View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
KTTA-50-L
1st Class Pass (Air)
Joined: 02/04/2006 Posts: 4367
Location: Freight Division , SRT
|
Posted: 01/08/2006 6:51 pm Post subject: |
|
|
กลับมาที่สถานีบ้านด่านกันอีกรอบครับ มีอะไรแปลกๆ ให้ดู
เสาออกครับที่แปลก ลักษณะจะเหมือนกับเสาเข้าเขตใน จะอนุญาตให้รถในทางประธานก็จะยกแค่แขนเดียว ส่วนจะอนุญาตรถในทางหลีกก็จะยก 2 แขน |
|
Back to top |
|
|
Rakpong
President
Joined: 29/03/2006 Posts: 1716
Location: แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก
|
Posted: 01/08/2006 7:33 pm Post subject: |
|
|
KTTA-50-L wrote: | เสาออกครับที่แปลก ลักษณะจะเหมือนกับเสาเข้าเขตใน จะอนุญาตให้รถในทางประธานก็จะยกแค่แขนเดียว ส่วนจะอนุญาตรถในทางหลีกก็จะยก 2 แขน |
ในเส้นทางสายใต้ สมัยที่ใช้หางปลา ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นสัญญาณไฟสี เท่าที่จำได้ ช่วงสถานีบ้านฉิมพลี ศาลธรรมสพน์ ศาลายา วัดสุวรรณ ไป ก็จะเป็นเสาออกแบบแขนคู่เกือบทั้งหมดครับ |
|
Back to top |
|
|
KTTA-50-L
1st Class Pass (Air)
Joined: 02/04/2006 Posts: 4367
Location: Freight Division , SRT
|
Posted: 10/08/2006 5:21 pm Post subject: |
|
|
ต่อครับ ลืมไปเสียสนิท จะจบละ 8)
ที่หยุดรถน้ำริด ซึ่งได้ยกเลิกไปแล้ว แต่ทางอบต.น้ำริดได้ขอเอาไว้เพื่อทำเป็นที่อ่านหนังสือชุมชน มีลานเล่นเปตองด้วย เล่นๆกันอยู่ก็ระวังรถไฟด้วยเน้อ (เกือบถ่ายไม่ทัน เพราะท่าน พขร.แขวงอุตรดิตถ์เล่นควบ กซข. ด้วยความเร็ว 100 กม.ต่อชม.)
์
โรงงานทำอิฐมอญ ก่อนเข้าสถานีศิลาอาสน์
หลังจากที่ ข.408 ได้มาส่งที่อุตรดิตถ์ ก็ได้มาดักถ่ายรูปบริเวณสวนหย่อมที่ทางเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ทำไว้ ถ่าย ข.9 กรุงเทพ - เชียงใหม่ ไม่ได้ดั่งใจครับ ลบทิ้งไปแล้ว เลยรอถ่าย ข.408 ที่รอหลีก ข.9 ที่อุตรดิตถ์แทน |
|
Back to top |
|
|
KTTA-50-L
1st Class Pass (Air)
Joined: 02/04/2006 Posts: 4367
Location: Freight Division , SRT
|
Posted: 10/08/2006 5:55 pm Post subject: |
|
|
บริเวณเสาโทรเลขต้นนี้ มีสิ่งที่อยากจะบอกทุกคนใน ณ ที่นี้ด้วย
บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของสถูปที่เก็บอัฐิของบรรดาแรงงานก่อสร้างทางรถไฟจากอุตรดิตถ์ไปสู่ภาคเหนือที่เสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ โรคภัยไข้เจ็บ รวมแล้วถึง 5,000 ชีวิตที่ต้องสูญเสียไป กรุณาสงบนิ่งเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับผู้วายชนม์ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ที่ทำให้ทางรถไฟสายเหนือสำเร็จลุล่วงด้วยครับ ( -_- )
จบทริปนี้แล้วครับ ขอบคุณที่ติดตามชมครับ |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 09/11/2006 10:22 am Post subject: |
|
|
ขออนุญาตสมทบกระทู้เลยนะครับ เพราะไปด้วยกัน แต่คงจะลงภาพในมุมมองอื่น ประเภทเบื้องหลังการถ่ายทำทำนองนั้น...
ก็เริ่มเรื่องตั้งแต่เจ้าแม็กซ์คนต้นเรื่อง เสนอแนะว่าเดินสำรวจเขาพลึงดีไหม ?
กางตารางรถไฟให้ดูเสร็จสรรพ คิดสะระตะดูแล้วมีธุระที่บ้านพอดีช่วงนั้น น่าจะปลีกตัวไปได้ ว่าแล้วก็เชิญทีมงาน หนุ่มเจฟ , หนุ่มอาร์ต และอื่นๆ ที่นึกว่าคงไปไหว สุดท้ายมีโทรฯ มารายงานตัวแค่หนุ่มเจฟ สอบถามได้ความว่าหนุ่มอาร์ตไปทำงานอยู่ที่ศรีราชาแล้ว หาโอกาสขึ้นมายาก
ก็เป็นอันว่าตกกระไดพลอยกระโจน ไปกันสองคนคู่หูเท่านี้เอง ยังไงๆ ก็บ้านเราอยู่แล้ว ฮ่ะ..ฮ่า..
ตกเช้าวันวิสาขบูชา หาซื้อเสบียงข้าวกล่อง จากร้านข้าวไก่ทอดร้านดังในอุตรดิตถ์ น้ำขวดหิ้วไปจากบ้าน แถมสปอนเซอร์ 2 ขวด เผื่อกันเป็นลม ห้อรถไปจอดที่ข้างสถานีอุตรดิตถ์ ย่องมาด้านหลังชานชาลา หนุ่มเจฟเดินกระวนกระวายรอที่หน้าสถานี เพราะจวนเจียนเวลารถเข้าอีก 15 นาที เท่านั้น
ซื้อตั๋วไปลงเขาพลึง คนละ 7 บาท ( ขาล่องจากปางต้นผึ้งแค่ 5 บาท ) หนุ่มเจฟแยกไปเก็บภาพแถวป้ายสถานี เสร็จสรรพ ข.407 เข้าเทียบชานชาลาพอดี คนลงที่นี่หนาตา
หยุดเติมน้ำมันที่สถานีศิลาอาสน์...
" เต็มทุกถังเลยพี่ เก็บตังค์ที่ผม "
ขบวน บทค.ฝากป๋าต๊อบตามคำขอ...
ตั้งแต่เช้าจนนั่งรถไฟกลับมา ยังไม่เขยื้อนไปไหนเลย หึ..หึ..
อย่างรวดเร็วครับ...ออกท่าเสา วิ่งลอดใต้สะพานลอยทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1045 ขนาดสี่เลนสายอุตรดิตถ์ - เขื่อนสิริกิติ์ ( สายนอก ) ก่อนผ่านที่หยุดรถน้ำริด
ถ้าคุณหมอรักพงษ์เลือกใช้เส้นทางแยกซ้ายจากวงเวียนแยกคลองโพธิ์ผ่านหน้าศาลากลาง ออกสถานีศิลาอาสน์ มาถนนสายนี้ คงไม่ติดขบวนสาดน้ำแถวท่าเสาตั้งนานสองนาน
คิดไปอีกที...ปล่อยให้แขกบ้านแขกเมืองเห็นอะไรที่ประทับใจแบบนั้นบ้างก็ดีเหมือนกันครับ
ออกจากสถานีบ้านด่าน...
คราวนี้ทีมงานแยกมุมกันเก็บภาพล่ะครับ เจ้าเจฟเลือกด้านซ้าย ผมเลือกด้านขวา ภาพเลยมีด้านซ้ายมากกว่า เพราะด้านขวาเป็นท้องนา เป็นป่าทั้งนั้นเลย
ซีกขวา ออกจากสถานีบ้านด่านล่ะครับ
มีป้ายเตือนตั้งแถมมาด้วย ก่อนผ่านทางข้ามรถยนต์ด้านเหนือสถานี
ผ่านจุดเปลี่ยนหมอนคอนกรีตล่ะครับ บริเวณบ้านห้วยกั้ง ต.บ้านด่านนาขาม อ.เมืองอุตรดิตถ์
แถวสะพานรถไฟข้ามห้วยกั้ง งานคงเร่งพอควร ไม่หยุดแม้วันพระวันโกน
( กั้ง = ค้าง , กั้น ) ภาษาคำเมืองประจำวันนี้
กองหมอนคอนกรีตรอเปลี่ยน
บริเวณหัวงานด้านขวา จะเป็นถนน รพช. สายบ้านด่าน - ปางต้นผึ้ง ที่ผมเคยขับรถไปสำรวจเมื่อคราวก่อนครับ ขนานไปกับทางรถไฟเลย
Last edited by black_express on 21/10/2007 5:22 pm; edited 2 times in total |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 09/11/2006 10:30 am Post subject: |
|
|
และแล้ว...ก็ถึงสถานีปางต้นผึ้ง
ความฝันที่จะลงเดินสำรวจใกล้เป็นจริงแล้ว
คิดถึงเรื่อง " นิยายจากไม้ผุ " จังแฮะ
ออกจากปางต้นผึ้ง เจอป้ายเตือนให้ใช้ความเร็วแค่ 50 - 55 กม./ชม. แสดงถึงทางลาดชันข้างหน้า
ใครคิดถ่ายภาพจากขบวนรถไฟช่วงขึ้นเขาพลึงนี้ ระวังกันหน่อยนะครับ
ผมกับเจ้าเจฟโดนกิ่งไม้ตีคนละป้าบ โทษฐานชะโงกหน้ามากเกินควร
พอดีกับขบวนรถจริงๆ พับเผื่อย...
ขบวนรถไต่ระดับขึ้นไปอีก แล้วก็ถึงอุโมงค์เขาพลึงครับ
และแล้ว...ข.407 จอดส่งหนุ่มแปลกถิ่น 2 คน ลงที่หยุดรถเขาพลึง
มีชาวบ้านที่นี่ รอขึ้นรถหลายราย คาดว่าจะไปลงที่เด่นชัย ผมคุยกับชาวบ้านที่ขึ้นรถจากปางต้นผึ้ง บอกว่าจะไปเยี่ยมลูกสาวที่เด่นชัย หอบทุเรียนไปฝากกระสอบหนึ่ง
น่ารักจริงๆ ครับ
ใครมีพ่อแม่แบบนี้ พึงเคารพบูชาไว้เถิด ประเสริฐแล้ว....
แล้ว ข.407 เริ่มเคลื่อนขบวนลงเขาไปสถานีห้วยไร่
เชื่อเถอะครับ ในสายเหนือ...ต้องมีคนในขบวนรถอย่างน้อย 1 คนรู้จักเจ้าเจฟ
น้องเรากว้างขวางจริงๆ
Last edited by black_express on 21/10/2007 5:27 pm; edited 4 times in total |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 09/11/2006 1:01 pm Post subject: |
|
|
เหลือเพียงความเงียบสงัด....
หนุ่มน้อยหนุ่มมากทั้งสองราย เริ่มก้าวเท้าเดินข้ามจังหวัดย้อนไปอุโมงค์เขาพลึง
มองซ้ายมองขวาจนทั่ว รู้สึกว่าตัวอุโมงค์จะโค้งหน่อยๆ ทางด้านใต้ครับ
เก็บภาพประตูเมืองแพร่ฝากเจ้าแม็กซ์สักหน่อย มีศาลเจ้าพ่อเขาพลึงอยู่เหนืออุโมงค์ตามคำขอ.
เก็บภาพที่ระลึกไว้หน่อย...เผื่อให้ลูกหลานดูนะ ปู่เจฟ
ไปพิสูจน์ข้างในว่า ไม่ได้ดาดคอนกรีตตลอดอุโมงค์ เพราะหินแกรนิตในเขาพลึงก็แข็งแกร่งพออยู่แล้ว
อ้อ...ไม่มีช่องหลบรถไฟนะ ขอบอก...
มีเสียงน้ำใต้ดินหยดในอุโมงค์ด้วยแฮะ เหมือนขุนตาน
รีๆ รอๆ เก็บภาพกันพักใหญ่ ทีมงานเริ่มย่างสามขุมเข้าไปในอุโมงค์
ยอมรับล่ะครับว่า...ตั้งแต่เกิดมา เพิ่งเดินลอดอุโมงค์รถไฟคราวนี้แหละ ตั้งสองแห่งในคราวเดียว ทำสถิติได้ไม่เลว
มืดๆ อย่างนี้ ควรมีไฟฉายติดไปด้วย แบบว่า พ่านน่อง กลัวสัตว์เลื้อยคลานประเภทไม่มีขาซุ่มฉกเอา
( พ่าน = เสียว ) ภาษาคำเมืองวันนี้
ลองเก็บภาพในความมืด
ตั้งแฟลชเล็งบริเวณเกิดเสียงน้ำหยด ก็ได้ผนังหินกับเคเบิลรวมสายโทรเลข - โทรศัพท์ ตามที่เห็นล่ะครับ
ลองลูบผนังหิน....
ได้เรื่องเลยครับ มือดำปี๋เลย
เป็นเขม่าครั้งรถจักรรุ่นคุณปู่ถึงคุณหลานสะสมอยู่มาไม่รู้กี่รุ่น ออกมาเช็ดมือกับกอหญ้าตั้งนาน ถึงค่อยยังชั่ว
ทีมงานค่อยๆ ย่างสามขุมไปเรื่อยๆ... รู้สึกว่าหินรองรางกับไม้หมอนจะแฉะๆ เวลาเดินเหยียบ เท่าที่รู้สึกผ่านพื้นรองเท้าผ้าใบครับ ไม่เหมาะสำหรับรองเท้าแตะ เวลาเดินสำรวจลักษณะนี้
ดูสภาพทางในอุโมงค์ได้จากรูปที่เจ้าเจฟลงไว้แล้ว
แล้วปากอุโมงค์ด้านใต้ ค่อยๆ โผล่เบื้องหน้า ข้ามมาฝั่งจังหวัดอุตรดิตถ์ ภารกิจลุล่วงไปแล้ว 1 อุโมงค์
ย้อนดูสภาพภายในอุโมงค์สักนิด เดินสุ่มมืดๆ แบบนี้ล่ะครับ ถึงแนะนำให้เตรียมไปฉายติดตัวไว้ด้วย
มองเข้าไปในอุโมงค์เขาพลึง จากปากอุโมงค์ด้านใต้
จะเห็นชัดว่า อุโมงค์นี้มีแนวโค้งด้วยครับ ไม่ได้เป็นแนวตรงตลอดอุโมงค์
เก็บภาพปากอุโมงค์เขาพลึง ด้านใต้ เขต อ.เมืองฯ จ.อุตรดิตถ์ สังเกตตราที่เหนืออุโมงค์สิครับ...ลงดูชัดๆ กันเลย
เท่าที่นึกออก คงเป็นตราประจำเสด็จในกรมฯ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธินฯ ผู้บัญชาการรถไฟหลวง พร้อมปี ร.ศ. เหนืออุโมงค์เขาพลึง
เพราะมีรูปงูที่คันฉัตร เป็นสัญญลักษณ์ของปีมะเส็ง ปีสมภพของเสด็จในกรมฯ ครับ
ขนาดเสาโทรเลขยังมีตะไคร่จับเลย แล้วเหตุใดอุโมงค์จะไม่มอมแมมด้วยล่ะ ?
Last edited by black_express on 30/05/2017 5:18 pm; edited 4 times in total |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 09/11/2006 1:15 pm Post subject: |
|
|
ออกจากอุโมงค์เขาพลึง เดินลัดเลาะลงมาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เจ้าเจฟนำลงไปแล้ว มาติดใจตรงหม้อจารบีกันบังใบรถเบียดรางนี่แหละ
ลองนับกันดู...จากอุโมงค์เขาพลึงมาถึงสถานีปางต้นผึ้ง มีราวโหลกว่าเห็นจะได้ครับ มีจารบีเต็มบ้างพร่องบ้างตามแต่กรณี
เดินชมป่ามาได้ราว 1 ขวดสปอนเซอร์ เจอถนนข้ามทางรถไฟสายหนึ่ง เป็นถนน คสล.เสียด้วย ตัดจากถนนสายพิษณุโลก - เด่นชัย เลยยอดเขาพลึงเข้าเขต จ.แพร่ ไปนิดหนึ่ง ลงเข้าหมู่บ้านหนองน้ำเขียว หมู่บ้านสุดท้ายของ จ.อุตรดิตถ์ เป็นบ้านสวน ปลูกทุเรียน ลางสาดตามไหล่เขา ตามที่เห็นในรูปของเจ้าเจฟ
ใครที่ไม่แน่ใจว่ารถตัวเองแรงไม่ดี เบรคไม่เจ๋ง ลองดูสภาพความชันก่อนข้ามทางรถไฟสิครับ
แล้วค่อยตัดสินใจก่อนเข้ามาที่นี่...
ถึงช่วงนี้แดดแรงแล้วครับ เหงื่อพอแสบผิว ก็ถึงปากอุโมงค์ปางตูบขอบ ด้านเหนือ
เพิ่งเห็นด้วยตาตัวเองคราวนี้ว่า ผนังอุโมงค์ใช้วิธีก่ออิฐถือปูนสมัยเก่า ไม่ได้ดาดคอนกรีตตลอดอุโมงค์เหมือนข้อมูลที่เวปไซด์ฝ่ายการโยธา การรถไฟฯ อ้างอิงมา
เข้าใจว่า...เป็นอุโมงค์แรกบนเส้นทางสายเหนือ การก่อสร้างยังง่ายอยู่ เลยใช้วิธีนี้ทำผนังอุโมงค์
ธรรมชาติที่สดใส ด้านอุโมงค์ฝั่งเหนือ
มุมมองด้านใต้ครับ สภาพภายในแห้ง เดินสบายๆ
มีท่อดักน้ำที่อาจซึมตามผนังในอุโมงค์ด้วย
เมื่อเสร็จภารกิจสำรวจครบ 2 อุโมงค์ ที่หน้าอุโมงค์ปางตูบขอบ ด้านใต้
Last edited by black_express on 23/10/2007 8:42 pm; edited 2 times in total |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 09/11/2006 2:11 pm Post subject: |
|
|
อ้อ....จากอุโมงค์ปางตูบขอบ สองคู่หูเดินย่ำต๊อกฝ่าแดดลงเขามาเรื่อยๆ เจอชาวบ้านถาม ก็อำเขาว่ามาตรวจทาง มี ว.ถืออยู่ด้วย ขลังดีออก
แต่เสียง ว. ดันเงียบเชียบ ต้องหยุดเดินเงี่ยหูฟังเสียงรถไฟตลอดเวลา เพราะปาเข้าไปเที่ยงเศษ ได้กำหนด ข.102 ล่องลงเขาด้วย ไม่ควรประมาท....
ผิดซะเมื่อไหร่ล่ะ ได้ยินเสียงรถไฟลงเขาแป๊บเดียว Alsthom โผล่หัวผ่านพุ่มไม้ข้างทางมาแล้ว ดีที่เตรียมตัวไว้ก่อน ดังภาพที่เจ้าเจฟลงไว้นั่นแหละ
ถ้าอยู่ระหว่างเดินเลาะหุบเขาข้างบน แถมไม่มีที่หลบแล้ว ชีวิตคงมีรสชาติอีกแยะ
แล้วก็มาถึงสะพานโครงเหล็กข้ามห้วยบริเวณท้ายหมู่บ้านห้วยเกี๋ยงพา ถ้าจะนับจากสถานีปางต้นผึ้งขึ้นมาทางทิศเหนือ จะเป็นสะพานแห่งที่ 4
เอาเป็นว่า เรานับไล่สะพานย้อนลงไปนะครับ จะได้เข้าใจตรงกัน
ไม่รู้เจ้าเจฟไปสรรหาคำมาจากไหน ? ตั้งชื่อซะเพราะว่า " สะพานสี่สหาย " เข้าชุดเป๊ะ...
หารือกันสักพัก ด้วยกลัวว่าจะเจอเหตุการณ์แบบไม่คาดฝันแบบเมื่อกี้ เพราะ Daewoo เงียบกว่า , เร็วกว่า Alsthom มากมายนัก ภูมิประเทศก็เป็นใจ และก็เลยกำหนดเวลารถผ่านมานานโข ตกลงว่าปักหลักเก็บภาพ ข.10 ที่นี่ดีกว่า เดี๋ยวต้องเดินอีกไกล...
กลางป่าภัตตาคารที่นี่ รสชาติอร่อยเหาะ แดดส่องตรงหัวเลย
แต่อนิจจาความจริง... หารู้ไม่ว่า ตัวเองนั่งกินข้าวอยู่ห่างเสาเตือนนอกสถานีปางต้นผึ้ง แค่ร้อยกว่าเมตรเท่านั้น มองไม่เห็นครับ เพราะมีป่าบังอยู่ตรงกลางโค้งพอดี
ที่สุดแห่งการรอคอย.... ข.10 ผ่านมาด้วยความเร็ว
แต่ไม่เร็วกว่าตากล้องที่รอดักอยู่ทั้งด้านซ้ายขวา ฮ่า...
มื้อกลางป่าวันนี้ หมดข้าวไก่ทอด 4 กล่อง , สปอนเซอร์ 2 ขวด ( หนุ่มเจฟเหมา) และน้ำอีก 2 ขวด ชีวิตเริ่มสดใสอีกครั้งหนึ่ง
ออกย่ำเดินต่อไป ถึงสะพานสี่สหายแห่งที่สาม
รูปนี้คงเป็นคำตอบว่าข้ามแล้วเสียวไหม ? ไม้ที่พาดเดินไม่ได้ตอกตะปูเลย
มุมมองด้านข้างสะพานครับ
สะพานชุดนี้ซ่อมทำสีใหม่เมื่อปี 2547 โครงเหล็กจากญี่ปุ่นทั้งหมด
สะพานที่สอง ในชุดสี่สหาย
ดูลักษณะคอสะพานจะเก่าแก่กว่าใคร มีถนนลูกรังจากบ้านหนองน้ำเขียวลอดใต้สะพานไปบ้านห้วยเกี๋ยงพา ตรงที่เจ้าแม็กซ์ให้ข้อมูลมาครับ
เลยสะพานแห่งที่หนึ่ง ถึง ก.ม.510 แสดงว่าเดินลงมาจากเขาพลึงได้ 6 กิโลเมตรแล้ว ( จาก ก.ม.516 )
บนเขาด้านขวาภาพเป็นที่ตั้งสำนักสงฆ์ปางต้นผึ้งครับ
ภาพมุมต่ำกับไม้หมอนบนเส้นทาง
เข้าย่านสถานีปางต้นผึ้ง เห็นชาวบ้านขนของมารอขึ้นรถไฟแล้ว ต้องรีบสาวเท้ากันหน่อย
กลัวตก ข.408 ครับ ขาล่องขบวนสุดท้ายวันนี้ จอดที่ปางต้นผึ้ง
Last edited by black_express on 24/09/2008 10:42 pm; edited 4 times in total |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 09/11/2006 2:25 pm Post subject: |
|
|
แฮ่ะ ๆ สิงห์ชุดดำขอโพสต์ท่าหลังเสร็จภารกิจสักหน่อยครับ
มาถึงแล้วครับ ข.408 เกือบตกรถไฟเที่ยวสุดท้ายแล้วสิ นายสถานีต้องกลับเข้าไปจำหน่ายตั๋วให้ใหม่ ก่อนรถเข้าไม่ถึง 5 นาที
คงงงๆ อยู่ว่า พวกนี้เดินทนมาจากเขาพลึงกันได้อย่างไร ?
ข.408 เที่ยวนี้ รวดเร็วมากครับ สักพัก ก็เลาะถนนสำราญรื่นตรงที่หยุดรถท่าเสาแล้ว...
อาคารสถานีท่าเสาเดิม ตอนนี้เหลือเฉพาะส่วนที่พักผู้โดยสารเท่านั้น
จากท่าเสา เข้าโค้งแป๊บหนึ่งก็เข้าเหนือย่านสถานีศิลาอาสน์
สมัยก่อน ย่านสถานีตรงที่เห็นในภาพ เป็นที่เก็บฟืนรถจักรไอน้ำกองยาวเหยียดสูงท่วมหัวเชียวครับ
เผลอไปนิด...ภาพเลยไม่สวย
คงทันเห็นทรากงวงเติมน้ำรถจักรไอน้ำที่ศิลาอาสน์อยู่นะครับ
สมัยรถจักรไอน้ำยังมีอยู่ที่นี่ จะมีชานเล็กๆ ไว้เติมฟืนบริเวณงวงเติมน้ำแห่งนี้ด้วย ก่อให้มีอาชีพต่อเนื่องขายอาหาร น้ำดื่ม ให้ผู้โดยสารบริเวณสถานีศิลาอาสน์
กลางวัน.. ข้าวผัด โอเลี้ยง น้ำดื่ม
กลางคืน.. ข้าวต้มไก่ ผัดไทย กาแฟร้อน
พอรำลึกถึงบรรยากาศสมัยเก่าๆ กันบ้างไหมครับ ?
หยุดเติมน้ำมันได้สักพัก ข.101 เข้าเทียบชานชาลาพอดี
เท่าที่เห็นมา ข.101 จะเติมน้ำมันและจอดรอที่ศิลาอาสน์ จนกว่า ข.9 จะแซงผ่านไปครับ แต่วันนี้อาจไปรอที่บ้านด่าน ( ทราบภายหลังว่าไปรอให้แซงที่สถานีเด่นชัย )
ตอนนี้ ปู่ GE เข้ามาดึง บชส.ที่ตัดปลายทางสถานีศิลาอาสน์ออกจากท้ายขบวน ข. 101 เข้าไปเก็บในย่านสถานี
เติมน้ำมันจนเต็มแล้ว ข.408 เริ่มเคลื่อนขบวนไปสถานีอุตรดิตถ์
แถว บขส.ที่เห็นอยู่ พอนำไป re - used เป็น บทต. ตามนโยบายยาขม ได้ไหมครับ ? เห็นจอดที่นี่จนขึ้นสนิมแล้ว
ผ่านทางตัดสี่แยกศรีเจริญ ( ชาวบ้านที่นี่เรียกจนติดปาก ) ใกล้สถานีอุตรดิตถ์แล้วครับ ทีมนักสำรวจเตรียมตัวลงกันได้
เห็นหลังคาสีเขียวๆ โน้น เป็นตลาดสดเทศบาล 2 ( ตลาดเช้า ) ครับ ส่วนตลาดเทศบาล 3 ( ตลาดเย็น) จะอยู่ด้านขวาภาพตรงสี่แยกศรีเจริญ
ด้านซ้ายภาพจะเป็นถนนสำราญรื่นไปชุมชนท่าเสาและค่ายพิชัยดาบหัก
เรียกได้ว่าตรงนี้เป็นย่านใจกลางเมืองอุตรดิตถ์ดั้งเดิมเชียวล่ะ
ครับ...ในที่สุด ขบวนรถเข้ารอหลีก ข.9 กรุงเทพ - เชียงใหม่ ที่สถานีอุตรดิตถ์
ขอจบรายงานการสำรวจเที่ยวนี้ล่ะครับ ขอบคุณทุกท่าน ที่ติดตามชมมาตลอดครับ
Last edited by black_express on 23/10/2007 9:04 pm; edited 2 times in total |
|
Back to top |
|
|
|