เล่าเรื่องจากกำหนดเวลาเดินรถในอดีต ภาค ๒

[CivilSpice]

[tuie]

[tuie]

ท่านผู้ชมคงอ่านไม่เห็นแน่ๆ ผมขยายข้อความมาให้ชมดีกว่าครับ

ข้อความส่วนแรก



ข้อความส่วนท้าย



จำได้ว่าตอนที่ได้อ่านครั้งแรกผมยังคิด(ตามประสาเด็กอายุ ๑๒ ปี)ว่า คนเขียนนี่ช่างคิดมาก คิดเล็กคิดน้อยจริงๆ

[pattharachai]

^
^
^
พี่ตุ้ยครับ ผมว่าผู้เขียนคิดมากไปหละครับ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ความเลื่อมล้ำ(ทางสังคม) เลย การที่จะมีรถนอนพ่วงรวมกับรถชั้นสาม ผู้โดยสารบนขบวนรถนั้นบางส่วนอาจพอใจซื้อตั๋วรถนอนส่วนหนึ่ง บางส่วนอาจพอใจซื้อตั๋วรถนั่ง ซึ่งมันขึ้นกับปัจจัย มากมาย

มันไม่ใช่ความเหลื่อมล้ำอะไรทั้งสิ้น แต่ผมว่ามันเป็นทางเลือก ครับ

ถ้าผู้เขียนจะวิตกอย่างนั้นแล้ว บนเครื่องบินก็ต้องจัดที่นั่งเป็นชั้นประหยัดให้หมดทั้งลำ เพราะมันเกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้โดยสารชั้นหนึ่งกับชั้นธุรกิจที่ได้เข้าเล้าจ์ก่อนขึ้นเครื่อง แถมได้รับบริการอาหารบนเครื่องที่จัดมาอย่างวิจิตรบรรจง แถมที่นั่งก็สบาย นอนหลับปุ๋ยจนถึงปลายทาง ขณะที่ผู้โดยสารชั้นประหยัดต้องกินข้าวในกล่องแถมนั่งขาแข็ง

[tuie]

^
^
เห็นด้วยจริงๆ เห็นด้วยจริงๆ ครับน้องบอย

อันที่จริงความเหลื่อมล้ำระหว่างชั้นหนึ่ง ชั้นธุรกิจ กับชั้นประหยัด บนเครื่องบินนั้น ก็มีบางสิ่งดีๆน่าดูชมชดเชยให้แก่ผู้โดยสารชั้นประหยัดนะครับ เช่น แอร์โฮสเตทก็มักจะสาวๆกว่าแอร์ฯที่ดูแลชั้นหนึ่ง ชั้นธุรกิจ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแอร์เก่า (ไม่ใช่ "แอร์กี่" นะครับ ) มีประสบการณ์สูงกว่ามากครับ

----------------------------------------------------------------------------

พลิกดูปกหลัง(แผ่นหลังสุด)ของกำหนดเวลาเดินรถสายเหนือฉบับนี้ ปกติจะเป็น “ข้อควรทราบ” แต่คราวนี้ข้อควรทราบต้องหลีกทางให้กับโฆษณา “รถด่วนเปิดเดินใหม่”



ตั้งแต่ผมเก็บสะสมกำหนดเวลาเดินรถในรูปแบบนี้มา เพิ่งจะพบเป็นฉบับแรกที่มีโฆษณาขบวนรถเปิดเดินใหม่เต็มปกหลังแบบนี้ ปกติหากมีการเปิดเดินขบวนรถขึ้นใหม่จะทำเป็นใบปลิวแจก ผมรวบรวมไว้หลายใบเหมือนกันครับ หากเล่าเรื่องนี้จบ(ไม่รู้เมื่อไร )ว่าจะนำมาให้ชมเป็นกระทู้เรื่องใหม่ต่อไป ภาพประกอบโฆษณาทั้งสองภาพยังไม่ใช่ภาพรถนอนรุ่นใหม่ ข้อความในโฆษณามีสาระสำคัญถึง กำหนดเปิดเดินรถด่วน กรุงเทพ-เชียงใหม่ ขบวนใหม่ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๓๐ รถด่วนขบวนนี้หยุดน้อยสถานีมาก พ่วงเฉพาะรถนอนชั้นสองทั้งขบวน และคิดค่าโดยสารราคาปกติ หากอยากทราบว่ารถออกกี่โมง ถึงสถานีไหน เวลาใด ให้พลิกดูกำหนดเวลาด้านในซึ่งหมายถึงให้ดูตารางรถไฟที่ผมนำมาให้ชมไปแล้วน่ะครับ

การโฆษณาประชาสัมพันธ์การเปิดเดินขบวนรถด่วนที่ ๕/๖ กรุงเทพ-เชียงใหม่ ไม่ได้มีแต่ทางสื่อสิ่งพิมพ์เท่านั้น เพราะตอนที่ผมไปเที่ยวเชียงใหม่กับทางบ้านราวๆต้นเดือนมีนาคม ๒๕๓๐ ขากลับขึ้นขบวนรถด่วนที่ ๘ พอรถจอดนครลำปาง เจ้าหน้าที่ประกาศข้อความตามปกติจบแล้ว ก็ประชาสัมพันธ์ต่อว่า นับแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๓๐ การรถไฟฯเปิดเดินขบวนรถด่วนกรุงเทพ-เชียงใหม่ ขบวนใหม่ จอดเพียง ๖ สถานี ใช้เวลาเดินทางน้อยลง มีรถนอนชั้นสองรุ่นใหม่บริการทั้งขบวนฯลฯ เด็กชอบ(บ้า)รถไฟอย่างผมฟังก็หูผึ่งสิครับ เนื่องจากก่อนจะขึ้นไปเที่ยวเชียงใหม่ในคราวนั้น ช่วงปลายๆเดือนกุมภาพันธ์ ผมไปเดินเล่นแถวๆหัวลำโพงตามปกติเห็นมีรถ บนท. รุ่นใหม่ โบกี้สแตนเลสดูแปลกตามาก(ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีโบกี้สแตนเลสเลยครับ)ดูคล้ายกับรถดีเซลรางจอดอยู่แถวๆชานชาลาที่ ๑๑ หลายคัน อยากนั่งจริงๆ อยากนั่งจริงๆ แต่ยังไม่ทราบว่าจะนำไปพ่วงกับขบวนใด ก็รอดูคอยติดตามข่าวเรื่อยมา

พอทราบเช่นนี้ผมก็คอยไปดักดูรถด่วนขบวนใหม่นี้ และวางแผนหาทาง “แอบ” ไปนั่งรถเที่ยวละครับ เช้าวันหนึ่งก็สมหวังจริงๆ สมหวังจริงๆ เห็นขบวน ๖ กำลังเข้าสถานีสามเสน เวลารถเบรกมีเสียงลมดัง ชี่ชชชชช คล้ายรถดีเซลรางเบรก แถมขบวนรถดูจะหยุดได้นิ่มนวลกว่ารถโดยสารขบวนอื่นซึ่งใช้หัวรถจักรลากจูงที่เคยนั่งเคยดูมาก่อนมาก ตอนนั้นยังไม่รู้จักคำว่า “ลมอัด” “ลมดูด” หรอกครับ ภายหลังถึงทราบว่ารถด่วน ๕/๖ นี่แหละครับ เป็นขบวนรถโดยสารใช้รถจักรลากจูงที่ใช้ระบบห้ามล้อแบบลมอัดเป็นขบวนแรกครับ

[tuie]

(ขอรำลึกถึงความหลังกับการโดยสารขบวน ๕ เป็นครั้งแรกสักหน่อยนะครับ)

----------------------------------------------------------------------

กว่าผมจะหาทาง “แอบ” ไปนั่งขบวน ๕ ตามที่ตั้งใจได้เวลาก็ผ่านไปหลายเดือน เพราะจันทร์ถึงศุกร์ต้องไปโรงเรียนทุกวัน เสาร์ก็เรียนพิเศษทั้งวัน จะรอปิดเทอมอีกทีก็รอไม่ไหว ต้องไปคืนวันเสาร์กลับวันอาทิตย์กลางวันละครับ ในที่สุดพอถึงเสาร์หนึ่งราวๆเดือนกรกฎาคม ๒๕๓๐ ผมก็ได้ไป ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะขึ้นขบวน ๕ ออกจากกรุงเทพ ๑๙.๔๐ น. ไปลงเด่นชัย ๔.๑๘ น. แล้วนั่งขบวนรถธรรมดาที่ ๑๐๒ เด่นชัย-กรุงเทพ กลับบ้านสมัยนั้นขบวน ๑๐๒ ออกจากเด่นชัย ๖.๐๐ น. ถึงกรุงเทพ ๑๗.๒๕ น. โดยมีแผนสำรองไว้ว่าถ้ากลับขบวน ๑๐๒ ไม่ทันยังมีขบวนรถเร็วที่ ๓๖ เด่นชัย-กรุงเทพ ไว้คอยเก็บตกเด็กหนีเที่ยวอีกขบวนหนึ่ง ยุคนั้นขบวนรถ ๓๖ ออกจากเด่นชัย ๙.๐๐ น. ถึงกรุงเทพ ๑๘.๑๐ น.

ผมออกจากบ้านเย็นวันเสาร์ ไปขึ้นขบวน ๕ ตั้งแต่กรุงเทพเลยละครับ รถใหม่ น่านั่ง น่านอนดีจริงๆ จะวิ่งจะเบรกดูนิ่มนวลไปหมด ช่องลมตรงหัวเตียง(ที่เป็นซี่ๆทรงสี่เหลี่ยม เลื่อนปิด-เปิดได้)ก็ยังรับ-ส่ง-กระจายลมออกมาได้ดี ไม่ตันจนลมไม่ออกแบบรถ บนท.รุ่นเก่า ๓๒ ที่ นอนฟังเสียงล้อกระทบรางก็เพลินแล้ว ยิ่งได้ยินเสียงลมเวลารถเบรกดัง ชี่ชชชชช แว่วมายิ่งเพลินเข้าไปใหญ่ จะเข้าห้องสุขาก็โอ่โถงกว้างขวางกว่ารถ บนท. รุ่นก่อนมาก แถมมีโถปัสสาวะให้ด้วย เสียอย่างเดียวไม่มีห้องอาบน้ำ แต่ต่อมามีการติดตั้งฝักบัวสำหรับอาบน้ำในห้องสุขาเพิ่มขึ้นมาครับ

นอนเพลินๆอยู่ได้ไม่นาน คิดไปคิดมาตามประสาคนรอบคอบ(พูดให้ดูดีไปอย่างนั้นแหละครับ )ว่า เอ...ถ้าเราไปลงเด่นชัยแล้วรอกลับขบวน ๑๐๒ หรือ ๓๖ มันจะกลับถึงเย็นเกินไปจนเป็นที่ผิดสังเกตหรือเปล่า ยิ่งถ้ารถเกิดเสียเวลาล่ะความลับแตกแน่ๆ ในที่สุดผมก็ปรับปรุงแผนการเดินทางใหม่เป็นลงที่ศิลาอาสน์แล้วว่าจะขึ้นขบวนรถ ธรรมดาที่ ๙๐ ศิลาอาสน์-กรุงเทพ ซึ่งออกจากศิลาอาสน์ ๕.๔๕ น. ถึงกรุงเทพ ๑๖.๑๕ น. กลับถึงบ้านเร็วกว่าแผนเดิมตั้งเยอะ ในวันนั้นขบวน ๕ ช่างเดินได้ตามเวลาดีจริงๆ พอใกล้จะตี ๓ ก็แล่นผ่านท่าสัก ตรอน วังกระพี้ ชะลอความเร็วผ่านอุตรดิตถ์แล้วลงห้ามล้อจอดเทียบชานชาลาสถานีศิลาอาสน์อย่างนุ่มนวลตอน ๓.๑๕ น. แน่นอนครับว่าไม่มีผู้โดยสารคนใดลงที่นี่ในเวลาเช่นนี้ ผมต้องเดินไปถอดกลอน สลักประตูเปิดประตูโบกี้ของผมลงมาที่ชานชาลา แทบไม่มีคนเลยครับ

พอ ๓.๒๐ น. ขบวน ๕ ก็เคลื่อนออกจากศิลาอาสน์ไปตามเวลาเหลือแต่ความเงียบสงัด ผมก็เลยหากิจกรรมทำฆ่าเวลาด้วยการเดินเล่นไปตามทางรถไฟมืดๆย้อนกลับไปสถานีอุตรดิตถ์ จำได้ว่าระหว่างเดินรู้สึกถึงความเงียบสงบของตัวจังหวัดนี้ยามตี ๓ กว่าๆได้เป็นอย่างดี รู้สึกชอบเมืองนี้มากเพราะนอกจากจะเงียบสงบแล้ว ยังมีทางรถไฟผ่านกลางเมือง สถานที่ราชการ สถานที่สำคัญก็อยู่ใกล้ทางรถไฟฯลฯ เดินเล่นเพลินๆไม่ทันไรราวๆตี ๔ ผมก็เดินถึงสถานีอุตรดิตถ์แล้วครับ วันนั้นขบวนรถธรรมดาที่ ๘๙ กรุงเทพ-ศิลาอาสน์ ซึ่งออกจากกรุงเทพ ๑๘.๑๐ น. ถึงศิลาอาสน์ ๔.๑๓ น. ช้ากว่ากำหนดเวลาเล็กน้อยราวๆ ๑๕-๒๐ นาที ผมก็เลยขึ้นขบวน ๘๙ นั่งกลับมาศิลาอาสน์อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้รอกลับขบวนรถธรรมดาที่ ๙๐ ตามแผนไม่เดินไปไหนไกลแล้วละครับ

ขบวน ๙๐ ออกจากศิลาอาสน์ ๕.๔๕ น. ตามเวลาระหว่างนั่งบนรถผมดูตารางเวลาขบวน ๙๐ ถึงพิษณุโลก ๗.๔๗ น. ก่อนขบวนรถด่วนดีเซลรางปรับอากาศ ที่ ๙๐๒ (ยุคนั้นบริษัทเอกชนรับสัมปทานให้บริการบนขบวนนี้) นี่นา ถ้าเราลงพิษณุโลกแล้วนั่ง “ดีเซลรางแอร์” (เมื่อก่อนนิยมเรียกแบบนี้ครับ) กลับกรุงเทพน่าจะเข้าท่ากว่า เพราะวิ่งเร็วกว่า รถใหม่แอร์เย็น มีอาหารกลางวัน ขนม เครื่องดื่มเสริฟฯลฯ คิดได้ดั่งนี้พอขบวน ๙๐ ถึงพิษณุโลกผมก็ลงไปซื้อตั๋วตรงบูธจำหน่ายตั๋วของ บริษัทแก่นอินฯ ซึ่งรับสัมปทานขบวนรถด่วนดีเซลรางปรับอากาศ (ขบวน ๙๐๑-๙๐๖) ทันที โชคดีมีที่ว่างริมหน้าต่างแถมเป็นที่นั่งหันหน้าไปทางหัวขบวนด้วยครับ ขบวน ๙๐๒ ออกจากพิษณุโลก ๘.๔๕ น. ตามเวลา พอรถออกจากตะพานหิน ๙.๕๕ น. ก็แซงขบวน ๙๐ ที่สถานีหอไกรไปเรียบร้อย ผมก็เลยได้กลับถึงกรุงเทพราวๆ ๑๔.๐๐ น. (ตามกำหนดขบวน ๙๐๒ ถึงกรุงเทพ ๑๓.๔๕ น.) กลับเข้าบ้านในเวลาพอเหมาะพอควรไม่เป็นที่ผิดสังเกต เป็นอันว่าจบทริประทึกใจ เอ๊ย! สุขใจกับการทดลองนั่ง/นอน รถ บนท. รุ่นใหม่(ในสมัยปี ๒๕๓๐)โดยสวัสดิภาพ นับจากนั้นก็มีโอกาสใช้บริการรถ บนท. รุ่นนี้ต่อมาเรื่อยๆจนกระทั่งได้รับการดัดแปลงเป็นรถ บนท.ป. แต่ก็ไม่มีครั้งใดประทับใจเท่าการ “แอบ” ไปนั่งครั้งแรกเลยละครับ

[black_express]

โชคยังดีนะครับ ที่ อ.ตุ้ยไม่โดนจี้ตอนเดินสำรวจไม้หมอนช่วงศิลาอาสน์ - อุตรดิตถ์ เพียงเดียวดาย

แต่จริงๆ แล้ว ช่วงตีสามเศษๆ เริ่มมีพ่อค้า- แม่ค้าเดินทางเข้าสู่ตลาดเทศบาลกันแล้ว ไม่ถึงกับเงียบเหงาสักเท่าไหร่นัก

คุณซูม แห่ง " เอะอะพาที " เคยเล่าประสบการณ์โดยสารไปกับขบวนรถด่วนที่ 5/6 ในครั้งหนึ่งว่า รถจักรไปขัดข้องแถวๆ พรหมพิราม ต้องใช้เวลาซ่อมค่อนข้างนาน แถมหารถจักรมาเปลี่ยนก็ไม่ได้ เพราะเป็นระบบลมดูด ไม่สามารถใช้งานพ่วงทำขบวนรถด่วนนี้ได้ เลยต้องนั่งมองขบวนรถสินค้า ค่อยๆ แซงผ่านไปอย่างน่าอิจฉา

อาจเป็นเพราะเหตุการณ์นี้กระมัง ? การรถไฟฯ ถึงได้เร่งติดตั้งระบบห้ามล้อลมอัดให้กับรถจักรดีเซลทุกคันในเวลาต่อมา

[tuie]

^
^
พอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว อดนึกไม่ได้ครับพี่ตึ๋งว่า เราเดินเข้าไปได้อย่างไรดึกดื่น มืดเปลี่ยว อย่างนั้น ไม่ตกเป็นเหยี่ออาชญากรรมก็บุญแล้วละครับ

--------------------------------------------------------------------------

กำหนดเวลาเดินรถสายเหนือปี ๒๕๓๐ ฉบับต่อมา คือ ฉบับเริ่มใช้วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๓๐ ครับ ภาพปกเปลี่ยนไปจากภาพกรุ๊ปป์ทำขบวนรถโดยสารข้ามสะพานทาชมภู เป็นน้าต้อมทำขบวนรถโดยสารจอดเทียบชานชาลาสถานีหนึ่ง


ขยายให้ดูนะครับ ผมคิดว่าน่าจะเป็นสถานีในเส้นทางสายเหนือ แต่ยังนึกไม่ออกว่าเป็นสถานีใด ที่แน่ๆไม่ใช่สถานีที่อยู่บริเวณทางโค้งอย่าง พิจิตร เป็นแน่



ค่าโดยสารอัตราพิเศษชั้นสามรวมค่าธรรมเนียมรถเร็ว อัตราค่าโดยสาร และค่าธรรมเนียม ยังคงเป็นไปตามราคาเดิม แม้ว่าจะมีรถ บนท. รุ่นใหม่ ๓๖ ที่ เข้ามาประจำการในขบวนรถด่วนที่ ๕/๖ แต่ก็ยังคงคิดค่าธรรมเนียมรถนอนชั้นสองในอัตราเดียวกับรถ บนท. รุ่นก่อนๆ คือ เตียงบน คนละ ๗๐ บาท เตียงล่าง คนละ ๑๐๐ บาท ในขณะที่ต้นตำรับการคิดค่าโดยสารแพงขึ้นตามความใหม่ของรถอย่าง ขสมก. ยุคนั้นเขาเริ่มคิดค่าโดยสารแยกตามรุ่น-สี ของรถไปแล้วครับ ยุคนั้นรถเมล์รุ่นเก่าเป็นสี ครีม-น้ำเงิน ๒.๕๐ บาทตลอดสาย รถเมล์รุ่นใหม่สี ครีม-แดง ๓.๕๐ บาทตลอดสาย แต่รถไฟของเรายังคิดค่าธรรมเนียมรถนอนชั้นสองอัตราเดียวกันไม่ว่าจะเป็นรถรุ่นเก่า หรือรุ่นใหม่โบกี้สแตนเลส



ด้านล่างซ้ายมีข้อความแจ้งให้ทราบว่า ลดราคาค่าโดยสารชั้นสอง เฉพาะรถ บชท. และ บชท.ป. ลงร้อยละ ๒๕ ซึ่งพอรถราคาแล้วน่าจะช่วยจูงใจให้คนนั่งรถทัวร์หันมานั่ง บชท. หรือ บชท.ป. ได้บ้าง แต่ถ้าเป็น บนท. และ บนท.ป. ไม่มีการลดค่าโดยสารให้ตามโปรโมชั่นนี้นะครับ

[tuie]

พลิกมาชมตารางเดินรถด้านในกันบ้าง ขบวนรถเกือบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นขบวนรถด่วน รถเร็ว รถธรรมดา รถดีเซลรางและรถรวม ยังคงเดินตามเวลาเดิม มีเปลี่ยนแปลงเวลาแค่ ๒ ขบวน คือ ขบวนรถดีเซลรางที่ ๑๘๙ และ ๑๖๗ กรุงเทพ-ดอนเมือง เท่านั้นครับ



ขบวน ๑๘๙ ออกจากกรุงเทพ ๔.๔๕ น. (เดิมออก ๕.๐๐ น.) ถึงดอนเมือง ๕.๓๐ น.(เดิมถึง ๕.๔๑ น.) มีเดินเฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ (เสาร์-อาทิตย์ ไม่มีเดิน) ขบวน ๑๖๗ ออกจากกรุงเทพ ๕.๐๕ น. (เดิมออก ๕.๑๐ น.) ถึงดอนเมือง ๕.๕๕ น. (เดิมถึง ๕.๕๑ น.) เสาร์-อาทิตย์-วันหยุดตามประเพณีไม่มีเดิน)



เที่ยวล่องมีเปลี่ยนแปลงเฉพาะขบวนรถดีเซลรางที่ ๑๖๘ ดอนเมือง-กรุงเทพ และขบวนรถธรรมดาที่ ๙๔ พิษณุโลก-กรุงเทพ ครับ ขบวน ๑๖๘ ออกจากดอนเมือง ๖.๒๕ น.(เดิม ๖.๓๐ น.) ถึงกรุงเทพ ๗.๑๕ น. (เดิม ๗.๑๑ น.) ขบวน ๙๔ ออกจากพิษณุโลก ๑๙.๓๐ น. (เดิมออก ๑๙.๓๕ น.) แต่ถึงกรุงเทพเวลาเดิม คือ ๓.๕๕ น. ครับ

สังเกตว่าเครื่องหมายช้อน-ส้อม ที่แสดงว่ามีรถเสบียงพ่วงซึ่งเคยมีในตารางฉบับก่อน (ฉบับ ๑๕ มีนาคม ๒๕๓๐) นั้นหายไปหมดแล้วนะครับ แต่ไม่ใช่ว่าเลิกรถเสบียงเพราะความจริงยังมีบริการรถเสบียงอยู่บางขบวนครับ

[tuie]

ปกหลัง(หน้าหลังสุด)ของกำหนดเวลาเดินรถฉบับนี้ ไม่มีโฆษณาขบวนรถด่วนที่ ๕/๖ ที่เปิดเดินใหม่แล้วครับ กลับไปเป็น “ข้อควรทราบ” ในการโดยสารเช่นเดิม ได้แก่ การเปลี่ยนกำหนดเดินทาง การขอคืนเงินค่าตั๋ว ค่าโดยสารหมู่คณะ สัมภารที่อนุญาตให้นำไปโดยไม่เสียค่าระวาง การลงพักกลางทาง การจำหน่ายตั๋วล่วงหน้า(ที่สถานีกรุงเทพ) และข้อควรทราบเกี่ยวกับตั๋วเดือน