Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311296
ทั่วไป:13273315
ทั้งหมด:13584611
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 96, 97, 98 ... 390, 391, 392  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 23/06/2015 2:37 pm    Post subject: Reply with quote

ครม.สั่งร.ฟ.ท.ปรับโครงการรถไฟทางคู่เส้นทางสุราษฎร์-ปาดังเบซาร์ไปเป็นสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 16:28 น. 16:30 น.

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปลี่ยนเป้าหมายโครงการ จากเดิมที่เป็นการว่าจ้างศึกษาความเหมาะสม สำรวจ และออกแบบรายละเอียด โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางสุราษฎร์ธานี-ปาดังเปซาร์ ไปเป็นสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) สังกัดกระทรวงคมนาคมนั้น มีแผนที่จะศึกษาโครงการเส้นทางระหว่างหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ อยู่แล้ว จึงเห็นว่าทับซ้อนกันระหว่างช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ดังนั้น จึงให้ สนข.คงแผนงานเดิมต่อไป แต่ให้คงกรอบงบประมาณเดิมของ ร.ฟ.ท.ไว้ แบ่งเป็นปีงบประมาณ 2558 อยู่ที่จำนวน 65.8 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2559 จำนวน 263 ล้านบาท แม้ระยะทางการก่อสร้างจะสั้นลงกว่าเดิมราว 15 กิโลเมตร เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2521 และปัจจุบันมีประชาชนบุกรุกก่อสร้างตลอดเส้นทาง
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42751
Location: NECTEC

PostPosted: 24/06/2015 6:01 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท. เปิดเวทีสาธารณะรับฟังความเห็นชาวโคราชศึกษารถไฟทางคู่ช่วงชุมทางจิระ-อุบลราชธานีเตรียมพัฒนาเป็นศูนย์กลางขนส่งโลจิสติกส์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นำเสนอโดย กษิดิศ บวกขุนทด
กรมประชาสัมพันํธ์
เมื่อ 24 มิถุนายน 2558 13:37
จำนวนผู้เข้าชม 13

รฟท. เปิดเวทีสาธารณะรับฟังความเห็นชาวโคราชศึกษารถไฟทางคู่ช่วงชุมทางจิระ-อุบลราชธานีเตรียมพัฒนาเป็นศูนย์กลางขนส่งโลจิสติกส์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

วันนี้ (24 มิถุนายน 2558) เวลา 09.00 น. ณ ห้องซิตี้พาร์ค โรงแรมซิตี้พาร์คโคราช นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชน (การประชุมใหญ่) ครั้งที่ 1 ปฐมนิเทศโครงการงานบริการที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี เพื่อนำเสนอสาระสำคัญ วัตถุประสงค์ ขอบเขตการดำเนินการ แผนการดำเนินโครงการ และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับของโครงการ พร้อมรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษาในพื้นที่ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมการสัมมนากว่า 200 คน ในการประชุมครั้งนี้ได้นำเสนอสาระสำคัญโครงการ คือ ด้านวิศวกรรมและการออกแบบแนวเส้นทางจะพัฒนาให้เป็นระบบรถไฟด่วนความเร็ว 160 กม./ชม. โดยใช้รางขนาด 1 เมตร (Meter Gauge) แต่จะต้องมีการปรับรัศมีโค้งเป็นบางช่วง เพื่อให้รองรับอัตราความเร็วที่กำหนดไว้ ซึ่งจะสร้างทางเพิ่มขึ้น 1 ทาง เพื่อวิ่งคู่ขนานกับทางรถไฟเดิม โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการฯ เมื่อพ้นจากสถานีชุมทางถนนจิระ (จ.นครราชสีมา) และไปสิ้นสุดที่สถานีอุบลราชธานี ระยะทางรวมประมาณ 309 กิโลเมตร ประกอบด้วย 34 สถานี (ไม่รวมสถานีชุมทางถนนจิระ) ผ่านพื้นที่ 16 อำเภอ ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จ.นครราชสีมา จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี โดยตลอดแนวเส้นทางโครงการฯ ส่วนใหญ่ไม่ได้พาดผ่านพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ พื้นที่อุทยานแห่งชาติ และพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ การพัฒนารถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี จะช่วยส่งเสริมให้ จ.นครราชสีมา เป็นศูนย์กลางด้านขนส่งโลจิสติกส์ที่ช่วยขนส่ง ถ่ายเทสินค้าด้านอุตสาหกรรมการเกษตร อาทิ ข้าว แป้งมันสำปะหลัง น้ำตาล ฯลฯ ที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน การเดินทางและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า ที่กระตุ้นเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน ของ จ.นครราชสีมา ให้มีการเติบโตมากขึ้น และกลายเป็นเมืองเศรษฐกิจ ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย นอกจากนี้ในอนาคตถ้ามีการต่อขยายแนวเส้นทางจากสถานีอุบลราชธานี ใน อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ไปยังบริเวณชายแดนระหว่างประเทศไทยกับ สปป.ลาว จะทำให้แนวเส้นทางนี้ช่วยทำหน้าที่เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศตามระเบียบเศรษฐกิจ ในแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Corridor) ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันการพัฒนาประเทศและการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของไทยในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะก่อให้เกิดความคุ้มค่าในด้านเศรษฐกิจ สังคม สภาพแวดล้อม และเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรอบโครงการฯ

โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี เป็นเส้นทางหนึ่งตามแผนการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ของกระทรวงคมนาคม ที่จะก่อสร้างปรับปรุงทางรถไฟช่วงสถานีชุมทางถนนจิระ (จ.นครราชสีมา) ถึงสถานีอุบลราชธานี จากทางเดี่ยวให้เป็นทางคู่ โดยมอบหมายให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นผู้รับผิดชอบในการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดโครงการฯ มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน (ตั้งแต่เดือนเมษายน 2558-เดือนเมษายน ทั้งนี้ รฟท.จะมีการจัดประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชนอีก 2 ครั้ง ในช่วงประมาณเดือนกันยายน 2558 และประมาณเดือนมกราคม 2559 เพื่อนำเสนอผลการศึกษาโครงการฯ ในขั้นตอนต่อไป โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดของโครงการฯ ได้ที่ www.chira-ubonrailway.com

การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเวทีสาธารณะรับฟังความเห็นชาวโคราช ศึกษารถไฟทางคู่ช่วงชุมทางธีระปลายทางอุบลราชธานี
แหล่งที่มา : สวท.นครราชสีมา
วันที่ข่าว : 24 มิถุนายน 2558
เช้าวันนี้ ( 24 มิย.58) นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นประธานเปิดการประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชนครั้งที่ 1 ปฐมนิเทศโครงการงานบริการที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนธีระไปถึงปลายทางอุบลราชธานี ซึ่งในโครงการดังกล่าวนี้ จะได้มีการพูดคุยขอบเขตวัตถุประสงค์การดำเนินโครงการและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับของโครงการ พร้อมรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนใน จ.นครราชสีมา

ซึ่งมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐวิสาหกิจ องค์กรส่วนปกครองท้องถิ่นภาคธุรกิจเอกชน เข้าร่วมรับฟังในวันนี้กว่า 200 คน โดยมี นายวรรณลพ ไพรสารพงค์ รองวิศวกรใหญ่ด้านก่อสร้างโครงการ โครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้กล่าวสรุปสาระสำคัญของโครงการ คือด้านวิศวกรรมและการออกแบบแนวเส้นทาง จะพัฒนาให้เป็นระบบรถไฟด่วนความเร็ว 160 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง โดยใช้รางขนาด 1 เมตร แต่จะตั้งมีการปรับรัศมีโค้งเป็นบางช่วง เพื่อให้รองรับอัตราความเร็วที่กำหนดไว้ ซึ่งจัดสร้างทางเพิ่มขึ้น 1 ทาง เพื่อวิ่งคู่ขนานกับทางรถไฟเดิมโดยจุดเริ่มต้นโครงการ เมื่อพ้นจากสถานีชุมทางธีระนครราชสีมา จะไปสิ้นสุดที่สถานีอุบลราชธานี ระยะทางรวมประมาณ 309 กิโลเมตร มี 34 สถานีหลัก ผ่านพื้นที่ 16 อำเภอ ใน 5 จังหวัด คือ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

การพัฒนารถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนธีระถึงปลางทางอุบลราชธานี จะช่วยเสริมให้จังหวัดนครราชสีมาเป็นศูนย์กลางด้านขนส่งโลจิสติกส์ และการขนส่งทางรางในอนาคต นอกจากนี้ในอนาคต ถ้ามีการต่อขยายแนวเส้นทางจากสถานีอุบลราชธานีผ่านไปยังสถานีชายแดนระหว่างประเทศไทยและ สปป.ลาว ก็จะทำให้แนวเส้นทางนี้ ช่วยทำหน้าที่เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ตามระเบียงเศรษฐกิจในแนวตะวันออก ตะวันตก ได้ดียิ่งขึ้น ผลักดันการพัฒนาประเทศและการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนธีระปลายทางอุบลราชธานี เป็นเส้นทางหนึ่งตามแผนการพัฒนารถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ของกระทรวงคมนาคม ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยจะมีการจัดประชุม การมีส่วนร่วมของประชาชนอีก 2 ครั้ง ในช่วงเดือนกันยายน ปีนี้ และประมาณเดือน มกราคม ปีหน้า เพื่อนำเสนอผลการศึกษาโครงการในขั้นตอนต่อไป


โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ–อุบลราชธานี มีจุดเริ่มต้นที่จุดเริ่มต้นโครงการบริเวณสถานีชุมทางถนนจิระ ที่กม. 266 + 304 และสิ้นสุดที่สถานีอุบลราชธานี ที่กม. 575 + 100 ระยะทางรวมประมาณ 309 กิโลเมตร ประกอบด้วย 37 สถานี
แบ่งเป็นสถานีชั้น 1 จำนวน 7 สถานี
สถานีชั้น 2 จำนวน 7 สถานี และ
สถานีชั้น 3 จำนวน 20 สถานี
โดยมีสถานีที่เป็นชุมทางรถไฟ 1 สถานี คือสถานีชุมทางถนนจิระ

Click on the image for full size
โผบัญชีรายชื่อสถานี
ลำดับ ชื่อสถานี ชื่อภาษาอังกฤษ ชื่อย่อ กม.รถไฟ ชั้นสถานี
0 สถานีชุมทางถนนจิระ Thanon Jira Junction จร. 266 + 304 1
1 บ้านพะเนา Ban Phanao พเ. 276.35 กม. 3
2 ท่าช้าง Tha Chang ชา. 285.40 กม. 3
3 หนองมโนรมย์ Nong Manorom มโ. 293.26 กม. 3
4 จักราช Chakkarat จช. 300.15 กม. 2
5 บ้านหินโคน Ban Hin Khon หโ. 309.75 กม. 3
6 หินดาษ Hin Dat ดา. 316.90 กม. 3
7 ห้วยแถลง Huai Thalaeng ถล. 325.65 กม. 2
8 หนองกระทิง Nong Kathing ทง. 337.50 กม. 3
9 ลำปลายมาศ Lam Plai Mat ลำ. 345.70 กม. 1
10 ทะเมนชัย Thamen Chai มช. 354.85 กม. 3
11 บ้านแสลงพัน Ban Salaeng Phan งพ. 363.30 กม. 3
12 บ้านหนองตาด Ban Nong Tat ตา. 366.50 กม. 3
13 บุรีรัมย์ Buri Ram รย. 376.02 กม. 1
14 ห้วยราช Huai Rat หร. 385.51 กม. 2
15 กระสัง Krasang ะส. 398.65 กม. 2
16 หนองเต็ง Nong Teng เต. 405.50 กม. 3
17 ลำชี Lam Chi ลช. 412.00 กม. 3
18 สุรินทร์ Surin สร. 419.75 กม. 1
19 บุฤๅษี Bu Rusi บุ. 428.60 กม. 3
20 เมืองที Muang Thi อท. 437.16 กม. 3
21 กะโดนค้อ Kadon Kho ดค. 445.50 กม. 3
22 ศีขรภูมิ Sikhoraphum รภ. 452.39 กม. 1
23 บ้านกะลัน Ban Kalan ลน. 460.25 กม. 3
24 สำโรงทาบ Samrong Thap สบ. 471.00 กม. 2
25 ห้วยทับทัน Huai Thap Than ทท. 481.50 กม. 2
26 อุทุมพรพิสัย Uthomphon Phisai อุ. 494.45 กม. 1
27 บ้านเนียม Ban Niam นเ. 504.00 กม. 3
28 ศรีสะเกษ Si Sa Ket เก. 515.09 กม. 1
29 หนองแวง Nong Waeng อว. 527.19 กม. 3
30 บ้านคล้อ Ban Khlo าค. 534.20 กม. 3
31 กันทรารมย์ Kanthararom าร. 542.18 กม. 2
32 ห้วยขยุง Huai Khayung ขย. 553.99 กม. 3
33 บุ่งหวาย Bung Wai งห. 566.20 กม. 3
34 อุบลราชธานี Ubon Ratchathani อน. 575.10 กม. 1

http://www.chira-ubonrailway.com/about2.php
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42751
Location: NECTEC

PostPosted: 24/06/2015 6:22 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
ทีมพีอาร์รฟท. รายงานเรื่องการ เปิดเวทีฟังเสียงชาวชุมพร ร่วมพัฒนารถไฟทางคู่ช่วงชุมพร – สุราษฎร์


http://www.chumphon-suratrailway.com/about3.php


รฟท.ประชุมร่วมพัฒนารถไฟรางคู่ ส่วนใหญ่ขานรับ
ข่าวด่วน
เนชั่นทีวี
วันอังคารที่ 23 มิถุนายน 2558 เวลา 11:52 น.


ร.ฟ.ท.รับฟังความเห็นชาวสุราษฎร์ฯ พัฒนารถไฟทางคู่ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ฯ


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
23 มิถุนายน 2558 17:31 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มิถุนายน 2558 09:37 น.)


สุราษฎร์ธานี - การรถไฟแห่งประเทศไทย รับฟังความคิดเห็นชาวสุราษฎร์ฯ ร่วมพัฒนารถไฟทางคู่ช่วงสุราษฎร์ฯ -ชุมพร รับ AEC ส่วนใหญ่เห็นด้วย แต่ติงปัญหาความปลอดภัย

วันนี้ (23 มิ.ย.) ณ ห้องแก้วสมุยแกรนด์ฮอลล์ โรงแรมแก้วสมุย รีสอร์ท อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์ จินโต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานเปิดการประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชน (การประชุมใหญ่) ครั้งที่ 1 ปฐมนิเทศโครงการงานบริการที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสม และออกแบบรายละเอียดโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี เพื่อนำเสนอความสำคัญ ขอบเขตการดำเนินงาน และรูปแบบแนวเส้นทางที่เหมาะสม พร้อมทั้งระดมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ สถานศึกษาในพื้นที่ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน และภาคประชาชนจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าร่วมการสัมมนาประมาณ 300 คน

สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้นำเสนอแนวเส้นทางโครงการโดยเริ่มจากสถานีชุมพร สิ้นสุดโครงการที่สถานีสุราษฎร์ธานี ผ่าน 2 จังหวัด 9 อำเภอ ได้แก่ จ.ชุมพร ผ่าน อ.เมืองชุมพร อ.สวี อ.ทุ่งตะโก อ.หลังสวน และ อ.ละแม มีสถานี 11 สถานี (ไม่รวมสถานีชุมพร) จ.สุราษฎร์ธานี ผ่าน อ.ท่าชนะ อ.ไชยา อ.ท่าฉาง และ อ.พุนพิน มีสถานี 10 สถานี ซึ่งตลอดระยะทางของโครงการรวมทั้งสิ้น 21 สถานี โดยออกแบบก่อสร้างเพิ่มทางวิ่ง 1 ทางคู่ขนานไปกับแนวทางเดิมมีขนาดทาง 1 เมตร (Meter Gauge) รองรับความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงต้องมีการปรับปรุงเส้นทางรถไฟที่เป็นโค้งวงแคบให้รถไฟ สามารถใช้ความเร็วได้เต็มประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอแนวทางการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เช่น คุณภาพอากาศ ทรัพยากรป่าไม้ แหล่งโบราณคดี และประวัติศาสตร์ เป็นต้น รวมทั้งเสนอมาตรการป้องกันผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง โดยมีระยะเวลาการศึกษารวมทั้งสิ้น 12 เดือน (ตั้งแต่เดือน เม.ย.58- เม.ย.59)

โดยการพัฒนารถไฟทางคู่ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี จะช่วยยกระดับให้จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการเดินทาง และการขนส่งสินค้าไปยังจังหวัดต่างๆ ของอ่าวไทย-อันดามัน โดยมีศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าที่บริเวณสถานีทุ่งโพธิ์ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งสามารถเชื่อมต่อระบบการขนส่งทางรางไปยังสถานีปาดังเบซาร์ สถานีสุไหง-โกลก และประเทศมาเลเซีย อีกทั้งช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่ง เช่น เขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) อุทยานแห่งชาติเขาสก เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง

นายวิชวุทย์ จินโต รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า รถไฟทางคู่สามารถเป็นเส้นทางที่รองรับ AEC ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ ที่จะพัฒนาด้านการค้า และบริการนักท่องเที่ยวที่สามารถเพิ่มทางเลือกแก่นักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ทั้งนี้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน และการมีส่วนร่วมของประชาชน

นายอนุวัตร์ รจิตานนท์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม กล่าวว่า โดยความเห็นส่วนตัวเห็นด้วยต่อโครงการรถไฟทางคู่ ทั้งนี้ พื้นที่เทศบาลเมืองท่าข้าม เป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี หากโครงการนี้เกิดขึ้นจริงอยากให้ทางการรถไฟฯ โยกย้ายที่ตั้งสถานีปัจจุบันไปไว้ที่บริเวณริมเขื่อนแม่น้ำตาปี เพื่อให้นักท่องเที่ยว และผู้โดยสารได้เห็นความสวยงามภูมิทัศน์แม่น้ำตาปี แม่น้ำสายหลักของภาคใต้ได้ง่ายขึ้น

ด้าน นายวรรณนพ ไพศาลพงศ์ รองวิศวกรใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐาน การรถไฟแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการรถไฟทางคู่เป็นโครงการของรัฐบาล หากแล้วเสร็จสามารถเชื่อมต่อไปยังกลุ่มประเทศในอาเซียนได้ โดยในส่วนของช่วงระหว่างชุมพร-สุราษฎร์ธานี อาจจะต้องมีการเวนคืนที่ดินของชาวบ้าน แต่ทั้งนี้พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นของการรถไฟฯ แต่อย่างไรก็ตาม การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสม และออกแบบรายละเอียดโครงการก่อสร้างไปตามแผนการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 ของกระทรวงคมนาคมเพื่อพัฒนาโครงข่ายรถไฟจากทางเดี่ยวให้เป็นทางคู่ แก้ปัญหาความล่าช้าของการเดินรถไฟสายใต้

โครงการรถไฟทางคู่ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี มีระยะทาง 167.5 กิโลเมตร จะเชื่อมต่อกับโครงการทางคู่ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร มีระยะทางรวม 334.5 กิโลเมตร ซึ่งการประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชนครั้งนี้ ทาง ร.ฟ.ท.จะนำข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะที่ได้จากผู้เข้าร่วมประชมไปพิจารณาประกอบในรายงานผลการศึกษาทุกด้านของโครงการ และจะจัดเตรียมส่งมอบให้แก่กระทรวงคมนาคมดำเนินการในขั้นตอนต่อไป โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามความคืบหน้า และรายละเอียดของโครงการฯ ได้ที่ www.chumphon-suratrailway.com
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 25/06/2015 4:23 pm    Post subject: Reply with quote

สุรินทร์หารือโครงการสร้างรถไฟรางคู่
INN News ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2558 15:12น.

Click on the image for full size

Click on the image for full size

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ หารือโครงการสร้างรถไฟรางคู่ พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน

นายถาวร กุลโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1 โครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี เพื่อนำเสนอสาระสำคัญ วัตถุประสงค์ ขอบเขตการดำเนินการ แผนการดำเนินโครงการและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับของโครงการ พร้อมรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษาในพื้นที่ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมสัมมนากว่า 200 คน

นายวรรณนพ ไพศาลพงษ์ รองวิศวกรใหญ่ ด้านก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คาดว่าจะได้เริ่มก่อสร้างประมาณต้นปี 2560 ระยะทางก่อสร้างกว่า 300 กม. จะต้องใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี น่าจะเสร็จสิ้นประมาณ ปี 2564 และปี 2565 น่าจะเดินรถได้

ด้าน นายถาวร กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะเป็นโอกาสอันดีที่ประชาชนได้รับโอกาสเป็นอย่างมาก ช่วยในเรื่องการคมนาคม การขนส่งสินค้า รวมทั้ง การท่องเที่ยว คนที่จะมาสุรินทร์ มีโอกาสเข้ามากขึ้น ด้วยการโดยสารรถไฟ เพราะว่ารถไฟรางคู่จะทำให้ย่นระยะเวลาการเดินทางได้มากขึ้น

Click on the image for full size

Click on the image for full size

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 25/06/2015 4:35 pm    Post subject: Reply with quote

บอร์ดสวล.ไฟเขียวแล้ว! รถไฟรางคู่"ประจวบฯ-ชุมพร"
Nation TV วันที่ 25 มิถุนายน 2558 14:42 น.

บอร์ดสวล.ไฟเขียวรถไฟรางคู่สายใต้ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร หลังจี้คุมเข้มมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและะสัตว์ป่าใน 6 ป่าสงวนแห่งชาติและ 1 อุทยานแห่งชาติ

นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเห็นชอบรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)โครงการระบบรถไฟรางคู่เพื่อการขนส่งและการจัดการโลจิสติกส์ระยะเร่งด่วน ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 169 กิโลเมตร ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หลังจากที่มีการนำเสนอเข้าพิจารณาในคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาโครงการ(คชก.) รวม 4 ครั้งตั้งแต่ปี 2555 เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างมีบางจุดที่ผ่านอุทยานแห่งชาติหาดวนกร ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองแม่รำพึง ป่าสงวนแห่งชาติเขาสีเสียด จ.ประจวบคีรีขันธ์ และป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำตกกะเปาะ ป่าสงวนแห่งชาติเขาช้างตาย-ป่าเขาสีเสียด และป่าสงวนแห่งชาติป่าบางน้ำจืด จ.ชุมพร

นายเกษมสันต์ บอกว่า ที่ประชุมบอร์ดสิ่งแวดล้อมให้รฟท.ประสานกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรื่องความจำเป็นในการกั้นรั้วตลอดแนว 2 ข้างทางรถไฟในช่วงที่ต้องผ่านอุทยานแห่งชาติหาดวนกร เพื่อลดผลกระทบต่อสัตว์ป่าและต้องออกแบบรั้วให้มีช่องว่างระหว่างกรอบกับคันคอนกรีตที่ขนานกับพื้นช่องว่างประมาณ 10 เมตร ส่วนรั้วบริเวณท่อลอดต้องออกแบบให้สัตว์ป่าขนาดเล็กสามารถมุดลอดข้ามไปมาได้

นอกจากนี้ บอร์ดสิ่งแวดล้อมยังให้พิจารณาพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวต่อการได้รับผลกระทบเรื่องเสียงและความสั่นสะเทือน โดยต้องทำบัฟเฟอร์โซน ทั้งในระหว่างก่อสร้างและหลังก่อสร้าง

สำหรับโครงการนี้มีจุดก่อสร้างตั้งแต่สถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ ถึงสถานีรถไฟชุมพร ระยะทาง 169 กิโลเมตร ผ่านพื้นที่ 6 อำเภอใน 2 จังหวัด เช่น อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์. อ.ทับสะแก. อ.บางสะพานน้อย. อ.ปะทิว และมีสถานี 21 จุด แต่บางบริเวณต้องผ่านอุทยานแห่งชาติและป่าสงวนแห่งชาติ จึงต้องพิจารณาอย่างเข้มข้นจากคชก. และต้องตั้งงบประมาณเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
nutsiwat
2nd Class Pass
2nd Class Pass


Joined: 03/03/2011
Posts: 684
Location: สถานีเรณูนคร

PostPosted: 25/06/2015 9:23 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟทางคู่ จากชุมทางจิระ - อุบลราชธานี หากได้งบประมาณเพิ่มอีกหน่อย ผมว่าน่าจะขยายต่อไปจนถึงด่านช่องเม็กนะครับ เพราะต่อไปในอนาคตด่านช่องเม็กจะมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจอีกมาก และสามารถใช้เป็นจุดขนถ่ายสินค้าข้ามไปยังฝั่งลาวไปถึงปากเซได้ครับ
_________________
Laughing Laughing Laughing Laughing
--------------------------

สถานีต่อไป สถานีเรณูนคร
next station Renunakorn
Back to top
View user's profile Send private message Yahoo Messenger MSN Messenger
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42751
Location: NECTEC

PostPosted: 26/06/2015 1:19 am    Post subject: Reply with quote

ร.ฟ.ท.ลุยต่อรถไฟทางคู่จิระ-อุบล 4 หมื่นล้าน ดันโคราชศูนย์กลางเชื่อมลาว-เวียดนาม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
25 มิถุนายน 2558 21:26 น.


ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ร.ฟ.ท. เดินหน้าลุยต่อรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางจิระโคราช -อุบลฯ เป็นศูนย์กลางขนส่งโลจิสติกส์อีสาน จ้างบริษัทที่ปรึกษากว่า 220 ล้าน ศึกษาออกแบบ คาดใช้งบสร้างกว่า 4 หมื่นล้านลงมือได้ปลายปี’59 เผยส่วนเส้นทางจิระ-ขอนแก่น บรรจุในแผนระยะเร่งด่วนลงมือสร้างปลายปี’58 มีเพียงมาบกะเบา-จิระ ยังไม่ผ่าน EIA เตรียมยื่นใหม่ ด้านผู้ว่าฯชี้ดันโคราชเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์เชื่อมเพื่อนบ้าน ลาว-เวียดนาม

วันนี้ (25 มิ.ย.) นายวรรณนพ ไพศาลพงศ์ รองวิศกรใหญ่ด้านก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี เป็นเส้นทางหนึ่งตามแผนการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ของกระทรวงคมนาคม ที่จะก่อสร้างปรับปรุงทางรถไฟช่วงสถานีชุมทางถนนจิระ จ.นครราชสีมา ถึงสถานีอุบลราชธานี จากทางเดี่ยวให้เป็นทางคู่ โดยมอบหมายให้ ร.ฟ.ท.เป็นผู้รับผิดชอบในการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดโครงการฯ มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน เมษายน 2558-เมษายน 2559

ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ได้ว่าจ้าง 3 บริษัทที่ปรึกษาประกอบด้วย บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอดน์ เมนเนจเม้นท์ จำกัด บริษัททีแอลที คอนซัลแตนส์ จำกัด และ บริษัทดาวฤกษ์ คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด เพื่อ ศึกษาความเหมาะสม สำรวจออกแบบรายละเอียดทางวิศวกรรม และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลระทบสิ่งแวดล้อม ( EIA) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทางประมาณ 309 กิโลเมตร ด้วยงบประมาณ 220 ล้านบาท

ล่าสุดได้มีการประชุมเสนอ ขอบเขตการดำเนินการ แผนการดำเนินโครงการ และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับของโครงการ พร้อมรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน ที่ จ.นครราชสีมา

โดยได้นำเสนอสาระสำคัญโครงการ คือ ด้านวิศวกรรมและการออกแบบแนวเส้นทางจะพัฒนาให้เป็นระบบรถไฟด่วนความเร็ว 160 กม./ชม. โดยใช้รางขนาด 1 เมตร (Meter Gauge) แต่ต้องมีการปรับรัศมีโค้งเป็นบางช่วง เพื่อให้รองรับอัตราความเร็วที่กำหนดไว้ ซึ่งจะสร้างทางเพิ่มขึ้น 1 ทางเพื่อวิ่งคู่ขนานกับทางรถไฟเดิม มีจุดเริ่มต้นโครงการฯ เมื่อพ้นจากสถานีชุมทางถนนจิระ (จ.นครราชสีมา) และไปสิ้นสุดที่สถานีอุบลราชธานีระยะทางรวมประมาณ 309 กิโลเมตร ประกอบด้วย34 สถานี (ไม่รวมสถานีชุมทางถนนจิระ) ผ่านพื้นที่ 16 อำเภอ ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จ.นครราชสีมา จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี ตลอดแนวเส้นทางโครงการฯ ส่วนใหญ่ไม่ได้พาดผ่านพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ พื้นที่อุทยานแห่งชาติ และพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

นายวรรณนพ กล่าวอีกว่า การพัฒนารถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี จะช่วยส่งเสริมให้จ.นครราชสีมา เป็นศูนย์กลางด้านขนส่งโลจิสติกส์ที่ช่วยขนส่ง ถ่ายเทสินค้าด้านอุตสาหกรรมการเกษตร อาทิ ข้าว แป้งมันสำปะหลัง น้ำตาล ฯลฯ ที่สำคัญของภาคอีสาน และมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน การเดินทางและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า ที่กระตุ้นเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน ของ จ.นครราชสีมา ให้มีการเติบโตมากขึ้น และกลายเป็นเมืองเศรษฐกิจ ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย

นอกจากนี้ ในอนาคตถ้ามีการต่อขยายแนวเส้นทางจากสถานีอุบลราชธานี ใน อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ไปยังบริเวณชายแดนระหว่างประเทศไทยกับ สปป.ลาว จะทำให้แนวเส้นทางนี้ช่วยทำหน้าที่เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศตามระเบียบเศรษฐกิจในแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Corridor) ได้ดียิ่งขึ้น ช่วยผลักดันการพัฒนาประเทศและการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของไทยในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะก่อให้เกิดความคุ้มค่าในด้านเศรษฐกิจ สังคม สภาพแวดล้อม และเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรอบโครงการฯ

“คาดว่าจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งหมดกว่า 40,000 ล้านบาท โดยใช้เงินกู้และปลายปี 2559 น่าจะจ้างเหมาเอกชนลงมือก่อสร้างได้” นายวรรณนพ กล่าว

นายวรรณนพ กล่าวอีกว่า ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม.ใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท นั้น ขณะนี้ยังไม่ผ่าน EIA ซึ่งเสนอให้คณะกรรมการฯ พิจารณาไปแล้ว 2 รอบแต่ยังไม่ผ่านจึงอยู่ระหว่างการแก้ไขโดยทางคณะกรรมการฯ บอกว่าเป็นการผ่านพื้นที่อนุรักษ์ จึงได้มีการปรับแก้ทำเป็นอุโมงค์ในช่วงสระบุรี โดยต้องกันพื้นที่สัมปทานของบริษัทเอกชนในการระเบิดหินให้ออกห่างเส้นทางรถไฟด้วย ซึ่งทางเอกชนให้ความร่วมมือดีไม่ปีปัญหา

ฉะนั้นจึงเสนอคณะกรรมการฯ กลับเข้าไปอีกครั้ง หากผ่าน EIA ก็ไม่น่าจะมีปัญหา และ ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กม. งบประมาณการก่อสร้างกว่า 26,000 ลานบาท บรรจุอยู่ในแผนระยะเร่งด่วน 6 เส้นทาง ของรัฐบาลที่มีการอนุมัติโครงการแล้วคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปลายปี 2558 นี้ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปีจะแล้วเสร็จ หากทุกโครงการแล้วเสร็จการเชื่อมโยงอีสานกับภาคกลางได้ทั้งหมด

ด้าน นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนงาน 10 ปีที่โคราชต้องมี ซึ่งหากโครงการดำเนินการเป็นรูปธรรมจะส่งผลดีต่อจ.นครราชสีมาโดยเฉพาะระบบโลจิสติกส์ซึ่งปัจจุบันมีการขนส่งสินค้าเกษตรผ่านทางรถยนต์จำนวนมาก แต่มีผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังซึ่งจ.นครราชสีมาเป็นพื้นที่ที่มีการผลิตมันสำปะหลังมากที่สุดในประเทศไทยมีพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดกว่า 1.9 ล้านไร่ส่งออกที่ท่าเรือแหลมฉบังและอยุธยา ขณะนี้กลุ่มโรงแป้งมันขนส่งระบบรางอยู่แล้ว แต่หากระบบรถไฟรางคู่สำเร็จจะสามารถเปลี่ยนจากระบบขนส่งระบบทางรถยนต์ไปใช้ระบบรางทั้งหมด ลดต้นทุนการขนส่ง ประหยัดเวลาและปลอดภัย ลดความแออัดบนทางหลวง ลดการนำเข้าเชื้อเพลิง มีความสะดวกในการขนส่ง

นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆที่จะได้ผลประโยชน์ ซึ่งนครราชสีมามีโรงงานอุตสาหกรรมมากกว่า 3,000 แห่ง เฉพาะโปแตสที่ อ.พิมาย ส่งออกหลายพันตันต่อปี ไปที่ จ.ระยอง ซึ่งใช้การขนส่งทางรถยนต์ หากมีระบบรางเชื่อว่าอุตสาหกรรมเหล่านี้จะไปใช้บริการทั้งสิ้น หรือแม้แต่ช่วงที่มีการก่อสร้างคาดว่าจะมีการจ้างงานเกิดขึ้นอีกจำนวนมาก แต่ไม่อยากให้มองแค่ที่ จ.นครราชสีมาเท่านั้นจะได้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าวแต่ประชาชนชาวอีสานอีก 19 จังหวัดภาคอีสาน รวมเวียดนามและสปป.ลาวก็ได้รับประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น

“โคราชไม่เหมือนจังหวัดใหญ่อื่นๆ แต่เป็นจุดเชื่อมของภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านต้องผ่าน จ.นครราชสีมา แม้แต่เส้นทางท่องเที่ยวหากมีโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นก็สามารถนั่งรถไฟข้ามไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านและเดินทางกลับมาได้ในวันเดียว” นายธงชัย กล่าวในตอนท้าย

//--------------

บอร์ดสวล.ไฟเขียวแล้ว! รถไฟรางคู่"ประจวบฯ-ชุมพร"
โดย Nation TV
วันที่ 25 มิถุนายน 2558 14:42 น.

2,990 views

บอร์ดสวล.ไฟเขียวรถไฟรางคู่สายใต้ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร หลังจี้คุมเข้มมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและะสัตว์ป่าใน 6 ป่าสงวนแห่งชาติและ 1 อุทยานแห่งชาติ

นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเห็นชอบรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)โครงการระบบรถไฟรางคู่เพื่อการขนส่งและการจัดการโลจิสติกส์ระยะเร่งด่วน ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 169 กิโลเมตร ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หลังจากที่มีการนำเสนอเข้าพิจารณาในคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาโครงการ(คชก.) รวม 4 ครั้งตั้งแต่ปี 2555 เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างมีบางจุดที่ผ่านอุทยานแห่งชาติหาดวนกร ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองแม่รำพึง ป่าสงวนแห่งชาติเขาสีเสียด จ.ประจวบคีรีขันธ์ และป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำตกกะเปาะ ป่าสงวนแห่งชาติเขาช้างตาย-ป่าเขาสีเสียด และป่าสงวนแห่งชาติป่าบางน้ำจืด จ.ชุมพร

นายเกษมสันต์ บอกว่า ที่ประชุมบอร์ดสิ่งแวดล้อมให้รฟท.ประสานกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรื่องคามจำเป็นในการกั้นรั้วตลอดแนว 2 ข้างทางรถไฟในช่วงที่ต้องผ่านอุทยานแห่งชาติหาดวนกร เพื่อลดผลกระทบต่อสัตว์ป่าและต้องออกแบบรั้วให้มีช่องว่างระหว่างกรอบกับคันคอนกรีตที่ขนานกับพื้นช่องว่างประมาณ 10 เมตร ส่วนรั้วบริเวณท่อลอดต้องออกแบบให้สัตว์ป่าขนาดเล็กสามารถมุดลอดข้ามไปมาได้

นอกจากนี้ บอร์ดสิ่งแวดล้อมยังให้พิจารณาพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวต่อการได้รับผลกระทบเรื่องเสียงและความสั่นสะเทือน โดยต้องทำบัฟเฟอร์โซน ทั้งในระหว่างก่อสร้างและหลังก่อสร้าง

สำหรับโครงการนี้มีจุดก่อสร้างตั้งแต่สถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ ถึงสถานีรถไฟชุมพร ระยะทาง 169 กิโลเมตร ผ่านพื้นที่ 6 อำเภอใน 2 จังหวัด เช่น อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์. อ.ทับสะแก. อ.บางสะพานน้อย. อ.ปะทิว และมีสถานี 21 จุด แต่บางบริเวณต้องผ่านอุทยานแห่งชาติและป่าสงวนแห่งชาติ จึงต้องพิจารณาอย่างเข้มข้นจากคชก. และต้องตั้งงบประมาณเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42751
Location: NECTEC

PostPosted: 26/06/2015 4:43 pm    Post subject: Reply with quote

อีสานใต้นับถอยหลัง รัฐบาล"บิ๊กตู่" ทุ่มงบ2.6หมื่นล้าน สร้างรถไฟทางคู่
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
26 มิถุนายน 2558 2558 เวลา 16:00:24 น.


อีสานใต้ 5 จังหวัด นับถอยหลัง รัฐบาลทุ่มงบ2.6หมื่นล้าน สร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางจิระ-อุบลฯ ร.ฟ.ท.เร่งศึกษาเสร็จปี′59

ร.ฟ.ท.เดินสายรับฟังความเห็นชาวโคราช-บุรีรัมย์-สุรินทร์-ศรีสะเกษ-อุบลฯศึกษาบิ๊กโปรเจ็กต์"รถไฟทางคู่"ช่วงชุมทางจิระ-อุบลฯ ระยะทาง 309 กม. 34 สถานี พร้อมเตรียมพัฒนาเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์

นายวรรณนพ ไพศาลพงศ์ รองวิศวกรใหญ่ด้านก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า ในช่วงนี้การรถไฟแห่งประเทศไทยได้เดินสายจัดประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชน (การประชุมใหญ่) ครั้งที่ 1 ปฐมนิเทศโครงการงานบริการที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ซึ่งการออกแบบแนวเส้นทางจะพัฒนาให้เป็นระบบรถไฟด่วนความเร็ว 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยใช้รางขนาด 1 เมตร (Meter Gauge) แต่จะต้องมีการปรับรัศมีโค้งเป็นบางช่วง เพื่อให้รองรับอัตราความเร็วที่กำหนดไว้ ซึ่งจะสร้างทางเพิ่มขึ้น 1 ทาง เพื่อวิ่งคู่ขนานกับทางรถไฟเดิม



โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการฯ เมื่อพ้นจากสถานีชุมทางถนนจิระ จ.นครราชสีมา และไปสิ้นสุดที่สถานีอุบลราชธานี ระยะทางรวมประมาณ 309 กิโลเมตร ประกอบด้วย 34 สถานี (ไม่รวมสถานีชุมทางถนนจิระ) ผ่านพื้นที่ 16 อำเภอ ใน 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี โดยตลอดแนวเส้นทางส่วนใหญ่ไม่ได้พาดผ่านพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ พื้นที่อุทยานแห่งชาติ และพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งหมด 26,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ การพัฒนารถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี จะช่วยส่งเสริมให้ จ.นครราชสีมา เป็นศูนย์กลางด้านขนส่งโลจิสติกส์ที่ช่วยขนส่ง-ถ่ายเทสินค้าด้านอุตสาหกรรมการเกษตรที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนืออาทิข้าวแป้งมันสำปะหลัง น้ำตาล ฯลฯ และสนับสนุนการเดินทางและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน ของ จ.นครราชสีมา ให้มีการเติบโตมากขึ้น และกลายเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย

นอกจากนี้ในอนาคตถ้ามีการต่อขยายแนวเส้นทางจากสถานีในอ.วารินชำราบจ.อุบลราชธานี ไปยังบริเวณชายแดนไทยกับ สปป.ลาว ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศตามระเบียบเศรษฐกิจ ในแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Corridor) ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันการพัฒนาประเทศและการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของไทยในภูมิภาคอาเซียน

โครงการนี้ ร.ฟ.ท. เป็นผู้รับผิดชอบในการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดโครงการฯระยะเวลา 12 เดือน เม.ย.58-เม.ย.59 ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.จะมีการจัดประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชนอีก 2 ครั้ง ในช่วงประมาณเดือนกันยายน 2558 และประมาณเดือนมกราคม 2559 เพื่อนำเสนอผลการศึกษาโครงการฯ ในขั้นตอนต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44640
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 26/06/2015 5:24 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
อีสานใต้นับถอยหลัง รัฐบาล"บิ๊กตู่" ทุ่มงบ2.6หมื่นล้าน สร้างรถไฟทางคู่
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
26 มิถุนายน 2558 2558 เวลา 16:00:24 น.

เดินสายอีสานใต้เปิดเวทีลุยรถไฟรางคู่ “โคราช–อุบล” ดันไทยศูนย์กลางลอจิสติกส์อาเซียน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มิถุนายน 2558 12:09 น.

เดินสายอีสานใต้เปิดเวทีลุยรถไฟรางคู่ “โคราช–อุบล” ดันไทยศูนย์กลางลอจิสติกส์อาเซียน
ร.ฟ.ท. เดินสายเปิดเวทีที่ จ.สุรินทร์ นำเสนอโครงการและรับฟังความคิดเห็น การก่อสร้างรถไฟรางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี พาดผ่าน 5 จังหวัดอีสานใต้ 309 กม.ความเร็ว 160 กม./ชม.

สุรินทร์ - ร.ฟ.ท.เดินสายเปิดเวทีรับฟังความเห็นประชาชนโครงการรถไฟรางคู่สายจิระ โคราช-อุบลฯ 309 กม. ความเร็ว 160 กม./ชม. พาดผ่าน 5 จังหวัดอีสานใต้ เผยเมืองช้างรับผลดีย่นเวลาเดินทางดึงคนสู่เมืองอุตสาหกรรมเกษตรอินทรีย์และท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ เชื่อมโยงขนส่งสินค้าระหว่างประเทศตามแนวตะวันออก-ตก ดันไทยเป็นศูนย์กลางลอจิสติกส์อาเซียน ชี้ตามแผนลงมือสร้างปี 2560 เริ่มเดินรถได้ปี 2565

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงแรมทองธารินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายถาวร กุลโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดการประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชน (การประชุมใหญ่) ครั้งที่ 1 ปฐมนิเทศโครงการงานบริการที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด โครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี เพื่อนำเสนอสาระสำคัญ วัตถุประสงค์ ขอบเขตการดำเนินการ แผนการดำเนินโครงการ และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับของโครงการ พร้อมรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน

โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษาในพื้นที่ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมสัมมนากว่า 200 คน เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา

สำหรับการประชุมครั้งนี้มีการนำเสนอสาระสำคัญของโครงการ คือ ด้านวิศวกรรมและการออกแบบแนวเส้นทางที่จะพัฒนาให้เป็นระบบรถไฟด่วนความเร็ว 160 กิโลเมตร (กม.)/ชั่วโมง (ชม.) โดยใช้รางขนาด 1 เมตร (Meter Gauge) แต่ต้องมีการปรับรัศมีโค้งเป็นบางช่วงเพื่อให้รองรับอัตราความเร็วที่กำหนดไว้ ซึ่งจะสร้างทางเพิ่มขึ้น 1 ทางเพื่อวิ่งคู่ขนานกับทางรถไฟเดิม โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการเมื่อพ้นจากสถานีชุมทางถนนจิระ จ.นครราชสีมา และสิ้นสุดที่สถานีอุบลราชธานี ระยะทางรวมประมาณ 309 กม.

ประกอบด้วย 34 สถานี (ไม่รวมสถานีชุมทางถนนจิระ) ผ่านพื้นที่ 16 อำเภอใน 5 จังหวัด ได้แก่ จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี โดยตลอดแนวเส้นทางโครงการส่วนใหญ่ไม่ได้พาดผ่านพื้นที่ที่มีความอ่อนไหว เช่น พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ พื้นที่อุทยานแห่งชาติ และพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ การพัฒนารถไฟรางคู่ช่วงชุมชนถนนจิระ-อุบลราชธานี จะช่วยส่งเสริมให้ จ.สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีจุดเด่นด้านอุตสาหกรรมการเกษตรและเกษตรอินทรีย์ และมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญหลายแห่ง รวมทั้งด้านกีฬาฟุตบอลที่มีชื่อเสียง มีการเดินทางและการขนส่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังจะช่วยส่งเสริมให้การค้าการลงทุน ธุรกิจท่องเที่ยวและกีฬา ของทั้ง 2 จังหวัดมีการเติบโต สามารถกระจายรายได้สู่ประชาชนในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ในอนาคตหากมีการต่อขยายแนวเส้นทางจากสถานีอุบลราชธานีไปยังบริเวณชายแดนระหว่างประเทศไทยกับ สปป.ลาว จะทำให้แนวเส้นทางนี้ช่วยทำหน้าที่เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศตามระเบียงเศรษฐกิจในแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Corridor) ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันการพัฒนาประเทศและการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการเป็นศูนย์กลางด้านลอจิสติกส์ของไทยในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะก่อให้เกิดความคุ้มค่าในด้านเศรษฐกิจ สังคม สภาพแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น

โครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี เป็นเส้นทางหนึ่งตามแผนพัฒนาระบบรถไฟรางคู่ ระยะที่ 2 ของกระทรวงคมนาคม ที่จะก่อสร้างปรับปรุงทางรถไฟช่วงสถานีชุมทางถนนจิระ จ.นครราชสีมา ถึงสถานีอุบลราชธานี จากทางเดี่ยวให้เป็นทางคู่ โดยมอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เป็นผู้รับผิดชอบในการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดโครงการ มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน (ตั้งแต่เดือนเมษายน 2558-เมษายน 2559)

ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.จะมีการจัดประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชนอีก 2 ครั้งในช่วงประมาณเดือนกันยายน 2558 และประมาณเดือนมกราคม 2559 เพื่อนำเสนอผลการศึกษาโครงการในขั้นตอนต่อไป โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดของโครงการได้

นายวรรณนพ ไพศาลพงษ์ รองวิศวกรใหญ่ด้านก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการจ้างที่ปรึกษามาศึกษาผสมอัตราทางเศรษฐกิจเกี่ยวกับการลงทุนครั้งนี้ใช้เงินเท่าไหร่ คุ้มหรือไม่คุ้ม แต่ส่วนมากที่เราทำมาแล้ว 4-5 เส้นทางมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านการลงทุนจะคุ้มทุน โดยให้ระยะเวลาศึกษา 12 เดือนในการออกแบบรายละเอียดเพื่อประกวดราคา แต่จะมีปัญหาคือเรื่องคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่อาจช้าไปหน่อย เพราะอยู่นอกเหนืออำนาจของการรถไฟฯ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานของกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่จะต้องเป็นผู้พิจารณาเห็นชอบให้เรา และหากโครงการนี้สำเร็จ สิ่งแวดล้อมผ่าน คาดว่าหลังจากสิ่งแวดล้อมผ่านไปประมาณ 9 เดือน และตามรูทีนของเวลา คาดว่าจะได้เริ่มก่อสร้างประมาณต้นปี 2560 ระยะทางก่อสร้างกว่า 300 กม. จะต้องใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี น่าจะเสร็จสิ้นประมาณปี 2564 และปี 2565 น่าจะเดินรถได้

ส่วนการเวนคืนที่ดินอย่างไรนั้น นายวรรณนพกล่าวว่า เส้นทางนี้เราใช้พื้นที่ของการรถไฟฯ ที่มีอยู่แล้วข้างละ 40 เมตร อาจจะใช้ข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งทางใหม่จะห่างจากทางเดิมไม่เกิน 10 เมตร อยู่ในโซน 6-7 เมตร ยกเว้นกรณีที่มีสะพานอาจจะขยับตัวออกไปอีกหน่อย

ด้าน นายถาวร กุลโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะเป็นโอกาสอันดีที่พี่น้องประชาชนจะได้รับโอกาสเป็นอย่างมาก ช่วยในเรื่องการคมนาคม การขนส่งสินค้า รวมทั้งการท่องเที่ยว ทำให้เราสามารถเปิดจังหวัดได้มากขึ้น เพราะจะทำให้คนที่จะมาสุรินทร์มีโอกาสเข้ามากขึ้นด้วยการโดยสารรถไฟ เพราะรถไฟรางคู่จะทำให้ย่นระยะเวลาการเดินทางได้มากขึ้น

นอกนั้นจะเป็นเรื่องการปรับตัวในบางเรื่องของพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับการเดินทางไปมาข้ามระหว่างทางรถไฟ เพราะจะต้องมีการกั้นรั้ว แต่อย่างไรก็ตามทราบว่าจะมีการสร้างอุโมงค์เพื่อให้ประชาชนลอดผ่านได้ แต่การใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนจากเดิมที่เคยข้ามรางเดียวก็อาจขัดข้องบ้าง แต่ประชาชนยังข้ามไปมาได้ อาจทำจุดให้ผ่านได้เป็นช่วงๆ ไป แต่ต้องแลกกับการที่เราจะได้รับประโยชน์จากการคมนาคม การเดินทางด้วยรถไฟที่เร็วขึ้น มีความสะดวกมากขึ้น การขนส่งสินค้าก็จะลดราคาลงเพราะต้นทุนน้อยลง การใช้น้ำมันต่างๆ น้อยลง ประหยัดขึ้นตาม
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
taweep
2nd Class Pass
2nd Class Pass


Joined: 04/07/2006
Posts: 569

PostPosted: 26/06/2015 8:37 pm    Post subject: Reply with quote

ขอบคุณครับที่ไม่ลืมทางรถไฟสายหลักของประเทศอีกเส้นหนึ่ง
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 96, 97, 98 ... 390, 391, 392  Next
Page 97 of 392

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©