รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่

[Mongwin]

[Mongwin]

“โสภณ” ประชุมสัญจรท่าเรือแหลมฉบัง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 ธันวาคม 2553 16:29 น.

ศูนย์ข่าวศรีราชา- “โสภณ” จัดประชุมสัญจรท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟรางคู่ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง

วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมสวัสดิการท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงคมนาคม, อธิบดีกรมการหลวง, อธิบดีกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี, ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ฯลฯ ได้เดินทางมาประชุมสัญจรดังกล่าว เพื่อมาติดตามเร่งรัดรถไฟรางคู่ จากฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าประมาณ 75% แล้ว ในระยะทาง 75 กิโลเมตร เพื่อให้ทันตามแผนงานที่วางไว้ในเดือนมีนาคม นี้

สำหรับรางรถไฟรางคู่ หากฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง เสร็จ ทางการท่าเรือจะต้องมีรางรถไฟมารองรับ โดยในส่วนนี้ทางการท่าเรือแหลมฉบัง จะเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด จึงได้เดินทางมาเร่งเพื่อให้ทั้ง 2 โครงการสามารถเชื่อมต่อกันได้ทันท่วงที

นายโสภณ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของรางรถไฟ ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการ แต่ในส่วนของหัวรถจักรและแคร่ ขนส่งตู้สินค้านั้น ก็ได้ประสานการรถไฟฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับ ซึ่งปัจจุบันรางรถไฟเป็นแบบมิเตอร์ โดยจะหาหัวรถจักรดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยาก ซึ่งเรื่องนี้อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง โดยนำหัวรถจักรเก่าๆ มาปรับปรุงซ่อมแซมใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนนโยบาย โดยจะต้องไปพิจารณาอีกครั้ง

สำหรับหัวรถไฟในความเป็นจริง จะต้องจัดซื้อจัดจ้างทั้งสิ้น 20 คัน แต่ขณะนี้ ครม.อนุมัติแล้ว ให้ซื้อจำนวน 7 คัน แต่การจัดซื้อจัดจ้างจะต้องใช้ระยะเวลาอีก 2 ปี ถึงจะได้ เนื่องจากจะต้องมีโรงงานโดยเฉพาะ ถึงจะรับประกอบให้ ดังนั้น ควรจะต้องนำของเก่ามาปรับปรุงซ่อมแซมและใช้ไปก่อน เพื่อให้ทันกับแผนงานที่วางไว้

-------------------------------------
“โสภณ” อัดโครงการรถไฟรางคู่แหลมฉบังอืด จี้ต้องเสร็จ มี.ค.ปีหน้า
วันพุธ ที่ 22 ธ.ค. 2553

ชลบุรี 22 ธ.ค. - รมว.คมนาคม ตรวจความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ สายฉะเชิงเทรา-ท่าเรือแหลมฉบัง พบล่าช้ากว่ากำหนด จี้ให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค.54



นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางไปติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ สายฉะเชิงเทรา-ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะทางกว่า 78 กิโลเมตร เพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้าทางรางในพื้นที่ภาคตะวันออก และลดการระบายตู้สินค้าที่ขนถ่ายผ่านท่าเรือแหลมฉบังเข้าสู่คลังสินค้าในพื้นที่ลาดกระบังและเขตปริมณฑล แต่จากการติดตามความคืบหน้าในการก่อสร้าง พบว่ามีความล่าช้าจากกำหนดเดิมที่จะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2553

ทั้งนี้ นายโสภณ กล่าวว่า จะเร่งรัดให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ สายฉะเชิงเทรา-ท่าเรือแหลมฉบัง ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2554 ให้ได้ ส่วนการจัดสร้างสถานีรับตู้สินค้าในท่าเรือแหลมฉบัง ก็จะช่วยผลักดันให้ทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็วเช่นกัน. - สำนักข่าวไทย

[kikoo]

^
รถจักรสำหรับใช้บนรางกว้าง1.000m. มันหายากขนาดนั้นเลยรึครับ?
_________________
ความคืบหน้าโครงการปรับปรุงทางช่วงที่วัง-กันตัง
http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=5618

[nop2]

[CENTENNIAL]

ต้องบอกว่ารถจักรดีเซลสำหรับใช้กับราง 1 เมตร น้ำหนักกดเพลา 15 ตัน หรือ 20 ตัน ค่อนข้างหายากครับ ไม่มีตัวที่ออกแบบไว้แล้วเลย
ยกเว้นจากจีน ที่ขายให้ประเทศอื่นอยู่เรื่อยๆ

[Mongwin]

รถจักรแบบที่จีนขายให้พม่า ใช้ได้ไหมครับ

--------------------------------------------------------------

จี้คมนาคมอัดงบ 2.5 พันล้าน พัฒนาศูนย์ขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 21:42:05 น.

นายเฉลิมเกียรติ สลักคำ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบังเปิดเผยภายหลังนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคมเดินทางมาตรวจเยี่ยมว่า ต้องการให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง เนื่องจากขณะนี้พื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังในส่วนที่รับตู้สินค้าหนาแน่นมาก โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนในโครงการดังกล่าวประมาณ 2,570 ล้านบาท

ด้านนายโสภณ กล่าวว่า มอบหมายให้ท่าเรือแหลมฉบังจัดทำรายละเอียดโครงการมาให้ครบถ้วน เพื่อเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาและดำเนินโครงการดังกล่าว รวมทั้งยังได้รับทราบความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ช่วง ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง ซึ่งล่าช้ากว่าแผนกว่า 20% เนื่องจากปัญหาการระเบิดหิน โดยเร่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) แก้ปัญหาด่วนและเร่งรัดให้ดำเนินการตามแผน

"ร.ฟ.ท.ได้รายงานว่า จะกำหนดแล้วเสร็จ 4 มีนาคม 2554 ขณะนี้คาดว่าน่าจะเสร็จได้เพียง 95% โดยเฉพาะระบบอาณัติสัญญาณ ซึ่งขณะนี้ให้ ร.ฟ.ท.เร่งแก้ไขปัญหาอยู่" นายโสภณกล่าว

-------------------------------------------


รฟท.โอดเอกชนระเบิดหินกระทบทางคู่เข้าท่าเรือแหลมฉบัง คาดเสร็จช้ากว่า 5-6 เดือน

สำนักข่าวไทย กรุงเทพฯ 22 ธ.ค. - ผู้ว่าการ รฟท. เผยเอกชนระเบิดหินส่งผลกระทบต่อการก่อสร้างทางคู่เข้าท่าเรือแหลมฉบัง คาดแล้วเสร็จล่าช้ากว่ากำหนดราว 5-6 เดือน

นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ความคืบหน้าการก่อสร้างทางคู่ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง คืบหน้ากว่าร้อยละ 90 และเดิม รฟท.ตั้งเป้าหมายว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ สามารถเปิดใช้งานตั้งแต่เดือนมีนาคม 2554 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ติดปัญหาเรื่องการดูแลเขตทางเดินรถ ช่วงกิโลเมตรที่ 110+500 บริเวณ อ.เมือง จ.ชลบุรี ซึ่งเขตทางเดินรถได้รับผลกระทบจากแหล่งระเบิดหิน และอาจกระทบต่อความปลอดภัยในการเดินรถได้ โดยพบว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากเอกชนรายหนึ่งที่ได้รับสัมปทานทำเหมืองหินตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อมีการระเบิดหินต่อเนื่อง ก็ทำให้เกิดเป็นรอยเหวลึก รุกล้ำเขตทางรถไฟ ซึ่งตามมาตรฐานจะต้องมีระยะ 40 เมตร นับจากตัวรางเดินรถ แต่ขณะนี้รอยแตกของเหวล้ำมาเหลือระยะห่างจากราง 5-6 เมตรเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ รฟท.ได้เข้าไปดำเนินคดีตามกฎหมายไปแล้วทุกทางที่สามารถทำได้

ทั้งนี้ ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว หากมีการย้ายรางให้พ้นระยะที่ไม่ปลอดภัยออกไป เบื้องต้นต้องมีการย้ายรางเป็นระยะ 1,400 เมตร เสียงบประมาณเพิ่มเติมอีกราว 100 ล้านบาท ที่สำคัญเชื่อว่าจะทำให้กำหนดการเปิดใช้โครงการรถไฟทางคู่ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง ล่าช้าออกไปอีก 6 เดือน ซึ่งเอกชนที่เป็นผู้ดำเนินโครงการก่อสร้างฯ อาจต้องทำเรื่องขอขยายเวลาแล้วเสร็จของงานออกไปจากผลกระทบดังกล่าว ซึ่ง รฟท.จะดูเหตุผลความจำเป็นในการขอขยายสัญญาอีกครั้ง

สำหรับการพัฒนารถไฟทางคู่เส้นทางดังกล่าวให้สามารถเชื่อมต่อถึงท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเรื่องนี้นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ให้นโยบาย รฟท. ร่วมมือกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) โดยรางคู่ที่ต่อจากจุดปลายทางที่ รฟท.ก่อสร้าง และเข้าไปในพื้นที่ของ กทท. ในส่วนนี้ กทท.จะเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างรางมาต่อเชื่อม ซึ่งเมื่อโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จ สามารถเปิดใช้โครงการร่วมกัน จะส่งผลดีต่อการขนส่งสินค้าสู่แหลมฉบัง และเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณการขนส่งทางรางในรถไฟสายตะวันออกได้เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันสินค้าที่ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง เป็นตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ปริมาณปีละ 1.7 ล้านทีอียู ใช้การขนส่งต่อเนื่องมาทางรางเพียง 4 ทีอียู/ปี เท่านั้น ซึ่งหากรถไฟทางคู่และเส้นทางเชื่อมต่อเข้าท่าเรือสมบูรณ์ สามารถมีปริมาณสินค้ามาใช้ระบบรางเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านทีอียู ก็ถือว่าน่าพอใจ. - สำนักข่าวไทย

[alderwood]

[nop2]

[Wisarut]

ทางคู่ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบังเลื่อนยาว ทำยอดขนส่งสินค้าไม่ถึงเป้า1ล้านตู้

โดย ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ 30 ธันวาคม 2553 16:27 น.


รถไฟรางคู่ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง เลื่อนเปิด6เดือนจากเดิมเปิด14มี.ค. เหตุเอกชนระเบิดหินใกล้เขตทางรถไฟ หวั่นเกิดโศกนาฏกรรม เร่งดำเนินตามกฏหมาย

การเร่งรัดพัฒนาระบบโลจิสติกส์เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งทางน้ำ ราง และถนน ให้เป็นรูปธรรม เป็นนโยบายที่กระทรวงคมนาคมดำเนินการ เพื่อลดต้นทุนการขนส่งของผู้ประกอบการ ซึ่งแผนการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) โดยการร่วมมือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ในการพัฒนาระบบสาธาณูปโภคไม่ว่าจะเป็นถนน รถไฟ เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางและการขนส่งสินค้าภาย ในท่าเรือแหลมฉบังโดยเฉพาะการขนส่งทางรางที่เป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนการขนส่ง

โครงการก่อสร้างรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ตอนฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง ระยะทาง 78 กม. มูลค่า 3,926 ล้านบาทของรฟท.เป็นอีกโครงการสำคัญที่กระทรวงคมนาคมมีแผนให้รฟท.ก่อสร้างเชื่อมกับท่าเรือแหลมฉบังนั้น กำลังประสบปัญหาในเรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากการระเบิดหินของเอกชนที่ส่งผลกระทบต่อชั้นหินจนเกิดการทรุดตัวใกล้บริเวณรางรถไฟ ซึ่งอาจส่งผลเสียหายกับรางรถไฟในอนาคตได้

ยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ( รฟท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการก่อสร้างทางคู่ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบังว่า ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 90 % ซึ่งตามแผนการเปิดใช้คือวันที่14มี.ค.2554 อาจต้องเลื่อนการเปิดใช้บริการไปอีก 6 เดือน เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการดูแลเขตทางเดินรถ ช่วงกิโลเมตร ที่ 110+500บริเวณอำเภอเมือง จังหวัดชลบุร ซึ่งเป็นเขตทางเดินรถ ที่ได้รับผลกระทบจาก แหล่งระเบิดหินของเอกชนรายใหญ่ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งรฟท.เกรงว่าจะกระทบต่อความปลอดภัยในการเดินรถได้

“ปัญหาดังกล่าว เกิดจากเอกชนรายหนึ่งที่ได้รับสัมปทานทำเหมืองหิน ซึ่งเมื่อมีการระเบิดหินอย่างต่อเนื่อง ย่อมส่งผลให้เกิดเป็นรอยเหวลึกรุกล้ำเขตทางรถไฟซึ่งตามมาตรฐานจะต้องมีระยะ 40 เมตร นับจากตัวรางเดินรถ แต่ปัจจุบันรอยแตกของเหว ล้ำมาเหลือระยะห่างจากราง 5-6 เมตรเท่านั้น ส่งผลให้รฟท.ต้องเข้าไปดำเนินคดี ตามกฎหมายกับเอกชนรายดังกล่าว”ยุทธนากล่าว

ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าว ทำให้รฟท.ต้องย้ายรางให้พ้นระยะที่ไม่ปลอดภัยออกไป อีก 1,400 เมตร เสียงบประมาณเพิ่มเติมอีกประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้แผนการเปิดใช้รถไฟทางคู่ฉะเชิงเทรา –ศรีราชา-แหลมฉบัง ล่าช้าออกไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน ผลกระทบจากการเลื่อนเปิดใช้บริการเส้นทางดังกล่าวคือ สูญเสียรายได้จากการขนส่งสินค้าที่จะส่งออกเพิ่มขึ้นจาก400,000ตู้เป็น1 ล้านตู้ก็ไม่สามารถทำได้ รวมถึงสูญเสียศักยภาพด้านการด้านแข่งขัน

สำหรับการพัฒนารถไฟทางคู่รถไฟทางคู่ฉะเชิงเทรา –ศรีราชา-แหลมฉบัง เป็นการเชื่อมต่อได้ถึงท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีวัตุประสงค์เพื่อต่อการขนส่งสินค้าสู่แหลมฉบังตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม โดยมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณการขนส่งทางราง ในรถไฟสายตะวันออกได้เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าที่ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง แบ่งเป็นตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ปริมาณปีละ 1.7 ล้านทีอียู ใช้การขนส่งต่อเนื่องมาทางราง เพียง 4 ทีอียู ต่อปีเท่านั้น ซึ่งหากรถไฟทางคู่และเส้นทางเชื่อมต่อเข้าท่าเรือสมบูรณ์ สามารถมีปริมาณสินค้ามาใช้ระบบรางเพิ่มขึ้น เป็น 1 ล้านทีอียู ก็ถือว่าน่าพอใจ ซึ่งจะทำให้รฟท.มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากนี้รฟท.ยังมีแผนจะดำเนินการก่อสร้างทางคู่โดยทำเป็นระบบปิดคือไม่มีจุดตัดรถไฟ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้รถไฟสามารถทำความเร็วได้ ซึ่งจะช่วยให้เกิดความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการ แต่อย่างไรก็ตาม รฟท.จะต้องประสานงานกับกรมทางหลวง(ทล.) กรมทางหลวงชนบท(ทช.)ในการจัดสร้างอุโมงค์ ทางลอด หรือทางยกระดับเพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย

[nathapong]