รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล

Mongwin · Posted: 15/09/2015 12:30 pm Post subject:

สนข.เร่งสปีดระบบตั๋วร่วมขนส่ง ชี้โครงสร้างชัดเริ่มทดสอบก.พ.59
อังคาร ที่ 15 กันยายน 2558 ฐานเศรษฐกิจ

สนข.เร่งสปีดตั๋วร่วมระบบคมนาคมขนส่ง ล่าสุดโครงสร้างระบบชัดเจนแล้วเตรียมออกแบบให้สอดคล้องกับศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง คาดพร้อมทดสอบระบบก.พ. 59 ก่อนใช้งานอย่างเป็นทางการส.ค.59 ชี้ยกบีทีเอส-แอร์พอร์ตลิงค์- MRT ใส่พานนำร่องใช้งานก่อนขยายสู่ระบบอื่นต่อไป เผยจุดเด่นรองรับได้ 64 ประเภทผู้ใช้งาน

นายเผด็จ ประดิษฐเพชร รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานโครงการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าล่าสุดผลการออกแบบระบบตั๋วร่วมและรูปแบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง(Central Clearing House :CCH)มีความคืบหน้าอย่างมาก ซึ่งกลุ่มบีเอสวีที่ประกอบด้วยบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) (บีทีเอสซี) บริษัท สมาร์ท ทราฟฟิค จำกัด บริษัท วิกซ์ โมบิลิตี้ จำกัด ได้ดำเนินการออกแบบมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2558 และจะสิ้นสุดวันที่ 15 สิงหาคม 2560ทำให้ศูนย์ CCH จะดำเนินการโดยให้บริการหักระบบบัญชี(Clearing) ค่าบริการระหว่างผู้ให้บริการระบบขนส่งมวลชนและค่าสินค้าหรือบริการนอกภาคการขนส่งที่เข้าร่วมกับระบบตั๋วร่วม การพัฒนาระบบต้นแบบต่างๆที่ใช้กับระบบทางพิเศษ และระบบขนส่งมวลชนทางราง ระบบค้าปลีก และการชำระโดยโทรศัพท์มือถือ ทั้งนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมใช้งานและทดสอบระบบได้ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2559 และคาดว่าสามารถเชื่อมต่อระบบพร้อมให้บริการอย่างเป็นทางการภายในเดือนสิงหาคม 2559

ระบบตั๋วร่วมนี้สามารถออกแบบรองรับได้ 4 ประเภทหลัก คือ
1.ผลิตภัณฑ์มูลค่าร่วม รองรับผู้ใช้บริการทุกราย เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆทั้งในและนอกภาคการขนส่ง
2.ผลิตภัณฑ์เที่ยวการเดินทาง รองรับได้มากถึง 63 ประเภท สามารถกำหนดประเภทขนส่งที่จะใช้งานได้ อาทิ ทุกภาคการขนส่ง เฉพาะรถไฟฟ้า เฉพาะรถเมล์
3.ผลิตภัณฑ์การเดินทางแบบเจาะจงเส้นทาง เช่น กำหนดวันที่ต้องการ อาทิ 30 วัน 60 วัน โดยค่าส่วนลดจะได้รับเมื่อเดินทางตามเส้นทางที่ระบุไว้เท่านั้น และ
4.ผลิตภัณฑ์ส่งเสริมการขาย มีระบบแต้มสะสมที่สามารถแลกเป็นของรางวัลตามที่กำหนดได้“ระบบสามารถรองรับการเพิ่มมูลค่า การเติมเที่ยวเดินทาง การอัพเกรด หรือการชำระค่าปรับสามารถชำระเป็นเงินสด บัตรเครดิตและบัตรเดบิต สามารถรองรับมูลค่าสูงสุด 1 หมื่นบาท

สำหรับผู้ถือบัตรประเภทบุคคลทั่วไป และกำหนดมูลค่าสูงสุดแตกต่างกันได้ตามประเภทผู้ถือบัตร ดังนั้นจึงกำหนดให้มีมาตรฐานบัตรที่รองรับกระเป๋าเงินสำหรับเก็บสำรองเงิน ซึ่งสามารถใช้ในการชำระเงินครอบคลุมทั้งภาคขนส่ง และนอกภาคขนส่ง รองรับการใช้งานผลิตภัณฑ์การเดินทางที่สามารถใช้เดินทางได้กับทุกระบบที่เข้าร่วม อีกทั้งการออกแบบยังสามารถรองรับประเภทของบัตรสำหรับกลุ่มเป้าหมาย เช่น นักเรียน นักศึกษา พนักงานบริษัท ผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย ทหารผ่านศึก บุคคลผู้พิการ ได้อีกด้วย โดยระบบสามารถรองรับได้สูงสุด 64 ประเภทผู้ใช้งาน”

นายเผด็จกล่าวอีกว่าเมื่อการจัดทำมาตรฐานบัตรแล้วเสร็จ ก็จะดำเนินการเผยแพร่มาตรฐานเพื่อผู้ให้บริการนำไปพัฒนาและใช้งานร่วมกันได้แพร่หลาย หากระบบไหนมีความพร้อมก็จะนำเข้ามาทดสอบระบบและทดลองใช้งานได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นระบบที่ใช้งานกับรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้า MRT และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ที่ถือว่ามีปริมาณผู้ใช้งานจำนวนมาก

“หากสามารถใช้งานได้กับระบบที่มีปริมาณคนจำนวนมากอย่างบีทีเอส MRT และแอร์พอร์ตลิงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบอื่นๆที่มีคนใช้งานจำนวนไม่มากก็คงไม่เป็นปัญหาที่น่าหนักใจ เช่น เรือข้ามฟาก เรือด่วนเจ้าพระยา รถเมล์ขสมก. ระบบใหม่จะปรับใช้กับระบบตั๋วร่วมได้ง่ายกว่าระบบเดิม ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นทางด่วน ทางหลวง (มอเตอร์เวย์) ก็สามารถปรับระบบเข้ามาร่วมได้ทันที”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3087 วันที่ 13-16 กันยายน พ.ศ. 2558

Mongwin · Posted: 16/09/2015 11:58 am Post subject:

สร้อยทิพย์ดันลงทุนรถไฟฟ้า 4 แสนล. เข้าครม.ก่อนเกษียณ-ประมูลแอร์พอร์ตลิงก์ปีหน้า
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 16 ก.ย. 2558 เวลา 11:10:31 น.

คมนาคมสรุปข้อมูลลงทุน 6 โครงการเร่งด่วน มูลค่า 4.2 แสนล้านบาท เสนอครม.ไฟเขียวก.ย.นี้ นำร่องรถไฟฟ้าสารพัดสี-แอร์พอร์ตลิงก์ส่วนต่อขยายพญาไท-บางซื่อ

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการจัดทำข้อมูลโครงการลง ทุนที่จำเป็นสรุปโครงการลงทุนเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในเดือนก.ย.นี้ เบื้องต้นมีจำนวน 6 โครงการ วงเงินรวม 425,612 ล้านบาท

ประกอบด้วย
โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ส่วนต่อขยาย ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงเงิน 131,004 ล้านบาท,
โครงการรถไฟฟ้าสายส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี 110,116 ล้านบาท,
โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วง แคราย-มีนบุรี วงเงิน 56,691 ล้านบาท,
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง วงเงิน 54,644 ล้านบาท,
โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ส่วนเชื่อม บางซื่อ-หัวลำโพง และบางซื่อ-หัวหมาก วงเงิน 44,157 ล้านบาท และ
โครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ส่วนต่อขยายพญาไท-บางซื่อ-ดอนเมือง วงเงิน 29,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ได้เร่งรัดงานที่ตกค้างเพื่อรายงานให้ ครม. ทราบอีก 5 โครงการ คือ
1.แผนการปฏิบัติงานการเปิดสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งกำหนดเปิดวันที่ 1 มิ.ย.2559
2.โครงการพัฒนาคลองแสนแสบ
3.เส้นทางจักรยานทั่วประเทศ
4.ระบบตั๋วร่วม และ
5.แนวทางการถ่ายโอนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ให้กับกรุงเทพมหานคร (กทม.)

นางสร้อยทิพย์กล่าวถึงความคืบ หน้าในโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ส่วนต่อขยายพญาไท-บางซื่อ-ดอนเมือง ว่า เบื้องต้นอาจจะแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 ช่วง โดยจะทำช่วงพญาไท-บางซื่อก่อน เนื่องจากมีความพร้อมของรายละเอียดรูปแบบการก่อสร้าง และอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ส่วนช่วงที่ 2 บางซื่อ-ดอนเมืองอยู่ระหว่างการปรับแบบให้สอดคล้องกับโครงการรถไฟไทย-จีน ที่เข้ามาใช้สถานีกลางบางซื่อ

"กลางปีหน้าคาดว่าจะมีการเปิด ประมูลโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ช่วงพญาไท-บางซื่อ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ส่วนเชื่อมบางซื่อ-หัวลำโพง และบางซื่อ-หัวหมาก" นางสร้อยทิพย์กล่าว

นางสร้อยทิพย์กล่าวว่า การต่อขยายรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ จากลาดกระบัง-อู่ตะเภา อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม โดยทางกระทรวงคมนาคม ประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม ในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

Wisarut · Posted: 25/09/2015 9:37 am Post subject:

'สมคิด' ไฟเขียว ลงเสา 5 โครงการใหญ่ งบ 2 แสนล้าน ภายในปีนี้
โดย ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 24 กันยายน 2558,15:52
'สมคิด' สั่งเดินหน้า 5 โครงการใหญ่
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 24 กันยายน 2558, 15:32

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เห็นชอบให้มีการลงเสา 5 โครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ ภายในปี 58 ภายใต้งบประมาณ 2 แสนล้านบาท ซึ่งหลายโครงการได้มีการศึกษาไว้แล้ว โดยจะทยอยนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. พร้อมเชิญชวนภาคเอกชน ส่วนการทำสัญญาก่อสร้างต่างๆ จะต้องแล้วเสร็จภายในปีนี้

ทั้งนี้ 5 โครงการ ประกอบด้วย
1. โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี มูลค่า 56,725 ล้านบาท
2. โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง มูลค่า 54,768 ล้านบาท
3. โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย มูลค่า 82,494 ล้านบาท
4. โครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอย ของ อบจ.นนทบุรี มูลค่า 4,142 ล้านบาท
5. โครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอย ของเทศบาลนครราชสีมา มูลค่า 2,250 ล้านบาท

Mongwin · Posted: 26/09/2015 6:45 am Post subject:

ผู้ว่าฯ รฟม.ยันดันโครงการรถไฟฟ้า เสร็จตามโรดแม็ป
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 25 ก.ย. 2558 20:13

ผู้ว่าการ รฟม.แจ้งโครงการรถไฟฟ้า ยันผลักดันให้ได้ตามแผนกรอบความยั่งยืนที่วางไว้ โดยสายสีม่วงบางใหญ่-บางซื่อ จะเปิดให้บริการใน ส.ค. ปี 59 ส่วนค่าโดยสารจะทำให้ใกล้เคียงกับ MRT ที่เริ่มต้น 16 บาท และบวกเพิ่มไปกิโลเมตรละ 2 บาท ...

เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2558 นายพีระยุทธ์ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวในงานสัมมนา เปิดวิสัยทัศน์ผู้ว่าการ รฟม.กับภารกิจการก่อสร้างรถไฟฟ้าแห่งอนาคต ณ โบทานิก้า เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ว่า รฟม.เป็นองค์กรหลักในการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าครอบคลุมทั่วกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยจะพยายามเร่งรัดผลักดันโครงการรถไฟฟ้าต่างๆ ให้ให้ได้ตามแผนกรอบความยั่งยืนที่วางไว้ ขณะเดียวกัน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีการเร่งรัดการดำเนินโครงการมาตลอด โดยเฉพาะโครงการที่ได้ ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว ทั้งนี้ ยอมรับว่า โครงการที่มีการดำเนินการต่อเนื่องได้ก่อให้เกิดผลกระทบ ไม่ว่าจะด้านเป็นการก่อสร้าง และการจราจร รวมถึงด้านอื่นๆ ด้วย

ผู้ว่าการ รฟม.กล่าวต่อว่า ในส่วนของปี 2559 นั้น จะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่จะเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคมนี้ ได้อย่างแน่นอน รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต -สะพานใหม่-คูคต ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และในส่วนของรูปแบบนั้น ขณะนี้ คาดว่า ได้ข้อสรุปแล้ว ขณะเดียวกัน ในส่วนของสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และ หัวลำโพง-บางแค สายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง สีชมพู แคราย-มีนบุรี สายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ อยู่ระหว่างการดำเนินการส่วนในปี 2559 นั้น ในส่วนของเส้นทางที่เหลือ คาดว่า จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการประกวดราคาและประมูลได้ โดยโครงการที่มีความคืบหน้ามากที่สุด จะเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ขณะนี้ที่เหลือเพียงการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี คาดว่า ภายในไตรมาสที่ 2 จะสามารถประกาศเปิดประกวดราคาได้

นายพีระยุทธ์ กล่าวด้วยว่า พร้อมกันนี้ในส่วนของสายสีม่วงใต้ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ คาดว่า จะมีระยะเวลาการดำเนินการประกวดราคาและจัดหาผู้รับเหมาก่อสร้างได้ ใกล้เคียงกับสายสีส้ม เนื่องจากได้เสนอโครงการไปยังกระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ (เตาปูน) รฟม.อยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสม ก่อนเสนอให้กับคณะรัฐมนตรีพิจาณาเห็นชอบ ซึ่งคาดว่า อัตราค่าโดยสารจะใกล้เคียงกับรถไฟฟ้าใต้ดินในปัจจุบัน คิดเป็นค่าแรกเข้าจนถึง 1 กิโลเมตรแรก อยู่ที่ 16 บาท ส่วนกิโลเมตรถัดไปบวกเพิ่ม 2 บาทต่อกิโลเมตร.

Wisarut · Posted: 28/09/2015 2:23 am Post subject:

ผู้ว่า รฟม.คาดรถไฟฟ้าสายสีส้มอนุมัติโครงการปีนี้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
27 กันยายน 2558 11:54 น.

ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบโครงการของกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติและคาดว่าจะสามารถอนุมัติได้ภายในปีนี้ (2558) เพื่อเริ่มต้นกระบวนการประกวดราคาได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า
ส่วนการประกวดราคาและการจัดทำราคากลางขณะนี้ได้เริ่มจัดเตรียมหลักฐานเอกสารก่อนเสนอให้คณะกรรมการ รฟม.อนุมัติ
นายพีระยุทธ กล่าวต่อว่า กังวลในส่วนงานก่อสร้างโครงการในแนวถนนรามคำแหง เนื่องจากต้องดำเนินการก่อสร้างแนวเส้นทางใต้ดินระยะทาง 12 กิโลเมตร จากนั้นจึงต้องก่อสร้างโครงสร้างค้ำยันทางวิ่งยกระดับ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยระหว่างดำเนินการและอาจจะใช้ระยะเวลาดำเนินการนานกว่าการก่อสร้างเส้นทางใต้ดินทั่วไป
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางต่อไปที่จะสามารถเริ่มดำเนินการประกวดราคาได้ภายในปีหน้า (2559) ต่อจากรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกคือโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ เพราะขณะนี้แผนการดำเนินโครงการอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอใหัคณะรัฐมนตรีอนุมัติเช่นกัน
ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ระยะทาง 23 กิโลเมตร จะมีการทดสอบระบบและจะเปิดใช้งานได้ในเดือนสิงหาคมปีหน้า โดย รฟม. มีแนวคิดอำนวยความสะดวกผู้โดยสารที่เป็นสุภาพสตรี โดยจัดตู้โดยสารขบวนกลางให้เป็นตู้เฉพาะสำหรับสุภาพสตรี (เลดี้ โบกี้) เฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน ช่วงเช้าและช่วงเย็น

//----------------

ผู้ว่ารฟม.คาดรถไฟฟ้าสายสีส้มอนุมัติโครงการปีนี้
TNN24
27 กันยายน 2558 12.14 น.

ผู้ว่ารฟม. คาดรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรีอนุมัติโครงการได้ภายในปีนี้

วันนี้(27 ก.ย.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบโครงการของกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติและคาดว่าจะสามารถอนุมัติได้ภายในปีนี้ เพื่อเริ่มต้นกระบวนการประกวดราคาได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า ส่วนการประกวดราคาและการจัดทำราคากลางขณะนี้ได้เริ่มจัดเตรียมหลักฐานเอกสารก่อนเสนอให้คณะกรรมการ รฟม.อนุมัติ

ขณะที่นายพีระยุทธ กล่าวต่อว่า กังวลในส่วนงานก่อสร้างโครงการในแนวถนนรามคำแหง เนื่องจากต้องดำเนินการก่อสร้างแนวเส้นทางใต้ดินระยะทาง 12 กิโลเมตร จากนั้นจึงต้องก่อสร้างโครงสร้างค้ำยันทางวิ่งยกระดับ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยระหว่างดำเนินการและอาจจะใช้ระยะเวลาดำเนินการนานกว่าการก่อสร้างเส้นทางใต้ดินทั่วไป

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางต่อไปที่จะสามารถเริ่มดำเนินการประกวดราคาได้ภายในปีหน้า ต่อจากรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกคือโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ เพราะขณะนี้แผนการดำเนินโครงการอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอใหัคณะรัฐมนตรีอนุมัติเช่นกัน

ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ระยะทาง 23 กิโลเมตร จะมีการทดสอบระบบและจะเปิดใช้งานได้ในเดือนสิงหาคมปีหน้า โดยรฟม. มีแนวคิดอำนวยความสะดวกผู้โดยสารที่เป็นสุภาพสตรี โดยจัดตู้โดยสารขบวนกลางให้เป็นตู้เฉพาะสำหรับสุภาพสตรี (เลดี้ โบกี้) เฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน ช่วงเช้าและช่วงเย็น

Wisarut · Posted: 30/09/2015 11:02 pm Post subject:

คมนาคมเดินหน้าตั๋วร่วมครบวงจร เล็งใช้ ส.ค.ปีหน้า
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
30 นยายน 2558 เวลา 15:20:54 น.

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุม ครม. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม นำเสนอต่อที่ประชุม ครม. ถึงการนำความคิดการใช้ตั๋วร่วมในการเดินทางสาธารณะมาประมาณ 4 – 5 ปี ซึ่งที่ผ่านมามีแค่การพูดเพียงผิวเผินเท่านั้นไม่มีดำเนินการรูปธรรม ดังนั้น สนข.เองจะนำการใช้ตั๋วรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้าบีทีเอส การเดินทางทางน้ำ รถเมล์ที่สั่งเข้าใหม่สี่พันคัน การเดินทางผ่านมอเตอร์เวย์ และทางด่วนที่จะเสียค่าผ่านทางมารวมกัน โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ภายในระยะเวลา ก.พ.59 จะดำเนินการติดตั้งระบบแล้วเสร็จ จากนั้นจะทดสอบระบบเดือน ส.ค.59 หลังจากทดสอบระบบแล้วก็จะใช้งานเต็มระบบได้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนจะประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย

Mongwin · Posted: 01/10/2015 4:16 pm Post subject:

“ปลัดคมนาคม”ยันปีนี้ประมูลมอเตอร์เวย์ครบ3สาย เผย ต.ค.ชงรถไฟฟ้าสีส้ม 9.5 หมื่นล.เข้าครม.
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 ตุลาคม 2558 15:49 น.

“ปลัดคมนาคม”ยันประมูลมอเตอร์เวย์ 3 สายได้หมดในปีนี้พร้อมชงรถไฟฟ้าสายสีสม เข้าครม.ได้ในเดือนต.ค.นี้ ส่วนรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-ระยองและกรุงเทพ-หัวหิน สรุปลงทุน PPP เสนอครม.ภายในสิ้นปีนี้แน่นอน กำชับทุกหน่วยเร่งประมูลงานปี 59 ตั้งเป้าเบิกจ่ายงบเกิน 90% ขณะที่มั่นใจแก้ปัญหาการบิน พร้อมรับ FAA ตรวจซ้ำ มั่นใจไม่ถูกลดเกรด

นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลังเข้ารับตำแหน่งเป็นวันแรกว่า งานเร่งด่วนที่จะเร่งรัดเป็นอันดับแรก คือ การประกวดราคาโครงการมอเตอร์เวย์ 3 สายภายในปี 2558 โดยขณะนี้ สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กม. วงเงิน 20,200 ล้านบาทได้เปิดประกาดราคาแล้ว ส่วนสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร วงเงิน 55,620 ล้านบาทและ สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร วงเงิน 84,600 ล้านบาท ได้จัดทำร่างเอกสารประกวดราคาเสร็จแล้ว จะเร่งรัดให้มีการประกวดราคาในปีนี้เพื่อให้ได้ผู้รับจ้างก่อสร้างเร็วที่สุด และภายในเดือนต.ค.นี้ จะสามารถนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ด้านตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ระยะทาง 21.1 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 95,000 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างสอบถามความเห็นหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ มอเตอร์เวย์สายพัทยา-มาบตาพุด จะใช้เงินจากกองทุนมอเตอร์เวย์มาดำเนินการ ส่วน บางปะอิน-โคราชและบางใหญ่-กาญจนบุรี จะใช้เงินกู้มาดำเนินการ ส่วนงาน Operation & Maintenance ระบบ (O&M) การปฏิบัติการและบำรุงรักษา ของทั้ง 3 สายนั้นจะเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในรูปแบบ การร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือ Public Private Partnerships (PPP) โดยขณะนี้กรมทางหลวง (ทล.) อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดรูปแบบ PPP ของระบบ O&M ซึ่งยังมีเวลาเตรียมการ โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยประกวดราคางานระบบได้หลังเริ่มการก่อสร้างประมาณ 6 เดือน

นอกจากนี้กรมทางหลวงจะต้องศึกษารูปแบบ PPP ในโครงการมอเตอร์เวย์สายนครปฐม-ชะอำ ที่แยกจาก มอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ที่ จ.นครปฐม และเชื่อมต่อยังไป อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ทั้งส่วนของการก่อสร้างและงานระบบ คาดว่าจะสรุปความชัดเจนในปี 2559

ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-ระยอง และ กรุงเทพ-หัวหิน นั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้เสนอรายละเอียดโครงการมาแล้วโดยกระทรวงอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยแผนการดำเนินโครงการรูปแบบ PPP ซึ่งโครงการรถไฟความเร็วสูงอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติในเรื่อง PPP ซึ่งจะสรุปเสนอคณะกรรมการ PPPได้ภายในปี 2558

สำหรับการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ในยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย (พ.ศ. 2558-2565) อยู่ระหว่างการทบทวนเพื่อปรับให้แผนกำชับและประกวดราคาได้รวดเร็วมากขึ้น โดยพิจารณาในประเด็นข้อติดขัดและแก้ปัญหา เช่น เรื่องการนำเสนอผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA ) ซึ่งได้ประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อขอให้เร่งรัดการพิจารณา เป็นต้น

“ในการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคมจะพยายามใช้รูปแบบ PPP ให้มากที่สุดซึ่งเป็นไปตามนโยบาย ดังนั้นบางโครงการอาจจะต้องมีการพิจารณาในส่วนที่รัฐจะต้องสนับสนุนในบางส่วนเช่น งานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้มีความเป็นไปได้”นายชายติชายกล่าว

ในส่วนของงบประมาณปี 2559 จะมีการเร่งรัดการเบิกจ่ายโดยตั้งเป้าหมายการเบิกจ่าย ในภาพรวมมากกว่า 90% โดยในส่วนของโครงการเล็กๆ มูลค่าต่ำกว่า 2 ล้านบาท จะเร่งการประกวดราคา และลงนามสัญญาให้หมดภายในไตรมาส1/2559 (ต.ค.-ธ.ค.58) ส่วนโครงการใหญ่ ได้สั่งการให้แต่ละหน่วยงานเร่งทบทวนแบบและราคากลางเพื่อประกวดราคาโดยเร็ว

สำหรับการแก้ปัญหาด้านการบินนั้น ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยในวันที่ 26 ต.ค.นี้ ทาง สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ (Federal Aviation Administration; FAA) จะเข้ามาผลการแก้ไขกรณีที่ตรวจพบปัญหาซึ่งคาดว่าจะไม่มีปัญหาและเชื่อว่าจะไม่ถูกลดระดับความปลอดภัยด้านการบิน ประเภทที่ 1 (Category 1) โดยขณะนี้ ได้ปรับปรุงแก้ไขในบางหัวข้อได้แล้ว เนื่องจากรัฐบาลได้จัดตั้ง ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน (ศบปพ.) ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมได้ร่วมกับกองทัพอากาศในการแก้ปัญหา และปรับปรุงให้การดำเนินการทุกขั้นตอนให้เป็นไปตามมาตรฐานของ FAAและ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)

Mongwin · Posted: 04/10/2015 4:33 pm Post subject:

รฟม.ก่อสร้างรถไฟฟ้า4สายเร็วกว่าแผน
NOW26 วันที่ 02 ตุลาคม 2558

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สรุปความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้า ณ 31 ส.ค.พบว่าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) มีความคืบหน้า 99.9% เร็วกว่าแผน 0.05% มีความคืบหน้ามากที่สุด จะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ เดือน ส.ค.2559 โดยบริษัท J-TREC ผู้ผลิตรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่น ส่งมอบรถไฟฟ้า 2 ขบวนแรกให้ รฟม.แล้ว และจะทยอยส่งมอบจนครบ 21 ขบวน ในเดือน ก.พ.ปีหน้า

ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ) มีผลการดำเนินงาน 65.8% เร็วกว่าแผน 0.44% โดยขณะนี้กำลังหาข้อสรุปเกี่ยวกับการเดินรถว่าจะให้ผู้เดินรถสายสีน้ำเงินเดิม (BMCL) เดินรถ หรือเปิดประมูลแบบ PPP หาผู้เดินรถใหม่

รถไฟฟ้าสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) มีผลการดำเนินงาน 63.9% เร็วกว่าแผน 4.14%

รถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ผลการดำเนินงาน 0.7% เร็วกว่าแผน 0.36%

ทั้งนี้ตามแผนที่วางไว้สายสีม่วงเปิดบริการเดือน ส.ค.2559 เร็วกว่าแผนที่ตั้งไว้ปี 2560 ซึ่งจะเป็นรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ที่เปิดบริการถัดจากสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย (วงเวียนใหญ่-บางหว้า) ที่เปิดให้บริการเดือน ธ.ค.2556

ส่วนสายสีน้ำเงิน เปิดบริการ 2562 สายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) เปิดบริการ 2563 และ

สานสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) เปิดบริการปลายปี 2563

Wisarut · Posted: 05/10/2015 3:40 pm Post subject:

รฟม.มีลุ้นร่วมทุนพีพีพี 2รถไฟฟ้า‘สีชมพู/เหลือง’
BUSINESS, REAL ESTATE
ฐานเศรษฐกิจ
ออนไลน์เมื่อ อาทิตย์ ที่ 4 ตุลาคม 2558
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3092 วันที่ 1 – 3 ตุลาคม พ.ศ. 2558

รฟม.ลุ้นคมนาคมชงร่างพ.ร.บ.ร่วมทุนสายสีชมพูและสายสีเหลืองเสนอสคร. ตรวจก่อนเสนอต่อคณะกรรมร่วมทุนชุดใหญ่ไฟเขียวให้ ตั้งเป้าปลายปีนี้แล้วเสร็จก่อนเร่งจัดทำเอกสารประกวดราคาและออกแบบเตรียมประมูลทิ้งทวนปี 58 ส่วนสายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการเตรียมเจรจากับกทม. 1 ต.ค.นี้ เสนอเปิดให้บริการ 5 ธ.ค.ปี 59

นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รองผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ขณะนี้โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ลาดพร้าว-สำโรง)และสายสีชมพู(แคราย-มีนบุรี) อยู่ระหว่างรอกระทรวงคมนาคมนำเสนอร่างพ.ร.บ.ร่วมทุน ปี พ.ศ. 2556 ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)พิจารณา หลังจากนั้นจึงจะนำเสนอคณะกรรมการร่วมลงทุนชุดใหญ่ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเห็นชอบแล้วจึงนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 35(มาตรา 13 เดิม) ดำเนินการกำหนดรูปแบบที่เหมาะสมก่อนเสนอประกวดราคาต่อไป

“หากกระทรวงเห็นชอบรายงานที่จะดำเนินการตามพ.ร.บ.ร่วมทุนของรฟม.ทั้ง 2 เส้นทางจากนั้นเรื่องก็จะส่งกลับมาที่รฟม.เพื่อนำเสนอสคร.พิจารณานำเสนอคณะกรรมการร่วมทุนชุดใหญ่ก่อนเสนอครม.ไฟเขียว ซึ่งอาจจะตั้งคณะกรรมการพร้อมกัน 2 เส้นทาง อีกทั้งยังมีลุ้นว่ารัฐบาลจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จทันในช่วงปลายปีนี้ ก็จะตั้งคณะกรรมการเร่งดำเนินการกำหนดแบบ เอกสารประกวดราคาและเงื่อนไขต่างๆได้ทันที ซึ่งกระบวนการบางส่วนรฟม.ได้เตรียมไว้แล้วและคาดว่าจะสามารถเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนได้ในกลางปีหน้า”

ทั้งนี้ รฟม.จะเร่งแต่งตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 35 ให้แล้วเสร็จในต้นปีหน้า หลังจากนั้นจึงจะเร่งคัดเลือกเอกชนเข้าไปดำเนินการซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี พร้อมกันนี้จะเร่งกำหนดเงื่อนไขในเอกสารประกวดราคาให้สอดคล้องกับรูปแบบการประมูล

ด้านแหล่งข่าวระดับสูงของรฟม.กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการว่า เตรียมนำเสนอในการประชุมร่วมรฟม.-กรุงเทพมหานคร(กทม.) ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้เพื่อให้เปิดบริการเชิงพาณิชย์ได้ในวันที่ 5 ธันวาคม 2559 โดยที่กระบวนการก่อสร้างคืบหน้าอย่างมาก หากเป็นไปตามแผน ปี 2559 รฟม.ก็จะสามารถเปิดให้บริการรถไฟฟ้าได้ 2 เส้นทาง คือ สายสีม่วงและสายสีเขียวใต้

ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือบีทีเอสซี กล่าวว่า ในทางปฏิบัติน่าจะเดินรถเพิ่มได้อีก 1 สถานี คือขยายขอบข่ายระบบอาณัติสัญญาณให้ไปถึงสถานีสำโรงได้ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยง แต่ไม่สามารถจะดำเนินการไปถึงสถานีสมุทรปราการได้ในคราวเดียวเนื่องจากปริมาณรถที่จะให้บริการมีไม่เพียงพอ

“หากขยายไปอีก 1 สถานีอาจจะยังไม่ต้องเพิ่มปริมาณรถ แต่หากให้ขยายไปถึงสถานีสมุทรปราการคงต้องเพิ่มปริมาณรถซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาจัดซื้อรถใหม่ไม่น้อยกว่า 2 ปี คาดว่าหากให้บริการเต็มรูปแบบจะต้องใช้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ดังนั้นกทม.-รฟม.ต้องเร่งสรุปผลการเจรจาเพื่อให้กทม.ได้เจรจากับบีทีเอสให้แล้วเสร็จภายในปีนี้เพื่อดำเนินการจัดซื้อรถให้ทันบริการตามที่ต้องการ”

Mongwin · Posted: 05/10/2015 8:10 pm Post subject:

ใครแจ็กพ็อต! พ.ร.ฎ. เวนคืน-กำหนดเขตที่ดิน โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง)
มติชนออนไลน์ วันที่ 05 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 19:06:00 น.

(5 ต.ค.58) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาจำนวน 2 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องการดำเนินโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) โดยฉบับแรกคือ พระราชกฤษฎีกา กําหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวงเขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอําเภอบางพลี อําเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. 2558

โดยเหตุผลของการออกพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ระบุว่า เนื่องจากมีความจําเป็นต้องดําเนินกิจการรถไฟฟ้า ในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดสร้างโครงการขนส่งด้วยระบบรถไฟฟ้า สถานที่จอดรถสําหรับผู้โดยสารและกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการรถไฟฟ้าตามโครงการรถไฟฟ้า สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สําโรง ในท้องที่เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอําเภอบางพล ีอําเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่ออํานวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค สมควรกําหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทําการสํารวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอนจึงจําเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

อ่านรายละเอียดเต็มได้ ที่นี่

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/A/097/1.PDF

ส่วนพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 2 ที่เกี่ยวข้องกันคือ พระราชกฤษฎีกา กําหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดําเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอําเภอบางพลี อําเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. 2558

สำหรับเหตุผลของการออกพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวนี้ ระบุว่า เนื่องจากมีความจําเป็นต้องดําเนินกิจการขนส่งมวลชนตามโครงการรถไฟฟ้า สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สําโรง ในท้องที่เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอําเภอบางพลี อําเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สมควรกําหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดําเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้พนักงาน เจ้าหน้าที่มีอํานาจดําเนินการสํารวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพ ลักษณะและการเข้าใช้ประโยชน์บนเหนือ หรือใต้พื้นดินหรือพื้นน้ํา เพื่อการวางแผนหรือออกแบบกิจการขนส่งมวลชน จึงจําเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

อ่านรายละเอียดเต็มได้ ที่นี่

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/A/097/4.PDF