รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล

[Mongwin]

คมนาคมเตรียมเสนอ ครม.เห็นชอบผลคัดเลือกเอกชนสร้างรถไฟฟ้า 2 เส้นทาง
โดย MGR Online 7 พฤษภาคม 2560 09:57 น.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งทางรางของไทย ว่า การอนุมัติงบประมาณเสริมความมั่นคงโครงสร้างทางรถไฟระหว่างสถานีชุมทางคลองสิบเก้า - สถานีชุมทางแก่งคอย ของคณะรัฐมนตรีสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อสร้างความแข็งแรงให้รางรถไฟ เปลี่ยนไม้หมอนใหม่ คู่ขนานกับโครงการรถไฟทางคู่ ซึ่งจะช่วยให้การขนส่งสินค้าได้มากขึ้น ส่วนรถไฟความเร็วสูงจะใช้ในการเดินทางเป็นหลัก เพื่อลดระยะเวลาการเดินทางของผู้โดยสารให้เร็วขึ้น และจะแก้ปัญหาจุดตัดรถไฟ โดยให้เป็นสะพานข้ามทางรถไฟ หรือทางลอดใต้ทางรถไฟ แล้วแต่สภาพภูมิประเทศ เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้รถไฟความเร็วสูงนอกจากลดระยะเวลาแล้ว จะเชื่อมระหว่างประเทศด้วย เช่น กรุงเทพฯ - กัวลาลัมเปอร์ - สิงคโปร์ และจีน

ขณะที่ในวันอังคารที่ 9 พฤษภาคมนี้ จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบผลการคัดเลือกภาคเอกชนในการก่อสร้างรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร 2 เส้นทาง คือ สายสีชมพู กับสายสีเหลือง คาดว่าปลายปีนี้จะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ ส่วนสายที่ 3 กระทรวงคมนาคมกำลังเตรียมโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก จากสถานีศูนย์วัฒนธรรม ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาไปยังฝั่งธนบุรี ที่สถานีบางขุนนนท์ สายที่ 4 สายสีม่วง จากเตาปูน ไปเชื่อมกับสายสีน้ำเงินที่ราษฎร์บูรณะ และตัดสายสีน้ำเงินอีกครั้งที่วังบูรพา

ทั้งนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลมุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัยมากขึ้น ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ความสะดวกในการเชื่อมต่อระบบขนส่ง เพื่อสร้างวัฒนธรรมในการใช้รถโดยสารสาธารณะให้มากขึ้น แต่ช่วง 3 ปีนี้ที่รัฐบาลกำลังพัฒนาเส้นทาง อาจกระทบการเดินทางของประชาชนบ้าง โดยจะเร่งดำเนินการคืนพื้นผิวการจราจรให้เร็วที่สุด

[Wisarut]

ครม.ยังไม่พิจารณารถไฟฟ้าสายสีชมพู-สีเหลือง รอกฤษฎีกาตรวจรอบคอบ
โดย MGR Online
9 พฤษภาคม 2560 16:56 น.

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่พิจารณาอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. วงเงิน 53,519 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 51,931 ล้านบาท โดยเรื่องยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้พิจารณาให้รอบคอบเพราะมีหลายสัญญา
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.วันนี้ ยังไม่มีวาระเรื่อง โครงการรถไฟฟ้ารถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง เนื่องจากความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะนำประกอบการพิจารณาของ ครม.ยังครบถ้วน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ( สศช.) สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และเพื่อความรอบคอบอาจจะต้องส่งเรื่องกลับไปให้คณะกรรมการมาตรา 35 แห่งพ.ร.บ.ร่วมทุนเอกชนฯ พ.ศ. 2556 ที่มีนายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รักษาการผู้ว่าการ รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นประธาน พิจารณาข้อสัญญญาให้รอบคอบทั้งเงื่อนไขและข้อกฎหมายต่างๆ
ทั้งนี้ ตามแผนงานจะเสนอ ครม.เพื่อขออนุมัติการจัดหาเอกชนเข้ามาลงทุนโครงการสายสีชมพูและสีเหลือง ซึ่ง รฟม.ได้คัดเลือกผู้ยื่นข้อเสนอดีที่สุด คือ กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) ประกอบด้วย บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) และบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC)
นายอาคม กล่าวว่า ทั้ง 2 โครงการเตรียมนำเสนอ ครม.ตั้งแต่เดือนเมษายน 2560 ที่ผ่านมา จึงถือว่าเลื่อนจากกำหนดการเดิมมาเล็กน้อยแล้ว แต่ยังอยู่ในกรอบเวลาที่จะดำเนินการก่อสร้าง โดยจะใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน

//-------------------

เบรกรถไฟฟ้า “ชมพู-เหลือง” สั่งดูเงื่อนไขสัญญาให้รอบคอบก่อนชง ครม.
โดย MGR Online
9 พฤษภาคม 2560 17:48 น. (แก้ไขล่าสุด 9 พฤษภาคม 2560 19:08 น.)

รถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลืองเบรกเข้า ครม. “อาคม” เผยความเห็นหน่วยงานประกอบยังไม่ครบถ้วน และอาจต้องให้ กก.มาตรา 35 ดูเงื่อนไขสัญญาให้รอบคอบอีกครั้ง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (9 พ.ค.) ยังไม่มีวาระพิจารณาผลการเจรจากับเอกชนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 53,519.50 ล้านบาท และสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 51,931.15 ล้านบาท เข้าสู่ที่ประชุม เนื่องจากความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะนำประกอบการพิจารณา ครม.ยังไม่ครบถ้วน โดยยังขาดความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สศช.) สำนักงบประมาณ และกฤษฎีกา และเพื่อความรอบคอบอาจจะต้องส่งเรื่องกลับไปให้คณะกรรมการมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุนเอกชนฯ พ.ศ. 2556 ที่มีนายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รักษาการผู้ว่า การการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นประธาน พิจารณาข้อสัญญาให้รอบคอบทั้งเงื่อนไขและข้อกฎหมายต่างๆ

ทั้งนี้ เรื่องยังอยู่ที่เลขาฯ ครม. เป็นขั้นตอนรอความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยังไม่ครบถ้วน โดยตามแผนงาน จากที่จะเสนอ ครม.เพื่อขออนุมัติการจัดหาเอกชนเข้ามาลงทุนโครงการสายสีชมพูและสีเหลือง ซึ่ง รฟม.ได้คัดเลือกผู้ยื่นข้อเสนอดีที่สุด คือกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS Group บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH และบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC และเตรียมเสนอ ครม.ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2560 ขณะนี้ถือว่าเลื่อนจากกำหนดเดิมมาเล็กน้อยแล้ว แต่ยังอยู่ในกรอบ โดยจะใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ รฟม.ถูกวิจารณ์ถึงกรณีสัญญารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทำให้ในการพิจารณาสัมปทานรถไฟฟ้าสีชมพูและเหลืองจึงต้องใช้ความละเอียดรอบคอบเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเจรจาผลประโยชน์ต่างๆ จะต้องสามารถชี้แจงและตอบคำถามได้อย่างโปร่งใส

[Mongwin]

ดีเดย์ใช้ตั๋วร่วม'ขสมก'.ต.ค. ยอมรับเลื่อนบัตรแมงมุม ผลถก3รถไฟฟ้าไร้ข้อสรุป
ไทยโพสต์ Thursday, May 11, 2017 - 00:00

คมนาคมเดินหน้าใช้ระบบตั๋วร่วม มั่นใจใช้ได้กับรถเมล์ก่อนภายในเดือน ต.ค.แน่นอน จี้เร่งพิจารณาร่างกฎหมาย 3 ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.60 ด้าน สนข.รับเลื่อนเปิด "บัตรแมงมุม" หลังผลการเจรจา 3 รถไฟฟ้าได้ข้อสรุป

นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในเดือน ต.ค.นี้ กระทรวงคมนาคมเตรียมใช้บริการระบบตั๋วร่วมกับรถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. บางส่วนที่มีการติดตั้งระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-TICKET ซึ่งขณะนี้ ขสมก.อยู่ระหว่างการดำเนินการติดตั้งระบบ รวมถึงเร่งขับเคลื่อนร่างกฎหมาย 3 ฉบับให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ประกอบด้วย 1.ร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม 2.ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง ซึ่งทั้ง 2 ร่างอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา และ 3.ร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะทำงานจะแล้วเสร็จเดือน พ.ค.นี้

ทั้งนี้ หลังจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. จะไปรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง คาดว่าภายในเดือน ก.ค.-ส.ค.60 จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ จากนั้นจะเปิดใช้บริการตั๋วร่วมภายในเดือน ต.ค.นี้ โดยเริ่มใช้กับรถเมล์ ขสมก.ก่อน จากนั้นจะขยายไปยังรถไฟฟ้าและระบบอื่นๆ ต่อไป

"การเร่งนำระบบตั๋วร่วมมาใช้นั้นจะสอดคล้องกับนโยบายที่รัฐบาลจะยกเลิกการให้บริการรถเมล์-รถไฟฟรี เพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการช่วยเหลือค่าครองชีพกับผู้มีรายได้น้อยจริง ดังนั้นหากสามารถดำเนินการระบบตั๋วร่วมแล้วเสร็จภายในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ก็จะสามารถนำระบบดังกล่าวมาใช้ เพื่อรองรับการให้บริการรถเมล์ฟรีกับผู้มีรายได้น้อย" นายพีระพลกล่าว

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการ สนข. กล่าวว่า การเปิดใช้บริการตั๋วร่วมในระบบรถไฟฟ้านั้น ขณะนี้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไปเจรจากับผู้ประกอบการหลักคือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส เพื่อจัดตั้งเป็นบริษัทบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ซึ่งเบื้องต้นทางผู้บริหารทั้ง 2 บริษัทเห็นด้วยกับนโยบายนี้ พร้อมสนับสนุน แต่อยากให้การเจรจาเป็นทางการ มีมติ ครม.มารองรับ ดังนั้นในเร็วๆ นี้จึงเตรียมเสนอให้ ครม.รับรองการจัดตั้งสำนักธุรกิจระบบตั๋วร่วม หรือบียู เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการในเรื่องนี้ต่อไป

"ก่อนหน้านี้ สนข.คาดว่าภายในกลางปี 2560 จะเปิดให้บริการระบบตั๋วร่วม หรือตั๋วแมงมุมกับรถไฟฟ้าทั้ง 3 สาย คือ บีทีเอส ซึ่งบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC เป็นผู้ดำเนินการเดินรถ, สายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ที่บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เป็นผู้ดำเนินการและรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ของ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด (รฟฟท.) แต่ต้องเลื่อนออกไปเป็นเดือน ก.ย.60 เนื่องจากทั้ง 3 รายยังไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้" นายชัยวัฒน์กล่าว.

[Wisarut]

[Wisarut]

รถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง ฝันที่ยังมีลุ้นของคนกทม.โซนตะวันออก
โดย LeaderCrew -
12 พฤษภาคม 2560

ในที่สุดโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู(แคราย-มีนบุรี) และสายสีเหลือง(ลาดพร้าว-สำโรง) ก็มีอันทำให้คนกรุงเทพมหานครโซนตะวันออกโดยเฉพาะประชาชนตามแนวถนนแจ้งวัฒนะ รามอินทรา มีนบุรี ลาดพร้าว ศรีนครินทร์ เทพารักษ์ หงายเงิบกันเป็นแถวเมื่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(ครม.) ส่งเรื่องคืนให้คณะกรรมการตามมาตรา 35 พิจารณารายละเอียดสัญญาให้รอบคอบอีกครั้ง



อ้างความไม่พร้อมของข้อมูลประกอบการพิจารณาโดยในครั้งนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เปิดเผยถึงกรณีฝันที่ยังมีลุ้นอีกหนึ่งเฮือกของอีกหลายคนว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2560 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอเพื่อขอความเห็นชอบผลการคัดเลือกภาคเอกชนในการก่อสร้างรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร 2 เส้นทาง ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร วงเงิน 5.4 หมื่นล้านบาท และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร วงเงิน 5.2 หมื่นล้านบาทนั้นยังไม่สามารถนำเข้าพิจารณาในครั้งนี้ได้โดยยังรอความเห็นประกอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนก่อน อีกทั้งยังส่งเรื่องให้คณะกรรมการเจรจาตามมาตรา 35 กลับไปพิจารณารายละเอียดของสัญญาให้รอบคอบอีกครั้งแล้วให้นำเรื่องดังกล่าวเสนอครม.ในคราวต่อไป

เป็นที่ชัดเจนว่าครม.ได้รับทราบความเห็นเบื้องต้น แต่ส่วนหนึ่งยังรอการรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบการพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฯลฯ พร้อมกันนี้ยังส่งเรื่องให้คณะกรรมการมาตรา 35 กลับไปพิจารณารายละเอียดของเงื่อนไขและข้อสัญญาให้รอบคอบอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นประเด็นในด้านข้อกฏหมายต่างๆ ที่ค่อนข้างละเอียดต่อการลงนามเซ็นสัญญากับเอกชนรายใหญ่ภายใต้กลุ่มกิจการร่วมค้า BSR ที่ประกอบไปด้วย B: บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือบีทีเอส S: บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) และ R: บริษัทโรงไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) ทั้ง 2เส้นทางดังกล่าว



มองต่างมุมกรณีครม.ตีกลับ

การตีกลับเรื่องดังกล่าวของสำนักเลขาธิการครม.ครั้งนี้มองได้หลากหลายมุม โดยเฉพาะความรอบคอบในการตรวจสอบของรัฐบาลที่หวั่นว่าเนื้อหาในสัญญาแม้ว่าจะผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้วก็ตามจะเอื้อประโยชน์ให้กับภาคเอกชนดังกล่าวที่มีสองบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการรับเหมาก่อสร้างและบริหารจัดการเดินรถเป็นแกนนำ

นอกจากนั้นยังมองได้อีกว่ารัฐบาลดึงเรื่องให้ช้าเอาไว้ก่อนเพราะยังไม่อยากให้การก่อสร้างใน 2โครงการเกิดผลกระทบต่อสภาพการจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงนี้ โดยเฉพาะช่วงที่กำลังเปิดเทอมในอีกไม่นานนี้ หากยืดระยะเวลาออกไปอีกสักนิดน่าจะมีความปลอดภัยมากกว่า

แต่อีกแนวทางหนึ่งนั้นอาจมองได้ว่าเรื่องยังไม่มีความพร้อมจริงๆ แม้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะนำเสนอเรื่องให้กระทรวงคมนาคมไปนานแล้วก็ตามแต่ยังมีผู้ห่วงว่าจะมีความละเอียดรอบคอบจริงหรือไม่ มีการยัดไส้อะไรไว้ในช่วงใดช่วงหนึ่งหรือไม่ เพราะรถไฟฟ้า 2เส้นทางนี้มองซ้ายมองขวา พลิกหน้าพลิกหลังก็ยังเห็นว่าบีทีเอสได้กำไรก้อนโต เตรียมโกยความร่ำรวยได้อีกหลาย 10 ปี



จับตาราคาที่ดิน 2 แปลงพุ่งติดเพดาน ประเด็นที่น่าสนใจคือ มีการเสนอลงทุนส่วนต่อขยายจากช่วงแยกรัชดา-ลาดพร้าว ผ่านศาลอาญารัชดาไปเชื่อมกับที่ดินผืนใหญ่ของกลุ่มบีทีเอสย่านแดนเนรมิตเดิมให้มีมูลค่าเพิ่มได้ในพริบตา ลงทุนไม่กี่ร้อยล้านบาท แต่ผลที่ได้กลับคืนมามีมูลค่ามหาศาลเลยทีเดียว เช่นเดียวกับการที่กลุ่มกาญจนพาสน์ ที่มีฐานะเป็นคนในตระกูลเดียวกับผู้บริหารระดับสูงของบีทีเอสลงทุนแค่เพียงหยิบมือเดียวต่อขยายแนวเส้นทางสายสีชมพูเข้าไปยังอิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี ถือได้ว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เมืองทองได้อย่างมากมายมหาศาล งานจะเพิ่มอีกแน่นเอี๊ยด จากการได้รับความสะดวกจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเชื่อมเข้าถึงโครงการแบบบริการถึงหัวกระใดบ้านก็ว่าได้ ต่อไปไม่ต้องเปลืองที่จอดรถเยอะแยะเช่นทุกวันนี้สู้เอาที่ดินแปลงต่างๆ ไปพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มได้รายได้กลับมาอีกหลายร้อยหลายพันเท่า ทั้งๆที่ก่อนนี้นายคีรี กาญจนพาสน์ ผู้บริหารระดับสูงกลุ่มบีทีเอสและนายอนันต์ กาญจนพาสน์ ผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มเมืองทองธานี แทบจะเป็นไม้เบื่อไม้เมาต่อกัน แต่สุดท้ายทั้งสองคนเพื่อผลประโยชน์ก็หันมาจูบปากกันได้ฉันท์พี่น้อง

นี่เป็นแค่การฉายภาพผลประโยชน์ของบีทีเอสและกลุ่มเมืองทองธานีในการพัฒนาที่ดินสองแปลงรองรับการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองเท่านั้น ยังมองไกลไปกว่านั้นอีกว่ากลุ่มซิโน-ไทยฯ ยังได้อานิสงค์การพัฒนาที่ดินย่านถนนศรีนครินทร์ได้อีกหลายเท่า อีกทั้งยังต้องจับจ้องว่าทั้งสามปาร์ตี้นั้นจะร่วมมือกันพัฒนาที่ดินในรูปแบบใดให้เป็นที่ฮือฮาอีกจนเรียกได้ว่าสามารถคืนทุนทั้งสองเส้นทางได้ภายในไม่กี่ปีเท่านั้น เพราะหลายคนเชื่อว่าชื่อชั้นและประสบการณ์ล้มละลายของบิ๊กบีทีเอสคงจะไม่ปล่อยภาวะการโกยรายได้เนิ่นนานยืดเยื้อเช่นในอดีตที่ผ่านมาอีกแน่ๆ

[Wisarut]

กฤษฎีกาติงสัญญาโมโนเรล “ชมพู-เหลือง” BTS ส่อแห้วขยายเชื่อมเมืองทอง
โดย MGR Online
16 พฤษภาคม 2560 14:05 น. (แก้ไขล่าสุด 16 พฤษภาคม 2560 15:38 น.)

“กฤษฎีกา” ติงสัญญา “ชมพู-เหลือง” หวั่นพ่วงข้อเสนอซองที่ 3 ขยายเส้นทางเพิ่มแนบท้ายสัมปทานหลักแบบเบ็ดเสร็จ อาจไม่เหมาะสม เหตุรายละเอียดไม่ชัด หวั่นกระทบโครงการในอนาคต ครม.รับลูก-ตีกลับ รฟม. สั่ง กก.35 พิจารณาใหม่

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ได้มีการพิจารณาผลการเจรจาโครงการรถไฟฟ้ารถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 53,519.50 ล้านบาท และสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 51,931.15 ล้านบาท แต่เนื่องจากคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่า ข้อเสนอซองที่ 3 มีรายละเอียดไม่ชัดเจนซึ่งอาจจะกระทบต่อการดำเนินโครงการในอนาคต จึงเห็นว่าไม่ควรนำข้อเสนอดังกล่าวมาเป็นเอกสารแนบท้ายร่วมสัญญาร่วมลงทุน โดยมี น.ส.จารุวรรณ เฮงตระกูล รองเลขาธิการกฤษฎีกาได้ชี้แจงต่อ ครม.เพิ่มเติมประกอบความเห็นของกฤษฎีกา ดังนั้น ครม.มีมติให้คณะกรรมการมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุนเอกชนฯ พ.ศ. 2556 ที่มีนายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รักษาการผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นประธาน นำความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาไปปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และให้นำเสนอ ครม.โดยด่วน

ทั้งนี้ ข้อเสนอเพิ่มเติมในซองที่ 3 จากกลุ่ม BSR Joint Venture จะมีการต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูเข้าสู่เมืองทองธานี ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร และต่อขยายสายสีเหลืองซึ่งจะสิ้นสุดเส้นทางตรงสถานีลาดพร้าว (รถไฟฟ้าใต้ดิน) ไปจนถึงแยกรัชโยธินเพื่อไปเชื่อมต่อกับสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ระยะทาง 2.6 กม. โดยเขียนท้ายของสัญญาหลักไว้ ขณะที่การดำเนินงานจะต้องนำเสนอเพื่อขออนุมัติจากคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) และต้องทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ก่อน เพราะส่วนต่อขยายดังกล่าว ยังไม่เคยมีในแผนแม่บทมาก่อน

อย่างไรก็ตาม ร่างสัญญาร่วมทุนฯ ได้ผ่านการพิจารณาจากอัยการสูงสุดมาแล้ว แต่เมื่อกฤษฎีกามีความเห็นต่าง ดังนั้น เพื่อความชัดเจน กก.มาตรา 35 ควรหารือโดยตรงกับกฤษฎีกา

[Wisarut]

เลื่อนอีกรอบ!! รถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลืองยังไม่เข้าครม.
กรุงเทพธุรกิจ
16 พฤษภาคม 2560 307
"ณัฐพร" เผยที่ประชุมครม.ยังไม่มีวาระรถไฟฟ้าสายสีชมพู - สีเหลือง หลังตีกลับให้คมนาคมพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบก่อนลงนาม

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ในการประชุม ครม.วันนี้ ที่ประชุมครม.ไม่ได้หารือ หรือ พิจารณาถึงโครงการสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. วงเงิน 5.4 หมื่นล้านบาท และรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 5.2 หมื่นล้านบาท ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพหรือ รฟม.เพิ่มเติม หลังจากการประชุมครม.ก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมกลับไปพิจารณาเงื่อนไขและข้อสัญญาก่อนการลงนามให้ละเอียดรอบคอบอีกครั้ง

นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบขยายระยะเวลามาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ โดยขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับรายการงบลงทุนที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม 2560 ให้สามารถดำเนินการได้ถึงวันสุดท้ายของเดือนกันยายน 2560 โดยรายการของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 2 รายการ วงเงิน 3.11 ล้านบาท

สำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าวนั้น ที่ขยายเวลาดำเนินการได้ เนื่องจากมีความประสงค์จะดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จ ประกอบด้วย การปรับปรุงศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี ปรับปรุงภูมิทัศน์ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดราชบุรี ปรับปรุงศาลากลางจังหวัดชัยนาท เป็นต้น


'อาคม'เผยเหตุครม.ตีกลับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู
กรุงเทพธุรกิจ
16 พฤษภาคม 2560

"รมว.คมนาคม" เผยปัญหาครม.ตีกลับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู หลังกฤษฎีกาท้วงติงเงื่อนไขพิเศษในสัญญา 3 คาดทำให้การเซ็นสัญญาล่าช้า 1-2 เดือน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กรณี ครม.ยังไม่ได้พิจารณาอนุมัติผลประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 52,000 ล้านบาท และสายสีชมพู ช่วงแคลาย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. วงเงิน 54,000 ล้านบาท ทั้ง 2 เส้นทางกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ซึ่งมีบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำได้ชนะการประกวดราคาไปแล้วนั้น เนื่องจากการเสนอโครงการเข้าสู่ที่ประชุม ครม.สัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทักท้วงกรณีเงื่อนไขพิเศษที่อยู่ในสัญญา 3

สำหรับสัญญา 3 ประกอบด้วย การขยายเส้นทางของรถไฟฟ้าสีชมพูเพิ่มอีก 2-3 กม. เพื่อเข้าสู่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี และสายสีเหลือง ขยายเส้นทาง 2.6 กม. บริเวณรัชดาภิเษกแยกรัชโยธิน เพื่อเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทักท้วงว่าส่วนต่อขยายทั้ง 2 จุด ไม่ได้อยู่ในแผนแม่บท และ ครม.ไม่ได้อนุมัติแนวเส้นทางดังกล่าวเมื่อครั้งให้ประกวดราคาโครงการ จึงต้องการให้ส่งเรื่องดังกล่าวกลับไปให้คณะกรรมการมาตรา 35 ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พิจารณาอีกครั้ง ซึ่งกระทรวงคมนาคมเร่งรัด รฟม.ไปแล้วว่าให้เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่ยังไม่สามารถกำหนดเวลาได้ว่า รฟม.จะส่งเรื่องกลับมาเมื่อใด

"กระทรวงคมนาคมได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอในที่ประชุม ครม. แล้ว โดย เลขา ครม. ได้สอบถามความเห็นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นว่า ควรแยกข้อเสนออื่นๆ ออกจากสัญญาหลัก เพื่อไม่ให้ผูกมัดกับสัญญาหลัก จึงขอให้คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) ไปทบทวนใหม่ ว่าจะนำข้อเสนออื่นๆ มาประกอบร่วมกับสัญญาหลักอย่างไรได้บ้าง เพื่อไม่ให้ผูกมัด และขัดกับมติครม. โดยขอให้เร่งพิจารณาโดยเร็วที่สุด คาดว่าอาจจะทำให้เป้าหมายการลงนามสัญญาล่าช้ากว่าเป้าหมาย 1-2 เดือน จากเดิมที่คาดว่าจะลงนามได้ในเดือนเม.ย. แต่ภาพรวมโครงการก่อสร้างไม่น่าจะกระทบ" รมว.คมนาคม กล่าว





ครม.ยังไม่รับพิจารณารถไฟฟ้าสีชมพู-เหลือง รอเคลียร์ปมลงทุนต่อขยายเข้าเมืองทอง คาดมิ.ย.ฉลุย
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
16 พฤษภาคม 2560 เวลา 16:20:00 น.

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่าสาเหตุที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่มีการพิจาณาอนุมัติผลการเจรจากับกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ประกอบด้วย บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, บมจ.ซิโนไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้งส์ ผู้ชนะประมูลลงทุน PPP Net Cost ทั้งโครงการใช้เงินลงทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท (รวมส่วนต่อขยาย) แยกเป็นรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 34.5 กม. วงเงิน 47,564 ล้านบาท และสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 46,654 ล้านบาท ตามที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เสนอ

เนื่องจากต้องรอคณะกรรมการมาตรา 35 ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2556 พิจารณาความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาเรื่องข้อเสนอซองที่ 3 ที่กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์มีข้อเสนอเพิ่มเติมนอกเหนือจากสัญญาสัมปทานหลัก จะลงทุนสร้างส่วนต่อขยายของสายสีชมพูอีก 2.8 กม. จากสถานีศรีรัช ถนนแจ้งวัฒนะ วิ่งไปตามแนวทางด่วนเข้าเมืองทองธานี มี 2 สถานี อยู่ติดอาคารชาแลนเจอร์ กับสนามฟุตบอลเอสซีจี เงินลงทุน 2,500 ล้านบาท

และสายสีเหลืองอีก 2.6 กม. จากแยกรัชดา-ลาดพร้าว สร้างบนถนนรัชดาภิเษกผ่านศาลอาญาไปเชื่อมสีเขียว (หมอชิต-คูคต) ที่แยกรัชโยธิน มี 2 สถานี อยู่ตรงหน้าศาลาอาญากับพหลโยธิน 24 เงินลงทุน 3,000 ล้านบาท ซึ่งข้อเสนอเพิ่มเติมดังกล่าวทางคณะกรรมการมาตรา 35 จะระบุไว้ในท้ายสัญญาว่าจะพิจารณาภายหลังจากที่เอกชนดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องจนครบแล้ว เช่น รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) แผนแม่บทรถไฟฟ้า

"กฤษฎีกาไม่อยากให้นำมาแนบท้ายไว้ในสัญญาหลัก เพราะจะเป็นข้อผูกมัดได้ อยากให้โครงการผ่านข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เรียบร้อยก่อน จึงให้คณะกรรมการมาตรา 35 นำกลับไปพิจารณาให้รอบคอบอีกครั้ง ซึ่งร่างสัญญาผ่านการพิจารณาจากอัยการสูงสุดแล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลง ต้องใช้เวลาอีก 75 วันเป็นอย่างช้า คาดว่าจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาได้ในเดือน มิ.ย.นี้"

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ทางบีทีเอสแจ้งต่อผู้ถือหุ้นว่า หากการพิจารณาลงทุนส่วนต่อขยายทั้ง 2 โครงการล่าช้า บริษัทอาจจตัดสินใจเข้าทำสัญญาร่วมลงทุนในโครงการหลักก่อน หากการดำเนินการดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทมากกว่า

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้หารืออย่างไม่เป็นทางการ เรื่องร่างสัญญาของรถไฟฟ้าสายสีชมพูกับสายสีเหลือง ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่าเอกสารแนบท้ายหรือ ข้อเสนออื่นๆ อยู่นอกเหนือจากที่ ครม.อนุมัติตามแผ่นแม่บทรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระยะที่ 1 ยังไม่มีการศึกษารายละเอียดหรือประมาณการค่าใช้จ่าย เกรงว่าจะเกิดปัญหาในการปฏิบัติ เป็นการผูกมัดข้อสัญญาไป จึงไม่สามารถนำมาเป็นเอกสารแนบท้ายได้ จึงให้คณะกรรมการมาตรา 35 กลับไปพิจารณาอีกครั้ง

"ข้อเสนออื่นๆ คงไม่ตัดทิ้งไปเนื่องจากว่า การประกวดราคาของ รฟม.ได้เปิดโอกาสให้เอกชนยื่นข้อเสนออื่นๆ หลังจากนี้ก็จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด" นายอาคมกล่าวและว่า

ทั้งนี้ 2 โครงการ เป็นการลงทุนในรูปแบบ PPP Net Cost โดยรัฐจะเป็นผู้จัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และสนับสนุนค่างานโยธา สายสีชมพูไม่เกิน 20,135 ล้านบาท สายสีเหลือง 22,354 ล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี เอกชนเป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้างและจัดหาระบบรถไฟฟ้าโมโนเรล ซึ่งได้ผู้ชนะการประมูลคือ กิจการร่วมค้า บีเอสอาร์ จะใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน และรับสัมปทานบริหารโครงการ 30 ปี โดยได้รายได้จากค่าโดยสาร พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์และค่าจอดรถ

http://www.prachachat.net/news_detai...sid=1494926739

[Wisarut]

“อาคม” ขีดเส้นเจรจา “ชมพู-เหลือง” ตัดแนบท้ายสัญญา-ชง ครม.ปลาย พ.ค.
โดย MGR Online
22 พฤษภาคม 2560 11:08 น. (แก้ไขล่าสุด 22 พฤษภาคม 2560 11:46 น.)

“อาคม” ขีดเส้น กก.35 เร่งเจรจารถไฟฟ้า “ชมพู-เหลือง” ตั้งเป้าชง ครม.ในปลายเดือน พ.ค.นี้เพื่อเร่งรัดเซ็นสัญญา ชี้มีประเด็นเดียวที่ต้องแก้ไขไม่น่ามีปัญหา ด้าน “รักษาการผู้ว่าฯ รฟม.” เรียก BTS ต่อรองสัปดาห์นี้ ตัดเงื่อนไขขยายเส้นทางออกจากสัญญาหลัก

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ในประเด็นแนบท้ายในสัญญาหลักโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. วงเงิน 53,519.50 ล้านบาท และสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 51,931.15 ล้านบาท ซึ่งได้มอบหมายให้คณะกรรมการมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุนเอกชนฯ พ.ศ. 2556 เร่งพิจารณาตามความเห็นของกฤษฎีกาแล้ว ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีเป้าหมายให้สรุปเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในปลายเดือน พ.ค.นี้ เพื่อเร่งลงนามสัญญากับผู้ลงทุนต่อไป

ทั้งนี้ คณะกรรมการมาตรา 35 จะประชุมในสัปดาห์นี้ ซึ่งมีประเด็นที่ต้องแก้ไขเรื่องเดียว จึงเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา ซึ่งหลังจากสรุปแล้วจะต้องเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ก่อนเสนอ ครม.ตามกระบวนการใน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56

นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รักษาการ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.เอกชนร่วมลงทุนฯ พ.ศ. 2556 โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ กก.มาตรา 35 จะประชุมพร้อมกับเจรจากิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) (ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS Group) บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้แจ้งความเห็นจากกฤษฎีกาให้เอกชนทราบแล้วเรื่องที่เห็นว่าการนำข้อเสนอซองที่ 3 แนวท้ายสัญญาหลัก ซึ่งต้องรอฟังความเห็นของเอกชนก่อน

ทั้งนี้ รฟม.ประเมินว่า ข้อเสนอซอง 3 ที่เอกชนเสนอต่อขยายเส้นทางสีชมพูเชื่อมเข้าเมืองทองธานีเข้าไปยังเมืองทองธานี ระยะทาง 2.8 กม. (2 สถานี) และต่อเชื่อมสีเหลืองระยะทาง 2.6 กม.จากสถานีรัชดาภิเษก เพื่อเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สี่แยกรัชโยธิน จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเลขผลตอบแทนของสัญญาหลักที่แนวเส้นทางตามแผนแม่บท และยังไม่สามารถดำเนินการได้ทันที เพราะต้องรอเสนอขออนุมัติและการศึกษาผลกระทบศึกษาอีก แต่เอกชนอาจมองว่าเป็นโอกาสในอนาคตของโครงการ แต่จะพยายามเจรจาให้จบเพื่อส่งต่อ สคร.

[Wisarut]

“อาคม” ขีดเส้นเจรจา “ชมพู-เหลือง” ตัดแนบท้ายสัญญา-ชง ครม.ปลาย พ.ค.
โดย MGR Online

22 พฤษภาคม 2560 11:08 น. (แก้ไขล่าสุด 22 พฤษภาคม 2560 11:46 น.)

“อาคม” ขีดเส้น กก.35 เร่งเจรจารถไฟฟ้า “ชมพู-เหลือง” ตั้งเป้าชง ครม.ในปลายเดือน พ.ค.นี้เพื่อเร่งรัดเซ็นสัญญา ชี้มีประเด็นเดียวที่ต้องแก้ไขไม่น่ามีปัญหา ด้าน “รักษาการผู้ว่าฯ รฟม.” เรียก BTS ต่อรองสัปดาห์นี้ ตัดเงื่อนไขขยายเส้นทางออกจากสัญญาหลัก

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ในประเด็นแนบท้ายในสัญญาหลักโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. วงเงิน 53,519.50 ล้านบาท และสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 51,931.15 ล้านบาท ซึ่งได้มอบหมายให้คณะกรรมการมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุนเอกชนฯ พ.ศ. 2556 เร่งพิจารณาตามความเห็นของกฤษฎีกาแล้ว ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีเป้าหมายให้สรุปเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในปลายเดือน พ.ค.นี้ เพื่อเร่งลงนามสัญญากับผู้ลงทุนต่อไป

ทั้งนี้ คณะกรรมการมาตรา 35 จะประชุมในสัปดาห์นี้ ซึ่งมีประเด็นที่ต้องแก้ไขเรื่องเดียว จึงเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา ซึ่งหลังจากสรุปแล้วจะต้องเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ก่อนเสนอ ครม.ตามกระบวนการใน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56

นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รักษาการ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.เอกชนร่วมลงทุนฯ พ.ศ. 2556 โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ กก.มาตรา 35 จะประชุมพร้อมกับเจรจากิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) (ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS Group) บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้แจ้งความเห็นจากกฤษฎีกาให้เอกชนทราบแล้วเรื่องที่เห็นว่าการนำข้อเสนอซองที่ 3 แนวท้ายสัญญาหลัก ซึ่งต้องรอฟังความเห็นของเอกชนก่อน

ทั้งนี้ รฟม.ประเมินว่า ข้อเสนอซอง 3 ที่เอกชนเสนอต่อขยายเส้นทางสีชมพูเชื่อมเข้าเมืองทองธานีเข้าไปยังเมืองทองธานี ระยะทาง 2.8 กม. (2 สถานี) และต่อเชื่อมสีเหลืองระยะทาง 2.6 กม.จากสถานีรัชดาภิเษก เพื่อเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สี่แยกรัชโยธิน จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเลขผลตอบแทนของสัญญาหลักที่แนวเส้นทางตามแผนแม่บท และยังไม่สามารถดำเนินการได้ทันที เพราะต้องรอเสนอขออนุมัติและการศึกษาผลกระทบศึกษาอีก แต่เอกชนอาจมองว่าเป็นโอกาสในอนาคตของโครงการ แต่จะพยายามเจรจาให้จบเพื่อส่งต่อ สคร.

[Wisarut]

เปิดใช้ตั๋วร่วม “บัตรแมงมุม” พร้อมเชื่อม “บัตรคนจน” ต.ค.นี้
โดย MGR Online

21 พฤษภาคม 2560 16:28 น. (แก้ไขล่าสุด 21 พฤษภาคม 2560 23:28 น.)

คมนาคมเร่งรัดเริ่มใช้ระบบตั๋วร่วม “บัตรแมงมุม” เชื่อมต่อรถเมล์, รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์, สีน้ำเงิน, สีม่วง ภายใน ต.ค. 60 พร้อมเชื่อม บัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาล เริ่มใช้ ต.ค.นี้ในพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ขณะที่คาดจะใช้แทนเงินสดในการชำระค่าสินค้าได้ในปี 61

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้มอบให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ดำเนินการระบบตั๋วร่วม หรือบัตรแมงมุม เพื่อให้บริการประชาชนในการเชื่อมต่อการเดินทาง ทั้งระบบรถไฟฟ้า รถโดยสารประจำทาง เรือโดยสาร และทางพิเศษ ภายในเดือนต.ค. 2560 โดย สนข. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กรุงเทพมหานคร และภาคเอกชน เร่งดำเนินการระบบตั๋วร่วมรองรับการเดินทางเชื่อมต่อผ่าน “บัตรแมงมุม”

โดยจะเริ่มจากระบบรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. และรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน 4 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ รถไฟฟ้าสายสีม่วง รถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) และรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน สำหรับในระยะต่อไปจะสามารถใช้บริการได้ครอบคลุมทุกระบบการขนส่ง ได้แก่ ทางพิเศษ เรือโดยสาร และรถไฟฟ้าสายใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

ส่วน “บัตรแมงมุม” รองรับการชำระค่าสินค้า โดยสามารถใช้แทนเงินสดชำระค่าสินค้าจากร้านค้าต่างๆ ที่เข้าร่วม คาดว่าจะสามารถเริ่มใช้ได้ในปี 2561

นอกจากนี้ ระบบตั๋วร่วมรองรับระบบการจ่ายเงินสวัสดิการสังคมและช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย (E-Payment) ผ่าน “บัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย” ของรัฐบาล โดยระบบตั๋วร่วมได้ออกแบบระบบให้สามารถรองรับระบบการจ่ายเงินสวัสดิการสังคมและช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาล ภายใต้โครงการระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) โดยผู้มีรายได้น้อยสามารถใช้บัตรสวัสดิการชำระค่าเดินทางด้วยรถโดยสารของ ขสมก.

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนบูรณาการระบบตั๋วร่วมเข้ากับระบบจ่ายเงินเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเริ่มใช้ระบบตั๋วร่วมได้ในเดือนตุลาคม 2560 ซึ่งขณะนี้ ขสมก.ได้เริ่มดำเนินการติดตั้งระบบ e-Ticket เพื่อใช้งานกับระบบตั๋วร่วมและระบบสวัสดิการแล้ว โดยจะให้เริ่มใช้งานได้ในระยะแรก จำนวน 800 คัน และจะดำเนินการในระยะต่อไปจนครบ 2,600 คัน