ExtendeD FILM Present : แอบถ่าย . . . ล้อเหล็ก

[ExtendeD]

Clip ต่อมาเป็น Clip ที่ผมคิดว่าเป็น Clip ที่ดูดีที่สุดเท่าที่ผมเคยถ่ายได้เลยล่ะครับ เพราะแสงดี ฟ้า ( เกือบ ) ใส ถึงแม้ว่าต้องนั่งรอ ยืนรออยู่นานเป็นชั่วโมง แต่ผมคิดว่าคุ้มครับ . . .

ใน Clip ที่มีความยาว 1 นาที 26 วินาทีข้างล่างนี้ พี่ ๆ น้อง ๆ จะได้เห็นรถจักรดีเซลไฟฟ้า Alsthom ( ALS. ) หมายเลข 4151 ทำ ขบวนรถเร็วที่ 171 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีสุไหงโกลก ข้าม สะพานพระราม ๖ ไปเมื่อเวลา 14.24 น. ครับ

Screenshot Click here~!



ถึงแม้จะชอบ Clip นี้มาก แต่ก็ยังแอบเสียดายเล็ก ๆ ว่าถ้าพี่พขร. เปิดหวีดให้สักหน่อย ก็คงจะดีไม่น้อย แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดก็น่าจะเปลี่ยนจาก Alsthom เป็น Hitachi ไม่รู้จักพอหนอ คนเรา . . . เดี๋ยวเอาไว้ว่างเมื่อไหร่ จะไปดักรออีก ชอบจริง ๆ ชอบจริง ๆ . . .
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

หลังจากเก็บภาพของขบวนที่ 171 ได้แล้วก็ต้องรีบกลับบ้านล่ะครับ เพราะขบวนที่ 171 ล่าช้าไปมากเลยทีเดียว ในเมื่อจะกลับบ้านก็ต้องไปตั้งหลักที่ สถานีชุมทางบางซื่อ ก่อน ไม่งั้นจะหาทางกลับไม่เป็น . . . Clip ต่อไปซึ่งเป็น Clip สุดท้ายที่ผมถ่ายได้ในวันที่ 22 สิงหาคม ก็เลยเป็นภาพของรถจักรดีเซลไฟฟ้า General Electric ( GEA. ) หมายเลข 4544 ทำ ขบวนรถด่วนพิเศษระหว่างประเทศที่ 38 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ ขณะกำลังทำขบวนเข้าสู่ สถานีชุมทางบางซื่อ 2 Clip นี้มีความยาว 1 นาที 8 วินาทีครับ

Screenshot Click here~!


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม 2551 ผมมีนัดกับสาวก Hitachi อย่างน้องแม็กซ์ Maxell ในช่วงบ่าย และเป็นเพราะติดใจ Location แจ่ม ๆ อย่างบน สะพานพระราม ๖ บวกกับไหน ๆ ก็ต้องออกจากบ้านอยู่แล้ว ก็เลยเช็คเวลาเดินรถสายใต้เที่ยวล่องจากใน TTS แล้วก็รีบออกจากบ้านไปปักหลักรอเก็บภาพอยู่บน สะพานพระราม ๖ อีกครั้ง มาที่นี่เพื่อเก็บภาพเคลื่อนไหวเอาไว้เป็นครั้งที่ 2 ก็ไม่ผิดหวังเลยครับ ท้องฟ้าในช่วงเช้า ๆ สาย ๆ วันนั้นสดใส แดดดี เหมาะแก่การถ่ายภาพเป็นอย่างมาก ทีนี้ก็เหลือแค่ลุ้นให้ขบวนรถวิ่งผ่านมาในรางทางขวาเท่านั้น ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไร ติดตามชมได้จาก 5 Clip ต่อไปนี้ได้เลยครับ . . .

ใน Clip แรกที่มีความยาว 24 วินาที เป็นภาพของ ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่ 43 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีสุราษฎร์ธานี ที่ในวันนั้นได้รถ Sprinter ไปทำขบวน ผ่านมาถึง สะพานพระราม ๖ เมื่อเวลา 09.48 น. แต่นอกจากจะได้เห็น Sprinter ทำขบวนที่ 43 แล้ว ยังมี . . . ให้ได้ดูอีกด้วยครับ

Screenshot Click here~!


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

Clip ต่อมาเป็นภาพของ ขบวนรถธรรมดาที่ 261 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีหัวหิน ที่ได้รถจักรดีเซลไฟฟ้า General Electric ( GEA. ) หมายเลข 4547 ทำขบวนผ่านมาถึง สะพานพระราม ๖ เมื่อเวลา 09.57 น. ตอนแรกที่เห็นขบวนที่ 261 วิ่งผ่านโค้งบางซ่อนมาก็แปลกใจอยู่ว่าได้รถจักรใหญ่สีสันสดสวยสะดุดตาไปทำขบวน มีอะไรพิเศษแตกต่างไปจากวันอื่น ๆ หรือเปล่า ถ้าพี่ ๆ น้อง ๆ ได้ดูใน Clip นี้ที่มีความยาว 34 วินาทีแล้วก็จะรู้ครับ

Screenshot Click here~!



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก . . . " ผู้ว่าการรถไฟฯ พินิจงานในเส้นทางสายใต้ กรุงเทพ - หัวหิน, 23 - 24 ส.ค. 51 "
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ขบวนรถโดยสารสายใต้เที่ยวขึ้นที่จะวิ่งผ่าน สะพานพระราม ๖ ไปในช่วงเช้าตามปกติก็โผล่มาให้เห็นครบแล้วทั้ง 2 ขบวน ต่อไปนี้ผมก็ไม่ต้องหันมองทางซ้ายที ขวาทีอีกต่อไป เพราะที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ขบวนรถโดยสารสายใต้เที่ยวล่องเท่านั้น ผมก็เลยไปนั่งหลบแดดอยู่ริมรั้วเหล็กใกล้ ๆ กับศาลเจ้าพ่อดำบริเวณคอ สะพานพระราม ๖ ฝั่งวัดสร้อยทองครับ

เวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที . . . 10.09 น. รถจักรดีเซลไฟฟ้า General Electric ( GEA. ) หมายเลข 4523 ก็ทำ ขบวนรถด่วนที่ 84 ต้นทางสถานีตรัง - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ผ่านมาถึง สะพานพระราม ๖ ตามที่พี่ ๆ น้อง ๆ จะได้เห็นกันใน Clip ด้านล่างนี้ที่มีความยาว 1 นาที 12 วินาทีครับ

Screenshot Click here~!


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ผมเอาเวลาเดินรถสายใต้เที่ยวล่องที่จดมาจาก TTS มาผ่าน " กระบวนการคิดคำนวณด้วยความเบลอ " อีกครั้ง ผลลัพธ์มั่ว ๆ ( แบบไม่รู้จะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน ) ที่ได้มาบอกให้รู้ว่า ขบวนรถเร็วที่ 172 ต้นทางสถานีสุไหงโกลก - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ที่จะเป็นขบวนรถเที่ยวต่อไปที่จะผ่านมาถึง สะพานพระราม ๖ แห่งนี้ คงจะตามหลังขบวนที่ 84 มาแบบไม่ห่างกันมากนัก และนอกจากบริเวณใกล้ ๆ กับศาลเจ้าพ่อดำแล้ว ก็ไม่มีบริเวณอื่นที่สามารถหลบแดดได้เลย ผมก็เลยยังคงปักหลักนั่งรออยู่ริมรั้วที่เดิม นับเวลาหลังจากที่ขบวนที่ 84 ผ่านหน้ากล้องผมไปได้ไม่ถึง 10 นาที ผมก็เห็นรถจักรหน้าเหลืองคาดแดงวิ่งมาไกล ๆ ตาสว่างขึ้นทันที ของโปรดมาอีกแล้ว . . .

10.18 น. รถจักรดีเซลไฟฟ้า Hitachi หมายเลข 4518 ก็ทำ ขบวนรถเร็วที่ 172 ต้นทางสถานีสุไหงโกลก - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ข้าม สะพานพระราม ๖ มา ตามที่พี่ ๆ น้อง ๆ จะได้เห็นกันใน Clip ต่อไปนี้ที่มีความยาว 1 นาที 12 วินาทีครับ

Screenshot Click here~!


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

Clip ต่อมาเป็น Clip สุดท้ายที่ผมปักหลักรอเก็บภาพอยู่ที่ สะพานพระราม ๖ แล้วล่ะครับ เพราะถ้าทุกอย่างเป็นไปตามผลลัพธ์ที่ได้มาจากการนำเวลาที่จดมาจากใน TTS มาผ่าน " กระบวนการคิดคำนวณด้วยความเบลอ " แล้ว หลังจากที่ ขบวนรถด่วนพิเศษระหว่างประเทศที่ 36 ต้นทางสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ผ่าน สะพานพระราม ๖ ไปแล้ว บริเวณนี้ก็จะถูกความเงียบเหงาเข้าปกคลุมเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง กว่าที่ ขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณที่ 38 ต้นทางสถานีสุไหงโกลก - ปลายทางสถานีกรุงเทพ จะทำขบวนผ่านมา ผมก็เลยคิดว่าจะไปหาทำเลเหมาะ ๆ ที่อื่นเก็บภาพของขบวนที่ 38 แทนที่จะนั่งรออยู่ที่ สะพานพระราม ๖ ครับ

แต่ก่อนหน้าที่จะเก็บข้าวของโบกมือลาสะพานโครงเหล็กที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตกรุงเทพฯ ไป เรามาดูภาพของ ขบวนรถด่วนพิเศษระหว่างประเทศที่ 36 ต้นทางสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ - ปลายทางสถานีกรุงเทพ กันก่อนดีกว่า ในวันนั้นขบวนที่ 36 ได้รถจักรดีเซลไฟฟ้า General Electric ( GEA. ) หมายเลข 4529 ทำขบวนผ่าน สะพานพระราม ๖ ไปเมื่อเวลา 10.38 น. Clip นี้มีความยาว 1 นาทีพอดีครับ

Screenshot Click here~!


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[Adithepc20]

[ExtendeD]

ผมคาดว่า ขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณที่ 38 ต้นทางสถานีสุไหงโกลก - ปลายทางสถานีกรุงเทพ น่าจะมาถึง สถานีสามเสน ที่เป็นทำเลที่ผมตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปดักรอขบวนที่ 38 อยู่ที่นั่น อย่างช้าที่สุดก็ไม่น่าจะเกิน 12.40 น. ระหว่างนั้นผมก็เลยตะลอนไปโผล่ตรงโน้นที ตรงนี้ที จนเวลาผ่านไปถึงประมาณ 12.25 น. ผมก็มายืนอยู่ที่ สถานีชุมทางบางซื่อ ท้องฟ้าในตอนนั้นไม่สวยสดใส แสงแดดก็ไม่ดีเหมือนกับช่วงสาย ๆ ที่อยู่บน สะพานพระราม ๖ แล้ว ( ขาดแรงจูงใจเบื้องต้น . . . ) ผมก็เลยเปลี่ยนใจปักหลักรออยู่ที่นี่แทน เพราะผมเองก็นัดน้องแม็กซ์เอาไว้แถว ๆ นี้ จะได้ไม่ต้องไป ๆ มา ๆ อีก แต่กว่าที่รถจักรดีเซลไฟฟ้า Hitachi หมายเลข 4514 จะทำ ขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณที่ 38 ต้นทางสถานีสุไหงโกลก - ปลายทางสถานีกรุงเทพ มาถึง สถานีชุมทางบางซื่อ 2 เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงประมาณ 13.00 น. โน่น ช้ากว่าที่คิดเอาไว้เยอะเลยครับ

Clip สุดท้ายที่ผมถ่ายเอาไว้ในวันนั้นก็เลยเป็นภาพช่วงที่ขบวนที่ 38 กำลังวิ่งผ่านประแจที่อยู่ใกล้ ๆ กับ สะพานข้ามคลองบางซื่อ ไป แต่ยังไม่ทันจะวิ่งผ่านหน้ากล้องไปได้ครบทั้งขบวนเลย แบตก็หมด . . . ใน Clip ต่อไปนี้ที่มีความยาว 57 วินาทีก็เลยได้เห็นเพียงแค่รถจักร + บชส. ขนของ + บพห. + บนอ.ป. + 3 บนท.ป. + บกข. + บชท. วิ่งผ่านหน้ากล้องไป แต่ 3 บชส . กับ บนท.ป. ที่อยู่ท้ายขบวนยังคาอยู่บนประแจเลยครับ

Screenshot Click here~!


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

Clip ชุดต่อไป เป็น Clip ที่ผมได้ถ่ายเอาไว้เมื่อวันที่ 24 - 25 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา ซึ่ง 8 Clip ต่อไปนี้จะพาพี่ ๆ น้อง ๆ เปลี่ยน Location + แหก Concept ( ไม่ใช่เขตกรุงเทพฯ + ไม่เฉียดเข้าใกล้สะพานโครงเหล็ก ) ครับ เรื่องราวมันก็ผ่านมานานหลายวันแล้ว จริง ๆ แล้วก็ไม่อยากนึกถึงมันอีก แต่ถ้าจะให้เล่าคร่าว ๆ ก็คงจะเป็นประมาณนี้ . . .

ก่อนหน้านี้ผมได้บอกเอาไว้ว่าคงจะไม่ได้เดินทางไปที่พิษณุโลกตามแผนที่ได้วางเอาไว้ วันที่ 23 สิงหาคมผมก็เลยเอาตั๋วที่ซื้อล่วงหน้าไปคืน นึกไม่ถึงว่าตกเย็นวันนั้นจะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ทำให้ผมต้องออกเดินทางจนได้ ตลอดการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปจนถึงพิษณุโลกผมไม่ได้เปิดปากคุยกับใครเลย นอกจากแม่ค้าที่ขายไอติมที่ สถานีชุมทางบ้านภาชี และแม่ค้าขายบะหมี่แห้งที่อยู่บนรถเท่านั้น บันทึกเล็ก ๆ ที่เคยจดเอาไว้เสมอเมื่อยามได้เดินทางก็ไม่มีความคิดอยากจะดึงปากกาออกจากกระเป๋ามาขีด ๆ เขียน ๆ เลยแม้แต่น้อย ความสับสนวุ่นวายบนขบวนรถ รวมถึงผู้โดยสารคนอื่น ๆ ที่อยู่บนขบวนรถก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของผมเลย ตลอดทางเสียงเดียวที่ลอยเข้าหูผมมา และยังคงจำได้จนถึงวันนี้ก็คือ เสียงของแม่ค้าคนหนึ่งที่บ่นบอกว่า ในวันนั้นผู้โดยสารที่อยู่บน ขบวนรถธรรมดาที่ 201 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีพิษณุโลก มีน้อยกว่าขบวนเมื่อวาน ( วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม ) อย่างเห็นได้ชัด . . .

ช่วงเย็นของวันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม 2551 ขบวนที่ 201 มาถึง สถานีพิษณุโลก ที่เป็นสถานีปลายทาง น่าจะตามกำหนดเวลาครับ ( หรืออย่างน้อยก็ช้ากว่ากำหนดไม่เกิน 5 นาที . . . ไม่น่าเชื่อ ) ได้มาเหยียบแผ่นดินเกิดอีกครั้ง ถ้าอารมณ์และความรู้สึกของผมยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ก็คงจะตื่นเต้นและดีใจจนแทบอยากจะก้มไปกราบพื้น / จูบพื้น แล้วเลียแผล่บ ๆ ๆ ๆ ๆ แต่เป็นเพราะว่ากลัวจะไม่ได้นอนตายอย่างสงบในแผ่นดินเกิด เอ๊ย เป็นเพราะกระเป๋ามันหนัก ( ทั้ง ๆ ที่ข้างในนั้นมีเสื้อผ้าอยู่ไม่กี่ชุด ) ก็เลยค่อย ๆ เดินโซซัดโซเซ ผ่านตลาดข้างสถานีที่มีผู้คนพลุกพล่านมากมายตรงเข้าบ้าน อย่างน้อยก็ขอไปทักทายญาติผู้ใหญ่ก่อน แล้วค่อยไปเปิดโรงแรมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ คงจะพอทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง . . .

เวลาประมาณ 18.50 น. ผมก็กลับมายืนอยู่ที่ สถานีพิษณุโลก อีกครั้ง เพราะคิดว่าที่นี่คงเป็นสถานที่แห่งเดียวที่ทำให้จิตใจผมสงบลงได้บ้าง แล้วผมก็ได้ Clip นี้มาครับ เป็นภาพของรถจักรดีเซลไฟฟ้า Alsthom ( AHK. ) หมายเลข 4213 ทำ ขบวนรถเร็วที่ 116 ต้นทางสถานีพิษณุโลก - ปลายทางสถานีกรุงเทพ เคลื่อนขบวนออกจาก สถานีพิษณุโลก ซึ่งเป็นสถานีต้นทางเมื่อเวลา 19.19 น. Clip นี้มีความยาว 1 นาที 22 วินาทีครับ

Screenshot Click here~!



หลังจากขบวนที่ 116 ออกไปแล้ว ผมก็เดินเล่นรอบ ๆ สถานีพิษณุโลก อยู่พักหนึ่ง บรรยากาศที่สถานีในคืนนั้นค่อนข้างเงียบเหงา มีเพียงรถดีเซลราง THN. 3 คันที่เป็นชุดรถของ ขบวนรถท้องถิ่นที่ 403 ต้นทางสถานีพิษณุโลก - ปลายทางสถานีศิลาอาสน์ ของเช้าวันรุ่งขึ้นจอดอยู่เท่านั้น ผมก็เลยคิดว่าจะออกไปเดินเล่นข้างนอก เพื่อให้เวลาผ่านไปถึงประมาณ 20.45 น. ที่เป็นเวลาที่ ขบวนรถเร็วที่ 109 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีเชียงใหม่ จะมาถึง แต่พอก้าวขาออกจาก สถานีพิษณุโลก ไป เห็นบรรยากาศข้างนอกเงียบเหงากว่าข้างในสถานีรถไฟอีก ก็เลยเดินกลับไปนอนที่โรงแรม แล้วก็เผลอหลับไป Clip ของขบวนที่ 116 ก็เลยเป็น Clip เดียวที่ผมถ่ายเอาไว้ในวันที่ 24 สิงหาคมครับ
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.