Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311394
ทั่วไป:13307152
ทั้งหมด:13618546
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 19, 20, 21 ... 392, 393, 394  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
black_express
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006
Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ

PostPosted: 19/04/2010 12:42 pm    Post subject: Reply with quote

ผมกำลังคิดอยู่ว่า ในอนาคต เราคงลงจากขบวนรถไฟตรงที่ใดสักแห่ง แล้วเดินขึ้นบันไดไปดูผาเสด็จ Razz

ภาพจากเรา จะกลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ก็คราวนี้แหละ
Back to top
View user's profile Send private message
pichit
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 01/02/2010
Posts: 38
Location: ขอนแก่น-สระบุรี

PostPosted: 19/04/2010 10:13 pm    Post subject: Reply with quote

การคมนาคม คงจะดีขึ้นมากเลยทีเดียวนะครับ โดยเฉพาะการขนส่งสินค้า มองในแง่ดีก็ช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองต่อไปครับ หากในแง่ร้ายๆ ใน รฟท.เองก็ต้องให้กำลังใจกันต่อไปครับ งานนี้คนไทยร่วมอยู่ ร่วมเจริญครับ Very Happy
_________________
Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
Compressor
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 05/12/2007
Posts: 1775
Location: ตลอดปลายทางอุบลราชธานี

PostPosted: 20/04/2010 1:01 am    Post subject: Reply with quote

สำหรับผม ในฐานะผู้ใช้เส้นทางสายนี้เป็นประจำ ขอเลือกในรูปแบบใดก็ได้ครับ แต่ขอให้มันเสร็จ ไม่ใช่สร้างแล้วค้างเติ่งเหมือนสโตนเฮนจ์เมืองไทยก็พอ Embarassed

ปัจจุับัน แต่มาบกะเบา-ราชสีมา มีปริมาณเดินรถเกือบจะเต็มความจุทาง และมีขบวนรถสายหนองคายทั้งสินค้าและโดยสารมาเดินร่วมด้วย ซึ่งหากมองไปที่ด้านเวลาเดินรถของขบวนที่ย้ายมาจากสายลำนารายณ์ ก็จะเป็นการปรับแก้ไขชั่วคราว ระบุเพียงแค่ให้ระมัดระวังการจัดหลีกกับขบวนรถอื่นที่วิ่งอยู่เดิม ทำให้รถทั้งสายหนองคายและสายอุบลฯเสียเวลาเพิ่มมากขึ้น
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail Visit poster's website MSN Messenger
digimontamer
3rd Class Pass (Air)
3rd Class Pass (Air)


Joined: 12/05/2009
Posts: 487

PostPosted: 20/04/2010 4:57 pm    Post subject: Reply with quote

เห็นด้วยกับท่าน Compressor เลยครับ อยากให้ทางคู่ช่วง แก่งคอย-ชุมทางถนนจิระ สำเร็จอย่างรวดเร็วมากๆ เพราะจะลดระยะเวลาในการเดินทางลงได้ไม่น้อยเลย

อีกสายก็ขอทางคู่ต่อจากนครปฐมไปถึงหนองปลาดุกได้ก็วิเศษแล้วสำหรับพวกที่เน้นนั่งไม่ไกลเกินเพชรบุรีแบบผม หุหุ
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 45102
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 30/04/2010 5:33 pm    Post subject: Reply with quote

สนข. เปิดเวทีฟังความคิดเห็นประชาชนตามแนวเส้นทางนครปฐม-หัวหิน


หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 30 เม.ย.53 - นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงานสัมมนารับฟังความคิดเห็นตามแนวเส้นทาง ครั้งที่ 1:สายใต้ โครงการ “การศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นระบบรถไฟรางคู่ เพื่อการขนส่งและการจัดการโลจิสติกส์ (ระยะที่ 1)” เพื่อนำเสนอข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และนำผลที่ได้มาประกอบผลการศึกษาความเหมาะสมและการออกแบบรายละเอียดของ โครงการ โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรอิสระ และสถาบันการศึกษา ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 200 คน

โดยนายโสภณ กล่าวว่า สำหรับการสัมมนาครั้งนี้ ได้นำเสนอผลการศึกษาความเหมาะสมโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ การคัดเลือกแนวเส้นทาง รูปแบบโครงสร้างทางวิ่ง รูปแบบสถานีและย่านสถานี การแก้ไขจุดตัดทางรถไฟ การจัดทำโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อเชื่อมโยงกับระบบขนส่งอื่นได้อย่าง มีประสิทธิภาพ รวมทั้งผลการศึกษาด้านวิศวกรรม ผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ สังคม และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อความเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อโครงการ

สำหรับการพัฒนาเส้นทางรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร เมื่อแล้วเสร็จ จะช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางจากกรุงเทพฯ-หัวหิน จะใช้เวลาจากเดิม 3 ชั่วโมงครึ่ง เหลือเพียงประมาณ 2 ชั่วโมง เพิ่มปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร จาก 5.5 ล้านคนต่อปี เป็น 12 ล้านคนต่อปี และเพิ่มการขนส่งสินค้าจาก 1 ล้านตันต่อปี เป็น 1.5 ล้านตันต่อปี ในปี 2558 จะช่วยแก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟ ลดอุบัติเหตุอันเกิดจากการขนส่ง ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มความถี่และความเร็วในการให้บริการ รวดเร็ว ปลอดภัย และตรงต่อเวลา

ทั้งนี้ การศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นระบบรถไฟรางคู่ เพื่อการขนส่งและการจัดการโลจิสติกส์ (ระยะที่ 1) สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 เห็นชอบมติคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 5/2553 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2553 ซึ่งเห็นชอบแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2553-2558 ภายใต้กรอบวงเงิน 176, 808 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งนำมาลงทุนพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่ 843 กม. ใน 6 ช่วง ได้แก่
1.ช่วงแก่งคอย-คลองสิบเก้า-ฉะเชิงเทรา ระยะทาง 106 กม.
2.ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม.
3.ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 184 กม.
4.ช่วงลพบุรี-นครสวรรค์ ระยะทาง 118 กม.
5.ช่วงนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. และ
6.ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 166 กม.

โดยการศึกษาฯ จะดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นใน 3 เส้นทางที่จำเป็นเร่งด่วน ได้แก่ ช่วงมาบกระเบา-นครราชสีมา ช่วงลพบุรี-นครสวรรค์ และช่วงนครปฐม-หัวหิน รวมระยะทาง 415 กิโลเมตร

สำหรับการสัมมนารับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 เพื่อสรุปผลการศึกษาตามแนวเส้นทางโครงการในภาคเหนือ อีสาน และภาคใต้ กำหนดไว้จะจัดประมาณเดือนกรกฎาคม 2553 ต่อไป .-สำนักข่าวไทย
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42830
Location: NECTEC

PostPosted: 09/05/2010 2:28 am    Post subject: Reply with quote

“โสภณ”เร่งรางคู่เหนือ-ใต้-อีสาน เอกชนหนุนเชื่อมทางน้ำ-ถนน
โดย ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ 6 พฤษภาคม 2553 14:29 น.

แม้สถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองจะทวีความร้อนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่โสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ยังเดินหน้าสั่งการให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)ศึกษารายละเอียด กำหนดเส้นทาง ความเหมาะสม ตามนโยบายรัฐบาลที่ประกาศว่าจะขยายเส้นทางการขนส่งทางรางให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะรถไฟรางคู่ที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยพยายามผลักดันให้เกิดการพัฒนาแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

ภายใต้การนำของโสภณ จึงเร่งรัดให้เกิดการลงทุนในโครงการรถไฟรางคู่ ภายใต้กรอบเงินลงทุน 89,279 ล้านบาท โดยโสภณบอกว่าหากเส้นทางรถไฟรางคู่แล้วเสร็จประชาชนจะได้รับประโยชน์ในการเดินทาง แต่อานิสงค์ทางอ้อมที่โสภณและพรรคภูมิใจไทยจะได้รับคือ ผลงาน เพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งต่อไป ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่โสภณจะเดินสายทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่รถไฟทางคู่พาดผ่าน ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางประจวบคีรีขันธ์ นครปฐม ลพบุรี เป็นต้น

“เส้นทางรถไฟรางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. มูลค่า 16,600 ล้านบาท เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยลดเวลาในการเดินทางจากกรุงเทพมหานคร(กทม.)-หัวหิน จากเดิม 3 ชม.ครึ่ง เหลือเพียง 2 ชม. และเพิ่มปริมาณการขนส่งคนจาก 5.5 ล้านคน เพิ่มเป็น12 ล้านคน ส่วนการขนส่งสินค้าจาก 1 ล้านตัน เพิ่มเป็น1.5ล้านตัน ในปี 2558 รวมถึงช่วยแก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟลดอุบัติเหตุที่เกิดจากการขนส่งอีกด้วย ทั้งนี้เส้นทางดังกล่าวให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ 14.5 % ” โสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าว

ในขณะที่ภาคเอกชนในหัวหิน กล่าวว่า การพัฒนาเส้นทางรถไฟรางคู่ หากเกิดขึ้นจริงและเป็นรูปธรรมย่อมส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ ทั้งการขนส่ง การท่องเที่ยว และการเดินทางที่รวดเร็ว เพราะในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ ส่วนหนึ่งเดินทางด้วยทางรถไฟจากกรุงเทพ-หัวหิน อยู่แล้ว แต่ทั้งนี้รถไฟรางคู่จะเกิดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

ด้านภาคประชาชนที่เข้าร่วมรับฟังความเห็นต่างเห็นด้วยกับการก่อสร้างรถไฟรางคู่ เพียงแต่ต้องการให้มีการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนระบบอื่นๆด้วย เช่น ทางเรือ ทางถนน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ระบบขนส่งมวลชนระบบอื่นๆ ได้สะดวกมากขึ้น

สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า หลังจากนี้สนข.จะเดินสายทำความเข้าใจกับประชาชนในจังหวัด นครสววรค์ นครปฐม ราชบุรี เพื่อรับฟังความเห็นจากประชาชน และจากการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้น ในโครงการระบบรถไฟรางคู่ เพื่อการขนส่งและการจัดการโลจิสติกส์ (ระยะที่1) พบว่ามี 3 เส้นทางที่มีศักยภาพในการรองรับปริมาณผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า รวมถึงเชื่อมโยงสู่การขนส่งระบบอื่นๆ เพื่อการพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศ โดยประกอบด้วย

1. สายเหนือ ช่วงลพบุรี-นครสวรรค์ ระยะทาง 118 กม. มูลค่า 7,860 ล้านบาท สนข.ได้ศึกษาเปรียบเทียบ 2 เส้นทางหลัก คือ

1.1 แนวเส้นทางเลี่ยงเมืองลพบุรี และ
1.2 แนวเส้นทางรถไฟเดิม

ข้อสรุป: แนวเส้นทางเลี่ยงเมืองมีความเหมาะสมที่สุด โดยแนวเส้นทางจะเบี่ยงซ้ายห่างจากถนนเลี่ยงเมืองลพบุรีประมาณ 2 กม. ตัดผ่านถนนทางหลวงหมายเลข 3196 และ311 (ลพบุรี-สิงห์บุรี) ที่อำเภอท่าวุ้งและไปบรรจบที่สถานีรถไฟท่าแคตามแนวเส้นทางรถไฟเดิม โดยมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่18.9 %

ทั้งนี้ แนวเส้นทางดังกล่าว มีข้อดี คือ เลี่ยงผลกระทบที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อแหล่งประวัติศาสตร์และโบราณสถานที่มีคุณค่า โดยหากเลือกแนวเส้นทางรถไฟเดิมจะต้องผ่านตัวเมืองลพบุรี ผ่านพระปรางค์สามยอด และวัดอื่นๆรวม 6 แห่ง และยังสามารถพัฒนาเมืองใหม่และง่ายต่อการบำรุงรักษาและการก่อสร้าง ส่วนข้อเสียต้องเวนคืนที่ดินประมาณ 722 ไร่ บ้านเรือนประมาณ 30 หลังคาเรือน

2. สายตะวันออกเฉียงเหนือช่วงมาบกะเบา-นครราชสีมา ระยะทาง 130 กม. มูลค่า11,640ล้านบาท

ได้ข้อสรุปว่า แนวเส้นทางรถไฟเดิมมีความเหมาะสมที่สุด ข้อดี คือ ไม่มีการเวนคืนที่ดิน แต่มีข้อด้อย คือ ผ่านพื้นที่อ่อนไหว ทั้งพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ 1บี และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ รวมทั้งพื้นที่บางจุดต้องมีการปรับระดับเพื่อลดความชันจาก 24 ในพัน เป็น ไม่เกิน 12 ในพัน ซึ่งทำทางยกระดับหรืออุโมงค์ด้วย

3. สายใต้ ช่วง นครปฐม-หัวหิน ซึ่งใช้เวลาศึกษา ออกแบบรายละเอียด 1 ปี หลังจากนั้นจึงประกวดราคาหาผู้รับเหมาและพร้อมก่อสร้างในปี2554 และแล้วเสร็จในปี2558

ทั้งนี้การศึกษาความเหมาะสมดังกล่าว สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2553 เห็นชอบมติครม.เศรษฐกิจ ครั้งที่ 5/2553 เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2553 ซึ่งเห็นชอบแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2553-2558 ภายใต้กรอบวงเงิน 176,808 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งนำมาลงทุนพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่ 843 กม. ใน 6 ช่วง ได้แก่

1ช่วงแก่งคอย-คลองสิบเก้า-ฉะเชิงเทรา ระยะทาง 106 กม.
2 ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม.
3 ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 184 กม.
4 ช่วงลพบุรี-นครสวรรค์ ระยะทาง 118 กม.
5ช่วงนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. และ
6 ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 166 กม.
Back to top
View user's profile Send private message
Gunnersaurus
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 29/03/2006
Posts: 1574
Location: เมืองช้าง

PostPosted: 09/05/2010 6:43 am    Post subject: Reply with quote

อยากให้ทางคู่สายนครปฐม-หัวหินสำเร็จเร็วๆ จริงๆ เห็นไอ้สิ่งก่อสร้างตรงสถานีสนามจันทร์แล้วขัดสายตาจะได้โดนรื้อไปเร็วๆ ซะ.
Back to top
View user's profile Send private message
pattharachai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 6536
Location: ราชอาณาจักรไทย

PostPosted: 09/05/2010 7:36 am    Post subject: Reply with quote

Gunnersaurus wrote:
อยากให้ทางคู่สายนครปฐม-หัวหินสำเร็จเร็วๆ จริงๆ เห็นไอ้สิ่งก่อสร้างตรงสถานีสนามจันทร์แล้วขัดสายตาจะได้โดนรื้อไปเร็วๆ ซะ.


โครงการไนท์บาร์ซาอะไรนั่นดูแล้วไม่น่าจะเวิร์คครับ วันก่อนขี่รถผ่านไปดู ปรากฏว่ามีคนเข้ามาตกแต่งร้าน ติดประตูกระจกเป็นห้องแอร์อยู่ 1-2 ห้องเท่านั้น แสดงว่าคนมาซื้อโครงการก้ไม่ได้มากมายอะไร ทำเลแถวนั้นมันไม่ใช่ย่านสัญจรพลุกพล่านเหมือนในตลาด และแถมนครปฐมมันไม่เหมือน กทม.ที่ดึกดื่นเที่ยงคืนเมืองยังคึกคัก สามทุ่มสี่ทุ่มก็เงียบกริบแล้ว ยิ่งจะมาเปิดตลาด 24 ชั่วโมง ไม่รู้เจ้าของโปรเจคก์คิดได้ไง
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail Visit poster's website
headtrack
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/05/2009
Posts: 1627
Location: ละแวกภาคกลางตอนบน และภาคเหนือตอนล่าง

PostPosted: 09/05/2010 7:43 am    Post subject: Reply with quote

pattharachai wrote:
โครงการไนท์บาร์ซาอะไรนั่นดูแล้วไม่น่าจะเวิร์คครับ วันก่อนขี่รถผ่านไปดู ปรากฏว่ามีคนเข้ามาตกแต่งร้าน ติดประตูกระจกเป็นห้องแอร์อยู่ 1-2 ห้องเท่านั้น แสดงว่าคนมาซื้อโครงการก้ไม่ได้มากมายอะไร ทำเลแถวนั้นมันไม่ใช่ย่านสัญจรพลุกพล่านเหมือนในตลาด และแถมนครปฐมมันไม่เหมือน กทม.ที่ดึกดื่นเที่ยงคืนเมืองยังคึกคัก สามทุ่มสี่ทุ่มก็เงียบกริบแล้ว ยิ่งจะมาเปิดตลาด 24 ชั่วโมง ไม่รู้เจ้าของโปรเจคก์คิดได้ไง


ท่านคิดถูกของท่านแล้วล่ะครับ อาจจะสร้างขึ้นมา "เพื่อประโยชน์ทางอ้อม" Shocked Twisted Evil ก็ได้
_________________
Click on the image for full size
Find me on Instagram: @632knongtsaikhaow
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42830
Location: NECTEC

PostPosted: 03/06/2010 9:40 am    Post subject: รางคู่แก่งคอย - คลอง 19 สะดุดเสียแล้ว Reply with quote

รางคู่คลองสิบเก้า-แก่งคอยสะดุด
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
หน้า อสังหา Real Estate - อสังหาฯ-คมนาคม
ออนไลน์ วันอังคารที่ 1 มิถุนายน 2553 เวลา 10:31 น.
พิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,536 3-5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

รถไฟรางคู่คลองสิบเก้า-แก่งคอย มูลค่ากว่า 1.1 หมื่นล้านบาท สะดุดการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมยังไม่ผ่าน เหตุสร้างอุโมงค์พระพุทธฉายผ่านป่าอนุรักษ์และพื้นที่ลุ่มน้ำ A1 มีปัญหา เผยแผนเดิมยังต้องประมูลตั้งแต่ปี 52 ด้าน "ยุทธนา ทัพเจริญ" ยันถ้าผ่านใน 1-2 เดือน ขายซองได้แน่ตุลาคมนี้ แจงมีความสำคัญในการขนสินค้าจากอีสานสู่ท่าเรือแหลมฉบัง

แหล่งข่าวระดับสูงของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ช่วงคลองสิบเก้า-แก่งคอย มูลค่ากว่า 11,348 ล้านบาท ระยะทาง 106 กิโลเมตรประสบปัญหาการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม แม้เจ้าหน้าที่ร.ฟ.ท.และตัวแทนบริษัทที่ปรึกษาจะประชุมชี้แจงรายละเอียดร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ส.ผ.) หลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ผ่านการพิจารณาจึงส่งผลให้โครงการนี้เกิดความล่าช้าจากที่กำหนดที่เดิมจะเปิดประมูลก่อสร้างในปี 2552 แต่ต้องเลื่อนเป็นปี 2553 แม้งบลงทุนจะผ่านการอนุมัติในหลักการจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) แล้วก็ตาม

โดยพื้นที่ซึ่งเป็นปมปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมคือที่จุดการก่อสร้างอุโมงค์บริเวณเขาพระพุทธฉาย จังหวัดสระบุรี แนวการก่อสร้างจะขนานไปกับอุโมงค์เดิมที่กิโลเมตรที่ 147+100 ถึงกิโลเมตรที่ 148+307 ระยะทาง 1.2 กิโลเมตร ตลอดจนจุดก่อสร้างสถานีเพิ่มเติม 1 แห่งที่สถานีไผ่นาบุญ ช่วงกิโลเมตร 162+819 ระหว่างสถานีบุใหญ่ และสถานีแก่งคอย เพื่อใช้เป็นสถานีควบคุมระบบอาณัติสัญญาณซึ่งต้องผ่านป่าอนุรักษ์ธรรมชาติ และแนวก่อสร้างยังต้องผ่านพื้นที่ลุ่มน้ำ A1 หลายแห่งด้วยกัน

" เรื่องนี้จะมีการประชุมอีกครั้งระหว่าง สผ.และการรถไฟฯในเร็ว ๆนี้ เพื่อหาข้อสรุปโดยเร็ว หลังจากที่โครงการได้ล่าช้าข้ามปี" แหล่งข่าวกล่าวและระบุว่า โครงการนี้เป็นการสร้างทางรถไฟสายใหม่ 1 สายทาง คู่ขนานไปกับทางรถไฟสายเดิม โดยจะต้องเวนคืนที่ดิน 119 ไร่ ซึ่งเริ่มต้นจากสถานีฉะเชิงเทรา ผ่านสถานีบางน้ำเปรี้ยว สถานีคลองสิบเก้า แล้วแยกขนานไปกับทางรถไฟสายคลองสิบเก้า-แก่งคอย ผ่านสถานีองครักษ์ วิหารแดง บุใหญ่ สิ้นสุดปลายทางที่สถานีแก่งคอย รวมระยะทาง 106 กิโลเมตร ผ่าน 3 จังหวัดคือ ฉะเชิงเทรา นครนายก และสระบุรี

ด้านนายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. เปิดเผยว่าขณะนี้การออกแบบและจัดทำแบบรายละเอียด TOR เสร็จแล้ว แต่ติดปัญหาเรื่องการขออนุญาตด้านสิ่งแวดล้อมจึงไม่สามารถขายซองประกวดราคาก่อสร้างได้ แต่ถ้าหากใน 1-2 เดือนนี้ผ่านการอนุมัติด้านสิ่งแวดล้อมก็คาดว่า ภายในเดือนตุลาคมนี้น่าจะเริ่มขายซองประกวดราคาได้และก่อสร้างในปีหน้า โดยแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 สัญญาคือ สัญญาก่อสร้างและวางระบบ

อีกทั้งโครงการนี้ ถือเป็นเส้นทางการขนส่งหลักในการเชื่อมโยงการขนส่งระบบรางจากภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเชื่อมต่อไปยังพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก เข้าสู่ท่าเรือแหลมฉบังและสนับสนุนการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยโครงการนี้จะใช้เวลาการเวนคืนที่ดินประมาณ 15 เดือน จัดประกวดราคา 7 เดือน ก่อสร้างและติดตั้งระบบ 36 เดือน หรือประมาณ 3 ปีเศษ

โดยโครงการนี้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีเห็นว่าเมื่อ ร.ฟ.ท.จะทำรางคู่สายอื่นอยู่แล้วควรจะนำสายนี้รวมเข้าไป ในแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางของการรถไฟแห่งประเทศไทยภายใต้กรอบวงเงินรวม 176,808 ล้านบาท ซึ่งมี 5 เส้น รวมระยะทาง 767 กิโลเมตร ภายใต้งบประมาณ 66,110 ล้านบาท
ก่อนหน้านั้นสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)ได้คัดเลือกที่จะผลักดันในระยะเร่งด่วนโดยจะประกาศขายซองประกวดราคาได้ช่วงปลายปี 2553 ก่อนจำนวน 3 เส้นทาง คือ สายเหนือ ช่วงลพบุรี-นครสวรรค์ สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-นครราชสีมา และสายใต้ ช่วงนครปฐม-หัวหิน รวมทั้งสิ้น 415 กิโลเมตรภายใต้วงเงินลงทุน 36,100 ล้านบาท โดยทั้ง 3 เส้นทางขณะนี้อยู่ในช่วงการออกแบบศึกษาความเหมาะสม ซึ่งกำหนดจะเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมศกนี้
ส่วนอีก 2 เส้นทางคือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร วงเงินงบประมาณ 13,010 ล้านบาท และสายใต้ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงินงบประมาณ 17,000 ล้านบาท
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 19, 20, 21 ... 392, 393, 394  Next
Page 20 of 394

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©