร้างรางรถไฟ 84 กม.
โดย MGR Online 28 กรกฎาคม 2560 07:00 น. (แก้ไขล่าสุด 28 กรกฎาคม 2560 12:14 น.)

อิตาเลี่ยนไทยฯ ประเดิมคว้ารถไฟทางคู่ “หัวหิน-ประจวบฯ” เคาะอี-ออกชัน หั่นราคา 15% เหลือ 5,800 ล้าน ซิวสัญญางานโยธา 84 กม. ด้าน ร.ฟ.ท.คาดลงนามสัญญาได้ ส.ค.นี้ เริ่มก่อสร้าง ก.ย.ตามแผน

รายงานข่าวแจ้งว่า จากที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้เปิดประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. ราคากลางที่ 7,305,260,000 บาท ซึ่งมีเอกชนยื่นซองจำนวน 13 ราย ผ่านเกณฑ์คัดเลือกเข้าเสนอราคา 11 ราย โดยกำหนดเสนอราคาในวันที่ 27 ก.ค. โดยมีคณะกรรมการประกวดราคาที่มี นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ รองผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.ฝ่ายธุรกิจเดินรถ เป็นประธาน ปรากฏว่าบริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD เสนอราคาต่ำสุดที่ 5,800 ล้านบาทเศษ ต่ำกว่าราคากลางประมาณ 15% หรือประมาณ 1,498 ล้านบาท

โดยหลังจากนี้จะเป็นการตรวจสอบเอกสาร หากไม่มีข้อผิดพลาดจะประกาศผลการประมูลอย่างเป็นทางการต่อไป ส่วนการลงนามสัญญานั้นจะต้องรอให้มีการอนุมัติ รายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งการรถไฟฯ จัดส่งไปยังสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) แล้วก่อนหน้านี้ คาดว่าจะลงนามสัญญาได้ในเดือน ส.ค. และเริ่มก่อสร้างในเดือน ก.ย.นี้ โดยยังเป็นไปตามแผน

สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ มีระยะทางการก่อสร้างจำนวน 84 กิโลเมตร เป็นการก่อสร้างทางวิ่งรถไฟใหม่เพิ่ม 1 ทาง โดยจะทำการก่อสร้างทางรถไฟ 1 ทางขนานไปกับทางรถไฟเดิม โครงสร้างทางรถไฟวิ่งระดับพื้นดินทั้งหมดมี 2 สะพาน มีสถานีรถไฟระดับพื้น 12 สถานี และป้ายหยุดรถ 1 แห่ง, ก่อสร้างย่านเก็บกองและขนถ่ายตู้สินค้า (CY) กำหนดไว้ 2แห่ง ได้แก่ สถานีสามร้อยยอด และสถานีทุ่งมะเม่า และมีงานก่อสร้างโยธาและอื่นๆ เช่น งานระบบระบายน้ำ สะพานลอยคนเดินข้าม งานรั้ว งานก่อสร้างถนนยกระดับข้ามทางรถไฟ (Flyover) ถนนกลับรถยกระดับรูปตัวยู (Overpass U-Turn) ถนนลอดใต้สะพานทางรถไฟ (Underpass) ถนนลอดใต้สะพานทางรถไฟโดยใช้ท่อเหลี่ยม (Underpass Box) เพื่อแก้ปัญหาจุดตัดระหว่างถนนกับทางรถไฟ

โดยขณะนี้การรถไฟฯ ได้เปิดประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ รวม 5 สายทาง ได้แก่ ช่วงหัวหิน-ประจวบฯ, ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 169 กม., ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม., ช่วงลพบุรี -ปากนําโพ้ ระยะทาง 116 กิโลเมตร และช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร โดยแยกในส่วนของงานก่อสร้างออกเป็นสัญญางานโยธา (งานก่อสร้างโครงสร้างทางรถไฟ รวมงานติดตั้งรางรถไฟ) จำนวน 10 สัญญา ส่วนสัญญางานระบบอาณัติสัญญาณอยู่ระหว่างทำทีโออาร์

[Mongwin]

ย้อนกลับไปดูข่าวเก่า รถไฟทางคู่หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ จะไม่รวมงานในส่วนของอาคารและย่านสถานีหัวหิน อาคารและย่านสถานีประจวบคีรีขันธ์นะครับ เพราะอาคารสถานีใหญ่ทั้ง 2 แห่งจะอยู่ในโครงการรถไฟทางคู่นครปฐม-หัวหิน และ ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ตามลำดับ

งบประมาณตอนแรกตั้งไว้ 10,301 ล้านบาท ตอนนี้สรุปว่าประมูลได้ 5,800 ล้านบาทนะครับ

https://www.home.co.th/hometips/detail/85607

โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 10,301 ล้านบาท แนวเส้นทางโครงการฯ มีจุดเริ่มต้นโครงการที่ กม.217+005.328 (เป็นจุดสิ้นสุดของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม–หัวหิน)ห่างจากสถานีรถไฟหัวหิน (กม.213+110.400) ประมาณ 4 กิโลเมตร และมีจุดสิ้นสุดโครงการฯ ที่กม.301+100.000 (เป็นจุดเริ่มต้นโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงประจวบคีรีขันธ์–ชุมพร) ก่อนถึงสถานีประจวบคีรีขันธ์ (กม.302+339.000) ประมาณ 1 กิโลเมตร

[Mongwin]

Update รถไฟทางคู่สายฉะเชิงเทรา-แก่งคอย ตอน ฉะเชิงเทรา-ชท.คลองสิบเก้า 29/7/2560
โดยเพจข่าวรถไฟครับ

https://www.facebook.com/pg/ThaiRailNews/photos/?tab=album&album_id=1418266514922003

[Mongwin]

ผู้รับเหมา1รายตกคุณสมบัติ รถไฟทางคู่“นครปฐม-หัวหิน”
คมชัดลึก 1 ส.ค. 60

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงการประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 196 กิโลเมตร มูลค่ารวม 16,066 ล้านบาท จำนวน 2 สัญญาว่า วานนี้ (31 ก.ค.) ร.ฟ.ท. ได้ประกาศผู้ผ่านการพิจารณาข้อเสนอด้านคุณสมบัติและด้านเทคนิคทั้ง 2 สัญญา

ผลปรากฏว่าสัญญาที่ 1 ช่วงนครปฐม-หนองปลาไหล ระยะทางประมาณ 93 กิโลเมตร ราคากลาง 8,390 ล้านบาท มีผู้ผ่านคุณสมบัติ 11 รายจากผู้ร่วมยื่นข้อเสนอทั้งหมด 12 ราย ซึ่งผู้ตกคุณสมบัติคือ กิจการร่วมค้า PPD-VONGSAYAM-WIKA นำโดยWIKAจากอินโดนีเซีย ส่วนสัญญาที่ 2 ช่วงหนองปลาไหล-หัวหิน ระยะทาง 76 กิโลเมตร วงเงิน 7,676 ล้านบาท ผู้ยื่นข้อเสนอทั้ง 11 ราย ผ่านคุณสมบัติทั้งหมด

ขั้นตอนหลังจากนี้ ร.ฟ.ท. จะเปิดโอกาสให้เอกชนที่ตกคุณสมบัติยื่นอุทธรณ์ผ่านใน 3 วัน และจะเปิดให้เสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้ง 2 สัญญาในวันที่ 10 ส.ค. นี้

นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตอนนี้สำนักงานอัยการสูงสุดอยู่ระหว่างพิจารณาร่างสัญญารถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ฉบับที่ 2.1 สัญญางานออกแบบรายละเอียดโครงสร้างพื้นฐานด้านโยธา มูลค่า 1,706 ล้านบาท ดังนั้นกระทรวงคมนาคมจึงไม่สามารถเสนอร่างสัญญาฉบับที่ 2.1 ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบได้ทันภายในวันนี้ (1 ส.ค.)

ทั้งนี้ตามขั้นตอน เมื่อสำนักงานอัยการสูงสุดเห็นชอบร่างสัญญาเรียบร้อยแล้ว ก็จะเสนอกลับมายังกระทรวงคมนาคมและเสนอให้ ครม. เห็นชอบตามลำดับ จากนั้นร.ฟ.ท.จะลงนามสัญญากับองค์การออกแบบรถไฟแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (China Railway Design Corporation : CRDC) ในการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีนครั้งที่ 20 ที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 15-17 ส.ค. นี้ เพื่อจ้างฝ่ายจีนออกแบบรายละเอียดรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 252.5 กิโลเมตร

ขณะนี้ จึงต้องรอว่าสำนักงานอัยการสูงสุดจะเห็นชอบร่างสัญญาเมื่อใด แต่คาดว่าคงใช้เวลาไม่นานนัก เพราะที่ผ่านมาสำนักงานอัยการสูงสุดก็ได้ทำงานคู่ขนานกับ ร.ฟ.ท. และกระทรวงคมนาคมโดยตลอด ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดขั้นตอนเพื่อให้ ครม. เห็นชอบร่างสัญญาฉบับที่ 2.1 และสามารถลงนามกับฝ่ายจีนได้ตามเป้าหมาย

[Mongwin]

รองผู้ว่าการรถไฟ หารือร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา เรื่องรถไฟทางคู่ยกระดับ
ช่อง 8 วันที่ลงข่าว 1 สิงหาคม 2560 เวลา 07:44 น.

รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย หารือร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา กรณีการก่อสร้าง รถไฟทางคู่ ยกระดับ พร้อมระบุ จะมีความชัดเจน ในเดือนสิงหาคมนี้

ช่วงเย็นวานนี้ (เวลาประมาณ 17.00น. วันที่ 31 ก.ค. 2560) นายประเสริฐ อัตตะนันท์ รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พร้อมคณะวิศวกร รฟท. ประชุมร่วมกับ ทางจังหวัดนครราชสีมา นำโดย นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อหารือข้อปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับการปรับแบบโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ จากแบบวิ่งภาคพื้นดิน เป็นยกระดับ ตามที่คณะของจังหวัดนครราชสีมาร้องขอ โดยเฉพาะเรื่องจุดขึ้น - ลง ของรถไฟทางคู่แบบยกระดับ และแนวทางการทุบสะพานสูง 2 จุด เพื่อเปิดทางให้รถไฟทางคู่ยกระดับ โดยใช้เวลาการหารือประมาณ 30 นาที

นายประเสริฐ อัตตะนันท์ รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังประชุม ว่า หลังจากนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย จะกลับไปพิจารณาการออกแบบใหม่ เพื่อดูว่าเมื่อปรับแล้วจะติดปัญหาอะไร หรือไม่ เนื่องจากการปรับแบบใหม่ อาจส่งผลกระทบหลายด้าน ทั้งเรื่องราคา และเวลาการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจะส่งผลกระทบต่อโครงการรถไฟความเร็วสูงด้วย

ส่วนแบบยกระดับที่พูดคุยกันอยู่ขณะนี้ มีอยู่ 2 รูปแบบคือ ระดับ 2 กับระดับ 3 ซึ่งจะต้องมาประเมินว่าทั้ง 2 แบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด เมื่อได้มีการปรับรูปแบบใหม่แล้วเสร็จ ก็จะนำไปสู่ที่ประชุมร่วม ระหว่างกระทรวงคมนาคม คณะจากจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งคาดว่า รูปแบบใหม่จะชัดเจนก่อนสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ อย่างแน่นอน หลังจากได้ข้อสรุปจนเป็นที่น่าพอใจของทุกฝ่ายแล้ว จะนำเสนอต่อ ครม.ต่อไป


https://www.youtube.com/watch?v=pLCry_KX-bY

[Mongwin]

รถไฟทางคู่สุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ออกแบบช่วงหาดใหญ่-สงขลาไว้แบบนี้ครับ
(1) จากชุมทางหาดใหญ่ ถึง ด้านเหนือสะพานสัจจกุล ระยะทาง 2.23 กม. เป็นแบบระดับดิน
(2) จากด้านเหนือสะพานสัจจกุลถึงหลังการประปาส่วนภูมิภาค น้ำน้อย ระยะทาง 10.74 กม. เป็นทางรถไฟยกระดับ
(3) จากหลังการประปาส่วนภูมิภาค น้ำน้อยถึงบริเวณก่อนข้ามคลองเขาแก้ว ต.เขารูปช้าง เป็นทางรถไฟระดับดิน ระยะทาง 10.87 กม.
(4) จากบริเวณก่อนข้ามคลองเขาแก้ว ต.เขารูปช้างถึงสถานีสงขลาใหม่ หลังวิทยาลัยพยาบาล เป็นทางรถไฟยกระดับ ระยะทาง 5.37 กม.









Timeline โครงการรถไฟทางคู่หาดใหญ่-สงขลา

- 27 เม.ย. 53 ครม.เห็นชอบแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งรวมการพัฒนาโครงข่ายระบบรถไฟทางคู่ในเส้นทางสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือและสายใต้
- 19 มี.ค. 55 กระทรวงคมนาคมพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการพัฒนาเร่งรัดระบบโครงการรถไฟทางคู่ภาคใต้
- 23 มิ.ย. 58 ครม.เห็นชอบให้ รฟท.จ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสม ออกสำรวจรายละเอียด ออกแบบและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
- 21 ก.ย. 58 ประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชนครั้งที่ 1 ณ โรงแรมพาวิลเลียน และ โรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่า
- 25-28 พ.ย. 58 ประชุมกลุ่มย่อย ครั้งที่ 1
- 14-15 ม.ค. 59 ประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชนครั้งที่ 2 ณ โรงแรมฟลอร่า เมย์ รีสอร์ท และ โรงแรม บีพี แกรนด์ทาวเวอร์
- 18-20 เม.ย. 59 ประชุมกลุ่มย่อย ครั้งที่ 2
- 23-24 มิ.ย. 59 ประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชนครั้งที่ 3 ณ โรงแรมฟลอร่า เมย์ รีสอร์ท และ โรงแรม บีพี แกรนด์ทาวเวอร์
- ก.ค.59 บรรจุโครงการรถไฟทางคู่ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลาไว้ในแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน 2560
- ปลายปี 59 จัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และออกแบบรายละเอียด
- 8-9 มิ.ย. 60 ประชุมกลุ่มย่อยเพิ่มเติม
- ก.ย.60 กระทรวงคมนาคม เสนอโครงการให้ ครม.อนุมัติ
- ปลายปี 60 กำหนดร่างขอบเขตของงาน (TOR)
- ต้นปี 61 เริ่มเปิดประมูล
- กลางปี 61 บริษัทผู้รับเหมาลงนามในสัญญา
- ปลายปี 61 เริ่มก่อสร้าง
- แล้วเสร็จปลายปี 2564

https://www.facebook.com/songkhlastation/posts/1137668129666698

[Mongwin]

บริเวณที่จะสร้างสถานีรถไฟเขารูปช้าง ตามโครงการรถไฟทางคู่สุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ที่จะเริ่มก่อสร้างในปี 2561 นี้ จะอยู่บริเวณระหว่างท้ายซอยกาญจนวนิช 13 ถึงท้ายซอยกาญจนวนิช 15 ครับ ใกล้กับมหาวิทยาลัยทักษิณ โดยสร้างเป็นอาคารสถานีแบบยกระดับ
(ภาพจาก StreetView)
https://www.facebook.com/songkhlastation/posts/1139620849471426

[Wisarut]

“สามารถ” ชูผลงานชิ้นโบแดง “บิ๊กตู่” รื้อประมูลรถไฟใหม่ ส่อประหยัดงบได้นับหมื่นล้าน
โดย MGR Online
5 สิงหาคม 2560 17:51 น. (แก้ไขล่าสุด 6 สิงหาคม 2560 09:41 น.)


อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ ประชาธิปัตย์ ชมนายกฯ ใช้ ม.44 ตั้งคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นผลให้การรถไฟฯปรับลดราคากลางประมูลรถไฟทางคู่ หัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ ทำผู้รับเหมาขนาดกลางแข่งขันได้ จนบริษัทชนะเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางถึง 20.5% ประหยัดงบได้ถึง 2,269 ล้าน เชื่อจะประหยัดได้อีกหลายหมื่นล้าน ชูผลงานชิ้นโบแดง กล้าล้มประมูลเดิมแล้วทำให้โปร่งใส ขอให้กำลังใจ

วันนี้ (5 ส.ค.) เครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก Samart Ratchapolsitte ของ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เขียนข้อความระบุว่า หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ใช้อำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 เพื่อปรับปรุงการบริหารงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างขึ้นมาเพื่อกำกับ เร่งรัด ติดตาม และตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐที่มีวงเงินตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทขึ้นไป ให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ทั้งนี้ ได้เน้นหนักไปที่การประมูลก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ทำให้การประมูลโครงการรถไฟทางคู่ 5 โครงการ ซึ่งอยู่ในระหว่างการประมูลในขณะนั้น และตนได้ตั้งข้อสังเกตว่า มีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นในการประมูลถูกยกเลิกไป

นายสามารถ ระบุว่า โครงการรถไฟทางคู่ทั้ง 5 โครงการ ประกอบด้วย (1) รถไฟทางคู่เส้นทางนครปฐม - หัวหิน (2) เส้นทางหัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ (3) เส้นทางประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร (4) เส้นทางลพบุรี -
ปากน้ำโพ และ (5) เส้นทางมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ ทั้งนี้ ในการประมูลใหม่ตนได้เสนอแนะให้คณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างพิจารณาดำเนินการดังนี้ 1. ทบทวนราคากลางของทั้ง 5 โครงการ ให้ละเอียดรอบคอบทุกรายการ เพราะมีบางรายการที่ ร.ฟ.ท. กำหนดราคากลางสูงเกินความเป็นจริง 2. แบ่งงานก่อสร้างออกเป็นตอนๆ เพื่อให้ผู้รับเหมาขนาดกลางสามารถเข้าแข่งขันกับผู้รับเหมาขนาดใหญ่ได้ ซึ่งจะทำให้ค่าก่อสร้างถูกลง ช่วยประหยัดงบประมาณได้จำนวนมาก 3. ทบทวนข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง (Terms of Reference) หรือ ทีโออาร์ รวมทั้งข้อกำหนดทางเทคนิค (Specifications) หรือสเปก ให้มีความเป็นธรรม ไม่มีการล็อกสเปกให้ผู้รับเหมารายหนึ่งรายใด ซึ่งจะทำให้มีการแข่งขันกันอย่างจริงจัง ส่งผลให้ประหยัดงบประมาณได้

“ขณะนี้ การรถไฟฯ ได้ดำเนินการประมูลโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ เสร็จแล้ว ซึ่งในการประมูลครั้งใหม่นี้มีการปรับลดราคากลางลงมาจากเดิม 8,076 ล้านบาท (ไม่รวมระบบอาณัติสัญญาณและเครื่องมืออุปกรณ์ก่อสร้างทางรถไฟ ซึ่งถูกแยกออกไป) เป็น 7,305 ล้านบาท และเปิดโอกาสให้ผู้รับเหมาขนาดกลางเข้าร่วมแข่งขันได้ ทำให้มีการแข่งขันทั้งด้านคุณภาพและราคา ปรากฏว่า บริษัทที่ชนะการประมูลเสนอราคา 5,807 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลางถึง 1,498 ล้านบาท (7,305 - 5,807) หรือ คิดเป็น 20.5%” นายสามารถ ระบุ

นายสามารถ ระบุว่า หากเปรียบเทียบกับราคากลางเดิม จะพบว่า การประมูลครั้งใหม่ประหยัดงบประมาณได้ถึง 2,269 ล้านบาท (8,076 - 5,807) นี่เป็นแค่เพียงโครงการเดียวยังสามารถประหยัดงบประมาณได้ถึง 2,269 ล้านบาท ถ้าหลายโครงการรวมกันงบประมาณที่จะสามารถประหยัดได้ก็จะเป็นจำนวนมากมายมหาศาล เมื่อเปรียบเทียบกับผลการประมูลรถไฟทางคู่ 2 โครงการ อันประกอบด้วยเส้นทางชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น และเส้นทางฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย ซึ่งประมูลก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้อำนาจตามความในมาตรา 44 แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างขึ้นมา ทำให้ผู้รับเหมาขนาดกลางไม่สามารถเข้าร่วมประมูลได้ ปรากฏว่าบริษัทผู้ชนะการประมูลเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเพียงแค่ 0.75% และ 2.77% ตามลำดับเท่านั้น

“นั่นคือ ผลดีที่เกิดจากการประมูลใหม่โดยมีการปรับลดราคากลางและปรับแก้ทีโออาร์ ซึ่งทีโออาร์ใหม่เปิดโอกาสให้ผู้รับเหมาขนาดกลางเข้าร่วมแข่งขันได้ ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างจริงจัง ส่งผลให้การรถไฟฯ สามารถก่อสร้างรถไฟทางคู่ได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคากลางมาก เป็นการประหยัดงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งต่อจากนี้ไปเรายังจะต้องก่อสร้างรถไฟทางคู่อีกจำนวนมาก ดังนั้น งบประมาณที่จะสามารถประหยัดได้จะเป็นจำนวนมากนับหลายหมื่นล้านบาท” นายสามารถ ระบุ

นายสามารถ ระบุว่า การประมูลโครงการรถไฟทางคู่ที่สามารถประหยัดงบประมาณได้จำนวนมากนั้นนับว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่หาญกล้ายกเลิกการประมูลเดิม และทำให้การประมูลใหม่มีความโปร่งใส ซึ่งนำไปสู่การแข่งขันกันอย่างจริงจัง ขอเป็นกำลังใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดำเนินการเช่นนี้กับโครงการอื่นต่อไป แล้วเราจะมีงบประมาณเหลือจากการก่อสร้างจำนวนมาก ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการก่อสร้างโครงการอื่นๆ ที่จำเป็นในถิ่นทุรกันดารได้ เช่น โรงพยาบาล และ โรงเรียน เป็นต้น

[Mongwin]

ร.ฟ.ท.เซ็น 10 สัญญา 5 ทางคู่ เริ่มสิงหาคม-ตุลาคมรวมมูลค่ากว่าแสนล้าน
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1938892572791465&set=a.213819491965457.68088.100000122231436