View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 04/01/2016 6:30 pm Post subject: |
|
|
ตั้งผู้ช่วย รมต.ถกห้วยขวาง เจรจาลดกระทบเวนคืนสายสีส้ม-ชาวบ้านยื่นศาลปกครอง
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 4 มกราคม 2559 05:01
ตั้ง ธีระพงษ์ รอดประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรี คมนาคม เจรจาชาวบ้านย่านประชาสงเคราะห์สางปัญหาผลกระทบสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ด้านชุมชนเดินหน้าเตรียมยื่นศาลปกครอง
นายประทีป นิลวรรณ ประธานชุมชนซอย แม่เนี้ยว แยก 3 เขตดินแดง ซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาแจกเอกสารแผ่นพับ ให้กับผู้ที่จะต้องถูกเวนคืนเบื้องต้น จำนวน 184 หลังคาเรือน สำหรับก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตัดผ่านถนนประชาสงเคราะห์ ได้รับทราบข้อมูลเพื่อเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนที่จะเริ่มเข้ามา สำรวจพื้นที่จริงอีกครั้ง หลังจากได้รับเอกสารดังกล่าว ตัวแทนชุมชนได้เข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เพื่อชี้แจงเหตุผล ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว เพื่อร้องขอความเป็นธรรม ทั้งนี้ หลังคณะรัฐมนตรี อนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เฟสที่ 1 ช่วงมีนบุรี-ศูนย์วัฒนธรรม ซึ่งแนวเส้นทางจะต้องตัดผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์อย่างแน่นอน จากก่อนหน้านี้มีการเสนอให้ปรับแนวเส้นทาง ไปใช้ถนนพระราม 9 เพื่อลดผลกระทบการเวนคืนในชุมชนแล้วก็ตาม ทั้งนี้ นายอาคมได้รับเรื่องพร้อมแต่งตั้งนายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม เป็นตัวแทนมาพบประชาชนในชุมชน พร้อมกับเจ้าหน้าที่ รฟม. ขณะนี้ยังไม่ได้มา ช่วงหลังปีใหม่ทางชุมชนประสานงานเพื่อติดตามความคืบหน้าอีกครั้ง
นายประทีปกล่าวว่า ขณะเดียวกันทาง ชุมชนมอบหมายให้ทนายความยกร่างคำฟ้อง เพื่อเตรียมยื่นศาลปกครองหลังปีใหม่ เพื่อให้คุ้มครองชั่วคราว ก่อนที่จะเริ่มลงมือก่อสร้างจริง เนื่องจากแนวเส้นทางที่ รฟม.จะก่อสร้างนั้น จะส่งผลกระทบต่อชุมชนประชาสงเคราะห์โดยตรง โดยเสนอให้ รฟม.ปรับแนวเส้นทางไปใช้ถนนพระราม 9 แทน กรณีไม่มีการปรับแนวเส้นทาง รฟม.จะต้องใช้หัวเจาะอุโมงค์แทน การเปิดหน้าดิน เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนและ ปัญหาการจราจรที่จะเกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้าง. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 09/01/2016 1:44 am Post subject: |
|
|
ครม. อนุมัติ สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี เล็งเปิดบริการปลายปี 63
ที่มา นิตยสารบ้านพร้อมอยู่ เดือนมกราคม 2559
วันที่บันทึกข้อมูล 2016-01-08 00:00:00
วันที่แก้ไข 2016-01-08 11:51:36
รถไฟฟ้าสายล่าสุดที่เพิ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและแน่นอนว่าจะเป็นรูปเป็นร่างที่สุด ก็คือรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยจะมีระยะทางถึง 21.2 กิโลเมตร แบ่งเป็นทางวิ่งยกระดับ 9 กิโลเมตร และทางวิ่งใต้ดิน 12.2 กิโลเมตร มีสถานีให้บริการจำนวน 17 สถานี (สถานียกระดับ 7 แห่ง และสถานีใต้ดิน 10 แห่ง )
สถานีใต้ดิน 10 แห่ง ได้แก่
1. สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
ตั้งอยู่ใกล้ถนนรัชดาภิเษก บริเวณด้านหน้าห้างเอสพลานาด รัชดาฯ ซึ่งจะเป็นสถานีที่เชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย)
2. สถานี รฟม.
ตั้งอยู่ใต้พื้นที่ของ รฟม. บริเวณประตู 1 ถนนพระราม 9
3. สถานีประดิษฐ์มนูธรรม
ตั้งอยู่ใต้ถนนพระราม 9 บริเวณใกล้สี่แยกพระราม 9-ถนนประดิษฐ์มนูธรรม หน้าปากซอยเข้าวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก
4. สถานีรามคำแหง 12
ตั้งอยู่ใต้ถนนรามคำแหงด้านหน้าห้างเดอะมอลล์ สาขารามคำแหง
5. สถานีรามคำแหง
ตั้งอยู่ใต้ถนนรามคำแหง บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง
6. สถานีราชมังคลา
ตั้งอยู่ใต้ถนนรามคำแหง บริเวณด้านหน้าสนามกีฬาหัวหมาก (ราชมังคลากีฬาสถาน)
7. สถานีหัวหมาก
ตั้งอยู่ใต้ถนนรามคำแหง บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลรามคำแหง
8. สถานีลำสาลี
ตั้งอยู่ใต้ถนนรามคำแหง บริเวณใต้แยกลำสาลี และจะเป็นสถานีที่เชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง (สถานีลำสาลี)
9. สถานีศรีบูรพา
ตั้งอยู่ใต้ถนนรามคำแหง บริเวณสามแยกถนนรามคำแหงตัดถนนศรีบูรพา หรือด้านหน้าห้างบิ๊กซี เอ๊กซ์ตร้า สุขาภิบาล 3
10. สถานีคลองบ้านม้า
ตั้งอยู่ใต้ถนนรามคำแหงบริเวณระหว่างซอยรามคำแหง 92-94 และมีอาคารจอดแล้วจร (Park&Ride) ฝั่งขาเข้าติดกับสถานี เป็นอาคาร 10 ชั้น จอดรถยนต์ได้ประมาณ 1,200 คัน
สถานียกระดับ 7 แห่ง ได้แก่
1. สถานีสัมมากร
ตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง บริเวณใกล้หมู่บ้านสัมมากร
2. สถานีน้อมเกล้า
ตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง บริเวณด้านหน้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า
3. สถานีราษฎร์พัฒนา
ตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง บริเวณสามแยกรามคำแหง-ถนนราษฎร์พัฒนา ด้านหน้าสำนักงานใหญ่บริษัทมิสทิน
4. สถานีมีนพัฒนา
ตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง บริเวณด้านหน้าเข้าวัดบางเพ็งใต้ ตรงข้ามนิคมอุตสาหกรรมบางขัน
5. สถานีเคหะรามคำแหง
ตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง บริเวณด้านหน้าปากซอยรามคำแหง 184 ใกล้เคหะรามคำแหง
6. สถานีมีนบุรี
ตั้งอยู่ริมถนนรามคำแหง ด้านทิศใต้บริเวณสะพานข้ามคลองสองต้นนุ่น เป็นสถานีเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี (สถานีมีนบุรี) โดยมีอาคารจอดแล้วจร (Park&Ride) เป็นอาคาร 10 ชั้น จอดรถยนต์ได้ประมาณ 3,000 คัน
7. สถานีสุวินทวงศ์
ตั้งอยู่ริมถนนรามคำแหง ด้านทิศใต้บริเวณใกล้ทางแยกสุวินทวงศ์
ทั้งนี้โครงการจะใช้ระบบรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ (Heavy Rail Transit System) ที่มีความจุสูง และมีความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อเปิดดำเนินการจะใช้รถทั้งหมด 16 ขบวน ( 3 ตู้ต่อขบวน)
โดยที่ล่าสุดอยู่ในขั้นตอนการจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา จึงต้องมีการทบทวนรายละเอียดเงื่อนไขในส่วนของข้อกำหนดการใช้วัสดุก่อสร้างที่ผลิตภายในประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐมนตรี
เบื้องต้นได้มีการแบ่งงานก่อสร้างออกเป็น 6 สัญญา งานก่อสร้างโครงสร้าง 4 สัญญา งานวางราง 1 สัญญา งานศูนย์ซ่อมบำรุง 1 สัญญา คาดว่าจะเปิดให้ประกวดราคาได้ภายในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2559 และจะเปิดเดินรถได้ประมาณปลายปี 2563
Editor by Home.co.th |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 10/01/2016 2:36 am Post subject: |
|
|
คนกรุงสลด"จราจรวิกฤต"อีก 5 ปี โหมสร้างรถไฟฟ้าบี้คุมกำเนิดรถ
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
9 มกราคม 2559 เวลา 10:05:08 น.
คนกรุงทำใจรถติดนานอีก 5 ปี โหมสร้างอุโมงค์ ทางด่วน รถไฟฟ้า 4 สาย สนข.ชี้แนวโน้มราคาน้ำมันลดลง รถใหม่เพิ่มวันละพันคัน เผยไม่มีถนนและสะพานข้ามเจ้าพระยาแห่งใหม่ ทำให้เมืองกระจุกในเขตชั้นใน เปิดโผ 5 ถนนแชมป์รถติด สาทร-พระราม 9-เจริญกรุง-บางพลัด-อโศก กทม.แนะรัฐบาลเร่งคุมกำเนิดรถ แก้วิกฤตอนาคต
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) สรุปอัตราความเร็วเฉลี่ยของรถยนต์ พบว่า ปี 2558 ที่ผ่านมา การจราจรติดขัดยังเป็นปัญหาต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นทุกทิศทาง สาเหตุหลักมาจาก 1. มีการปิดจราจรถนนหลัก เพื่อสร้างรถไฟฟ้า 4 สาย คือ สายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) สีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระและหัวลำโพง-บางแค) สีแดง (บางซื่อ-รังสิต) และสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) รวมถึงโครงการสร้างทางลอดแยกไฟฉาย ทางลอดมไหสวรรย์ และทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกตะวันตก
2. ปริมาณรถยนต์มีจดทะเบียนใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี สถิติปี 2558 เฉลี่ยวันละ 1,063 คัน 3.จำนวนรถยนต์สะสมในกรุงเทพฯเพิ่มขึ้น 293,619 คัน สถิติ ณ วันที่ 30 ก.ย. 2558 อยู่ที่ 8.94 ล้านคัน 4.ผลจากราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่อง 5.การเพิ่มขึ้นของประชากรเมืองและประชากรแฝง และ 6.ไม่ได้เพิ่มโครงข่ายถนนและสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่
เปิดโผ 5 ถนนรถติดหนักสุด
จากผลสำรวจ 5 ถนนที่มีปัญหารถติดมากที่สุดช่วง 06.00-09.00 น. คือ 1.กรุงธนบุรี (กรุงธนบุรี-สุรศักดิ์) ความเร็วเฉลี่ย 5.1 กม./ชม. 2.พระราม 9 (รามคำแหง-พระราม 9) ความเร็วเฉลี่ย 9.7 กม./ชม. 3.เจริญกรุง (ถนนตก-สุรวงศ์) ความเร็วเฉลี่ย 10.6 กม./ชม. 4.ราชวิถี (บางพลัด-อุภัย) ความเร็วเฉลี่ย 10.8 กม./ชม. และ 5.สุขุมวิทชั้นใน (อโศก-นานา) ความเร็วเฉลี่ย 10.8 กม./ชม.
ช่วง 16.00-19.00 น. ได้แก่ 1.เจริญกรุง (สุรวงศ์-ถนนตก) ความเร็วเฉลี่ย 8.8 กม./ชม. 2.ราชวิถี (แยกอุภัย-บางพลัด) ความเร็วเฉลี่ย 8.9 กม./ชม. 3.สุขุมวิทชั้นใน (นานา-อโศก) ความเร็วเฉลี่ย 10.2 กม./ชม. 4.ประชาชื่น (เฉลิมพันธ์-พงษ์เพชร) ความเร็วเฉลี่ย 12.2 กม./ชม. และ 5.พระราม 4 ชั้นใน (หัวลำโพง-เกษมราษฎร์) ความเร็วเฉลี่ย 12.4 กม./ชม.
รถใหม่เพิ่มขึ้นวันละพันคัน
จากข้อมูลระบุอีกว่า แนวโน้มปี 2559 สนข.คาดว่าปัญหารถติดจะมีมากขึ้น เพราะทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ อยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการใหญ่ ๆ ทั้งยังไม่มีถนนและสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระการจราจรได้ แม้มีรถไฟฟ้า แต่การเดินทางยังไม่เชื่อมโยงถึงกันหมด ทำให้คนนิยมขับรถมาทำงานในเมือง และรถยนต์ยังเป็นสินค้ายอดนิยมของคนเมือง ดูจากยอดจดทะเบียนรถใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี เฉลี่ยวันละ 1,000 คัน
นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จะปิดถนนพหลโยธินสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวอย่างจริงจัง เพื่อขึ้นโครงสร้างงานโยธาบริเวณเกาะกลางถนน ซึ่งจะส่งผลกระทบ ทำให้รถติดมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว เมื่อครั้งรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค
การปิดแยกรัชโยธิน เพื่อก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดนั้น จะใช้เวลา 3 ปี ซึ่งเป็นแยกสำคัญ ทำให้การจราจรถนนรัชดาภิเษก วิภาวดีรังสิต และเลียบทางด่วนรามอินทราเกิดปัญหารถสะสมหนาแน่น ตามแผนจะปิดการจราจรในเดือน เม.ย.นี้เป็นต้นไปแล้วเสร็จเดือน ก.พ. 2562 โดยจะใช้เทคโนโลยีเร่งงานก่อสร้างเร็วขึ้นจาก 3 ปีเหลือ 2 ปี
"ผู้รับเหมารถไฟฟ้าสายสีเขียวเริ่มปิดถนนพหลโยธินแล้ว โดยจะสร้างสถานีหน้าห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าวเป็นจุดสุดท้าย จะเริ่มปี"61 ขอให้ประชาชนเข้าใจ เราจะบริหารจัดการให้ดีที่สุด พร้อมแนะเส้นทางลัดด้วย"
คิวต่อไปรามฯ-พระราม 9
นายพีระยุทธกล่าวอีกว่า ส่วนรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) 21 กม. คือคิวต่อไปที่มีแนวเส้นทางพาดผ่านถนนพระราม 9 และรามคำแหง หากต้องปิดพื้นที่ก็น่าเป็นห่วง เพราะรถติดมากอยู่แล้วทุกวันนี้ รวมถึงถนนแจ้งวัฒนะ รามอินทราและลาดพร้าว ที่จะใช้พื้นที่เกาะกลางสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) เท่ากับว่า ช่วง 5-7 ปีนี้ ประชาชนต้องยอมรับกับปัญหาจราจรที่จะติดมากขึ้นอีก เพราะแต่ละโครงการจะทยอยเสร็จในปี 2563-2565
"ยอมรับว่าหนักใจพอสมควร เพราะการก่อสร้างในเขตเมืองหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะให้รถไม่ติด เนื่องจากต้องเสียช่องการจราจรไป"
แนะคุมกำเนิดรถ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กทม.เร่งแก้วิกฤตจราจรตามมาตรการระยะสั้น เช่น ใช้เรือโดยสารเชื่อมกับระบบขนส่งมวลชน ล่าสุด เปิดเดินเรือคลองภาษีเจริญป้อนผู้โดยสารให้ไปใช้บริการที่สถานีรถไฟฟ้าบางหว้า รวมถึงการปรับปรุงถนน จุดตัดทางลัด ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพิ่มเส้นทางจักรยาน ส่วนมาตรการระยะยาวเร่งสร้างระบบขนส่งมวลชน คาดว่าในปี 2572 จะมีรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 5 เท่า กว่า 300 กม.ทั่ว กทม.และปริมณฑล
"อาจมีข้อกังวลบ้าง เพราะกว่าจะถึงปี 2572 กว่ารถไฟฟ้าจะเสร็จ จำนวนรถยนต์ก็จะเพิ่มจาก 8 ล้านเป็น 10 ล้านคัน คิดเป็น 25% และการเคลื่อนย้ายของประชากรใน กทม.จะเพิ่มจาก 17 ล้านเป็น 22 ล้านคน ยังไม่รวมนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาอีก 20 ล้านคน หรือมากกว่านั้น"
"สัดส่วนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลไม่ได้ลดลงเลย แต่ความเร็วเฉลี่ยของรถกลับลดลงเรื่อยๆ จะเหลือแค่ 12 กม./ชม. จากปัจจุบัน 19 กม./ชม. ระบบขนส่งมวลชนแบบรางไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เราต้องทำสิ่งอื่นควบคู่ไปด้วย เพื่อแก้วิกฤตจราจร"
โดยเสนอแนะให้เร่งคุมกำเนิดรถยนต์ ผู้ที่จะซื้อรถต้องแสดงหลักฐานว่ามีที่จอดรถและควบคุมการใช้รถส่วนบุคคลในเขตธุรกิจ แม้ทำได้ยากก็ต้องทำ รวมถึงบังคับให้ผู้ใช้รถที่วิ่งเข้าเมืองต้องจ่ายค่าจอดรถสูงขึ้น |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44808
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 10/01/2016 10:42 pm Post subject: |
|
|
เร่งพิมพ์เขียวรถไฟฟ้าเฟส 2 ขยายรัศมี 100 กม.เชื่อมชานเมือง
ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 23:38:02 น.
1 ปี 6 เดือน นับจากนี้ก่อนจะมีการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเดือน ก.ค. 2560 ตามที่โรดแมปของรัฐบาลประยุทธ์ขีดไว้
ดังนั้นในช่วงเวลาที่เหลือนี้จะเป็นการเร่งเครื่องงานไหนที่ทำได้ทำทันทีให้เสร็จหรือให้ได้เริ่มต้นส่วนงานไหนที่ไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ก็ให้รัฐบาลหน้ามาสานต่อ
ที่น่าสนใจมีการใส่โครงการโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งที่คมนาคมจัดเซตแผนลงทุน 8 ปี (2558-2565) บรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ที่กำลังยกร่าง เป็นแผนพัฒนา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2564 เป็นการการันตีว่าโครงการจะไม่ถูกปรับเปลี่ยน แม้จะมีรัฐบาลไหนเข้ามาบริหารประเทศ จะต้องเดินหน้าไปตามแผนฉบับที่ 12 นี้
"อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 22 ธ.ค. 2558 มีความเห็นชอบในการยกร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ของสภาพัฒน์
ในส่วนความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม ส่วนแรกจะเป็นแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่ง จะเน้นย้ำโครงการพัฒนาปี 2560-2564 เพื่อเป็นการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศในกลุ่มอาเซียน
ส่วนที่ 2 เป็นเรื่องของการพัฒนาโครงข่ายคมนาคม ไปสู่พื้นที่พัฒนาเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 พื้นที่ มีการก่อสร้าง ปรับปรุงถนน ขยายช่องทางจราจรไปสู่เขตเศรษฐกิจชายแดน พื้นที่ซูเปอร์คลัสเตอร์และพื้นที่เศรษฐกิจชายฝั่งทะเลตะวันออก
ส่วนที่ 3 การพัฒนาในเรื่องของระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ได้มอบหมายสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาและยกร่างแผนแม่บทโครงข่ายรถไฟฟ้าและปริมณฑล (M-Map) ระยะที่ 2 ให้แล้วเสร็จในปี 2559
โดยโครงข่ายที่จะเพิ่มครอบคลุมพื้นที่ 4 ลักษณะ คือ 1.ธุรกิจและเศรษฐกิจตอนในกรุงเทพฯ 2.พื้นที่ชั้นนอกกรุงเทพฯ เช่น วงแหวนรัชดาภิเษก วงแหวนกาญจนาภิเษก 3.พื้นที่ต่อเชื่อมกรุงเทพฯ เช่น นครปฐม แปดริ้ว บ้านภาชี รัศมีไม่เกิน 60-100 กม. สามารถเชื่อมต่อรถไฟ หรือรถไฟฟ้าชานเมือง และ 4.เชื่อมพื้นที่ชั้นนอกกรุงเทพฯและเมืองต่าง ๆ ของประเทศไทย
ส่วนโครงการรถไฟฟ้าระยะที่ 1 จำนวน 10 เส้นทาง คาดว่าจะอนุมัติโครงการได้หมดในปี 2559 ยังเหลือมีสายสีส้มตะวันตก
ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน 16.4 กม. สีชมพู แคราย-มีนบุรี 34.5 กม. สีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง 30.4 กม. สีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4 ระยะทาง 7 กม. สีเขียวใต้ ช่วงสมุทรปราการ-บางปู 7 กม. และสีเขียวเหนือ ช่วงคูคต-ลำลูกกา 7 กม.
"แผนแม่บทรถไฟฟ้าระยะที่ 2 จะดำเนินการตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ดูในการเชื่อมต่อโครงข่ายในรูปลักษณะเป็นวงกลม เพื่อเชื่อมการเดินทางต่อของประชาชนที่ทำงาน กทม. หรือต่างจังหวัด ด้วยรถไฟฟ้าและรถไฟได้อย่างครบถ้วน" บิ๊กคมนาคมกล่าวย้ำ
สำหรับโครงการคมนาคมที่จะนำมาเข้าร่วมแผนฉบับที่ 12 อาทิ รถไฟฟ้าสายสีเทา (วัชรพล-พระโขนง-สะพานพระราม 9-ท่าพระ) สีน้ำตาล (แคราย-บึงกุ่ม) ส่วนใหญ่เป็นรถไฟฟ้าสายใหม่จะเพิ่มโครงข่ายเป็นใยแมงมุมมากขึ้น
นอกจากนี้มีรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 ได้แก่ สายปากน้ำโพ-เด่นชัย 285 กม. สายหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ 90 กม. สายชุมพร-ปาดังเบซาร์ 551 กม. สายขอนแก่น-หนองคาย 174 กม. สายจิระ-อุบลราชธานี 309 กม. สายเด่นชัย-เชียงใหม่ 217 กม. สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 326 กม. สายบ้านไผ่-นครพนม 347 กม. และสายบ้านภาชี-อ.นครหลวง 15 กม.
มีโครงข่ายมอเตอร์เวย์ที่กรมทางหลวง (ทล.) ศึกษาแผนแม่บทเสร็จแล้ว จำนวน 21 สายทาง ระยะทางกว่า 6.6 พัน กม. และทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก 16.9 กม. รวมถึงการพัฒนาท่าเรือ ท่าอากาศยาน และโครงการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมซ่อมบำรุงและผลิตชิ้นส่วนอากาศยานที่สนามบินอู่ตะเภา
"อาคม" กล่าวย้ำว่า แผนพัฒนาของสภาพัฒน์ฉบับที่ผ่านมาไม่ได้ระบุแผนงานโครงการที่ชัดเจน ทำให้โครงการไม่ต่อเนื่อง
บางโครงการใช้เวลาดำเนินงานนาน แต่แผนฉบับที่ 12 จะนำมาเป็นแนวทางการพัฒนา จะระบุรายละเอียดแผนงานโครงการ เม็ดเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศของรัฐบาล โดยคณะกรรมการยกร่างยุทธศาสตร์ระยะยาว 20 ปี และแบ่งการทำงานออกเป็นระยะละ 5 ปี อีกทั้งจะกำหนดแผนงานโครงการเพื่อให้แต่ละกระทรวง ทบวง กรม
นำไปสู่การปฏิบัติและจัดทำงบประมาณปี 2560 ที่สำคัญให้รัฐบาลใหม่นำมาเป็นนโยบายพัฒนาประเทศต่อไป |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44808
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 12/01/2016 8:57 pm Post subject: |
|
|
จับตา 4 เส้นใหม่ 6 ส่วนต่อขยาย
โพสต์ทูเดย์ 10 มกราคม 2559 เวลา 07:17 น.
โดย...สุกัญญา สินถิรศักดิ์
ปี 2559 นับเป็นอีกหนึ่งปีทองของการลงทุนภาครัฐ เพราะมีหลายบิ๊กโปรเจกต์ด้านคมนาคมที่รัฐบาลเตรียมเดินหน้า ซึ่งการลงทุนของภาครัฐในปีนี้เป็นความหวังใหญ่ของภาคเอกชนที่คาดว่าจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างแท้จริง และเป็นโครงการที่นักพัฒนาที่ดินจับตามองด้วย หากมีความชัดเจนก็พร้อมร่วมวงจับจองพื้นที่ลงทุนใกล้โครงการคมนาคมเหล่านี้
โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นโครงการที่บรรดานักพัฒนาที่ดินให้ความสนใจมากที่สุด เพราะเป็นการเปิดหน้าดินใหม่ และหากประเมินจากรถไฟฟ้าเส้นทางปัจจุบัน โครงการที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก อาคารสำนักงาน หรือที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
สำหรับ 4 เส้นทางใหม่สร้างอนาคต นอกจากรถไฟฟ้าเส้นทางปัจจุบันที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง รถไฟฟ้า 4 เส้นทางใหม่ ได้แก่
1.สายสีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา) ที่ปัจจุบันเพิ่งเริ่มก่อสร้าง
2.สายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) ที่เพิ่งได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมฯ ยังไม่ผ่าน) และ
3. สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-บางกะปิ-สำโรง) และ
4. สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) กำลังรอผ่าน PPP ฟาสต์แทร็กก่อน แล้วถึงจะเสนอเข้า ครม. ซึ่งคาดว่าจะเป็นเดือน พ.ค.ปีนี้ ล้วนสร้างความสนใจให้กับทั้งภาคนักลงทุนและภาคประชาชน
หากวิเคราะห์ถึง 4 เส้นทางอนาคตต้องยอมรับว่า สายสีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา) ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากที่สุด เพราะเริ่มโครงการแล้ว โดยช่วงสถานีที่ 1-สถานีที่ 5 (สถานีห้าแยกลาดพร้าว-สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) มีศักยภาพโดดเด่นที่สุด เพราะใกล้เมืองมากที่สุด และเชื่อมต่อมาจากสถานีหมอชิตผ่านบริเวณห้าแยกลาดพร้าว มีครบทั้งศูนย์รวมแหล่งช็อปปิ้งชั้นนำ อาคารสำนักงาน และมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่ก็เป็นช่วงที่ราคาที่ดินและราคาคอนโดมิเนียมแพงมากแล้วเช่นกัน
ปัจจุบันผู้ประกอบการคอนโดมิเนียม จึงเริ่มไปปักธงบริเวณสถานีสายหยุดและสถานีสะพานใหม่แทน ส่วนสถานีอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นที่ดินของหน่วยงานรัฐ พัฒนาไม่ได้ และอีกหนึ่งข้อจำกัดของบริเวณเกาะแนวรถไฟฟ้าเส้นทางนี้ในช่วงกลางถึงปลายคือ เป็นพื้นที่ควบคุมความสูงของตัวอาคาร เพราะอยู่ใกล้สนามบิน ราคาที่ดินจึงขึ้นไปแซงหน้าประโยชน์ในการพัฒนาที่ดินได้จริง
สำหรับรถไฟฟ้าอีก 3 เส้นทาง คือ สายสีส้ม สายสีเหลือง และสายสีชมพู จะเริ่มเป็นรถไฟฟ้าที่ขยายไปยังพื้นที่ชานเมืองกรุงเทพฯ และรอยต่อกรุงเทพฯ มากขึ้น วิ่งเข้าชุมชนเดิม ซึ่งจะช่วยยกคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยเดิมให้ดีขึ้น ส่วนการเปิดหน้าดินใหม่จะเป็นลักษณะการกว้านซื้อตึกแถวเก่ามารื้อทิ้งสร้างเป็นโครงการใหม่ หรืออาจนำตึกแถวเหล่านั้นมาปรับปรุงเพื่อใช้ประโยชน์ที่สอดคล้องกับความเจริญที่เข้ามา
ขณะที่ทำเลฮอตเกาะแนวรถไฟฟ้าทั้ง 3 เส้นทางดังกล่าว ในระยะสั้นช่วง 5-10 ปีนี้ จะมีไม่กี่บริเวณเท่านั้นที่จะเกิดตลาดคอนโดมิเนียมได้ เช่น สายสีส้ม พื้นที่ที่จะได้รับอานิสงส์คือ 2-3 สถานีที่อยู่ใกล้สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ส่วนสถานีอื่นๆ ยังมีบ้านแนวราบเป็นทางเลือก ส่วนสายสีเหลือง บริเวณที่วิ่งผ่านถนนลาดพร้าวประมาณ 6-7 สถานี ตลาดคอนโดมิเนียมจะเป็นที่นิยม ราคายังไม่แพงมาก ส่วนแถวศรีนครินทร์อาจจะมีคอนโดมิเนียมราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทบ้าง แต่ก็ยังมีบ้านแนวราบให้เลือกจำนวนมาก
ส่วนสายสีชมพู เส้นทางนี้ถือว่าค่อนข้างน่าสนใจ เพราะว่ามีหลายสถานีที่ไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเส้นทางอื่นได้ ทั้งสายสีแดง สายสีเขียวสะพานใหม่ และสายสีม่วง แต่โอกาสในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ จะกระจุกตัวบริเวณทางด่วนศรีรัช-ห้าแยกปากเกร็ด (โซนเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ) มากที่สุด เพราะบริเวณแจ้งวัฒนะ 14-ทางด่วนศรีรัช (โซนเมืองทองธานี) พัฒนาจนเต็มที่มากแล้ว ส่วนบริเวณหลักสี่-ศูนย์ราชการ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานรัฐพัฒนายาก
ทั้งนี้ ข้อจำกัดของทั้ง 4 เส้นทางรถไฟฟ้าใหม่เหล่านี้ ส่วนใหญ่คือผังเมืองปัจจุบันยังไม่สอดรับกับการมีรถไฟฟ้า มีหลายพื้นที่มีข้อจำกัดในการพัฒนา ซึ่งต้องรอดูว่านอกจากรัฐบาลจะเร่งเครื่องลงทุนโครงการรถไฟฟ้าแล้ว จะมีนโยบายด้านผังเมืองที่เปลี่ยนไปหรือไม่
จากบทเรียนในอดีตที่มีหลายโครงการมีกระแสข่าวว่าจะมีการก่อสร้าง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มี ทำให้ผู้ประกอบการที่เป็นนักพัฒนาที่ดินจริงๆ จะยังไม่เข้าไปปักธงลงทุน จนกว่าจะเห็นความชัดเจนด้านงานก่อสร้างจริงๆ แม้ว่าการเข้าไปลงทุนจังหวะนั้น จะทำให้ต้นทุนที่ดินสูงแล้วก็ตาม แต่ก็ชัวร์ว่าเข้าไปแรกๆ แต่โครงการไม่เกิดจริง ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงโครงการเพิ่งเริ่มมีความชัดเจนเช่นนี้ กลุ่มแรกที่จะเข้ามาคือ กลุ่มนักเก็งกำไรที่ดิน
http://www.posttoday.com/media/content/2016/bts_map.jpg |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44808
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 13/01/2016 4:15 pm Post subject: |
|
|
ประมูลสายสีส้มเม.ย.นี้งบสร้างลดลงพันล้าน
เดลินิวส์ วันพุธที่ 13 มกราคม 2559 เวลา 9:58 น.
ประมูลสายสีส้มเม.ย.นี้งบสร้างลดลงพันล้าน รฟม.ลดค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มไป1,000 กว่าบาท เตรียมเสนอเข้าบอร์ดเห็นชอบราคาใหม่คาดขายซองได้เม.ย.59
รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) กล่าวว่า ภายหลงจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ระยะทาง 21.2กิโลเมตรไปแล้วนั้น ทางรฟม.ได้มีการพิจารณาค่าก่อสร้างใหม่อีกครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพ เศรษฐกิจ ราคาน้ำมันในปัจจุบัน ซึ่งภายหลังจากพิจารณาลดราคาค่าก่อสร้างปรากฎจะต้องลดราคาค่าก่อสร้างลงประมาณ 1,000 ล้านบาทจากราคาค่าก่อสร้างเดิมอยู่ที่ประมาณ 9.5หมื่นล้านบาท ดังนั้นในส่วนของค่าก่อสร้างสายสีส้มตะวันออกขณะนี้ราคาค่าก่อสร้างจะอยู่ ที่ประมาณ 8หมื่นล้านกว่าบาทเท่านั้น โดยในวันที่13 ม.ค.59รฟม.จะเสนอเข้าคณะกรรมการบอร์ดรฟม.เพื่อพิจารณาเห็นชอบในกรอบราคาค่าก่อ สร้างโดยภายหลังจากที่บอร์ดเห็นชอบในราคาใหม่แล้วรฟม.จะต้องรวบรวมเอกสาร เสนอไปยังกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอขออนุมัติวงเงินก่อสร้างจากครม. อย่างไรก็ตามหากครม.เห็นชอบภายในเดือนม.ค.59นี้ คาดว่าจะสามารถเปิดขายซองประกวดราคาได้ประมาณเดือนเม.ย.59 ทั้งนี้สำหรับนโยบายของทางรัฐบาลที่ต้องการให้เอกชนรายย่อยเข้าร่วมประกวดราคาในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่นั้นรฟม.จะต้องมีการพิจารณาตามขนาด สัญญาการก่อสร้างให้รอบคอบ
สำหรับโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้มฝั่งตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี มีระยะทาง 21.2 กม. เป็นทางวิ่งยกระดับ 9 กม. ทางวิ่งใต้ดิน 12.2 กม. ทั้งหมดมี 16 สถานี บนดิน 7 สถานี และสถานีใต้ดิน 9 สถานี โดยจุดเริ่มต้นอยู่ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ออกถนนพระราม 9 วิ่งเข้าสู่ถนนรามคำแหง เข้าแยกถนนกาญจนาภิเษกไปสิ้นสุดที่ใกล้จุดตัดถนนรามคำแหงกับถนนสุวินทวงศ์ คาดการณ์จะมีจำนวนผู้โดยสาร 4.8 แสนคนต่อวัน. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 13/01/2016 4:44 pm Post subject: |
|
|
^^^
ก็ดูกันนไปนะครับว่า นอกจากสายเขียวไปคูคต ที่น่าสนใจแล้ว สายชมพูกะสายเหลืองจะได้ผลประการใดแะต่สายส้มนี่น่าคิดนะ เพราะ งานนี้จะเอาตามทางเดิมแน่นอนแล้ว
รฟม.ชงบอร์ดพิจารณารายละเอียดโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มพรุ่งนี้
โดย MGR Online
12 มกราคม 2559 19:49 น. (แก้ไขล่าสุด 12 มกราคม 2559 19:51 น.)
พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า การประชุมบอร์ดวันพรุ่งนี้ (13 ม.ค.) ทาง รฟม.จะนำเสนอผลการปรับรายละเอียดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตะวันออก เส้นทางศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี ระยะทาง 21.2 กิโลเมตร วงเงินเฉพาะค่าก่อสร้างงานโยธา 95,108 ล้านบาท ซึ่ง รฟม. มีการปรับปรุงรายละเอียดให้เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตในไทยให้ได้มากที่สุด |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 14/01/2016 6:08 pm Post subject: |
|
|
เตรียมเสนอรถไฟฟ้าสีเหลือง-ชมพู เข้า ครม.มี.ค.นี้
Written by: กอง บก.ข่าวเศรษฐกิจ
สำนักข่าวไทย
14 มกราคม 2559 เวลา 12:38 PM
กระทรวงการคลัง 14 ม.ค. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมการ PPP ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษณ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน กำหนดให้ผลักดันการลงทุน 5 โครงการ เข้าสู่ระบบ PPP Fastrack เพื่อเร่งจัดทำขั้นตอนการประมูลให้มีระยะเวลากระชับมากขึ้น จึงต้องนำเสนอคณะกรรมการ PPP พิจารณา ประกอบด้วย โครงการสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคลาย- มีนบุรี วงเงินลงทุน 56,720 ล้านบาท การสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง 54,700 ล้านบาท
ส่วนสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย หัวลำโพง-กาญจนาภิเษก วงเงิน 82,494 ล้านบาท รวมถึงการสร้างมอเตอร์เวย์เส้นทางบางปะอิน-นครราชสีมา และเส้นทางบางใหญ่-กาญจนบุรี คาดว่าการจัดทำข้อมูลระหว่างกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมจะเสนอแผน PPP Fastrack เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง ให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาในช่วงเดือนมีนาคมนี้ จากนั้นจะเริ่มเปิดประมูล และเร่งรัดโครงการลงทุนอื่น เช่น สายสีน้ำเงินและมอเตอร์เวย์ เพื่อให้ระบบร่วมลงทุนกับภาคเอกชนเริ่มเกิดขึ้นได้ภายในครึ่งปีแรก.- |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 17/01/2016 11:45 am Post subject: |
|
|
สคร.ชงเสนอ 2 โครงการรถไฟฟ้ามูลค่า 334,207 ลบ.ต่อบอร์ด PPP ก.พ.นี้
ข่าวหุ้น
14 มกราคม 2559 เวลา 14:16:00
ผู้เข้าชม : 235 ครั้ง
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร.เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้ามาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ PPP Fast Track หลังจากที่คณะกรรมการฯได้เห็นชอบโครงการขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคมที่มีความพร้อมในการดำเนินการตามมาตรการ PPP fast Track 5 โครงการ
รวมมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 334,207 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี มีมูลค่าโครงการ 56,725 ล้านบาท 2.โครงรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง มีมูลค่าโครงการ 54,768 ล้านบาท
และ3.โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแคและช่วงบางซื่อ - ท่าพระ มีมูลค่าโครงการ 82,600 ล้านบาท 4. โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางประอิน - นครราชสีมา มีมูลค่าโครงการ 84,600 ล้านบาท และ5.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี มีมูลค่าโครงการ 55,620 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองจะเป็นการลงทุนของรัฐในเรื่องงานโยธาและให้ เอกชนเป็นผู้บริหารและบำรุงรักษาโครงการ ซึ่งขณะนี้มี 2 โครงการที่ส่งเรื่องมายัง สคร.เรียบร้อยแล้ว คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสีเหลือง ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้คณะกรรมการ PPP พิจารณาได้ภายในเดือนก.พ.นี้ ก่อนที่จะเสนอเข้า ครม. ต่อไปในเดือนมี.ค.
ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินนั้น อยู่ระหว่างการติดตามในเรื่องต่างๆ ขณะที่โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ได้ขยายเรื่องการดำเนินการไปจนถึงเดือนมิ.ย. เนื่องจากมีความล่าช้าในส่วนของการจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม โดยยืนยันว่า โครงการทั้ง 3 โครงการจะแล้วเสร็จในปีนี้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ในส่วนของความคืบหน้าของกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์สฟันด์ว่า อยู่ระหว่างการดำเนินงาน 3 ส่วนไปพร้อมกัน ซึ่งประกอบด้วย 1.งานด้านโครงการ ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการเดินหน้าหารือกับกระทรวงคมนาคมแล้ว ถึงคุณลักษณะโครงการที่จะเข้ามาอยู่ในกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์สฟันด์ว่าควรมีลักษณะอย่างไรบ้าง 2.การทำโครงการทางการเงิน โดยการประชุมคณะกรรมการฯอยู่ระหว่างหาที่ปรึกษาทางการเงิน หรือ FA และ 3.การกำหนดกติกา และในส่วนของกฎหมายที่จะมีการการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำ โดยจะทำอย่างไรให้เหมาะสม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ซึ่งคาดว่าทั้งหมดจะมีความชัดเจนภายในเดือนมิ.ย. นี้แน่นอน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 18/01/2016 10:21 am Post subject: |
|
|
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเดินหน้าทดลองตั๋วร่วม ใช้ทั้งโครงข่ายเดิมยันของใหม่
โดย ฐานเศรษฐกิจ -
ออนไลน์เมื่อ 18 มกราคม 2559
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,123 วันที่ 17 20 มกราคม พ.ศ. 2559
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเดินหน้าทดลองตั๋วร่วม ใช้ทั้งโครงข่ายเดิมยันของใหม่
สนข.เดินหน้าระบบตั๋วร่วม ยัน ก.พ.นี้พร้อมทดสอบระบบบริหารจัดการรายได้กลาง บิ๊กสนข.เผยเตรียมทดลองใช้กับระบบโครงข่ายคมนาคมเดิมทั้งบีทีเอส แอร์พอร์ตลิ้งค์และ MRT ที่เกี่ยวกับระบบเติมเงินในบัตร คาดจะเร่งใช้ผ่านทางด่วนช่องจ่ายเงินสดได้ในปีนี้ ควบคู่กับรถไฟฟ้าสายสีม่วงและทางด่วนศรีรัชที่กำหนดเปิดให้บริการปีนี้เช่นกัน
ดร.เผด็จ ประดิษฐ์เพชร ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานโครงการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจ ว่า ขณะนี้ระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House หรือ CCH) ของระบบตั๋วร่วมคมนาคมดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมนำไปทดสอบกับระบบต่างๆให้สมบูรณ์ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2559 ตามแผนต่อไป
หลังจากนี้จะเริ่มนำไปทดสอบกับระบบต่างๆที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน หรืออาจต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้างในบางระบบ อาทิ บีทีเอส แอร์พอร์ตลิ้งค์ และ MRT เพื่อให้สามารถปรับเข้ากับระบบโครงข่ายใหญ่ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลางจะทยอยนำไปทดสอบกับระบบรถไฟฟ้า และทางด่วนว่าสามารถใช้งานได้กับระบบ CCH ได้หรือไม่ ต้องปรับปรุงอย่างไรบ้าง เพื่อให้รองรับระบบกลางได้ด้วย
ระบบที่เปิดให้บริการในปัจจุบันยังกังวลว่าจะมีปัญหาใดเกิดขึ้นขณะนำไปทดสอบหรือไม่ แต่สามารถแก้ไขได้ อาทิ ระบบประตูทางเข้าต่างๆ ตามสถานีให้รองรับหัวอ่านได้ ส่วนระบบใหม่อย่างรถไฟฟ้าสายสีม่วง นั้นไม่มีปัญหาในการนำไปใช้งานเพราะจะติดตั้งระบบที่สนข.กำหนดขึ้นเป็นมาตรฐานกลางเข้าไปได้ทันที
ทั้งนี้สำหรับระบบทางด่วนซึ่งเป็นระบบเดิมนั้น ยังคงเดินหน้าปรับปรุงระบบควบคู่ไปด้วยโดยเฉพาะช่องทางจ่ายเงินสด ล่าสุดการใช้งานร่วมกันของระบบอีซีพาสและเอ็มพาสก็จะสามารถใช้งานได้ในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับช่องอัตโนมัติ แต่สำหรับระบบตั๋วร่วมจะเน้นการนำไปใช้ในช่องการจ่ายเงินสดให้ได้รับความสะดวกมากขึ้น โดยจะติดตั้งรีดเดอร์ไว้ให้อ่านข้อมูลตามที่ต้องการต่อไป หากทำได้ดีก็จะให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) ตั้งงบประมาณดำเนินการต่อไปเพื่อให้สามารถจ่ายด้วยบัตรระบบตั๋วร่วมควบคู่ไปกับการจ่ายเงินสด ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาอีกช่วงหนึ่ง
ส่วนการจะเลิกใช้บัตรอีซีพาสและเอ็มพาสเมื่อมีระบบตั๋วร่วมแล้วนั้น ยืนยันว่ายังใช้งานได้ตลอดไป ระบบตั๋วร่วมจะเข้าไปเสริมแทนในเรื่องบัตรเติมเงินมากกว่า ไม่ได้แทนได้ทั้งระบบซึ่งระบบทางด่วนนั้นถือได้ว่าอีซีพาสและเอ็มพาสเป็นระบบที่ดีที่สุดในการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพขณะนี้
ทั้งนี้ภายในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2559 จะมีการเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่อย่างเป็นทางการสำหรับการใช้งานระบบตั๋วร่วมคมนาคมกับระบบต่างๆ ที่กำหนดไว้ในแผนงาน ทั้งระบบที่ให้บริการปัจจุบันอย่างบีทีเอส แอร์พอร์ตลิ้งค์ และMRT รวมถึงระบบที่จะเกิดขึ้นใหม่ อาทิ รถไฟฟ้าสายสีม่วง
จะต้องมีการเข้าไปปรับระบบเดิม ให้สามารถเข้ามาใช้งานกับระบบตั๋วร่วมตามระบบมาตรฐานกลางนี้ได้ ส่วนของใหม่สามารถนำมาตรฐานกลางที่คิดขึ้นมาครั้งนี้ไปติดตั้งได้ทันที เบื้องต้นนี้อาจจะใช้งบส่วนหนึ่งเข้าไปปรับปรุงระบบเดิมให้สามารถเข้ามาสู่ระบบมาตรฐานกลางใหม่นี้ได้ จึงต้องใช้ระยะเวลาอีกช่วงหนึ่งเท่านั้น
ทั้งนี้โครงการจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House หรือ CCH) มูลค่าโครงการ 409 ล้านบาทนั้นกลุ่ม BSV Consortium ที่จัดทำระบบตั๋วร่วมของรถไฟฟ้าบีทีเอสในปัจจุบันที่ประกอบด้วย บริษัทบางกอกแมสทรานซิท ซีสเต็ม จำกัด(มหาชน) บริษัทสมาร์ท ทราฟฟิค จำกัด และบริษัท VIX Mobility Pty จำกัด เสนอราคาต่ำสุดด้วยราคา 339 ล้านบาท จึงเป็นผู้ได้รับสิทธิ์พัฒนาระบบนี้ |
|
Back to top |
|
|
|