นั่งรถไฟ. . .ไปดูสะพานสายอีสาน ปิดฉากสะพานอีสานใต้

[ExtendeD]

[ExtendeD]

ปิดท้าย นั่งรถไฟ . . . ไปดูสะพานสายอีสาน Version 2.3 ลุยท่าช้าง + ศรีสะเกษ ด้วยภาพของ ขบวนรถเร็วที่ 140 ต้นทางสถานีอุบลราชธานี - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ขณะกำลังทำขบวนออกจาก สถานีชุมทางบางซื่อ 1 เมื่อเวลา 07.30 น. ครับ



ตอนนี้รูปภาพและ Clip ที่จะนำมาประกอบการนำเสนอ นั่งรถไฟ . . . ไปดูสะพานสายอีสาน Version 2.4 ทำเสร็จพร้อมฝากเข้า Photobucket เรียบร้อยแล้ว คิดว่าอีกไม่นานพี่ ๆ น้อง ๆ คงจะได้รับชม ผมยังมีเวลาเหลืออยู่อีกเกือบ ๆ 3 สัปดาห์ กว่าที่จะได้ออกเดินทางไกลอีกครั้ง ยังไงมหากาพย์อำลาอีสานใต้เรื่องนี้จบก่อนผมออกเดินทางขึ้นเหนือไปลุยฝนแน่นอนครับ
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[pattharachai]

มหากาพย์ของพี่เต้ยยังคงคุณภาพเยี่ยมยอดเหมือนเดิมนะครับ

[nutt8]

เนื้อหาจุใจดีครับ
_________________


แชมป์สมัยที่ 19 แล้วนะ อิอิอิ

[black_express]

สำรวจสะพานโครงเหล็กครบทุกแห่งบนสายอีสานแบบนี้ เข้าระดับเกจิล่ะครับ

[ExtendeD]

นั่งรถไฟ... ไปดูสะพานสายอีสาน Version 2.4 ภารกิจตามคำขอกับทริปสั้น ๆ ที่ . . . " มวกเหล็ก "

15 กรกฎาคม ผมลุกจากที่นอนมาประมาณ 03.00 น. ที่ต้องตื่นเช้าขนาดนี้นอกจากจะต้องตื่นมาเตรียมเปิดประตูบ้านให้กับพ่อตาของผมที่เดินทางมาจากพิษณุโลก พร้อมกับ ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่ 4 ต้นทางสถานีสวรรคโลก - ปลายทางสถานีกรุงเทพ แล้ว ยังต้องมาโพสท์ นั่งรถไฟ... ไปดูสะพานสายอีสาน Version 2.2 ต่อให้จบ จากนั้นก็ไปจัดการกับงานประจำที่ค้างอยู่ให้เสร็จ เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางในช่วงกลางคืน นับเป็นอีก 1 วันที่เหนื่อยมาก ต้องวิ่งวนไปวนมาตลอด แถมช่วงเย็นวันนั้นฝนก็ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก แบกกระเป๋าออกจากบ้านยังไม่ทันได้ไปถึงไหนเลย ก็เจออุปสรรคซะแล้ว . . .

ฝนยังกระหน่ำลงมาไม่หยุด มองออกไปนอกกระจกหน้าต่างของรถที่ผมนั่งอยู่ บนถนนประชาชื่นริมคลองประปามีแต่เม็ดฝน . . . น้ำนองถนน . . . และรถยนต์ที่จอดนิ่งสลับกับเคลื่อนตัวช้า ๆ แต่ช่วงเวลานั้นไม่น่าเบื่อเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น เพราะเสียงที่ดังมาจากชุดหูฟังที่เสียบติดกับโทรศัพท์มือถือ เป็นเสียงของชายคนหนึ่งที่กำลังสื่อสารให้กับคนจำนวนมากได้ฟัง ทำให้ผมนั่งยิ้มอย่างมีความสุข ( ถ้าไม่เกรงใจคนอื่นผมคงจะหัวเราะออกมาแล้ว . . . )

ในค่ำคืนนั้นผมก็ยังคงใช้บริการของ ขบวนรถธรรมดาที่ 210 ต้นทางสถานีบ้านตาคลี - ปลายทางสถานีกรุงเทพ เพื่อไปตั้งหลักเริ่มต้นเดินทางที่หัวลำโพงเหมือนเดิม แต่สิ่งที่แตกต่างจากเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้นก็คือ ในช่วงนั้นบริเวณชานชาลาที่ 3 - 4 มีการถ่ายทำภาพยนตร์กันอยู่ รายละเอียดต่าง ๆ นั้นสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากกระทู้ " คุณทวด 824 เข้าฉากภาพยนตร์ " บรรยากาศที่หัวลำโพงในค่ำคืนนั้น ก็เลยดูคึกคักแปลกกว่าที่เคยเห็นเป็นประจำ แต่ผมไม่ได้ไปยืนดูเขาถ่ายทำภาพยนตร์กันหรอกครับ เดินไปดูรถไฟดีกว่า . . .

ผมเดินไปที่ชานชาลาที่ 8 - 9 ที่เก่าเวลาเดิมที่เคยนั่งดูรถไฟเป็นประจำทุกครั้งที่ต้องออกเดินทางตอนกลางคืนเหมือนกับในคืนนั้น แต่สิ่งที่ได้พบเห็นระหว่างเดินผ่านบริเวณนั้นไปก็คือ ผู้โดยสารที่ยืน เดิน นั่งอยู่บริเวณนั้นมีจำนวนมาก ซึ่งแตกต่างจากเมื่อสัปดาห์ก่อนแบบเทียบกันไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะในค่ำคืนนั้นอยู่ในช่วงวันหยุดยาวเข้าพรรษา แล้วอีกสาเหตุหนึ่งก็คือทั้ง ขบวนรถด่วนที่ 67 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีอุบลราชธานี และ ขบวนรถด่วนที่ 69 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีหนองคาย ( ซึ่งย้ายมาเทียบในรางที่ 10 แทน ) ต่างก็ออกจากสถานีต้นทางล่าช้ากว่ากำหนดเวลาทั้งคู่

ขบวนที่ 69 ในค่ำคืนนั้นได้รถจักรดีเซลไฟฟ้า Hitachi ทำขบวนครับ ผมอยากจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้แต่ก็หาพื้นที่ว่าง ๆ เพื่อที่จะตั้งกล้องในมุมที่ต้องการไม่ได้ ก็เลยได้แต่ยืนมองด้วยความเสียดาย กว่าที่บริเวณชานชาลาจะมีที่ว่างพอให้ผมตั้งกล้องเพื่อเก็บภาพได้ก็เป็นช่วงที่บชส. ของขบวนที่ 67 เข้าพ่วงทางตอนหน้าของขบวนจนครบทุกคันนั่นล่ะครับ

ในรูปที่เห็นอยู่ข้างล่างนี้จะเห็นรถจักรดีเซลไฟฟ้า General Electric ( GEA. ) อยู่ 2 คัน คันที่อยู่ทางซ้ายคือ GEA. หมายเลข 4541 ที่รับหน้าที่ทำขบวนที่ 67 ส่วนทางขวาก็คือ GEA. หมายเลข 4536 ที่เป็นรถจักรของ ขบวนรถเร็วที่ 115 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีพิษณุโลก ครับ




21.15 น. ขบวนที่ 67 ก็ได้รับสัญญาณไฟอนุญาตให้เคลื่อนขบวนออกจากสถานีต้นทางครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ขบวนรถที่พาผมเดินทางออกจากกรุงเทพสู่แผ่นดินอีสานในครั้งนี้ก็คือ ขบวนรถเร็วที่ 143 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีอุบลราชธานี ที่ในค่ำคืนนั้นได้รถจักรดีเซลไฟฟ้า Alsthom ( ALS. ) หมายเลข 4107 ทำขบวน ( พ่วง 1 บพห. + 1 บสส. + 7 บชส. ) แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูปรถจักรเอาไว้ เพราะบริเวณชานชาลานั้นมีผู้โดยสารมากมาย ผู้คนพลุกพล่านมากครับ

ผมก้าวลงจากขบวนที่ 143 ที่ สถานีชุมทางแก่งคอย ครับ ได้มายืนอยู่ที่นี่อีกครั้ง ก็ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในช่วงวันที่ 13 - 14 มิถุนายนขึ้นมาทันที ซึ่งผมก็หวังว่าคงจะไม่ได้มีเพียงแค่ผมคนเดียว ที่ผ่านมาที่นี่แล้วจะย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราวในวันนั้น . . .

นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ผมลงจากขบวนที่ 143 ที่ สถานีชุมทางแก่งคอย แห่งนี้ เพื่อมารอขึ้นขบวนรถท้องถิ่นออกเดินทางสู่จุดหมายตามแผนการเดินทางที่วางเอาไว้ ทั้งขบวนรถโดยสาร และขบวนรถสินค้าก็วิ่งเข้า - ออก ผ่านมาให้ดูอยู่บ่อยครั้ง แต่ในค่ำคืนนั้นข้างกายผมไม่มีเจ้าตี๋มายืนดูรถไฟเป็นเพื่อนเหมือนกับช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา " เหงา " อีกแล้ว . . .

เป็นเพราะว่าอยู่คนเดียวก็เลยต้องเดินไปเดินมา หามุมถ่ายรูปตรงนั้นที ตรงนี้ที เพื่อฆ่าเวลา ถูกใจก็เก็บไว้ ไม่ถูกใจก็ลบทิ้ง แต่ก็มีรูปบรรยากาศของ สถานีชุมทางแก่งคอย ช่วงเวลาประมาณ 02.40 น. มาฝากพี่ ๆ น้อง ๆ ครับ




ในค่ำคืนนั้นเป็นช่วงใกล้คืนวันอาสาฬหบูชา ก็เลยได้เห็นพระจันทร์ดวงกลมโต ถึงแม้จะยังไม่เต็มดวงแต่ก็ดูสวย + สว่างดี จาก 2 รูปที่แปะให้พี่ ๆ น้อง ๆ ได้ดู จะเห็นว่ามีเมฆมาบังพระจันทร์เอาไว้ ผมก็เลยคิดว่าจะเดินไปซื้อเสบียงที่ 7/11 ที่อยู่ใกล้ ๆ กับ สถานีชุมทางแก่งคอย ก่อน แล้วค่อยกลับมาถ่ายซ่อมใหม่อีกครั้ง แต่พอซื้อของเสร็จ เดินกลับมาที่สถานีก็หาพระจันทร์ไม่เจอแล้วครับ ไม่รู้หายไปไหน รูปที่ถ่ายมาได้ในคืนนั้นก็เลยมีแต่รูปที่พระจันทร์โดนเมฆบังทั้งนั้นเลยครับ . . .


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ถ้าดูจากชื่อตอนของการเดินทางในครั้งนี้แล้ว พี่ ๆ น้อง ๆ ก็คงจะรู้ว่าจุดหมายหลักของการลงพื้นที่ในครั้งนี้ก็คือ สถานีมวกเหล็ก เพราะฉะนั้นขบวนรถที่จะพาผมไปสู่จุดหมายก็คือ ขบวนรถท้องถิ่นที่ 431 ต้นทางสถานีชุมทางแก่งคอย - ปลายทางสถานีขอนแก่น ครับ




ในเช้ามืดวันนั้นชุดรถของขบวนที่ 431 ออกจากโรงรถจักรมาจอดเทียบในรางที่ 2 เมื่อเวลา 04.50 น. ถ้าสังเกตดูให้ดี ๆ จะเห็นว่าชุดรถของขบวนที่ 431 นั้นแตกต่างจากปกติที่เคยเห็น . . . ใช่แล้วครับ ในวันนั้นขบวนที่ 431 ได้ RHN. มาทำขบวนถึง 3 ชุด ( 6 คัน ) เรียงตามลำดับได้ดังนี้ พซข. 34 เป็นคันนำ + กซข. 1036 + พซข. 44 + กซข. 1023 + พซข. 28 + กซข. 1033 เป็นคันท้ายสุดครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ที่เห็นอยู่ในรูปข้างล่างนี้คือ บรรยากาศในห้องโดยสารของ พซข. หมายเลข 28 ซึ่งเป็นรถคันที่ 5 ของขบวนที่ 431 ในเช้าวันนั้น ซึ่งตลอดการเดินทางจาก สถานีชุมทางแก่งคอย ไปจนถึง สถานีมวกเหล็ก มีผมเป็นผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในรถคันนี้เพียงคนเดียว ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะนั่งกันอยู่ใน RHN. ทางตอนหน้าของขบวนครับ




ขบวนที่ 431 ออกจากสถานีต้นทางตามกำหนดเวลาครับ แล้วก็มาถึง สถานีมาบกะเบา เวลา 05.11 น. ฟ้ายังไม่สว่าง แสงยังไม่มี ก็ขอลองของเพียงแค่รูปเดียวก็แล้วกันครับ



สถานีมาบกะเบา ในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ
เป็นสถานีระดับที่ 2 อักษรย่อ มบ. รหัสสถานี 2082
ตั้งอยู่ในพื้นที่ ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
ระยะทางจาก สถานีกรุงเทพ 134.30 กิโลเมตร
ระบบสัญญาณที่ใช้ : ประแจกลไฟฟ้าชนิดบังคับสัมพันธ์ด้วยรีเลย์ และสัญญาณไฟสี ก.1ก*

* อ้างอิงจาก file station_northeast.pdf ที่ download มาจาก http://portal.rotfaithai.com
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

05.27 น. ( 16 นาทีต่อมา . . . ) ขบวนที่ 431 ก็มาถึง สถานีหินลับ ครับ ในตอนนั้นฟ้าเริ่มสว่างขึ้นมาบ้างแล้ว แต่แสงก็ยังไม่มากพอที่จะถ่ายรูปให้ชัดได้ ผมก็เลยเก็บภาพบรรยากาศช่วงที่ขบวนที่ 431 กำลังจะเข้าสู่ สถานีหินลับ เอาไว้เป็น Clip มาฝากพี่ ๆ น้อง ๆ Clip นี้มีความยาว 3 นาที 10 วินาที ก็จะเริ่มตั้งแต่ตอนที่มองเห็นรางที่วางมาจากโรงปูน เรื่อยไปจนถึงตอนที่เข้าไปถึง สถานีหินลับ เลยครับ

Screenshot Click here~!



สถานีหินลับ ในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ
เป็นสถานีระดับที่ 3 อักษรย่อ หล. รหัสสถานี 2084
ตั้งอยู่ในพื้นที่ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
ระยะทางจาก สถานีกรุงเทพ 144.29 กิโลเมตร
ระบบสัญญาณที่ใช้ : ประแจกลไฟฟ้าชนิดบังคับสัมพันธ์ด้วยรีเลย์ และสัญญาณไฟสี ก.1ก*

* อ้างอิงจาก file station_northeast.pdf ที่ download มาจาก http://portal.rotfaithai.com
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.