RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311296
ทั่วไป:13274311
ทั้งหมด:13585607
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 388, 389, 390, 391, 392  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44654
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 14/03/2024 7:08 pm    Post subject: Reply with quote

เม็ดเงินลงทุนก่อสร้างปี 67 โตชะลอ คาดโครงการภาครัฐเริ่มเบิกจ่าย H2
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Thursday, March 14, 2024 17:49

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มี.ค. 67)
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า มูลค่าการลงทุนก่อสร้างรวมปี 2567 จะอยู่ที่ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท ขยายตัว 1.9% จากปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 8% ของ GDP ทั้งนี้ แม้มูลค่าการลงทุนก่อสร้างรวมในปีนี้จะฟื้นตัวได้ แต่อัตราการเติบโตยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีช่วงก่อนโควิด-19 (ปี 57-61) ซึ่งอยู่ที่ระดับ 4.1%

สำหรับมูลค่าการลงทุนก่อสร้างภาครัฐ ซึ่งมีสัดส่วน 57% ของมูลค่าการลงทุนก่อสร้างรวม คาดว่าจะเติบโตที่ 2.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ว่ามูลค่าการลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปีอาจยังหดตัว แต่น่าจะกลับมาขยายตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปี จากงบประมาณประจำปี 2567 ที่คาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายได้เต็มที่ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้เป็นต้นไป

โดยโครงการก่อสร้างภาครัฐสำคัญที่มีแผนจะดำเนินการในปีนี้ เช่น โครงการรถไฟทางคู่ขอนแก่น-หนองคาย, โครงการทางพิเศษกะทู้-ป่าตอง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี เป็นต้น

ขณะที่การลงทุนก่อสร้างภาคเอกชน ซึ่งมีสัดส่วน 43% ของมูลค่าการลงทุนก่อสร้างรวม น่าจะเติบโตชะลอลงที่ 1.5% เทียบกับ 3.9% ในปีก่อน เป็นผลหลักจากการก่อสร้างโครงการเชิงพาณิชย์และพื้นที่ค้าปลีกที่มีเม็ดเงินลงทุนสูง เช่น โครงการ Mixed-use ห้างสรรพสินค้า ซึ่งสอดคล้องไปกับข้อมูลของ CBRE ที่รายงานว่า อุปทานพื้นที่ค้าปลีกในกรุงเทพฯ ณ ไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 2.9% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2567

ส่วนการก่อสร้างที่อยู่อาศัยนั้น ผู้ประกอบการยังคงระมัดระวังแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ ตามการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังมีปริมาณอุปทานสะสมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากกว่า 200,000 หน่วยมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความสามารถในการซื้อที่ลดลง ท่ามกลางความเข้มงวดในการให้สินเชื่อ และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง

นอกจากนี้ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างยังมีต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

- การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 2-16 บาท ไปอยู่ที่ 330-370 บาท ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.67 เป็นต้นมา และมีความเป็นไปได้ที่ภาครัฐจะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกรอบภายในปีนี้ ทำให้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่พึ่งพิงการใช้แรงงานสูง น่าจะมีต้นทุนการจ้างงานสูงขึ้นด้วย

- ต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่อยู่ในระดับสูง สะท้อนได้จากดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างรวมเฉลี่ยในช่วงปี 2565-2566 ที่เพิ่มขึ้นจากช่วงปี 2563-2564 ประมาณ 10% ในปี 2567 แม้ว่าในดัชนีราคาสินค้าหลัก อย่างเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กจะย่อลง จากอุปสงค์ที่ยังชะลอตัว แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับช่วงโควิด-19

โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา คงขุนเทียน
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44654
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 16/03/2024 8:57 am    Post subject: Reply with quote

สร้างเสร็จแล้ว100% สถานีมวกเหล็กใหม่ รถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ แต่เมื่อไหร่น้าาาจะได้เปิด
nanny official
Mar 16, 2024


https://www.youtube.com/watch?v=4FwuwKXP79c

***สถานีรถไฟมวกเหล็กใหม่ ตั้งอยู่ติดกับโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช มวกเหล็ก ห่างจากสถานรมวกเหล็กเดิม 3 ก.ม

เป็นสถานีขนาดกลาง 1ชั้นระดับดิน มีการออกแบบตามมาตรฐาน universal design ครอบคลุมผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม ส่วนชานชาลายกระดับประมาณ 10 เมตรจากระดับพื้น ยาว 400 เมตร มีบันไดทางขึ้นลง และลิฟต์เพื่อบริการระหว่างชานชาลา ระบบการจำหน่ายตั๋วโดยสารมี 2 ระบบ คือ ระบบจำหน่ายบัตรโดยสารปกติ และระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ ภายในสถานีเป็นระบบปิดมีระบบเครื่องกั้นเข้าออกในตัวสถานีรูปแบบเดียวกับรถไฟฟ้า ส่วนสถานีมวกเหล็กเดิม จะปรับเป็นป้ายหยุดรถ ค่ะ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44654
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 17/03/2024 8:11 am    Post subject: Reply with quote

บิ๊กรับเหมา 'CK-STEC'คึกคัก พ.ร.บ.งบประมาณปี 67 เข้าสภาฯสัปดาห์หน้า
Source - เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์
Friday, March 15, 2024 13:11

## ผ่าเกมหุ้นรับเหมา CK - STEC สัปดาห์หน้า พ.ร.บ.งบประมาณปี 67 เข้าสภาฯ พร้อมเปิดงานประมูลครึ่งปีหลังโครงการเมกะโปรเจคเพียบ รวมมูลค่ากว่าแสนล้านบาท โบรกมองสตอรี่บวกเฉพาะตัวแน่น

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น CK ปิดการซื้อขายเช้านี้(15 มี.ค. 2567) อยู่ที่ 24.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท คิดเป็น +1.67% มูลค่าการซื้อขาย 243.39 ล้านบาท

ราคาหุ้น STEC อยู่ที่ 10.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท คิดเป็น +3.85% มูลค่าการซื้อขาย 90.07 ล้านบาท

ราคาหุ้น CNT อยู่ที่ 1.62 บาท เพิ่มขึ้น 0.22 บาท คิดเป็น +15.71% มูลค่าการซื้อขาย 133.79 ล้านบาท

ราคาหุ้น BE8 อยู่ที่ 28.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท คิดเป็น +0.90% มูลค่าการซื้อขาย 29.58 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า หุ้น CK, STEC เคลื่อนไหวนำตลาด แรงหนุนสัปดาห์หน้าคาดงบประมาณปี 2024 จะเริ่มคืบหน้า โดย วันที่ 20-21 มี.ค. จะเป็นการพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 ของ ส.ส. หลังจากนั้น คาดเข้าสู่การพิจารณา ส.ว. และทูลเกล้า คาดเริ่มมีผลเบิกจ่ายได้ ต้นเดือน เม.ย. โดยโครงการใหญ่ที่จะคาดประมูลได้เร็วในช่วงครึ่งแรกปีนี้ คือ กลุ่มที่ ครม. อนุมัติไว้แล้ว รถไฟรางคู่ ช่วงขอนแก่น - หนองคาย (2.9 หมื่นล้านบาท) ทางด่วน จตุโชติ – ลำลูกกา (1.9 หมื่นล้านบาท)

เชิงกลยุทธ์ ฝ่ายฯมองกระแสลงทุนหุ้นได้ประโยชน์ภาครัฐฯกลับมาคึกคักชัดเจนในช่วงไตรมาส 2/67 ผสานหุ้นหลักในกลุ่มยังลงทุนได้ทั้งหมด ทั้ง CK ราคาเป้าหมาย 28 บาท STEC ราคาเป้าหมาย 12 บาท นอกจากนี้ ให้จับตาหุ้นกลุ่ม Digital Tech อย่าง BE8 ราคาเป้าหมาย 47 บาท ที่รับงานภาครัฐฯ คิดเป็น 30% ของรายได้ ทั้งนี้ นักลงทุนที่เน้นเก็งกำไรระยะสั้น ให้วางกรอบลงทุน ดังนี้

CK วางแนวรับ 23.7 / 23.1 บาท แนวต้าน 25.25 / 25.75 บาท Stop Loss 23 บาท

STEC วางแนวรับ 10.3 / 10.1 บาท แนวต้าน 11 / 11.4 บาท Stop Loss 9.95 บาท

BE8 วางแนวรับ 26.25 / 25.5 บาท แนวต้าน 28.25 / 29 บาท Stop Loss 25 บาท

รอเมกะโปรเจคครึ่งปีหลัง

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการ "บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC" ในไตรมาส 1/67 ฝ่ายฯคาดทรงตัวถึงเติบโตเล็กน้อย QoQ จากค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาที่จะลดลง แต่ยังชะลอลง YoY จาก GPM ที่อยู่ในระดับสูงในปีก่อน และบริษัทจะรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนทั้งจาก รถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพูเต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก แม้ผลประกอบการระยะสั้นอาจไม่โดดเด่น แต่ฝ่ายฯประเมินว่าเป็นปัจจัยที่ตลาดรับรู้อยู่แล้ว และประเมินว่า STEC จะกลับมาเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ได้อีกครั้งใน ปี 2067 (พ.ศ.2610) จากค่าใช้จ่ายพิเศษต่างๆที่เกิดขึ้นในปี 2066 (พ.ศ.2609) ลดลง อาทิ ค่าคืนพื้นผิวจราจร รถไฟฟ้าสายสีเหลือง และค่าใช้จ่ายซ่อมแซมบึงหนองบอน รวมถึงมีโอกาสในการได้รับเงินเคลมประกัน คืน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างประเมินมูลค่ากับทางบริษัทประกัน เป็น Upside ต่อ GPM

ทั้งนี้ ครึ่งหลังปี67จะกลับมาน่าตื่นเต้นอีกครั้งจากการประมูลโครงการขนาดใหญ่ของรัฐฯ ปัจจุบัน STEC มี Backlog อยู่ที่ 9.57 หมื่นล้านบาท แต่ถ้าหากไม่รวมสนามบินอู่ตะเภาที่ 2.7 หมื่นล้านบาท Backlog จะอยู่ที่ 6.86 หมื่นล้านบาท ส่วนงานโครงการใหม่ที่มีการเซ็นสัญญาได้แก่ งานโรงไฟฟ้าเอกชน จํานวน 5 โรงมูลค่ารวม ราว 5,824 ล้านบาท ซึ่งเกือบทั้งหมดจะถูกรับรู้รายได้ภายในปี 2567 เป็น Upside ต่อ ประมาณการรายได้เดิมของเรา

ส่วนในช่วงครึ่งหลังของปี67 งานโครงการภาครัฐฯขนาดใหญ่ที่คาดมีโอกาสในการประมูลคือ 1) ทางด่วนจตุโชติ-ลําลูกกา มูลค่า 1.94 หมื่นล้านบาท และ 2) รถไฟรางคู่ขอนแก่น-หนองคาย มูลค่า 2.94 หมื่นล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการสามารถประมูลได้เลยโดยไม่ต้องรอ พรบ.งบประมาณปี 2567

ขณะที่งานโครงการขนาดใหญ่อื่นๆ คาดจะทยอยเห็นความชัดเจนใน 2H67 เป็นต้นไป และการเลื่อนออก ร่างพรบ.งบประมาณปี 2567 เร็วขึ้นเป็นเดือน เม.ย. จากเดิมในเดือนพ.ค. เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่ม ซึ่งทํา ให้การเดินหน้าประมูลโครงการต่างๆทําได้เร็วขึ้น

ฝ่ายฯประเมินมูลค่างานโครงการที่คาดจะประมูลในช่วงครึ่งหลังปี67 อีกราว 1.33 แสนล้านบาท โดย STEC ตั้งเป้าได้โครงการใหม่เพิ่มราว 4-5 หมื่นล้านบาท ในปี 2567 ปรับลดกําไรปี 2567-2568 ลง สะท้อนส่วนแบ่งขาดทุนสายสีเหลือง-ชมพู นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าในการขยายสัดส่วนรายได้จากงานโครงการเอกชนมากขึ้นในปี 2567 ซึ่งจะเป็น บวกต่อแนวโน้ม GPM ของบริษัท ทําให้ฝ่ายฯปรับสมมติฐานรายได้และ GPM ของบริษัทขึ้น อย่างไรก็ตาม ประมาณการกําไรปกติปี 2567- 2568 ถูกปรับลง 20% และ 5% เป็น 566 ล้านบาท (+12.3% YoY) และ 730 ล้านบาท (+28.9% YoY) ตามลําดับ เพื่อสะท้อนส่วนแบ่งขาดทุนจากรถไฟฟ้าสีเหลือง-ชมพู ที่สูงกว่าคาด

แม้ประมาณการกําไรถูกปรับลง แต่เราคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มกําไรในระยะยาวของ STEC จากการ ปรับโครงสร้างของธุรกิจ และงานภาครัฐฯที่จะมากขึ้นใน 2H67 เป็นต้นไป นอกจากนี้เราประเมินการ แข่งขันในอุตฯลดลงจากผู้รับเหมาบางรายที่ประสบปัญหาด้านสภาพคล่อง เป็นบวกต่อ STEC ที่มีฐานะ การเงินแข็งแกร่ง เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 11.30 บาท จากการปรับ PER ในการประเมินมูลค่าขึ้น เป็น 30.4X (+1.0SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง) จากเดิม 22.0x สะท้อนโอกาสในการได้งานหนุน Backlog ในอัตราเร่งจากการใช้งบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐฯ ปรับคําแนะนําขึ้นเป็น “ซื้อ”

CK งานใหญ่รออยู่

สำหรับ "บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK" ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินโครงการภาครัฐฯจะทยอยมีความชัดเจนมากขึ้นหลังช่วงเดือน พ.ค. เป็นต้นไป โดยโครงการที่มีความชัดเจนมากสุดในปัจจุบันและคาดมีโอกาสเปิดประมูลได้ในช่วงปลายครึ่งแรกปี67 คือ 1) รถไฟทางคู่ขอนแก่น-หนองคาย มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท และ 2) ทางพิเศษจตุโชติ-ลำลูกกา มูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ CK ยังมีโอกาสได้งานจาก BEM อาทิโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่า 1.09 แสนล้านบาท ที่รอครม.อนุมัติ

ฝ่ายฯคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ CK คงกำไรปกติปี 2567 ที่ 2,044 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.8% YoY หนุนจากธุรกิจรับเหมาฯ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก BEM และ CKP ที่สูงขึ้น คงราคาเป้าหมายที่ 26 บาท มี Upside จากโอกาสในการได้งานโครงการขนาดใหญ่ที่รอการประมูลเพิ่มเติม คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ทยอยซื้อ CK - STEC

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า ภาพรวมกลุ่มรับเหมาฯปี 66 กําไรไม่สวยหรู เทียบปีก่อนมี Net Profit Margin ที่ลดลง โดยสิ้นงวดไตรมาส 4/66 ถูกกดดันจาก Backlog ที่ทยอยลดลงทั้งคู่ ซึ่ง CK จากสิ้นงวดไตรมาส 3/66 ที่ 137,879 ล้านบาท สู่สิ้นงวดไตรมาส 4/66 ที่ 128,535 ล้านบาท

ขณะที่ STEC ลดจากสิ้นงวดไตรมาส 3/66 ที่ 98,325 ล้านบาท สู่สิ้นงวดไตรมาส 4/66 ที่ 95,685 ล้านบาท เป็นเครื่องสะท้อนว่ายังขาดโครงการใหม่เข้ามาหนุน Backlog ในช่วงที่ผ่านมา

ด้าน Gross Profit Margin และ Operating Profit Margin งวดไตรมาส 4/66 ทั้ง CK และ STEC มีภาพของการลดลงทั้งแบบ q-q และ y-y สะท้อนว่าต้นทุนยังตึงตัว

กําไรงวดปี 66 CK อยู่ที่ 1,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36%y-y Net Profit Margin ลดลงจากปี 65 ที่ 5.62% สู่ปี 66 ที่ 3.95% ขณะที่ STEC อยู่ที่ 528 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39%y-y Net Profit Margin ลดจากปี 65 ที่ 2.80% ปี 66 ที่ 1.77%

ปัจจัยบวกเริ่มมีทําให้เริ่มเห็นความสดใส โดยยังมีความหวังกับโครงการ 1) Landbridge ซึ่งเป็น Mega Project ของไทยจะช่วยหนุน GDP ภาคใต้ และหากมีแนวโน้มผ่านจะส่งผลดีต่อ Backlog ให้สูงขึ้น 2) ลุ้นสัปดาห์นี้ นายกฯจะแถลงผลดําเนินงาน 6 เดือนของรัฐบาล ซึ่งคาดจะกล่าวถึงโครงการก่อสร้างภาครัฐที่มากขึ้น

นอกจากนี้ พรบ.งบประมาณที่เลื่อนขึ้นมาเร็วขึ้น และจะประกาศในราชกิจจาฯ เม.ย.นี้ คาดว่าจะมี Project เข้าประมูลอีกราว 4-5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมาช่วยหนุนกลุ่มรับเหมาให้เติบโต

สําหรับงานสําคัญที่รอประมูลปี 67 ได้แก่ รถไฟทางคู่ขอนแก่น-หนองคาย (2.94 หมื่นล้านบาท), ทางด่วน จตุโชติ (1.9 หมื่นล้านบาท) และ ทางด่วนกะทู้-ป่าตอง (1.78 หมื่นล้านบาท) เป็นต้น สําหรับ STEC แม้จะมี Net Profit Margin ที่ต่ำกว่า CK แต่ในปีนี้มีแผนปรับโครงสร้างใหม่ คาดแล้วเสร็จในไตรมาส 3/67 ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์จากการเป็น Holding และช่วยเปิดโอกาสให้บริษัทกระจายรายได้สู่ หลายช่องทางไปยังธุรกิจอื่น

ทางฝ่ายฯมองราคาพื้นฐาน CK ที่ 26.75 บาท และ STEC ที่ 11.90 บาท ทั้งคู่มี Upside เพียง 12-13% สะท้อนว่าราคาปัจจุบันขึ้นมารับอนาคตที่จะทยอยฟื้นตัวแล้ว จึงแนะนํานักลงทุน “ทยอยซื้อ”
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44654
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 18/03/2024 7:26 am    Post subject: Reply with quote

รฟท.เซ็นCIVILปลายเดือนนี้รับงานรถไฟไทยจีน1หมื่นล้าน
Source - ข่าวหุ้น
Monday, March 18, 2024 05:05

ผู้ว่าการรถไฟฯ มั่นใจปลายเดือน มี.ค.นี้ลงนาม CIVIL รับงานก่อสร้างรถไฟไทยจีนสัญญา 4-5 วงเงิน 10,325 ล้านบาท ยันไม่ล่าช้าไปกว่านี้แล้ว เพราะฝ่ายเอกชนขอยืนราคาถึงสิ้นเดือน มี.ค. 67 ส่วนเรื่องโครงสร้างร่วมกับรถไฟสามสนามบินอยู่ระหว่างคุยกลุ่ม CP ช่วยรับงานก่อสร้าง พร้อมเพิ่มเงิน 9 พันล้านบาท คาดได้ข้อยุติ เม.ย. 67

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการลงนามในสัญญา โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟส 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา สัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว วงเงิน 10,325.96 ล้านบาท กับบริษัท บุญชัยพาณิชย์ (1979) จำกัด ในเครือ บริษัท ซีวิลเอนจิเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL ผู้รับงานว่า มั่นใจว่าจะได้ลงนามภายในเดือนมีนาคมนี้ หลังจากที่เคยคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้ช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ย้ำว่าฝ่ายเอกชนผู้รับงานมิได้ติดใจในปัญหางานก่อสร้างสถานีอยุธยากรณีผลกระทบมรดกโลก โดยยอมรับเงื่อนไขการมีหรือไม่มีสถานีอยุธยาในภายหลังได้ และ รฟท.ได้ระบุเงื่อนไขนี้ในสัญญาซึ่งฝ่ายอัยการได้ตรวจสอบครบถ้วนแล้ว แต่เหตุที่การลงนามล่าช้าเป็นเพราะเอกชนยังอยู่ระหว่างการตรวจความเรียบร้อยและแก้ไขถ้อยคำในสัญญา ซึ่งขณะนี้ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ประกอบกับเอกชนได้แจ้งยืนราคาถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ ซึ่ง รฟท.เชื่อว่าเอกชนคงไม่แจ้งขยายเวลายืนราคาออกไปอีก ส่วนเรื่องการก่อสร้างสถานีอยุธยา ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับมรดกโลก เพื่อชี้แจงให้องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เข้าใจ

ด้านประเด็นปัญหาโครงสร้างร่วมช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระหว่างโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟส 1 กับรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินนั้น ขณะนี้ รฟท.อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้รับงาน คือ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด (กิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด (CP), บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD, China Railway Construction Corporation Limited, บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM) เพื่อให้เอกชนเป็นผู้ก่อสร้างช่วงโครงสร้างร่วมดังกล่าว ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เอกชนต้องรับผิดชอบประมาณ 9,000 ล้านบาท

ทั้งนี้เบื้องต้นเอกชนได้เสนอเงื่อนไขแลกเปลี่ยนกับการรับงานก่อสร้างโครงสร้างร่วมดังกล่าว โดยขอเจรจาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่อนชำระค่าสิทธิร่วมลงทุนโครงการแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ และการขอให้ฝ่ายรัฐทยอยจ่ายเงินค่าร่วมลงทุนให้เร็วขึ้น ซึ่งคาดว่าการเจรจาจะได้ข้อยุติภายในเดือนเมษายนนี้ จากนั้น รฟท.จะเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ด EEC) และคณะรัฐมนตรี (ครม.)ตามขั้นตอนต่อไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ รฟท.เคยมีแนวคิดว่าจะเป็นผู้รับผิดชอบก่อสร้างช่วงโครงสร้างเอง แต่เมื่อประเมินอย่างรอบคอบแล้วเห็นว่าให้เอกชนที่รับงานเป็นผู้ดำเนินการจะได้ประโยชน์กว่า เพราะ รฟท.ต้องใช้เวลาเปิดประกวดราคาตามขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งอาจทำให้โครงการล่าช้ายิ่งขึ้น

นายนิรุฒ กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการลงทุนโครงการรถไฟทางคู่ เฟส 2 ว่า คาดว่าภายใน 2 เดือนจากนี้ รฟท.จะสามารถเปิดขายเอกสารประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 29,748 ล้านบาท ซึ่งได้รับความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว และมีรถไฟทางคู่อีก 3 สายทาง ที่ขณะนี้ รฟท.นำส่งเรื่องมายังกระทรวงคมนาคมแล้ว เพื่อเตรียมเสนอ ครม. คือ 1. ชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. วงเงิน 37,527.10 ล้านบาท 2. ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 7,864.49 ล้านบาท และ 3. สายปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม. วงเงิน 59,399.80 ล้านบาท ซึ่งหากได้รับการอนุมัติจาก ครม.ก็จะใช้เวลาเตรียมการหลังจากนั้นประมาณ 3 เดือนจึงจะเปิดประกวดราคาได้

ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 18 มี.ค. 2567
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44654
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 19/03/2024 5:27 am    Post subject: Reply with quote

พ.ค.ประมูลทางคู่ขอนแก่น-หนองคาย
Source - เดลินิวส์
Tuesday, March 19, 2024 05:06

ผู้ว่าการรถไฟขีดเส้นขายซอง เส้นแรกเฟส2เปิดบริการ70

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า รฟท. อยู่ระหว่างเร่งจัดทำร่างรายละเอียดเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) โครงการรถไฟทางคู่ ระยะ (เฟส) ที่ 2 ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 29,748 ล้านบาท ซึ่งเป็นเส้นแรกของโครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 รวม 7 เส้นทาง 1,483 กม. วงเงินลงทุน 2.7 แสนล้านบาทที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้วตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 66 คาดว่าจะจัดทำร่าง TOR แล้วเสร็จปลายเดือน มี.ค. 67 จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการเปิดประกวดราคา (ประมูล) ต่อไป คาดว่าจะเปิดจำหน่ายเอกสารการประกวดราคาได้ภายใน 2 เดือนนับจากนี้ หรือประมาณภายในเดือน พ.ค. 67

นายนิรุฒ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ รฟท. ยังได้เสนออีก 3 เส้นทางที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) รฟท. เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ได้แก่ 1.ช่วงปากน้ำโพ- เด่นชัย ระยะทาง 281 กม. วงเงิน 81,143 ล้านบาท 2.ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. วงเงิน 44,103 ล้านบาท และ 3.ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 7,900 ล้านบาท ไปยังกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแล้ว หาก ครม. เห็นชอบ คาดว่าภายใน 3 เดือนหลังจากนั้น รฟท. จะเริ่มขั้นตอนการเปิดประมูลได้

นายนิรุฒ กล่าวอีกว่า ส่วนอีก 3 เส้นทางที่เหลือ ได้แก่ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม. วงเงิน 24,294 ล้านบาท, ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 67,459 ล้านบาท และช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. วงเงิน 56,837 ล้านบาท รฟท. จะทยอยเร่งรัดผลักดันเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด รฟท. กระทรวงคมนาคม และครม. ภายในปี 67 ซึ่งจะทำให้โครงข่ายทางรางของประเทศมีความสมบูรณ์ อำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน และสนับสนุนการขนส่งสินค้าทางรางระหว่างไทย และประเทศต่าง ๆ ด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงขอนแก่นหนองคาย มีระยะทาง 167 กม. ต่อจากรถไฟทางคู่จิระ-ขอนแก่น ประกอบด้วย ทางรถไฟระดับดิน 153 กม. และทางรถไฟยกระดับ 2 แห่ง 14 กม. มี 14 สถานี เป็นสถานีใหม่ 6 สถานี และปรับปรุงสถานีรถไฟเดิม 8 สถานี มีที่หยุดรถ 4 แห่ง โดยเป็นชานชาลาสูงทั้งหมด มีย่านกองเก็บตู้สินค้า (CY) 3 แห่ง ได้แก่ สถานีโนนสะอาด พื้นที่ขนาด 10,500 ตารางเมตร (ตร.ม.), สถานีหนองตะไก้ 21,750 ตร.ม. และสถานีนาทา 19,000 ตร.ม.

โครงการฯ มีพื้นที่ที่ต้องเวนคืนที่ดิน 184 ไร่ โดยจะยกเลิกจุดตัดทางรถไฟเสมอระดับในปัจจุบันทั้งหมด และจะก่อสร้างถนนข้ามทางรถไฟ (Overpass) 31 แห่ง ถนนลอดใต้ทางรถไฟ (Underpass) 53 แห่ง และก่อสร้างรั้วตลอดแนวเส้นทางรถไฟ ทั้งนี้ช่วงขอนแก่น-หนองคาย จะใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี แล้วเสร็จประมาณปี 70 โดยปีแรกของการเปิดให้บริการ คาดว่าจะมีผู้โดยสาร 3,500 คนต่อวัน และเพิ่มขึ้นเป็น 5,800 คนต่อวันในปีที่ 30 ส่วนปริมาณการขนส่งสินค้าอยู่ที่ 3.5 ล้านตันในปีแรก และเพิ่มขึ้นเป็น 4.2 ล้านตันในปีที่ 30 หรือเพิ่มขึ้น 0.67% ต่อปี.

ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 20 มี.ค. 2567 (กรอบบ่าย)
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44654
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 20/03/2024 11:12 am    Post subject: Reply with quote

โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ
20 มี.ค. 67 10:45 น.

อัพเดตความก้าวหน้าโครงการ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567
สัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกะเทียม
(ทางรถไฟยกระดับ)
ความก้าวหน้าสะสม = 91.30%
แผนงานสะสม = 98.32%
ช้ากว่าแผน = -7.02%

https://www.facebook.com/lopburipaknampho/posts/793598722685530


อัพเดตความก้าวหน้าโครงการ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567
สัญญาที่ 2 ช่วงท่าแค-ปากน้ำโพ
ความก้าวหน้าสะสม = 82.68 %
แผนงานสะสม = 96.40 %
ช้ากว่าแผนงาน = -13.72 %

https://www.facebook.com/lopburipaknampho/posts/793600072685395


อัพเดตความก้าวหน้าโครงการ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567
สัญญาที่ 3 งานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม (ST8)
ความก้าวหน้าสะสม = 39.04%
แผนงานสะสม = 100.00%
ช้ากว่าแผนงาน = -60.96%

https://www.facebook.com/lopburipaknampho/posts/793601116018624
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42751
Location: NECTEC

PostPosted: 20/03/2024 5:37 pm    Post subject: Reply with quote


สวัสดีท่านผู้โดยสาร #ที่นี่สถานีหัวหิน ทุกท่าน หลังจากที่เราเดินทางจากสถานีหัวหินด้วยขบวนรถธรรมดาที่ 255 ธนบุรี - หลังสวน วันที่ผมเดินทางนั้นขบวนรถล่าช้าจากเวลาปรกติประมาณ 30 นาทีครับ ถือว่าล่าช้าจากเวลาปรกติพอสมควร บรรยากาศระหว่างการเดินด้วยรถไฟในวันนั้นอากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวพอสมควร ในส่วนของสถานีสวนสนประดิพัทธ์นั้นได้มีการติดตั้งลิฟต์ขึ้นลงสำหรับการขึ้นลงและเดินข้ามชานชาลา การติดตั้งลิฟต์จะทำการติดตั้งช่วงจุดระหว่างกึ่งกลางของชานชาลาทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อย่นระยะการเดินข้ามระหว่างชานชาลาที่ 1 และ 2 จากเดิมปกติที่ต้องเดินอ้อมด้วยระยะทางที่ค่อนข้างไกล หลังจากการติดตั้งและทดลองใช้งานแล้วต้องมาติดตามผลกันต่อไปครับว่าการใช้งานลิฟต์ประเภทนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารได้มากน้อยเพียงใด บรรยากาศอื่น ๆ ติดตามได้ในบันทึกที่นี่สถานีหัวหิน ตอนที่ 373 ครับ ทีมงานที่นี่สถานีหัวหินขอขอบคุณท่านนายสถานีสวนสนประดิพัทธ์ และเจ้าหน้าที่สถานีทุกท่านที่อำนวยความสะดวกให้ทีมงานตลอดการถ่ายทำ หากมีข้อผิดพลาดประการใดทีมงานขออภัยมา ณ โอกาสนี้ครับ
Google map สถานีรถไฟสวนสนประดิพัทธ์: https://maps.app.goo.gl/FEPttyibcjBRuZWV6
https://www.facebook.com/athuahinstation/posts/937051451758450
https://www.youtube.com/watch?v=kTPV4o1PBWU
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44654
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 21/03/2024 5:56 am    Post subject: Reply with quote

ทางคู่สายเหนือสร้าง 6 ปีแล้วช้ามาก
Source - เดลินิวส์
Thursday, March 21, 2024 05:12

ต.ค.นี้ไม่เสร็จปรับ18ล้าน/วัน เลื่อนเปิดทั้งสายไปปลายปี68

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า ขณะนี้ภาพรวมการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางสายเหนือ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 145 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 2.15 หมื่นล้านบาท มีความล่าช้าจากแผนงานประมาณ 10.37% ความคืบหน้าการก่อสร้างล่าสุดอยู่ที่ 86.99% โดยสัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกระเทียม ระยะทาง 29 กม. วงเงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท คืบหน้า 91.30% ล่าช้ากว่าแผน 7.02% ส่วนสัญญาที่ 2 ช่วงท่าแค-ปากน้ำโพ ระยะทาง 116 กม. วงเงินประมาณ 8.65 พันล้านบาท คืบหน้า 82.68% ล่าช้ากว่าแผน 13.72%

ทั้ง 2 สัญญา ยังใช้สิทธิมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ค่าปรับ 0% โดยงานสัญญาที่ 1 ได้รับการขยายสัญญาไปถึงเดือน ก.ย. 67 ส่วนงานสัญญาที่ 2 ขยายสัญญาไปถึงเดือน ต.ค. 67 ดังนั้นภายในเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้ งานการก่อสร้างทั้ง 2 สัญญาจะต้องแล้วเสร็จ หากไม่เสร็จทันตามกำหนดวันสิ้นสุดสัญญาผู้รับจ้างต้องจ่ายค่าปรับให้ รฟท. วันละ 0.1% ของค่างานก่อสร้าง โดยสัญญาที่ 1 วันละประมาณ 10 ล้านบาท และสัญญาที่ 2 วันละประมาณ 8 ล้านบาท

ขณะที่สัญญาที่ 3 งานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม วงเงิน 2.77 พันล้านบาท คืบหน้า 39.04% ล่าช้า 60.96% จะติดตั้งแล้วเสร็จ และพร้อมเปิดให้บริการรถไฟทางคู่สายเหนือ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ได้ตลอดเส้นทางประมาณปลายปี 68

ปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้น มาจากการขาดแคลนแรงงานเป็นหลัก ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และ ที่ผ่านมา รฟท. ได้กำชับ และเร่งรัดให้แก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการหาผู้รับจ้างรายย่อย (ซับคอนแทรค) และการจัดหาแรงงานเข้ามาเพิ่มเติม ด้านผู้รับจ้างก็พยายามดำเนินการแล้ว แต่ยังมีจำนวนไม่เพียงพอ ทำให้งานก่อสร้างล่าช้ากว่าแผนจนมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งวิธีที่จะทำให้งานแล้วเสร็จตามแผนคือ ผู้รับจ้างต้องเร่งงานอย่างเดียว และเพิ่มแรงงานเข้ามาให้มากที่สุด

เบื้องต้น รฟท. มีแผนจะนำร่อง เปิดให้บริการรถไฟทางคู่สายเหนือ ปลายปี 67 ตั้งแต่ช่วงบ้านหมี่ จ.ลพบุรี-บ้านตาคลี จ.นครสวรรค์ ระยะทางประมาณ 40 กม. ไปพลางก่อน และจะทยอยในจุดอื่น ๆ ต่อไป ระหว่างรอการติดตั้งงานระบบอาณัติสัญญาณฯ แล้วเสร็จ โดยในการเปิดใช้งานจะใช้ระบบอาณัติสัญญาณฯ เดิม ซึ่งพนักงาน ขับรถไฟจะทำหน้าที่โยนห่วงและรับห่วงทุกสถานี เพื่อความปลอดภัย และการจัดการเดินรถไฟ ทั้งนี้ระบบใหม่ จะเป็นระบบไฟสี ควบคุมระบบอาณัติสัญญาณด้วยระบบอัตโนมัติ จะเป็นการขอทาง และให้ทางด้วยระบบคอมพิวเตอร์

สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางสายเหนือ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ได้เริ่มการก่อสร้างตั้งแต่ประมาณกลางปี 61 ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 48 เดือน หรือประมาณ 4 ปี ตามแผนงานเดิมจะต้องแล้วเสร็จประมาณปี 65 และพร้อมเปิดให้บริการตลอดทั้งเส้นทางได้ภายในปี 66 แต่เนื่องจากเผชิญปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย อาทิ การปรับแบบการก่อสร้างใหม่, การเข้าใช้พื้นที่ก่อสร้างและได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด-19 จึงทำให้แผนงานล่าสุดถูกปรับเป็นก่อสร้างแล้วเสร็จปลายปี 67 เปิดให้บริการปลายปี 68.

ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 22 มี.ค. 2567 (กรอบบ่าย)


รีวิว“ทางคู่สายเหนือลพบุรี-ปากน้ำโพ“สร้างมาแล้ว6ปี
*ขาดแคลนแรงงานต.ค.นี้ไม่เสร็จสั่งปรับ 18ล้าน/วัน
*ปลายปีเปิดใช้ช่วงบ้านหมี่-บ้านตาคลี 40 กม.ก่อน
*งานสัญญาณช้า 61%ทั้งสาย 145กม.ได้ใช้สิ้นปี68

https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/957043295872905
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44654
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 22/03/2024 4:47 pm    Post subject: Reply with quote

ล่าช้ากว่าแผนงาน อัพเดท รถไฟทางคู่ลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญาที่ 2 ท่าแค-ปากน้ำโพ
นิกเกิ้ล พาทัวร์ (Train Thailand)
Mar 22, 2024


https://www.youtube.com/watch?v=6pQ0_Xg3lZU
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44654
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 23/03/2024 7:32 am    Post subject: Reply with quote

'คมนาคม'ถกสำนักงบฯ เร่งเบิกจ่ายค่าเค อุ้มรับเหมา-พยุง ITD
Source - ฐานเศรษฐกิจ
Saturday, March 23, 2024 05:40

"คมนาคม" ถกสำนักงบประมาณ เร่งเบิกจ่ายค่าเค เหตุเอกชนอ่วมแบกต้นทุนก่อสร้างบิ๊กโปรเจ็กต์ถนนพระราม 2 พุ่ง หลังทล.จำกัดเวลาทำงาน หวั่นเกิดอุบัติเหตุ ฟาก กทพ.ยันจ่ายค่าเคตรงเวลาไม่กระทบปม ITDขาดสภาพคล่อง ขณะที่ รฟท. รอรับจัดสรรงบปี 67 จ่ายค่าเคพยุง ITD

กรณี บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ยักษ์รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของไทย แจ้งผ่าน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

ถึงข้อเท็จจริงจากกระแสข่าวประสบปัญหาสภาพคล่อง จ่ายเงินเดือนพนักงานไม่ครบตามจำนวน ว่าเป็นเรื่องจริงและมีความพยายาม เจรจากับสถาบันการเงิน สนับสนุนสินเชื่อเพื่อลดผลกระทบ รวมถึงเจรจากับภาครัฐเร่งเบิกจ่าย เงินชดเชยค่างานก่อสร้าง (ค่าเค) ให้มีเงินหมุนเวียนเข้ามา โดยเฉพาะบางโครงการภาครัฐอาจมีข้อกำจัดในการทำงานเป็นสาเหตุให้การเบิกจ่ายล่าช้าออกไป

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงกรณีที่ ITD ติดปัญหาสภาพคล่องว่า ที่ผ่านมาผู้รับเหมาในโครงการต่างๆบนถนนพระราม 2 ได้รับผลกระทบจากกรมทางหลวง (ทล.) จำกัดเวลาในการก่อสร้างเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ทำให้โครงการต่างๆมีความล่าช้ากว่ากำหนด ส่งผลให้เอกชนมีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น

สาเหตุดังกล่าว ปัจจุบันกระทรวงเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าเคให้กับเอกชนในภาพรวมไม่ใช่เฉพาะ ITD เท่านั้น เบื้องต้นกระทรวงอยู่ระหว่างหารือกับสำนักงบประมาณเพื่อเร่งรัดของบประมาณรายจ่ายงบกลางในการจ่ายค่าเคให้กับเอกชนที่ได้รับผลกระทบบนถนนพระราม 2 เพื่อให้โครงการต่างๆบนถนนพระราม 2 สามารถเปิดให้บริการได้ทันภายในปี 2568 คาดว่าจะได้รับงบประมาณฯ ภายใน 2-3 เดือน

"ที่ผ่านมาการจ่ายค่าเคอยู่ที่สำนักงบประมาณว่าจะสามารถจ่ายได้อย่างไร โดยส่วนใหญ่จะเป็นการนำงบประมาณรายจ่ายงบกลางมาดำเนินการ ซึ่งจะต้องพิจารณาดูด้วยว่าความสามารถในการนำงบกลางมาจ่ายของรัฐบาลมีมากน้อยแค่ไหน"
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า กรณีที่ ITD เกิดปัญหาสภาพคล่องนั้นปัจจุบันกทพ.มีการเบิกจ่ายค่าเคตรงตามงวดมาตลอด เนื่องจากกทพ.ใช้งบประมาณจากกองทุน (TFF) มาชำระให้แก่เอกชนทำให้ไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ขณะนี้พบว่ากทพ.มีการเบิกจ่ายค่าเคให้เอกชนไปแล้วประมาณ 60%

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวถึงกรณีITD เกิดปัญหาสภาพคล่องจนส่งผลกระทบต่อการจ่ายเงินให้กับผู้รับเหมาช่วง (ซับคอนแทรค) นั้น ในปัจจุบัน ITD จะมีสัญญาก่อสร้างในโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ไทย-จีน ระยะที่ 1 และโครงการรถไฟทางคู่ แต่ยืนยันว่าไม่ได้กระทบต่อแผนโครงการฯของรฟท. ซึ่งเอกชนยังคงดำเนินการตามปกติ

"ปัญหาภายในของเอกชนที่เกิดขึ้น เราไม่ขอก้าวล่วงแต่รฟท.คงจับตามองงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการของ ITD เป็นพิเศษ ขณะนี้ยังไม่พบปัญหาอะไร ส่วนการเบิกจ่ายเงินให้เอกชนไม่ได้มีความล่าช้า แต่ติดเรื่องการเบิกจ่ายเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง(ค่าเค) ที่ต้องรองบประมาณปี 2567 ก่อน คาดว่าหากสามารถเบิกจ่ายค่าเคได้จะทำให้เอกชนสบายตัวมากขึ้น"

สำหรับโครงการของรฟท.ที่อยู่ในมือ ITD จำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย

1.โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงรายเชียงของ สัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย-งาว วงเงิน 26,560 ล้านบาท มีกิจการร่วมค้า ไอทีดี-เนาวรัตน์ เป็นผู้รับจ้างในสัญญาก่อสร้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

2.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระสัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา- คลองขนานจิตร วงเงิน 7,560 ล้านบาท มีบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD เป็นผู้รับจ้าง ในสัญญาก่อสร้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

3.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟ วงเงิน 9,290 ล้านบาท มีกิจการร่วมค้า ไอทีดี-อาร์ที เป็นผู้รับจ้าง ในสัญญาก่อสร้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

4.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 5,807 ล้านบาท มีบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD เป็นผู้รับจ้าง ในสัญญาก่อสร้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

5.โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย(ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานครนครราชสีมา) งานสัญญาที่ 3-1 งานโยธา สำหรับช่วงแก่งคอย-กลางดงและช่วงปางอโศก-บันไดม้า วงเงิน 9,348 ล้านบาท มีกิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 เป็นผู้รับจ้าง ในสัญญาก่อสร้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)


ที่มา: นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 24 - 27 มี.ค. 2567
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 388, 389, 390, 391, 392  Next
Page 389 of 392

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©