รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่

[Mongwin]

คมนาคมกลุ้มยื่นขอ EIA 4ปี ไม่ผ่าน เจอสองเด้งงบประมาณสะดุดรถไฟทางคู่ 5 สายแป้ก
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์25 ก.พ. 2557 เวลา 10:20:37 น.

โครงการใหม่คมนาคมดีเลย์ยกแผง ติดหล่ม "สุญญากาศการเมือง-พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน-อีไอเอ" ทางหลวงโยกโครงการของบปี"58 กว่า 8.9 หมื่นล้านบาท เบรกมอเตอร์เวย์สาย "บางปะอิน-โคราช" ควบ "บางใหญ่-กาญจนบุรี" ส้มหล่นสาย "พัทยา-มาบตาพุด" ใช้เงินงบประมาณ+กองทุนมอเตอร์เวย์เวนคืน-ก่อสร้าง 1.6 หมื่นล้าน ทางคู่ 5 สายอีไอเอไม่ผ่าน "รฟม." งานค้างเพียบทั้งรถไฟฟ้า 2 สาย "ชมพู-ส้ม" คอนโดฯแนวรถไฟฟ้าเร่งกู้ 1.7 หมื่นล้านโปะ "สีม่วง-น้ำเงิน-เขียว" ดีเดย์ 2 ก.ค.นี้ขึ้นค่าโดยสารใต้ดิน 1-2 บาท เป็น 16-42 บาท

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัญหาการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคมมาจาก 3 ปัจจัย คือ
1.ปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อและไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่มาพิจารณาอนุมัติโครงการ
2.การทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)ที่ต้องใช้เวลาพิจารณา แต่ปัจจุบันปัญหาการเมืองที่เป็นช่วงสุญญากาศบริหารราชการแผ่นดิน ทำให้ทางคณะกรรมการไม่มีการพิจารณาโครงการ และ
3.ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทชะลอออกไป

โครงการเกินพันล้านติดบ่วง

ผลกระทบนอกจากโครงการใหญ่สะดุดแล้ว ในส่วนของการจัดทำงบประมาณปี 2558 อาจจะต้องล่าช้าออกไปด้วย ทำให้แนวโน้มไม่มีการลงทุนโครงการใหม่เพราะต้องรอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐบาลใหม่มาพิจารณา โดยในจำนวนนี้มีบางส่วนของโครงการในแผนลงทุน 2 ล้านล้านบาทที่แต่ละหน่วยงานเลือกใช้วิธีโยกโครงการมาขอจัดสรรเงินลงทุนจากงบประมาณปกติ

"ตอนนี้งานกระทรวงที่เป็นโครงการขนาดใหญ่มูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาทในงบประมาณปี 2557 ต้องรอ ครม.ใหม่หมด รวมถึงโครงการใหญ่ที่ต้องใช้เงินกู้มาลงทุน อย่างไรก็ตามถึงแม้จะไม่มีเงินกู้จากร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท แต่โครงการที่พร้อมประมูลก็ยังต้องเดินหน้าก่อสร้าง เพียงแต่ติดขัดเพราะต้องใช้งบประมาณปี 2558" แหล่งข่าวกล่าว

เร่งมอเตอร์เวย์ กทม.-พัทยา

นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า สำหรับโครงการขนาดใหญ่ที่สำคัญและพร้อมเปิดประมูลแต่ต้องรอ ครม.ใหม่ เช่น มอเตอร์เวย์ 3 สาย ได้แก่ สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร เงินลงทุน 84,600 ล้านบาท, สายบางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี 96 กิโลเมตร เงินลงทุน 55,600 ล้านบาท และสายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 89 กิโลเมตร เงินลงทุน 16,000 ล้านบาท ทั้ง 3 สายได้ออก พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดินไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีเงินลงทุน

"มอเตอร์เวย์ 3 สายนั้นการก่อสร้างกรมทางหลวงจะนำสายพัทยา-มาบตาพุดขอเงินค่าเวนคืนในงบประมาณปี"58 จำนวน 1,800 ล้านบาท ส่วนการก่อสร้างจะใช้เงินจากกองทุนค่าธรรมเนียมค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์หรือกองทุนมอเตอร์เวย์ที่มีอยู่ 14,000 ล้านบาทมาดำเนินการ ส่วนสายบางปะอิน-โคราชและสายบางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรีชะลอไปก่อนเพราะเงินลงทุนสูง โดยใช้เงินกู้หรือเอกชนร่วมลงทุน"

ทั้งนี้ โครงการที่กรมโยกจากแผนใช้เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท และนำมาขอจัดสรรงบประมาณปี 2558 คิดเป็นวงเงินลงทุนรวม 89,800 ล้านบาท นอกจากค่าเวนคืนที่ดินมอเตอร์เวย์สายพัทยา-มาบตาพุด 1,800 ล้านบาทแล้ว ที่เหลือมีโครงการบูรณะทางหลวงสายหลัก 18,000 ล้านบาท, เร่งรัดสร้างถนน 4 เลน และถนนเชื่อมระหว่างประเทศ วงเงิน 70,000 ล้านบาท

รฟม.ติดร่างแห 8 โครงการ

นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า มีโครงการรถไฟฟ้ารอ ครม.ใหม่อนุมัติ ได้แก่
1.สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ลงทุน 56,725 ล้านบาท
2.สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางกะปิ-มีนบุรี ลงทุน 110,326 ล้านบาท
3.เงินกู้รถไฟฟ้า 3 สาย รวม 17,100 ล้านบาท ได้แก่ สายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) 10,918 ล้านบาท, สายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) 1,654 ล้านบาท และสายน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) 4,545 ล้านบาท
4.สัญญาสัมปทานเดินรถ 1 สถานีของสายสีน้ำเงินจากบางซื่อ-เตาปูน ที่จะเจรจากับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล
5.การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท
6.ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบ รฟม.ฉบับใหม่
7.โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยร่วมกับการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ใน 2 สถานี คือ สถานีบางใหญ่ แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสถานีบางปิ้ง แนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว และ
8.การปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟใต้ดินอีก 1-2 บาท จาก 16-40 บาท เป็น 16-42 บาท

รถไฟทางคู่ติดแหง็ก 5 สาย

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้โครงการทุกอย่างของ ร.ฟ.ท.ต้องเป็นรัฐบาลใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะรถไฟทางคู่เร่งด่วน 5 สาย ต้องรอให้ผ่านการอนุมัติรายงานอีไอเอก่อน จึงนำเสนอ ครม.ได้

ประกอบด้วย
1.สายลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร วงเงิน 24,842 ล้านบาท
2.สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร วงเงิน 29,855 ล้านบาท
3.สายชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร วงเงิน 26,007 ล้านบาท
4.สายนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร วงเงิน 20,038 ล้านบาท และ
5.สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงิน 17,292 ล้านบาท
สรุปทั้ง 5 สายทางมีระยะทางรวม 797 กิโลเมตร เงินลงทุนรวม 118,034 ล้านบาท

เพลียใจอีไอเอ 4 ปียังไม่ผ่าน

"ทางคู่ 5 สายทางตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ ต้องรออนุมัติผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งหลังจากยุบสภา คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมไม่มีการประชุม"

นายประภัสร์กล่าวอีกว่า จากเดิมคาดว่าสายแรกที่จะได้รับการอนุมัติ คือ สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ซึ่งอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการอีไอเอมานานถึง 4 ปี สำหรับอีก 4 สายที่เหลือแบ่งเป็นสายจิระ-ขอนแก่น อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยโครงการนี้ใช้เวลาพิจารณามานานกว่า 1 ปีแล้ว อีกสายทางยังติดอยู่ที่คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญนาน 4 ปีแล้วเช่นกัน

สำหรับทางคู่สายอื่น ๆ อีก 6 สาย เงินลงทุนรวม 144,110 ล้านบาท รอนำเสนอขอจัดสรรงบประมาณปี 2558 เพื่อมาศึกษารายละเอียดโครงการต่อไป ได้แก่ สายหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กิโลเมตร, สายชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กิโลเมตร, สายสุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 339 กิโลเมตร, สายขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กิโลเมตร และสายชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กิโลเมตร

[Mongwin]

เว็บไซต์รถไฟทางคู่ 5 เส้นทางของการรถไฟฯ
http://www.railway.co.th/resultproject/5dbtrack/index.html

[Mongwin]

ดันรถไฟทางคู่เชื่อมมาเลเซีย
เดลินิวส์ วันอังคารที่ 4 มีนาคม 2557 เวลา 08.38 น.
คอลัมน์เดินหน้าเลี้ยวซ้าย โดย ไฟเหลือง

แม้ปัญหาการเมืองยังติดขัด ไม่รู้จะออกทางไหน แต่ฟากผู้ปฏิบัติงานประจำก็พยายามหาทางผลักดันโครงการในความรับผิดชอบกันต่อไป ล่าสุดมีรายงานความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง และรถไฟทางคู่

กระทรวงคมนาคม เตรียมศึกษาการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์เชื่อมต่อมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งเรื่องนี้คุณจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. ระบุว่า หลังจาก สนข.ศึกษาออกแบบรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ–เชียงใหม่ ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ–พิษณุโลก แล้วเสร็จ และศึกษาออกแบบรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ–เชียงใหม่ ระยะที่ 2 พิษณุโลก–เชียงใหม่ ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อความต่อเนื่องในการพัฒนารถไฟความเร็วสูง

ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ระยะ 2 กว่า 2 เดือน โดยให้นิสิต นักศึกษาและประชาชนทั่วไป มีส่วนร่วม สนข.จึงได้จัดกิจกรรมประกวดแนวคิดการออกแบบภายในสถานีรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ 2 พิษณุโลก-เชียงใหม่ 3 สถานี ประกอบด้วยสถานีพิษณุโลก-ลำปางและเชียงใหม่ ตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคมนี้ รวมมูลค่าเงินรางวัล 540,000 บาท สำหรับการก่อสร้างโครงสร้างสถานีผู้โดยสาร สนข.จะเป็นผู้ออกแบบผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กล่าวด้วยว่า อีก 2 เดือน สนข.จะเริ่มศึกษาออกแบบรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ–หนองคาย ระยะที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย และเตรียมขออนุมัติงบประมาณปี 2558 ศึกษาออกแบบและก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 80 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อรถไฟประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งจะเป็นรูปแบบรถไฟฟ้าทางคู่ ทำความเร็วได้ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เสียดายมากที่สุด จากปัญหาความยุ่งเหยิงทางการเมือง ก็คือ โครงการรถไฟความเร็วสูงนี่แหละ ผมเห็นด้วยควรต้องมี เป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาเมืองในแนวสายทางที่รถผ่านได้ระดับหนึ่ง ยังเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางของประชาชนตามหัวเมืองใหญ่ ที่รายล้อมรอบกรุงเทพฯ ช่วยลดขนาดกรุงเทพฯ ไม่ให้บวมโตจนเละเทะมากไปกว่านี้

ที่จริงผมเชียร์สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เพราะเชียงใหม่โตมากจนต้องเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้มากกว่านี้ แต่เท่าที่ทราบผลตอบแทนการลงทุน และอื่น ๆ สายไปทางภาคอีสาน ก็ใช้ได้ทีเดียว แล้วทางสายใต้ ซึ่งปัจจุบันมีผู้โดยสารน่าจะมากที่สุด เพราะคนใต้คุ้นเคยเดินทางด้วยรถไฟ แต่คงต้องเลือกล่ะครับ ไม่เห็นด้วยที่ต้องกู้เงินล้านล้านมาสร้างให้ครอบคลุมขนาดนั้น เริ่ม 1 สายก่อน ที่เหลือปรับเป็นรถไฟรางคู่

อนาคตค่อย ๆ ปรับเพิ่มยังได้.

[Wisarut]

^^^
ชอบกล เพราะ ระยะทางจากหาดใหญ่ไปปาดังเบซาร์ก็แค่ 45 กิโลเมตร - ไม่เห็นพูดถึง ทางสายสงขลา - หาดใหญ่ เลยนี่

[Mongwin]

สงสัยว่าเป็น 2 x 40 กม. หรือเปล่าครับ (ทางคู่)

[Wisarut]

ข่าวดี!ทางคู่แปดริ้ว-แก่งคอย
โดยกอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ REAL ESTATE
ออนไลน์เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 02 มีนาคม 2557เวลา 20:14 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,927 วันที่ 2 - 5 มีนาคม พ.ศ. 2557

ร.ฟ.ท.ปิดรับฟังความเห็นทีโออาร์คลองสิบเก้า-แก่งคอยรอบที่ 3 ก่อนเปิดประมูลช่วงหลังสงกรานต์นี้ งบกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท เชื่อมโยงแก่งคอย-แหลมฉบังสะดวกยิ่งขึ้นด้วยอุโมงค์เพิ่มอีก 1 เส้นทาง คาดใช้ระยะเวลา 6 เดือนได้ตัวผู้รับจ้างพร้อมเซ็นสัญญาช่วงปลายปีนี้ บิ๊ก ร.ฟ.ท.คาดผู้รับเหมารายใหญ่แห่ร่วมแข่งประมูลเพียบแน่

นายจเร รุ่งฐานีย วิศวกรใหญ่ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้ได้ปิดการประกาศรอบที่ 3 กรณีเปิดรับฟังความเห็นประชาชนโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออกช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอยตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2555 อนุมัติให้ร.ฟ.ท.ดำเนินโครงการดังกล่าวเพื่อให้เชื่อมโยงกับช่วงศรีราชาแหลมฉบังที่เปิดให้บริการได้แล้วในปัจจุบันนี้

สำหรับการประกาศรอบที่ 3 นี้มีขอบเขตและรายละเอียดของงานที่ต้องการจ้างเป็นการก่อสร้าง

1. ทางรถไฟคู่ขนานเส้นทางเดิม ไม่รวมช่วงอุโมงค์บริเวณเขาพระพุทธฉายจากสถานีฉะเชิงเทราถึงสถานีวิหารแดง ระยะทาง 78 กิโลเมตร และจากสถานีบุใหญ่ถึงสถานีแก่งคอย ระยะทาง 19 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 97 กิโลเมตร รวมทั้งงานก่อสร้างทางคู่เลี่ยงเมืองอีก 3 แห่งคือที่สถานีชุมทางฉะเชิงเทรา แก่งคอย และบ้านภาชี รวมระยะทางประมาณ 7.1 กิโลเมตร พร้อมงานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคมตลอดแนวเส้นทาง งานก่อสร้างสะพานรถไฟคอนกรีตเสริมเหล็ก 57 แห่ง รวมความยาว 4,763 เมตร

2. งานก่อสร้างโมงค์บริเวณเขาพระพุทธฉาย สะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 แห่ง รวมความยาวประมาณ 212 เมตร งานก่อสร้างท่อและการระบายน้ำ และงานก่อสร้างอื่นๆที่เกี่ยวข้องตามแบบคิดเป็นงบประมาณทั้งสิ้น 1.1 หมื่นล้านบาท

นายจเรกล่าวอีกว่าหลังจากนี้คณะกรรมการประกาศร่างทีโออาร์จะพิจารณาว่ามีข้อสังเกตหรือความเห็นอะไรที่ต้องแก้ไขอีกหรือไม่ หากไม่มีการแก้ไขแล้วก็จะนำเสนอนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.พิจารณานำเสนอเพื่อประมูลต่อไป คาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงหลังสงกรานต์นี้

"โดยปกติการประกวดราคาโดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์จะมีการประกาศขายเอกสารประกวดราคา และขายเอกสารประมาณ 7 วัน หลังจากนั้นจึงจะจัดประชุมหน้างานเพื่อชี้แจงผู้ซื้อเอกสาร และให้สอบถามข้อสงสัยต่างๆ การลงพื้นที่จริง ต่อจากนั้นจึงให้กลับไปจัดทำเอกสารประกวดราคาเพื่อยื่นข้อเสนอประมาณ 45 วัน ถึง 2 เดือน จากนั้น ร.ฟ.ท.จึงจะพิจารณาเอกสารโดยจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ต่อเนื่องด้วยการเคาะราคา การเจรจาต่อรอง คาดว่าประมาณ 6 เดือน จึงจะได้ลงนามในสัญญา แต่หากมีการร้องเรียนในช่วงใดช่วงหนึ่งกระบวนการนี้ก็จะขยับออกไปอีก"

สำหรับรูปแบบอุโมงค์ที่จะเกิดขึ้นในโครงการนี้ยังจะมีระยะห่างจากอุโมงค์เดิมพอประมาณที่จะไม่กระทบต่ออุโมงค์เดิม ช่วงการก่อสร้างจะไม่มีการปิดเดินรถในเส้นทางอุโมงค์ที่มีอยู่เดิม เมื่อแล้วเสร็จจะทำให้การขนส่งผู้โดยสารและสินค้าสะดวกรวดเร็วขึ้น หรือหากมีเหตุจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินรถจากอุโมงค์ใดอุโมงค์หนึ่ง อุโมงค์ที่เหลือก็จะสามารถใช้งานได้ทดแทนไปก่อน โดยอุโมงค์ใหม่ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร [1200 เมตร]

"การเปิดประมูล ร.ฟ.ท.เปิดกว้างอย่างเต็มที่ คาดว่าจะมีผู้รับเหมารายใหญ่ที่มีผลงานก่อสร้างทางรถไฟอย่างกลุ่มอิตาเลียนไทย กลุ่ม ช.การช่าง หรือการรวมกลุ่มกับต่างประเทศของบริษัทรายอื่นที่มีคุณสมบัติตามที่ ร.ฟ.ท.กำหนดเข้าร่วมแข่งประมูลแน่ๆ เนื่องจากเป็นโครงการใหญ่ในช่วงปี 2557 นี้ก็ว่าได้ ส่วนการจะนำเสนอให้ครม.ในรัฐบาลชุดใหม่พิจารณาคงจะเป็นขั้นตอนการนำเสนอผลการพิจารณาในท้ายที่สุดก่อนอนุมัติให้มีการเซ็นสัญญาเท่านั้น ซึ่งยังมีเวลาเพียงพอ คาดว่าจะเป็นปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ส่วนปี 2558 อาจจะเริ่มการก่อสร้าง"

[Mongwin]

ประกาศฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง
การรถไฟแห่งประเทศไทย
เรื่อง ประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย สัญญาที่ 1 งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-วิหารแดง และช่วงบุใหญ่-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Lines) 3 แห่ง
- - - - - - - - - - - - - - -
เลขที่ กส.1/ปก./2557
http://www.railway.co.th/auction/system/Declaration.asp?NumDC=20147

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีความประสงค์จะประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยขอบเขตและรายละเอียดสังเขปของงานสัญญาที่ 1 งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-วิหารแดง และช่วงบุใหญ่-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Lines) 3 แห่ง ที่ต้องการจ้างมีดังนี้

• ก่อสร้างทางรถไฟทางคู่เพิ่ม 1 ทาง ขนานเส้นทางรถไฟเดิม จากสถานีฉะเชิงเทราถึงสถานีวิหารแดงระยะทาง 78 กิโลเมตร และจากสถานีบุใหญ่ถึงสถานีแก่งคอย ระยะทาง 19 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 97 กิโลเมตร
• งานก่อสร้างทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Lines) จำนวน 3 แห่ง ที่สถานีชุมทางฉะเชิงเทรา สถานีชุมทาง แก่งคอย และสถานีชุมทางบ้านภาชี รวมระยะทางประมาณ 7.1 กม.
• งานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคมตลอดแนวเส้นทางช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย รวมทั้งทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Lines) ทั้ง 3 แห่ง
• งานก่อสร้างสะพานรถไฟคอนกรีตเสริมเหล็ก 57 แห่ง รวมความยาวประมาณ 4,763 เมตร
• งานก่อสร้างสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 แห่ง รวมความยาวประมาณ 212 เมตร

ราคากลาง 10,183,702,194.00 บาท
...

ประกาศ ณ วันที่ 28 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

( ลงนาม ) ประภัสร์ จงสงวน
( นายประภัสร์ จงสงวน )
ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย


สำเนาถูกต้อง
( นายธีระ รุ่งโรจน์สุวรรณ )
วิศวกรกำกับการกองมาตรฐานงานวิศวกรรมโยธา
3/4/2014 9:33:29 AM

[Mongwin]

ขายซองประมูลรถไฟทางคู่แปดริ้วถึง12มี.ค.นี้
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 06 มี.ค. 2557 เวลา 17:15:51 น.



แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ร.ฟ.ท.กำลังจะเปิดประมูลโครงการใหญ่ จำนวน 2 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 15,933 ล้านบาท แยกเป็น โครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ สายตะวันออกจากฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย วงเงิน 10,183 ล้านบาท และการจัดซื้อรถจักรดีเซลไฟฟ้า น้ำหนักกดเพลา 16 ตัน จำนวน 50 คัน พร้อมเครื่องอะไหล่ วงเงิน 5,750 ล้านบาท โดยโครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออกจะเปิดซื้อแบบประมูลระหว่างวันที่ 4-12 มี.ค.นี้ จากนั้นจะเปิดให้ยื่นเอกสารประมาณวันที่ 10 เม.ย. และเคาะราคาประมูลกลางเดือน มิ.ย. คาดว่าจะลงนามสัญญาก่อสร้างได้ทันทีหลังได้บริษัทผู้รับเหมา จะใช้เวลาก่อสร้าง 36 เดือน

สำหรับเนื้องาน ได้แก่
1.ก่อสร้างทางรถไฟทางคู่เพิ่ม 1 ทาง ขนานเส้นทางรถไฟสายเดิมจากสถานีฉะเชิงเทรา-สถานีวิหารแดง ระยะทาง 78 กม. และจากสถานีบุใหญ่-สถานีแก่งคอย ระยะทาง 19 กม. รวมทั้งสิ้น 97 กม.
2.งานก่อสร้างทางคู่เลี่ยงเมือง 3 แห่ง ที่สถานีชุมทางฉะเชิงเทรา ชุมทางแก่งคอย และชุมทางบ้านภาชี รวมระยะทาง 7.1 กม.
3.งานติดตั้ง ระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคมตลอดแนวเส้นทาง
4.งานก่อสร้างสะพานรถไฟคอนกรีตเสริมเหล็ก 57 แห่ง ความยาว 4,763 เมตร
5.งานก่อสร้างสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 แห่ง ความยาว 212 เมตร และ
6.งานก่อสร้างท่อและการระบายน้ำ และงานก่อสร้างอื่น ๆ

แหล่งข่าวกล่าวว่า รถไฟทางคู่สายนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของเส้นทางขนส่งระบบรางเชื่อมโยง จากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปยังพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกสู่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยแนวเส้นทางก่อสร้างทางรถไฟใหม่จะคู่ขนานไปกับทางเดิม เริ่มจากสถานีฉะเชิงเทราไปตามทางรถไฟสายตะวันออกเดิม (สายอรัญประเทศ) ผ่านสถานีบางน้ำเปรี้ยว ถึงสถานีคลองสิบเก้า แยกขนานไปกับทางรถไฟสายคลองสิบเก้า-แก่งคอย ผ่านสถานีองครักษ์ วิหารแดง บุใหญ่ สุดปลายทางที่สถานีแก่งคอย จะพาดผ่านพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองและ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา พื้นที่ อ.องครักษ์และ อ.บ้านนา จ.นครนายก และพื้นที่ อ.วิหารแดง อ.เมือง และอ.แก่งคอย จ.สระบุรี

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับการจัดซื้อหัวรถจักร 50 คัน อยู่ระหว่างการประกาศร่างทีโออาร์ครั้งที่ 3 จนถึงวันที่ 6 มี.ค.ที่จะนี้ หากไม่มีใครร้องเรียนข้อกำหนดในทีโออาร์ คาดว่าจะเปิดให้ซื้อเอกสารประมูลงานในเร็วๆ นี้

[nutsiwat]

เส้นทางรางคู่จากชุมทางแก่งคอย - คลองสิบเก้า - ชุมทางฉะเชิงเทรา จะมีการเปิดเดินรถเพื่อการพาญิชย์ หรือขบวนรถโดยสารได้หรือไม่ครับ
น่าจะมีขบวนรถสายอีสานไปยังสายตะวันออกบ้างนะครับ
_________________

--------------------------

สถานีต่อไป สถานีเรณูนคร
next station Renunakorn

[Mongwin]

รฟท.หวั่นรถไฟทางคู่สะดุดรอศาลชี้ขาดพ.ร.บ.2ลล
By สำนักข่าวไทย TNA News | 8 มี.ค. 2557 15:56

“ประภัสร์ จงสงวน” ผู้ว่าการ รฟท. เผยศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติในวันที่ 12 มี.ค.นี้ กรณี ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจ ก.คลัง กู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .. วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งต้องรอรัฐบาลชุดใหม่อนุมัติแผนงานต่างๆ ทั้งหมด ห่วงโครงการรถไฟทางคู่ และโครงการอื่นๆ รวม 11 โครงการ ที่อยู่ระหว่างทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม 5 โครงการ และวางแผนงานอีก 6 โครงการ รวม 100,000-200,000 ล้านบาท หากต้องล่าช้า ก็จะกระทบต่อการบริการประชาชน