รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่

[Wisarut]

ทีมงานการประชาสัมพันธ์โครงการทางคู่ติดระบบรถไฟฟ้า หาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ เข้าร่วมแนะนำโครงการในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสงขลา ประจำเดือนเมษายน ได้รับความสนใจในข้อมูลเป็นอย่างมาก พร้อมกันนี้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้แจ้งให้หน่วยงานในพื้นที่และผู้นำท้องถิ่นประสานและร่วมมือในกิจกรรมการศึกษาอย่างเต็มที่ @ศาลากลางจังหวัดสงขลา 30 เมษายน 2558 ผู้เข้าร่วมประชุมเกือบ 300 คน
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=847205888685563&id=820331644706321

การประชุมกลุ่มย่อยพื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่ โครงการระบบรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วง หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 19 พ.ค.58 ผู้เข้าร่วม 208 คน เห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะชอบมากกับการจะเป็นรถไฟไฟฟ้าเส้นแรก ประเด็นหลักๆ คือ
1.ขอให้เกิดขึ้นจริง
2.ขอให้เสริมคอมมิวเตอร์เทรน
3. ขอให้สร้างคันทางใหม่สองทางเลย แล้วเอาทางเดิมไว้สำรอง
4.ขอให้ไปให้ถึงสงขลา
5. ขอให้ฟื้นสถานีและฟื้นวิถีรถไฟ และ
6. ช่วยดูผลกระทบต่อผู้รื้อย้ายด้วย
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=855894427816709&id=820331644706321

การประชุมกลุ่มย่อยพื้นที่เทศบาลตำบลคอหงส์ โครงการระบบรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วง หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 19 พ.ค.58 ผู้เข้าร่วม 110 คน พื้นที่นี้มีผู้อยู่ในเขตทางรถไฟมากพอควร ประเด็นทึ่สำคัญ คือ
1. มีประชาชนอยู่ในเขตที่ดินรถไฟจำนวนหนึ่ง จะมีการช่วยเหลืออย่างไร
2. ช่วงทางรถไฟตัดกับคลองหวะ ช่องน้ำแคบเป็นคอขวด และทางรถลอดค่อนข้างเตี้ย อยาากให้ขยายความยาวสะพาน ขยายช่องน้ำ และเพิ่มความสูงทางลอด
3. อยากให้ใช้พื้นที่ก่อสร้างให้น้อยที่สุด
4. อยากให้ใช้เทคนิคการออกแบบช่วยเพิ่มความสามารถการระบายน้ำในพื้นที่ด้วย
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=855938127812339&id=820331644706321

การประชุมกลุ่มย่อยเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อแนวคิดการพัฒนาเส้นทางและรูปแบบเบื้องต้นของโครงการ (การประชุมกลุ่มย่อยครั้งที่ 1) โครงการศึกษาและออกแบบระบบรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์
หมวด ท้องถิ่นบ้านเรา
หนังสือพิมพ์บ้านข่าว
เมื่อ : 20 พฤษภาคม 2558



วันที่ 20 พฤษภาคม 2558 ณ เทศบาลตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายชัยณรงค์ ศรประสิทธิ์ นายกเทศมนตรีตำบลพะตง เป็นประธานในการการประชุมกลุ่มย่อยเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อแนวคิดการพัฒนาเส้นทางและรูปแบบเบื้องต้นของโครงการศึกษาและออกแบบระบบรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ โดยมีผู้เกี่ยวข้องและประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

โดยโครงการนี้มีระยะทางราว 48 กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นที่ชุมทางหาดใหญ่ ผ่านสถานีคลองแงะ และสิ้นสุดที่สถานีด่านปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นด่านชายแดนระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐมาเลเซีย เส้นทางนี้กำหนดเป็นคู่ ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า สายอิโปห์-ปาดังเบซาร์ ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งเมื่อเปิดให้บริการจะทำให้ขบวนรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้านี้สามารถเชื่อมโยงได้ถึงสถานีชุมทางหาดใหญ่ จะเป็นการสนับสนุนการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารและรองรับการเจริญเติบโตของการค้าชายแดนระหว่างสองประเทศ

การประชุมในครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ทุกท่านจะได้รับทราบข้อมูลข่าวสาร และแสดงความคิดเห็น ตลอดจนให้ข้อเสนอแนะ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาโครงการ ร่วมกันสะท้อนปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของท่าน เพื่อให้ผลการศึกษาที่ได้นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นรูปธรรม.

การประชุมกลุ่มย่อยพื้นที่เทศบาลตำบลพะตง โครงการระบบรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วง หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 20 พ.ค.58 คนเข้าร่วม 215 คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวคิดที่นำเสนอ ประเด็นหลักคือ
1. หากมีรถไฟทางคู่และสถานีคงจะทำให้ท้องถิ่นพัฒนาเศรษฐกิจ
2. ควรมีการออกแบบปรับปรุงทางน้ำ จุดถนนลอดทางรถไฟที่ปัจจุบันค่อนข้างเตี้ย ไม่สะดวกและปลอดภัยให้ด้วย
3. ย่านพะตงมีชุมชนในที่รถไฟเยอะ เห็นด้วยในการพัฒนาท้องถิ่น แต่ก็ขอให้มีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ที่ต้องรื้อย้าย ไม่มีที่อยู่ที่อื่น
4. ขอให้ดูเรื่องความสะดวกในการสัญจรของคนในชุมชน
5. ทางลอดที่เสนอออกแบบไว้ น่าจะไม่เพียงพอในการลอด เพราะมีรถที่สูงผ่าน
6. ขอให้ออกแบบให้มีผลกระทบให้น้อยที่สุด
https://www.youtube.com/watch?v=ydu9adXDzGQ
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=855938127812339&id=820331644706321

การประชุมกลุ่มย่อยพื้นที่เทศบาลตำบลทุ่งหมอและท่าโพธิ์ โครงการระบบรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วง หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 20 พ.ค.58 ผู้ร่วมประชุม 47 คน ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย ประเด็นสาระคือ
1. ตรงจุดตัดถนนไปสองพี่น้อง ที่เสนอเป็น Box จะไม่เพียงพอกับรถที่ใช้ ขอให้ทบทวนเป็นสะพาน
2. ที่ดินที่ต้องเวนคืนตรงหมู่ 2 ที่ปรับแนวตรงที่ทำสะพานยาวขึ้นอาจจะไม่ต้องเวนคืนที่ดิน
3. หมู่ 3 ใกล้คลองรำ เป็น Box อยากให้สูงหน่อย
4. จุดตัดตรง รร.ชาติตระการโกศล ขอเป็นสะพานเพราะรถเยอะ ติดย่านขุมชนบางควาย ขอให้ประสานรายละเอียดกับพื้นที่ด้วย
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=856313964441422&id=820331644706321

การประชุมกลุ่มย่อยพื้นที่เทศบาลตำบลคลองแงะ โครงการระบบรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วง หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 21 พ.ค.58 ผู้ร่วมประชุม 40 คน ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย ประเด็นสาระคือ
1. เห็นด้วยมากกับการยกระดับแก้ปัญหาจุดตัดถนน เป็นแนวคิดที่ดีมาก
2. ขอให้ออกแบบโดยรักษาสถานีเก่าไว้ เพราะมีคุณค่า และท้องถิ่นมีการจีดถนนคนเดิน
3. ขอให้ออกแบบปรับปรุงจุดตัดทางน้ำซึ่งปัจจุบันเป็นสะพานเหล็ก 3 จุด ที่เป็นปัญหากีดขวางการไหลของน้ำและทำให้น้ำท่วมขังชุมชน
4. ขอให้ออกแบบสถานีรองรับการท่องเที่ยวด้วย
5. ขอให้ออกแบบสถานที่จอดรถด้วย
6. ขอให้ออกแบบเผื่อคนสูงอายุและผู้พิการด้วย
7. ขอให้ศึกษาเพื่อเพิ่มการเดินรถในท้องถิ่นด้วย
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=856616074411211&id=820331644706321

[Mongwin]

VDO - present-โครงการงานรถไฟรางคู่ ลพบุรี - ปากน้ำโพ


https://www.youtube.com/watch?v=JOo-TmRQA7w

[Wisarut]

เร่งคลอดEIAดัน6รถไฟทางคู่
กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ-คมนาคม
ออนไลน์เมื่อ วันอังคารที่ 02 มิถุนายน 2015 เวลา 12:11 น.
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,058 วันที่ 4 -6 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เร่งคลอดEIAดัน6รถไฟทางคู่ พร้อมทำมาตรฐานกลางหวังพิจารณาอนุมัติได้เร็ว
สผ.หารือร่วม ร.ฟ.ท.ทำมาตรฐานกลางพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในบางจุดบางพื้นที่ หวังเร่ง โครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง ทันตามแผนพัฒนาระบบราง แนะเร่งปฏิบัติตามคำแนะนำคชก. หลังพบยังไม่ส่งรายงานชี้แจง ด้านรฟม.ยันอีไอเอสายสีชมพู-สายสีเหลืองผ่านฉลุย
เกษมสันต์ จิณณวาโสเกษมสันต์ จิณณวาโสนายเกษมสันต์ จิณณวาโส เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) (ว่าที่)ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ได้มีการหารือร่วมกันระหว่าง สผ.และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ถึงปัญหาความล่าช้าการพิจารณาเรื่องการศึกษาและรับรองผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการต่างๆ ของ ร.ฟ.ท. โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ 6 สาย ประกอบไปด้วย

1.สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร
2. สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ
3.สายนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน
4. สายเด่นชัย-เชียงของ
5. สายบ้านไผ่- มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม และ
6.สายลพบุรี-ปากน้ำโพ

"พบว่าหลังจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมให้ความเห็นไปแล้ว แต่บริษัทที่ปรึกษาจัดทำเอกสารรายงานผลตอบกลับค่อนข้างล่าช้า จึงส่งผลกระทบต่อการพิจารณา ทั้งนี้ในการหารือร่วมกันได้มีความเห็นว่าควรจัดทำมาตรฐานกลางสำหรับบางพื้นที่ที่ไม่มีผลกระทบ เพื่อให้ง่ายต่อการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ส่วนพื้นที่ที่มีความอ่อนไหว มีระบบนิเวศที่เปราะบาง ผ่านชุมชน แม่น้ำ ก็จะให้ความสำคัญต่อการพิจารณาอีไอเอเป็นช่วงๆ ดังนั้นเพื่อให้โครงการต่างๆ สามารถผ่านการพิจารณาและดำเนินการตามแผนของรัฐบาล จึงให้ ร.ฟ.ท.ไปดำเนินการเรื่องต่างๆตามความเห็นของคณะกรรมการฯให้เร็วขึ้น"

สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ ทั้ง 6 สายที่ต้องปรับปรุงแก้ไขรายงานตามที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(คชก.) มีมตินั้น พบว่าสาย

ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ที่มีบริษัท ยูไนเต็ด แอนนาลิสต์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาโครงการ คชก.มีมติตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2557

สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด ที่บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาโครงการ มีมติให้ปรับปรุงแก้ไขรายงานเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558

สายนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน มีมติให้ปรับปรุงแก้ไขรายงานเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2557 มีบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ฯ เป็นที่ปรึกษาโครงการ

สายเด่นชัย-เชียงของ คชก.มีมติให้ปรับปรุงแก้ไขรายงานเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 โดยบริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาโครงการ

สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม คชก.มีมติให้ปรับปรุงแก้ไขรายงานเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2558 โดยบริษัท พรีดีเวลลอปเมนท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาโครงการ และสายลพบุรี-ปากน้ำโพ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)ยังไม่จัดส่งรายงานอีไอเอให้สผ.พิจารณา โดยมีบริษัท ทีมคอนซัลติ้ง เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาโครงการ

ด้านนายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของ รฟม. ไม่พบปัญหาการยื่น อีไอเอ โดยที่สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ผ่านการรับรองและแนบผลการพิจารณาให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)ไปแล้ว เหลือเพียงสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี มีการปรับแนวใหม่ที่ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี โดยผ่านแยกพระราม 9 ไปยังสถานี รฟม. ขณะนี้ยื่นขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดระบบการจราจร(คจร.)แล้ว ก่อนเสนอต่อกรรมการสิ่งแวดล้อม

[Wisarut]

BTS เสนอ”คมนาคม”พร้อมทุ่มไม่อั๋น สร้างรถไฟทางคู่-ขนสินค้าสายอีสาน-พัฒนาพื้นที่กม.11
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
5 มิถุนายน 2558 17:25 น.

//------------------------------
"บีทีเอส" เสนอลงทุนรถไฟทางคู่ |
เดลินิวส์
วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2558 เวลา 15:00 น.“
„"บีทีเอส" เสนอลงทุนรถไฟทางคู่ ผู้บริหารบีทีเอส เสนอตัวลงทุนรถไฟทางคู่ ระบบไฟฟ้า หาหัวรถจักร


เจ้าสัวคีรีพาคณะดอดพบ “บิ๊กจิน” ใจป้ำควักเงินสร้างทางคู่ให้ฟรี
หน้าหลัก / เศรษฐกิจ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
6 มิถุนายน 2558 06:01

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานบริหารบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพจำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้เข้ามาเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่บีทีเอสสนใจลงทุน ประกอบด้วย 1.ลงทุนร่วมเดินรถขนส่งสินค้าทางรถไฟในเส้นทางขอนแก่น-แหลมฉบัง โดยจะลงทุนเองทั้งหมดทั้งการก่อสร้างทางคู่, ระบบอาณัติสัญญาณ, หัวรถจักรและตู้ขบวน ร่วมบริหารเดินรถ รับขนส่งสินค้า โดยเสนอที่จะให้ผลตอบแทนจากเงินที่ได้ลงทุนแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. และขอให้ รฟท.โอนงบก่อสร้างระบบทางคู่เดิมจำนวน 70,000 ล้านบาท ไปใช้ในโครงการอื่นแทน 2.ลงทุนติดตั้งระบบไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนรถไฟรุ่นใหม่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่เตรียมจัดหาเป็นหัวรถจักรไฟฟ้าแทนหัวรถจักรดีเซล ซึ่งจะเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป 3.เสนอที่จะเป็นผู้จัดหาหัวรถจักรและตู้ขบวนสำหรับขนส่งสินค้าทางรถไฟ นอกจากนั้นกระทรวงยังได้เสนอขอให้บีทีเอสสร้างที่พักราคาถูกและคุณภาพดีให้พนักงาน รฟท. บริเวณ กม.11 เพื่อรองรับพนักงาน 8,500 ครอบครัว โดยบีทีเอส สนใจแต่จะกลับไปออกแบบโครงการ

ด้านนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานบริหารบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส กล่าวว่า บีทีเอสสนใจเข้าร่วมโครงการต่างๆกับคมนาคมเพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์ ดังนั้นเห็นว่าจะเข้าไปมีส่วนร่วม เพราะแนวทางของรัฐต้องการให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วม เพราะเอกชนจะทำได้เร็วกว่ารัฐ.

[Mongwin]

ผ่าทางตันรัฐลงทุน2แสนล. เร่งEIA"ทางคู่-สุวรรณภูมิ2"
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 09 มิ.ย. 2558 เวลา 20:01:18 น.

"ประจิน" ผ่าทางตันรถไฟทางคู่ 4 สาย และสุวรรณภูมิเฟส 2 เม็ดเงินลงทุน 2 แสนล้าน สั่งปลัดคมนาคมประสานกระทรวงทรัพย์ฯลัดคิวอีไอเอ จัดแถวชง ครม.อนุมัติประมูลก่อสร้างให้หมดปี′58

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า มอบหมายให้นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อขอให้ช่วยเร่งรัดการพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) โครงการรถไฟทางคู่ 4 สายทางและสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ตามแผนลงทุนเดิม ในเร็ว ๆ นี้ทางกระทรวงทรัพย์ฯจะนำโครงการมาพิจารณาให้เป็นการเร่งด่วน เพื่อนำโครงการเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเปิดประมูลก่อสร้างให้ทันในปี 2558

"โครงการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิมีเงินลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาท จะนำเสนอความคืบหน้าภาพรวมให้ครม.รับทราบวันที่ 9 มิ.ย.นี้ มี 3 แผนงาน คือ ก่อสร้างทางวิ่งสำรอง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 และสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่ผ่านการอนุมัติจาก ครม.แล้วปี′53 เมื่ออีไอเอผ่านก็ประมูลได้ทันที เพราะล่าช้ามาหลายปี ขณะที่ผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิโตทุกปี เกินความจุที่รับได้ 45 ล้านคนต่อปี"

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ภายในเดือน มิ.ย.-ส.ค.นี้โครงการที่จะได้รับการอนุมัติทั้งรถไฟทางคู่ 4 สายทางและสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 จากนั้นจะขออนุมัติครม.เพื่อเปิดประมูลก่อสร้าง ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ ทางคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) จะประชุมพิจารณาโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 คาดว่าจะได้รับการอนุมัติและเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) สิ่งแวดล้อมชุดใหญ่พิจารณาต่อไป ส่วนโครงการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 จะมีการพิจารณาปลายเดือน มิ.ย.นี้

ส่วนรถไฟทางคู่ 4 สายทาง เงินลงทุน 92,629 ล้านบาท จะได้รับการอนุมัติกลางเดือนมิ.ย.นี้คือ สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 17,929 ล้านบาท อีก 3 สายทางอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ คชก.คือ ลพบุรี-ปากน้ำโพ วงเงิน 24,842 ล้านบาท มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ วงเงิน 29,855 ล้านบาท และนครปฐม-หัวหิน วงเงิน 20,003 ล้านบาท คาดว่าส.ค.นี้จะได้รับการอนุมัติ

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ได้เสนอแผนการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ 3 แผนงาน เงินลงทุน 110,430 ล้านบาท ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเพื่อเสนอ ครม.รับทราบแล้ว ได้แก่ 1.สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 วงเงิน 62,503 ล้านบาท 2.ทางวิ่งสำรอง ความยาว 3,700 เมตร วงเงิน 20,243 ล้านบาท และ 3.อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ด้านทิศเหนือ วงเงิน 27,684 ล้านบาท


จะเริ่มดำเนินการก่อนคือโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 เนื่องจากผ่าน ครม.แล้ว รอแค่อนุมัติอีไอเอ เมื่อผ่านคณะกรรมการ คชก.แล้ว เพื่อให้โครงการเดินหน้าเร็วขึ้น ทอท.จะเปิดประมูลคู่ขนานไปกับการรออนุมัติจากบอร์ดสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะได้ผู้รับเหมาก่อสร้างปลายปีนี้และจะเริ่มก่อสร้างมี.ค. 2559 จะแล้วเสร็จปี 2562 รองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 50 ล้านคนต่อปี

"งานก่อสร้างของเฟส 2 เป็นไปตามแผนเดิมที่ ทอท.ออกแบบไว้ แต่จะปรับลดวงเงินลงทุนลงตามที่บอร์ด ทอท.ได้สั่งการ ตั้งเป้าจะลดจากเดิมอีก 1 หมื่นล้านบาท จาก 6.2 หมื่นล้านบาท จะเหลือ 5.2 หมื่นล้านบาท"

ในระยะแรก ที่จะก่อสร้างมี.ค.ปีหน้ามีงานลานจอดอากาศยานเพื่อรองรับอากาศยาน 28 หลุมจอด อุโมงค์ส่วนขยายและระบบสาธารณูปโภค และเริ่มก่อสร้าง ต.ค. ปี 2560 มีอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ส่วนขยายอาคารผู้โดยสารทิศตะวันออก สำนักงานสายการบินและที่จอดรถด้านทิศตะวันออกงานติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสาร (APM) โดยเงินก่อสร้างจะมาจากกระแสเงินสด ทอท.ที่ปัจจุบันมีอยู่ 4.6 หมื่นล้านบาท มาก่อสร้าง ในปี 2559จะใช้เงินลงทุน 1.5 หมื่นล้านบาท

[Mongwin]

สผ.เห็นชอบ EIA รถไฟทางคู่ ประจวบฯ-ชุมพร 1.7 หมื่นล.
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มิถุนายน 2558 19:01 น.

รายงานข่างแจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ วันนี้ (10 มิ.ย.) มีมติเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการรถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วน ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,293 ล้านบาทแล้ว โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะทำรายละเอียดเพื่อเสนอครม.ขออนุมัติเพื่อดำเนินการประกวดราคาต่อไป

[Wisarut]

ดูการอกแบบสถานีคลองแงะเป็นสถานีลอยฟ้า สิครับ
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=867361246670027&id=820331644706321

การประชุมกลุ่มย่อยเวทีท้องถิ่น ครั้งที่ 1 โครงการศึกษาออกแบบระบบรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วง หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ พื้นที่เทศบาลตำบลบ้านพรุ 11 มิ.ย.58 ประเด็นหลักที่ได้รับความเห็น คือ
1. มีพี่น้องจำนวนมากอยู่ในที่ดินรถไฟมานานแล้ว และไม่มีทางไปที่อื่น ขอให้ดูเรื่องการช่วยเหลือ
2. เนื่องจากทางยกระดับ ให้ดูเรื่องการขึ้นลงสถานีด้วย
3. พอมีระบบรางคู่แล้ว อยากให้รถไฟในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น เพื่อให้ในพื้นที่ได้ประโยชน์เดินทาง
4. อยากให้ช่วยเหลือชดเชยที่สามารถตั้งหลักชีวิตใหม่ได้
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=867546706651481&id=820331644706321


การประชุมกลุ่มย่อยเวทีท้องถิ่น ครั้งที่ 1 โครงการศึกษาออกแบบระบบรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วง หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ พื้นที่เทศบาลตำบลบ้านไร่ 11 มิ.ย.58 ประเด็นหลักที่ได้รับความเห็น คือ
1. บริเวณจุดตัดถนนตรงที่ออกแบบขอให้ทบทวนรูปแบบเพื่อลดผลกระทบและให้เหมาะกับรถขนาดใหญ่
2. มีจุดน้ำท่วมซ้ำซากบริเวณสนามกอฟล์ ขอให้พิจารณาเรื่องออกแบบ
3. ขอให้หามาตรการเยียวยาประชาชนในเขตที่ได้รับผลกระทบจากการรื้อย้าย
4. ขอให้พิจารณาเพิ่มสถานีในช่วงตำบลบ้านไร่ เพราะเป็นชุมชนใหญ่มาก แม้ว่าจะมีสถานีที่บ้านพรุรองรับอยู่แล้วก็ตามที
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=867457546660397&id=820331644706321

[Wisarut]

แผนการศึกษาเพื่อทำทางคู่ ติดระบบรถไฟฟ้า ตามเส้นทางดังต่อไปนี้

1. สถานีกลางบางซื่อ (กม. 7.47 จากสถานีกรุงเทพ) - บ้านภาชี (กม. 90 จากสถานีกรุงเทพ) - ปากน้ำโพ (กม. 251 จากสถานีกรุงเทพ)
2. สถานีกลางบางซื่อ (กม. 7.47 จากสถานีกรุงเทพ) - ชุมทางแก่งคอย (กม. 125 จากสถานีกรุงเทพ) - ชุมทางหนองถนนจิระ (กม. 266 จากสถานีกรุงเทพ)
3. สถานีกลางบางซื่อ (กม. 7.47 จากสถานีกรุงเทพ) - ชุมทางหนองปลาดุก (กม. 80 จากสถานีกรุงเทพ) - หัวหิน (กม. 229 จากสถานีกรุงเทพ)
4. สถานีกลางบางซื่อ (กม. 7.47 จากสถานีกรุงเทพ) - มักกะสัน (กม. 5.1 จากสถานีกรุงเทพ) ชุมทางฉะเชิงเทรา (กม. 60.99 จากสถานีกรุงเทพ) - พัทยา (กม. 158 จากสถานีกรุงเทพ)

ทำทางคู่แบบนี้ งานนี้ได้เดินรถคอนเทนเนอร์ จากไอซีดี ไป แหลมฉบังด้วยรถจักรไฟฟ้ากำลังสูงแน่ นอกเหนือจากการขยายเครือข่ายรถไฟฟ้าสายแดงไปด้วย - แถมพกด้วยรถปูนไปส่งไซโลชานเมืองและ รถขนข้าวสารจากปากน้ำโพ
http://www.railway.co.th/auction/system/download/2558/N20156174872.pdf
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1117823271567232&set=a.100195233330046.254.100000187083196&type=1

[ksomchai]

ขอให้ป็นจังสักทีเห้เป็นจริงเป็นจังสักทีเถิด


"วุฒิชาติ"ลั่นประมูลทางคู่รวด 3 สายใน ก.ค. พร้อมเร่งทำแผนเช่าหัวรถจักรดีเซลกว่า 100 คัน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 มิถุนายน 2558 16:05 น.


"วุฒิชาติ"เดินหน้าจัดทำแผนเปลี่ยนรถไฟดีเซลเป็นระบบรถไฟฟ้าภายใน15 ปี โดยเร่งปรับแผนจัดหารถทดแทนรถเก่าช่วงเปลี่ยนผ่านจากซื้อเป็นเช่าพร้อมซ่อมบำรุง กว่า 100 คันก่อน พร้อมเดินหน้า ประกาศทีโออาร์ประมูลรถไฟทางคู่ 3 เส้นทางในมิ.ย.-ก.ค.นี้ ขีดเส้น 19 มิ.ย. ต่อรองกลุ่มมิตซูบิชิ ลดค่างานระบบสายสีแเดงสัญญา3 เป้า 3.1 หมื่นล. ก่อนชงบอร์ดตัดสิน ลั่นปรับโครงสร้างลดขั้นตอนการทำงานภายใน ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน เป็น One stop service ลดรั่วไหลเพิ่มรายได้จากที่ดินแน่นอน

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนแผนการจัดหาหัวรถจักรใหม่ให้สอดคล้องกับนโยบายรมว.คมนาคม ต้องการให้เปลี่ยนไปใช้หัวรถจักไฟฟ้าภาย ในปี 2575 และให้นำร่องการเดินรถไฟฟ้าด้วยระบบ 1 เส้นทาง โดยพบว่า มีความต้องการหัวรถจักรใหม่ประมาณ 100 คัน ดังนั้นในระยะเวลา 15-17 ปีจากนี้ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบไฟฟ้า โดยในระยะเปลี่ยนผ่าน การจัดหารถทดแทนรถที่มีสภาพเก่า จะใช้วิธีการเช่าใช้พร้อมเหมาซ่อมบำรุงระยะเวลา 15 ปี โดยจะเช่าทั้งหัวรถจักร โบกี้โดยสาร แคร่บรรทุกสินค้า ตู้สินค้า โดยจะใช้รายได้จากการเดินรถมาจ่ายค่าเข่า ช่วยลดค่าใช้จ่ายและภาระหนี้สิน ส่วนรถไฟฟ้าที่จะมีการจัดหาในอนาคต เป็นระบบไฟฟ้าจะใช้วิธีซื้อหรือเข่า จะต้องพิจารณาสภาพคล่ององค์กร ซึ่งเป็นไปได้ที่จะใช้วิธีการจัดซื้อส่วนหนึ่ง เช่าส่วนหนึ่ง ส่วนรถดีเซลนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องมีส่วนหนึ่งเพื่อให้บริการในเส้นทางท้องถิ่น เส้นทางสายย่อย ที่อาจจะลงทุนเป็นระบบไฟฟ้าไม่คุ้มค่า

โดยภายในเดือนมิ.ย.-ก.ค.นี้ จะประกวดราคาโครงการจัดซื้อหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้า(Diesel Electric Locomotive) น้ำหนักกดเพลา 16 ตัน/เพลา จำนวน 50 คันพร้อมเครื่องอะไหล่ได้ หลังจากมีการยกเลิกร่างทีโออาร์เดิมที่ประกาศเมื่อปลายเดือนธ.ค. 2557 ที่ผ่านมา เพื่อปรับลดราคากลางลงจาก 6,151 ล้านบาท และการเช่ารถจักร 20 คัน รวมถึงประกาศทีโออาร์ โครงการรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง คือ ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กม. วงเงิน 11,348.36 ล้านบาท ,ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กม. วงเงิน 26,007.20ล้านบาท และประจวบคีรีขันธ์- ชุมพร วงเงิน 17,000 ล้านบาท ซึ่งผ่านสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วได้ ส่วนการจัดซื้อหัวรถจักร น้ำหนักกดเพลา 16 ตัน/เพลา จำนวน อีก 30 คัน กรอบวงเงินประมาณ 3,360 ล้านบาทนั้นต้องยกเลิกและปรับไปอยู่ในแผนการเช่าแทนเนื่องจากไม่ได้รับงบปี 2558

ทั้งนี้ รถไฟทางคู่สาย ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ต้องรอสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหนังสือตอบมายังร.ฟ.ท.อย่างเป็นทางการ ว่าไม่มีข้อท้วงติงอื่นๆ อีกเนื่องจากก่อนหน้านี้ สตง.มีหนังสือทักท้วงว่า ร.ฟ.ท.คำนวนราคาโครงการผิดพลาด 4 รายการ ซึ่งกรมบัญชีกลางให้ความเห็นว่า ร.ฟ.ท.ควรปรับราคากลางและร่าง TOR ใหม่ สาวนทางคู่ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น เหลือขั้นตอนการจัดจ้างที่ปรึกษาควบคุมงาน เมื่อแล้วเสร็จก็จะทำการประกาศประกวดราคางานก่อสร้างทันที

ส่วนความคืบหน้า โครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 3 (งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้าบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน) มูลค่า 27,926 ล้านบาทนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. กลุ่มกิจการร่วมค้า MHSC Consortium (บริษัท MITSUBISHI Heavy Industrial Ltd บริษัท Hitachi และ บริษัท Sumitomo Corporation) ได้ยืนยันราคาเดิมที่ 32,850 ล้านบาท ซึ่งยังสูงกว่า ราคากลางที่ร.ฟ.ท. ได้ปรับราคากลางใหม่อยู่ที่ 30,500 ล้านบาท ดังนั้นในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ จะมีการเจรจาอีกครั้งโดยตั้งเป้าว่าราคาที่ยอมรับได้ อาจต้องปรับมาพบกันครึ่งทางที่ 31,000 ล้านบาทเศษ ซึ่งต้องรอการเจรจาก่อน ทั้งนี้ไม่ว่ากลุ่ม MHSC จะยอมปรับลดหรือไม่ จะต้องสรุปเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) ตัดสินใจแล้ว

“ส่วนตัวผมอยากให้โครงการนี้ไปต่อได้เพราะเสียเวลามามากแล้ว ซึ่งหากสรุปสัญญา 3 ได้เรายังต้องใช้เวลาอีก 48 เดือนในการจัดหารถ และเราอาจต่อรองกับกลุ่ม MHSC ช่วยเร่งจัดรถมาวิ่งในช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันก่อน แต่หากต้องเปิดประมูลใหม่ก็จะต้องเพิ่มเวลาตรงนี้ไปอีก 6 เดือน- 1 ปี” นายวุฒิชาติ กล่าว

โดยเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ (บอร์ด)ร.ฟ.ท.ได้พิจารณาแผนฟื้นฟู เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานรวม 7 แผนงาน เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการเดินรถ การพัฒนาบุคลากร, การใช้ระบบสารสนเทศ ,การหาแนวทางบริหารทรัพย์สินขนาดใหญ่ เป็นต้น ซึ่งบอร์ดมีข้อสังเกตและแนะนำเพิ่มเติม เช่น กำหนดเป้าหมายของการดำเนินงานและผลสำเร็จ ส่วนการปรับโครงสร้างองค์กร จะมีการปรับกระบวนและขั้นตอนการทำงานภายในที่มีความล่าช้าและต้องผ่านการพิจารณาหลายฝ่ายใหม่ เช่น ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน ปรับการทำงานการพิจารณาเป็น One stop service โดยลดขั้นตอนการให้บริการตั้งแต่การยื่นจนได้รับอนุญาต จาก24 ขั้นตอนเหลือ 9 ขั้นตอน ซึ่งมีการโอนย้ายบางหน่วยงานมาอยู่ในฝ่ายบริหารทรัพย์สินเพื่อความรวดเร็ว พร้อมกันนี้จะจ้างที่ปรึกษาที่มีคสามเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการทรัพย์สินขนาดใหญ่เข้ามาช่วยประเมินราคาในช่วงแรก ซึ่งในภาพรวมจะลดการรั่วไหล เพิ่มรายได้ด้านการบริหารทรัพย์สินมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีรายได้จากการบริหารทรัพย์สินปีละกว่า 2,000 ล้านบาทเท่านั้น

"ในระยะแรกการปรับโครงสร้างจะไม่มีการปรับลดพนักงานรถไฟ จะเกลี่ยพนักงานที่มีให้เหมาะสมกับงานที่ปรับใหม่ก่อน ส่วนอนาคตจะมีการปรับเพิ่มพนักงานและพัฒนาศักยภาพเพื่อรองรับความร่วมมือโครงการรถไฟทางคู่ รถไฟไทย-จีน และรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ส่วนรองผู้ว่าฯร.ฟ.ท.จะยังจำนวน 7 คน โดยจะมีการปรับเปลี่ยนความรับผิดชอบให้สอดคล้องกับงาน เช่น รองผู้ว่าฯ ด้านรถไฟสายสีแดง,รองด้านยุทธศาสตร์ ,รองโครงสร้างพื้นฐาน 1,2 จะรวมกัน เป็นต้น ซึ่งจะใช้เวลาปรับเปลี่ยนภายใน 6-12 เดือน"

ส่วนที่ดินให้กระทรวงการคลัง เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินนั้นภายในเดือนมิ.ย.นี้จะมีการประชุมร่วม ระหว่างร.ฟ.ท.และกรมธนารักษ์ เพื่อดูมูลค่าทรัพย์สินที่มีการจ้างประเมิน ปรับทิศทางการพัฒนาที่ดินย่านมักกะสันให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่แบ่งพัฒนาเพื่อประโยชน์สาธารณะ , เชิงพาณิชย์ และพิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้ จะสรุปร่วมกันได้

นอกจากนี้จะมีการแก้ปัญหาคนจรจัดที่หัวลำโพง เบื้องต้นสำรวจมีประมาณ 50 คน ซี่งจะมีการจัดระเบียบใหม่ที่ไม่ให้มีปัญหารละเมิดสิทธิมนุษยชนเหมือนในอดีต โดยร.ฟ.ท. จะร่วมมือกับกรมพัฒนาและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ , NGO ,มูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมทำแผน โดยจะพัฒนาคนจรจัดเหล่านี้ในด้านอาชีพ จิตใจ เพื่อส่งคืนสู่สังคม คืนครอบครัว เพื่อให้มีอาชีพทำงาน ในขณะที่รถไฟพร้อมรับคนเหล่านี้เข้าทำงานเป็นลูกจ้างตามเหมาะสม เป็นการแก้ปัญหาเพื่ ปรับปรุงภาพลักษณ์ของหัวลำโพงใหม่ ซึ่งในปี2558 หัวลำโพงครบ99 ปี จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลอง ต่อเนื่องปีที่ 99 - ปีที่100
_________________

[Mongwin]

ปี 59 พี่สมชายเตรียมถ่ายภาพเก็บข้อมูลความคืบหน้ามาให้ชมกันเลยครับ เริ่มตั้งแต่ถมดินคันทางใหม่