รู้จัก RAILBIKE กันไหมครับ

[Mongwin]

นึกถึงรถแฟร์มองต์กาญจนบุรี-สะพานแควใหญ่ ยังให้บริการอยู่หรือเปล่าครับในปัจจุบัน
ได้ยินน้องเอก umic2000 พูดถึงสะพานถ้ำกระแซ

ถ้าเอาจักรยานรางไปปั่นบนนั้น คงหวาดเสียวน่าดูนะครับ

[suraphat]

[CENTENNIAL]

มาต่อกันอีกครับ ยังไม่จบ

มาถึงตอนนี้แล้วผมเชื่อว่า ถ้าเราไม่พูดถึงเงื่อนไขเรื่องที่ต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงประเทศเกาหลีใต้แล้ว คงต้องมีสมาชิกเราหลายท่านสนใจอยากจะไปปั่นเจ้าจักรยานรางให้ได้แน่นอน
และต่อให้มันอยู่ไกลถึงประเทศเกาหลีใต้ก็ตาม ผมเองก็ได้แพลนการเดินทางที่จะไปสัมผัสตัวเป็นๆ ของมันให้ได้แน่นอน เพราะดูแล้ว คงมีโอกาสมากกว่า ความฝันที่ผมจะไปสัมผัสรถจักรดีเซลขนาดยักษ์ที่เมืองมะกัน เพราะการเดินทางไปที่เมืองมะกันนั่นมันน่ายุ่งยากกว่าการไปที่เกาหลีมากมายเลยครับ

ราคาค่าเช่า Railbike นั้น มี 2 ราคา
กรณีเป็นรถแบบ 2 ที่นั่ง คิดราคาที่ 18,000 วอน/คัน
และรถแบบ 4 ที่นั่ง คิดราคาที่ 26,000 วอน/คัน ถ้าเทียบอัตราแลกเงินวอนกับเงินบาทล่าสุดที่ 1 วอน จะเท่ากับ 0.029 บาท แล้ว
18,000 วอน เท่ากับ 522 บาท ส่วน 26,000 วอน เท่ากับ 754 บาท
ค่าครองชีพของเกาหลีประมาณ 2-3 เท่า ของบ้านเราครับ

ที่ตั้งของ Railbike นั้น อยู่ที่สถานีรถไฟ Auraji ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง Jeongseon จังหวัด Gungwon-do (do แปลว่าจังหวัด) ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเกาหลีใต้ หรือ สาธารณรัฐเกาหลี ห่างจากกรุงโซลประมาณ 200 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ทางรถยนต์ และทางรถไฟ

เรื่องเส้นทางรถยนต์ขอข้ามไปนะครับ เพราะไม่ได้เป็นสูญกางกานโขนส่ง ขอเน้นเฉพาะเส้นทางรถไฟอย่างเดียวนะ โดยเราจะมาดูวิธีการเดินทางไปที่สถานีรถไฟ Auraji ด้วยเส้นทางรถไฟนะครับ

จากสถานีรถไฟ Cheongnyangni ซึ่งเป็นสถานีรถไฟต้นทางรถไฟสายตะวันออกทั้งหมดซึ่งตั้งอยู่ที่ฝั่งตะวันออกของ กรุงโซล Seoul ซึ่งจะคล้ายๆ กับสถานีรถไฟธนบุรี ของบ้านเราที่เป็นต้นทางของรถไฟสายตะวันตก นั้น จะไม่มีขบวนรถไฟที่แล่นไปสุดปลายทางที่สถานี Auraji โดยตรงได้ แต่จะต้องนั่งรถไฟจากสถานีรถไฟ Cheongnyangni แล้วไปลงที่สถานีรถไฟ Jecheon เมือง Jecheon จังหวัด Chungcheongbuk-do

แล้วจะมีขบวนรถไฟ Mugunghwa หรือรถเร็ว ต้นทางสถานีรถไฟ Jecheon ไปสุดปลายทางที่สถานีรถไฟ Auraji ซึ่งจากการตรวจสอบจากเว็ป Korail ล่าสุด แล้ว พบว่ามีขบวนรถไฟที่เดินจากสถานีรถไฟ Jecheon กับสถานีรถไฟ Auraji ดังนี้

รถเร็ว Mugunghwa ขบวน 1651 ออกจาก Jecheon 07.10 น. ถึง Auraji 09.37 น.
รถเร็ว Mugunghwa ขบวน 1653 ออกจาก Jecheon 14.00 น. ถึง Auraji 16.24 น.

และ

รถเร็ว Mugunghwa ขบวน 1652 ออกจาก Auraji 10.50 น. ถึง Jecheon 13.08 น.
รถเร็ว Mugunghwa ขบวน 1654 ออกจาก Auraji 16.55 น. ถึง Jecheon 19.24 น.

ภาพรถเร็ว Mugunghwa



ภาพตู้รถโดยสาร ที่นั่ง Standard ในขบวนรถเร็ว Mugunghwa
กลางวัน


กลางคืน

เห็นภาพตู้รถโดยสารด้านนอกแล้วน่าใช้บริการไหมครับ ดูสะอาดดีจัง
ดูแล้วคิดเหมือนผมไหมครับว่า จริงๆ แล้วลักษณะตู้โดยสารก็ไม่ได้ต่างจากเรามากนัก เพียงแต่ของเค้าดูสะอาดมากกว่า

มาดูภาพภายในตัวรถบ้าง


เหมือนที่นั่งของรถบัสปรับอากาศทั่วไปครับ

ส่วนการเดินทางจากกรุงโซลไปยังสถานีรถไฟ Jecheon นั้น ต้องขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟ Cheongnyangni ตามที่บอกมาแล้วข้างต้นนั้น จะมีขบวนรถไฟจำนวนมาก ที่ผ่านและจอดที่สถานี Jecheon และจะเป็นขบวนรถเร็ว Mugunghwa ทั้งหมด ใช้เวลาเดินทางเฉลี่ยประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที

เที่ยวแรกออกจากสถานีรถไฟ Cheongnyangni เวลา 07.00 น.
เที่ยวสุดท้ายออกจากสถานีรถไฟ Cheongnyangni เวลา 22.40 น.

ส่วนรถที่ออกจากสถานีรถไฟ Jecheon กลับมายังสถานีรถไฟ Cheongnyangni นั้น
เที่ยวแรกออกเวลา 02.26 น. ถึง 04.52 น.
เที่ยวสุดท้ายออกเวลา 21.11 น. ถึง 23.34 น.

และเท่าที่ผมทราบมา รถไฟเกาหลีค่อนข้างตรงเวลาทุกขบวนครับ แต่อาจไม่เป๊ะๆ เท่าที่ญี่ปุ่นครับ

[Mongwin]

เดี๋ยวนี้เกาหลีใต้ก็ยังไม่ต้องใช้วีซ่าใช่ไหมครับผู้กอง

[narita_express]

[CENTENNIAL]

อ.นนท์ ครับ ผมไม่แน่ใจนะครับว่า รถไฟในภาพน่าจะเป็นรถไฟที่แล่นระหว่าง กรุงโซล กับสนามบินกิมโป ซึ่งเป็นสนามบินเก่านะครับ หรือ แล่นระหว่าง สนามบินกิมโป กับสนามบินอินชอน ซึ่งเป็นสนามบินใหม่ นะครับ และตอนที่ผมไปมาผมก็ไม่ได้มองอะไรเลยนอกจากคอยมองรถไฟข้างทางนี่ล่ะครับ

แต่ที่แน่นอน คือ ยังไม่มีรถไฟที่เดินระหว่างกรุงโซล - สนามบินอินชอน เพราะกำลังก่อสร้างอยู่ ซึ่งก็คงใกล้จะแล้วเสร็จแล้วครับ โดยทางรถไฟที่ว่านี้ จะทอดยาว ระหว่าง กรุงโซล - สนามบินกิมโป - สนามบินอินชอน
คิดว่า ไม่กลางปีก็ปลายปี 2552 นี้ ก็คงจะเปิดให้บริการได้

เสริมจาก อ.นนท์ อีกนะครับ คือว่าการไปเกาหลีใต้ ไม่ต้องขอวีซ่าครับ แล้วที่ว่า ตม.เกาหลี ค่อนข้างเคี่ยวนั้น ก็น่าจะจริงอยู่บ้างครับ แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเรามีหลักฐานแสดงชัดเจนว่า เราไม่ได้มาทำงาน เรามีหน้าที่การงานที่มั่นคงในประเทศไทย มีตั๋วเครื่องบินขากลับเรียบร้อย มีหลักฐานการจองที่พัก แสดงที่พักชัดเจน มีเงินติดตัวพอที่จะอยู่ในประเทศเค้าได้แน่นอน ไม่มีปัญหาเรื่อง ตม. แน่นอนครับ

ตอนที่ผมไป ตม.เกาหลี ไม่พูดอะไรเลยครับนอกจาก อันยอง ซึ่งผมก็งงอยู่นานว่าเค้าพูดว่าอะไร จนเค้ายื่นพาสปอร์ตคืนให้ แล้วโบกมือให้ผ่านได้ ผมถึงมาทราบภายหลังว่า อันยอง คือคำทักทายของเค้าแบบสั้นๆ จาก อันนยองฮาเซโย นั่นเอง
โถ เค้าอุตส่าห์ทักทาย ยินดีต้อนรับแล้ว ทำงง

[anusorn]

สังเกตไหมครับว่าไม่ว่ารถไฟญี่ปุ่นหรือยุโรป หรือเกาหลีนี่ มีความสะอาดมาก

สาเหตุหลักสาเหตุหนึ่ง(จากหลายๆ สาเหตุ) มาจากรูปแบบของอาคารสถานีที่เป็นทรงหลังคาครอบคลุมสถานีทั้งหมด

ดูจาก BTS ก็ได้ครับ ทำไมรถถึงสะอาด

เพราะน้ำเข้าไม่ถึงครับ สถานีที่เปิดโล่งเมื่อ ฝนตกผู้โดยสารจะต้องเหยียบน้ำ และคราบโคลน และความชื้นจากรองเท้าขึ้นไปบนตัวรถ ทำให้เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค เชื้อรา ประกอบกับการทำความสะอาดที่ไม่ได้ขัดถู ตามซอกต่างๆ อย่างจริงจัง ทำให้เกิดรอยคราบดำสะสมไปเรื่อย และยากที่จะทำความสะอาด จนกระทั่งเข้าวาระปูพื้นใหม่ไปเอง

[narita_express]

ขอบคุณหมวดเอ็มมากสำหรับข้อมูลครับ

ในส่วนของข้อมูลที่ผมอ้างอิงไปในส่วนของเส้นทางรถไฟระหว่างอิขชอนไปโซลนั้น คนที่ให้ข้อมูลก็เป็นไกด์ที่พาคณะที่ทำงานผมไปดูงานเมื่อปี 2550 ครับ จำได้ว่าพอรถออกจากสนามบินปุ๊บ ไกด์ก็บรรยายายไปเรื่อยแล้วก็พูดถึงรถไฟ Airport Link ว่าเพิ่งเปิดบริการเมื่อต้นปี 2550 ไอ้เราบ้ารถไฟอยู่แล้วก็ตาเหลือกใหญ่ ชะเง้อมองแต่ทางรถไฟ นั่งไปก็ดูแต่รถไฟ พอรถข้ามสะพานเชื่อมเข้ามาแผ่นดินใหญ่ก็มองแต่รถไฟ พอทางรถไฟโผล่ออกมาจากใต้สะพาน เราก็พร้อมแสตนท์บายเตรียมถ่ายรูปอย่างเดียว

อย่างนี้แสดงว่าน้องนางไกด์สาว (ประเภทสอง) นางนั้นคงให้ข้อมูลผมไม่ตรงข้อเท็จจริงแน่ๆ ...

ส่วนกรณีเรื่อง ต.ม. เกาหลีนั้น อันนี้เจอมากับตัวเองตอนสมัยเรียนที่ญี่ปุ่นแล้วไปเที่ยวกับเกาหลีกับแฟน(เก่า)ตอนช่วงปีใหม่เมื่อปี 2547 โน้น ขาเข้าไปผมลงอินชอน จากนั้นก็เที่ยวในเมือง 2 - 3 วันแล้วนั่ง KTX ไปฟูซาน พอจะกลับก็ออกจากสนามบินฟูซาน ตอนจะตรวจลงตราพี่แกคงเห็นพาสปอร์ตผมเป็นคนไทยแล้วตรวจเช็คผมแล้วถามละเอียดมาก ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้กลับแล้วเพราะเรื่องมากจริงๆ คุยไปคุยมาก็ได้ผ่านขึ้นเครื่องกลับนาริตะ ที่นี่ยังทำให้ผมรู้ว่าสนามบินฟูซานที่ผมคิดว่าคงใหญ่มาก กลับกลายเป็นสนามบินที่ไม่มีทางเชื่อม ต้องเดินเท้าไปขึ้นบันไดต่างหาก เพราะการบินไทยเองยังเปิดบินตรงไปสัปดาห์ละ 2 - 3เที่ยวบินเลย ก็ขำๆดี แต่ก็ยอมรับครับว่าเขาเป็นเมืองท่าที่ใหญ่มากๆครับ สังเกตได้จากย่านสถานีฟูซานที่อยู่ใกล้ย่านเก็บกองคอนเทนเนอร์...เห็นแล้วปวดหัวอย่างแรงเพราะเต็มไปด้วยคอนเทนเนอร์ทั้งนั้น..

ผมตั้งข้อสังเกตว่าถ้าเราไปแบบกรุ๊ปทัวร์ ในนามราชการ หรือหมู่คณะโอกาสเข้าเมืองจะสะดวกและง่ายกว่าการบินเดี่ยวแบบแบกเป้ที่ผมเคยทำมา เพราะเพื่อนอาจารย์ที่ม.อ.เวลาไปเที่ยวแบบบแกเป้ก็กลับมาบอกตรงกันว่าค่อนข้างเคี่ยวพอสมควร อาจเป็นเพราะเรื่องแรงงานและการหนีเข้าเมืองของแรงงานไทยที่สร้างชื่อไว้พอสมควรด้วยกระมัง เขาเลยเคี่ยวมากเป็นพิเศษ

ขอบคุณหมวดเอ็มมากๆครับที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลระหว่างกัน ยังไงก็จะติดตามชมรายละเอียดและข้อมูลของหมวดไปเรื่อยๆนะครับ
_________________

[narita_express]

ค้นไปค้นมา..ถึงบางอ้อแล้วครับ

สายรถไฟที่น้องไกด์สาวสวยบอกผมว่ารถไฟสายอินชอน - โซลเปิดแล้วนั้นจริงของน้องเขานะครับ แต่มันเปิดเพียงแค่ครึ่งทาง..แต่น้องนางดันบอกไม่หมด ส่วนอีกครึ่งทางก็อยู่ระหว่างการเชื่อมต่อให้เสร็จอย่างที่หมวดเอ็มให้ข้อมูลมากครับ ดังนั้นทั้ง 2 สายคือ อินชอน - โซล และอินชอน - กิมโป คือเส้นเดียวกันนั้นเอง ซึ่งการเชื่อมต่อในขณะนี้ต้องเปลี่ยนขบวนรถที่ Gyeyang หรือ Inceon ไปพลางก่อนครับ ลองดูผังด้านล่างนะครับ จาก http://www.airport.kr



ส่วนข้อมูล A'REX ดูเพิ่มเติมเพื่อความมันส์ได้ที่ http://www.arex.or.kr/jsp/eng/index.jsp ครับ
_________________

[CENTENNIAL]

ก่อนที่ผมจะจบกระทู้เรื่อง Railbike In South Korea อย่างบริบูรณ์ ขอนำภาพวิวทิวทัศน์บริเวณ 2 ข้าง เส้นทาง Railbike แห่งนี้ ให้สมาชิกเราได้ชมกัน เพื่อเป็นการสร้างแนวคิดใหม่ เพิ่มการเรียนรู้ เพิ่มปัญญา

เผื่อว่าวันใดวันหนึ่งในอนาคต เราอาจมีส่วนในการผลักดันให้บ้านเราลงทุนจัดทำ Railbike เพื่อการท่องเที่ยวในบ้านเราบ้างก็ได้ครับ

กำลังจะเข้าอุโมงค์


ระหว่างทางมีทางตัดที่มีเครื่องกั้นด้วย




วิวทิวทัศน์ 2 ข้างทาง