RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311329
ทั่วไป:13291204
ทั้งหมด:13602533
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - การสร้างทางรถไฟเชื่อมกับเพื่อนบ้านของจีนแผ่นดินใหญ่
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

การสร้างทางรถไฟเชื่อมกับเพื่อนบ้านของจีนแผ่นดินใหญ่
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 132, 133, 134 ... 137, 138, 139  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> เกี่ยวกับรถไฟต่างประเทศ
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44893
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 22/01/2024 7:40 pm    Post subject: Reply with quote

“นฤมล” นำทีมพบปะหารือ ‘จีน’ หวังกระตุ้นยอดส่งออกสินค้าเกษตร
เดลินิวส์ 22 มกราคม 2567 19:11 น.
การเมือง

“นฤมล” ผู้แทนการค้านำทีมพบปะหารือผู้นำหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจีน หวังกระตุ้นยอดการส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น

วันนี้ (22 มกราคม 2567) ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทยนำคณะผู้แทนหน่วยงานภาครัฐของไทย ประกอบด้วย องค์การตลาดเพื่อการเกษตร การยางแห่งประเทศไทย พบหารือกับผู้นำหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจีน

ภายหลังการหารือ ผู้แทนการค้าเปิดเผยว่า ได้เข้าพบหารือกับนาย Zhang Xingwang รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ จีน โดยทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การนำเข้า-ส่งออกสินค้าการเกษตรระหว่างสองประเทศ อีกทั้ง เศรษฐกิจจีนได้มีการฟื้นฟูเเละพัฒนาภายหลังสถานการณ์โควิด 19 ทำให้สินค้าการเกษตรมีการนำเข้าจากไทยมากถึง 30% สำหรับสินค้าเกษตรที่สำคัญในการส่งออกของไทยมายังจีน ได้เเก่ ทุเรียน เเละสับปะรด ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เล็งเห็นที่จะเพิ่มคุณภาพสินค้าเกษตรของไทยในการส่งออกมายังจีน เพื่อเพิ่มโอกาสเพิ่มจำนวนการส่งออกสินค้าเกษตรมากยิ่งขึ้น

ผู้แทนการค้า กล่าวว่า การขนส่งสินค้าโดยระบบรถไฟมีการพัฒนาที่ดีทำให้ขนส่งสินค้าได้สะดวกเเละรวดเร็ว โดยการนำส่งผ่านเส้นทางประเทศลาวเข้ามายังนครเฉิงตู เพื่อขยายการนำเข้าเเละส่งออกผ่านระบบขนส่งทางราง โดยมีเป้าหมายในการยกระดับเศรษฐกิจ นอกจากนี้ต้องการส่งเสริมการส่งออกยางไทยมายังจีน

ผู้แทนการค้า กล่าวต่อไปว่า ได้เข้าพบหารือกับนาย Yu Jianlong รองประธานสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจีน (CCPIT) ประจำกรุงปักกิ่ง โดยเห็นชอบที่จะผลักดันความร่วมมือด้านการค้า และการลงทุน รวมถึงการนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างไทยกับจีน ทั้งนี้ รองประธาน CCPIT ได้แจ้งว่าจะดำเนินการ และมีความสนใจจะจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุน (roadshow) ในไทย พร้อมกล่าวย้ำว่า ไทยเป็นเเหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอันดับ 1 ของจีน

“รัฐบาลไทยพร้อมที่จะสานต่อความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างไทยและจีน และสนับสนุนการลงทุนจากภาคเอกชนจีนในทุกด้าน รวมถึงการพัฒนาและขยายตลาดการส่งออกสินค้าเกษตรไทย ในโอกาสนี้ ต้องการส่งเสริมการส่งออกไม้ไผ่จากไทยไปจีน เเละพร้อมจะเรียนรู้ระบบการเกษตรสีเขียวจากจีน เพื่อผลักดันไม้ไผ่ไทยให้เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ในภาคเกษตรกรไทย ขอให้จีนช่วยดูแลนักลงทุนไทยด้วย และขอเชิญช่วยจีนเข้าร่วมในการจัดตั้งกองทุนเพื่อ Green Investment ในไทย ซึ่งการลงทุนจากจีนจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเเละภูมิภาคพัฒนายิ่งขึ้น” ผู้แทนการค้าย้ำ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42793
Location: NECTEC

PostPosted: 23/01/2024 10:59 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
“นฤมล” นำทีมพบปะหารือ ‘จีน’ หวังกระตุ้นยอดส่งออกสินค้าเกษตร
เดลินิวส์ 22 มกราคม 2567 19:11 น.
การเมือง


“นฤมล”นำทีมถก“จีน”หวังกระตุ้นยอดการส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น

22 มกราคม 2567

“นฤมล”ผู้แทนการค้าไทยนำทีมพบปะหารือผู้นำหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจีน หวังกระตุ้นยอดการส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น
วันนี้ (22 ม.ค. 67) ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย นำคณะผู้แทนหน่วยงานภาครัฐของไทย ประกอบด้วย องค์การตลาดเพื่อการเกษตร การยางแห่งประเทศไทย พบหารือกับผู้นำหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจีน



ภายหลังการหารือ ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยว่า ได้เข้าพบหารือกับ นาย Zhang Xingwang รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ จีน โดยทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การนำเข้า-ส่งออกสินค้าการเกษตรระหว่างสองประเทศ อีกทั้ง เศรษฐกิจจีนได้มีการฟื้นฟูเเละพัฒนาภายหลังสถานการณ์โควิด 19 ทำให้สินค้าการเกษตรมีการนำเข้าจากไทยมากถึง 30%

สำหรับสินค้าเกษตรที่สำคัญในการส่งออกของไทยมายังจีน ได้เเก่ ทุเรียน เเละสับปะรด ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เล็งเห็นที่จะเพิ่มคุณภาพสินค้าเกษตรของไทย ในการส่งออกมายังจีน เพื่อเพิ่มโอกาสเพิ่มจำนวนการส่งออกสินค้าเกษตรมากยิ่งขึ้น


“นฤมล”นำทีมถก“จีน”หวังกระตุ้นยอดการส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น

ผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า การขนส่งสินค้าโดยระบบรถไฟ มีการพัฒนาที่ดีทำให้ขนส่งสินค้าได้สะดวกเเละรวดเร็ว โดยการนำส่งผ่านเส้นทางประเทศลาวเข้ามายังนครเฉิงตู เพื่อขยายการนำเข้าเเละส่งออกผ่านระบบขนส่งทางราง โดยมีเป้าหมายในการยกระดับเศรษฐกิจ นอกจากนี้ต้องการส่งเสริมการส่งออกยางไทยมายังจีน


ผู้แทนการค้าไทย กล่าวต่อว่า ได้เข้าพบหารือกับนาย Yu Jianlong รองประธานสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจีน (CCPIT) ประจำกรุงปักกิ่ง โดยเห็นชอบที่จะผลักดันความร่วมมือด้านการค้า และการลงทุน รวมถึงการนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างไทยกับจีน ทั้งนี้ รองประธาน CCPIT ได้แจ้งว่าจะดำเนินการ และมีความสนใจจะจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุน (roadshow) ในไทย พร้อมกล่าวย้ำว่า ไทยเป็นเเหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอันดับ 1 ของจีน





“รัฐบาลไทยพร้อมที่จะสานต่อความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างไทยและจีน และสนับสนุนการลงทุนจากภาคเอกชนจีนในทุกด้าน รวมถึงการพัฒนาและขยายตลาดการส่งออกสินค้าเกษตรไทย


ในโอกาสนี้ ต้องการส่งเสริมการส่งออกไม้ไผ่จากไทยไปจีน เเละพร้อมจะเรียนรู้ระบบการเกษตรสีเขียวจากจีน เพื่อผลักดันไม้ไผ่ไทยให้เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ในภาคเกษตรกรไทย ขอให้จีนช่วยดูแลนักลงทุนไทยด้วย และขอเชิญช่วยจีนเข้าร่วมในการจัดตั้งกองทุนเพื่อ Green Investment ในไทย ซึ่งการลงทุนจากจีนจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเเละภูมิภาคพัฒนายิ่งขึ้น” ผู้แทนการค้าไทย ระบุ
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44893
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 25/01/2024 11:40 pm    Post subject: Reply with quote

ฉงชิ่ง เฉิงตูรับรองรถไฟสินค้าจีน-ยุโรปกว่า 5,300 เที่ยวในปี 2566
วันที่ 25 ม.ค. 2567 | 16.45 น.
ข่าวออนไลน์7HD

วันนี้ (25 ม.ค. 67) บริษัทอวี๋ซินโอว (ฉงชิ่ง) โลจิสติกส์ จำกัด รายงานว่านครฉงชิ่งและนครเฉิงตูทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนได้รับรองการเดินรถไฟสินค้าจีน-ยุโรปในปี 2565 รวมกันมากกว่า 5,300 เที่ยว ซึ่งขนส่งสินค้ามากกว่า 430,000 ทีอียู (TEU : หน่วยนับตู้คอนเทนเนอร์ยาว 20 ฟุต)

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปัจจุบันการบริการรถไฟสินค้าจีน-ยุโรปที่ดำเนินงานโดยสองเมืองข้างต้นเข้าถึง 110 เมืองในยุโรปและเอเชีย และขนส่งสินค้าหลายพันประเภท ทั้งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร ยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ รวมถึงยาและเครื่องมือแพทย์

เทศบาลนครฉงชิ่ง และเทศบาลนครเฉิงตู ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลเสฉวน จัดเป็นเมืองกลุ่มแรกของจีนที่ให้บริการรถไฟสินค้าระหว่างจีนและยุโรป โดยทั้งสองเมืองได้ประสานงานยกระดับการบริการรถไฟสินค้าจีน-ยุโรปตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของการก่อสร้างวงแหวนเศรษฐกิจเฉิงตู-ฉงชิ่ง

อนึ่ง วงแหวนเศรษฐกิจเฉิงตู-ฉงชิ่งเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับภูมิภาคที่สำคัญของจีน ต่อจากแผนริเริ่มที่คล้ายคลึงกันในภูมิภาคปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย สามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี และเขตเศรษฐกิจอ่าวกว่างตง-ฮ่องกง-มาเก๊า
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42793
Location: NECTEC

PostPosted: 27/01/2024 11:23 pm    Post subject: Reply with quote

เวียดนามเริ่มวางรางมาตรฐานเพื่อ ให้รถไฟจีนทั้งรถโดยสารและรถสินค้าเหอโควเป่ย (Ga Hà Khẩu Bắc ตามสำเนียงญวน) ข้ามมาจอดที่ สถานีลาวกาย (Ga Lào Cai 老街站 กม. 294 + 775 จากกรุงฮานอย) ได้ โดยเริ่ทำจากสถานีลาวกาย ไปกึ่งกลางสะพาน Hu Qiao ที่สร้างใหม่ ยาว 2.85 กิโลเมตร โดย ใช้งบประมาณ 2,206,000 ล้านด่อง กว่าจะเปิดการเดินรถได้ก็ปี 2025 เพราะขณะนี้
เพื่อเป็นการเตรียมตัวเพื่อทำรถไฟราง Mixed gauge จากลาวกาย ผ่าน ฮานอยไป เมืองท่าไฮฟองมูลค่า 11000 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากทางรถไฟสาย Dong Dang - Hanoi และทางรถไฟสาย Mong Cai - Ha Long - Hai Phong โดยจะมีการรางสัญญาการเดินรถใหม่ แทนฉบับเ่าแต่ปี 1992
https://vietnaminsider.vn/vi/vietnam-china-railway-to-connect-tracks-from-2025/
https://www.vietnam.vn/en/duong-sat-viet-nam-trung-quoc-se-noi-ray-tu-nam-2025/


Last edited by Wisarut on 28/01/2024 12:55 am; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42793
Location: NECTEC

PostPosted: 27/01/2024 11:36 pm    Post subject: Reply with quote

ตอนนี้ กำลังสำรวจเส้นทาง เพื่อสร้างทางรถไฟจากลาวกาย ไปท่าเรือไฮฟอง ยาว 441 กิโลเมตร มูลค่า 11000 ล้านเหรียญสหรัฐ และ ทางใหม่ ตามจำเป็น
https://www.globaltimes.cn/page/202312/1303639.shtml

เร่งรัดการขนสินค้าข้ามแดนไปเมืองจีน หลังจากเศรษฐกิจตกต่ำทำให้ การขนสินค้าทางรถไฟลดประมาณลงไปจนสูญรายได้
https://diendandoanhnghiep.vn/duong-sat-tang-san-luong-hang-hoa-lien-van-quoc-te-toi-trung-quoc-257413.html
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44893
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 29/01/2024 6:57 am    Post subject: Reply with quote

'ไทย-จีน'ฟรีวีซ่า เซ็นสัญญา 2 ปท. มีผล 1 มีนาคม 2567
Source - เว็บไซต์แนวหน้า
Monday, January 29, 2024 06:41

'ไทย-จีน'ฟรีวีซ่า
เซ็นสัญญา 2 ปท.
มีผล 1 มีนาคม 2567
อยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน

"ปานปรีย์-หวัง อี้" ร่วมพิธีลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทย-จีนแล้ว 28 มกราคม ยกเว้นการตรวจลงตรา(ฟรีวีซ่า) ซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทาง กึ่งราชการ เริ่มมีผล1มีนาคม2567 ไปเยือนกันไม่ต้องขอวีซ่า พำนักได้สูงสุดไม่เกิน30วัน เป็นความไว้เนื้อเชื่อใจได้ทุกระดับ เตรียมจัดประชุมระดับรมต.ปีละครั้ง ขณะ"หวัง อี้"ขอบคุณไทย หนุนหลักการ"จีนเดียว"ชวนคนไทยสัมผัสพลวัต 2 ประเทศ บอกคนจีนนิสัยดี ตั้งเป้าเดินทางรถไฟจีน-ไทย-ลาว ต่อ ย้ำต้องเสริมสร้างประชาคม เพื่อรักษาเสถียรภาพของภูมิภาค

เมื่อวันที่ 28มกราคม2567 ที่กระทรวงการต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศและนายหวัง อี้ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านการต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้ร่วมลงนามในพิธีความตกลงและเอกสารสำคัญไทย-จีน ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ โดยความตกลงดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป

นายปานปรีย์ แถลงภายหลังการลงนามว่า มีความยินดีที่ได้ต้อนรับ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนไทยในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้พบปะหารือ นายหวัง อี้ ถึง 2 ครั้ง เป็นโอกาสที่ได้หารืออย่างในละเอียด กว้างขวาง ในประเด็นยุทธศาสตร์สำคัญของทั้ง 2 ประเทศ รวมทั้งเรื่องสำคัญในภูมิภาค

นายปานปรีย์ ยังกล่าวถึงการประชุมกลไกการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย - จีน ครั้งที่ 1 ว่า ถือเป็นก้าวสำคัญของรัฐมนตรีต่างประเทศทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งตามข้อตกลงมีการสลับกันเป็นเจ้าภาพหารือกันอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยในวันนี้ มีการหารือส่งเสริมความร่วมมือในทุกด้าน เรายืนยันจะสนับสนุนซึ่งกันและกันในทุกมิติ ทั้งการเพิ่มพูนการค้าและการลงทุน ความมั่นคง วัฒนธรรม การท่องเที่ยว การอำนวยความสะดวกด้านการเชื่อมโยง ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน และความร่วมมือในเวทีพหุภาคีในภูมิภาค

นายปานปรีย์ กล่าวต่อไปว่า เรายังได้แลกเปลี่ยนมุมมองสถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศ ที่สำคัญต่อภูมิรัฐศาสตร์โลก และภูมิภาคของเรา ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ในเมียนมา คาบสมุทรเกาหลี สถานการณ์ในตะวันออกกลาง เป็นต้น และเราเห็นว่าความสัมพันธ์ไทย-จีน สำคัญต่อเสถียรภาพและความเจริญในภูมิภาคอย่างยิ่ง จึงจะยึดแนวทางของประชาคมไทย-จีน เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนยิ่งขึ้นไป

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ไทยกับจีนได้ลงนามในเอกสารความสำคัญที่สะท้อนความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด อย่างความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราและที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ถือว่าความตกลงนี้เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพไทย-จีนที่มีมาอย่างยาวนาน

"เราถือว่าความไว้เนื้อเชื่อใจได้ทุกระดับ มั่นใจว่าการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างประชาชน การท่องเที่ยว หรือติดต่อธุรกิจต่าง ๆ จะเป็นไปอย่างสะดวกสบาย ช่วยกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของทางฝั่งไทยและจีนได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2568 จะเป็นโอกาสพิเศษยิ่ง ที่ไทยกับจีนได้เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน เพื่อให้ความร่วมมือที่แน่นแฟ้นอยู่แล้ว เพิ่มขึ้นในทุกด้าน" นายปานปรีย์ กล่าว

ขณะที่นายหวัง อี้ กล่าวว่า ตนยินดีมากที่ได้มาเยือนไทยในช่วงปีใหม่ เราทั้ง 2 ฝ่ายได้เห็นมิตรภาพจีนไทยเป็นความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ในปีหน้าเราทั้ง 2 ประเทศจะเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างจีนไทยนั้น ได้ถือว่าผ่านความท้าทาย มีความเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด แต่ก็มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากขึ้น

สำหรับจีน เราให้ความสำคัญมากกับการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกัน เราสนับสนุนไทยตามเส้นทางการพัฒนา ซึ่งตรงกับสถานการณ์ความเป็นจริง และขอชื่นชมทางฝ่ายไทยที่ยึดมั่นกับหลักการประเทศจีนเดียว และสนับสนุนตามข้อริเริ่มทั่วโลก โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง คือ TDI TFIและGCI เมื่อสัทั้ง 2ฝ่าย ลงนามความตกลงยกเว้นวีซ่า ซึ่งเชื่อมั่นได้ว่าจะเป็นกระแสหลักใหม่ของการแลกเปลี่ยนของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทยจะเพิ่มมากขึ้นและทางจีนก็ยินดีต้อนรับคนไทยมาเที่ยวจีนด้วย

"มาสัมผัสพลวัตของประเทศจีน มาคุยกันกับประชาชนจีนที่นิสัยดี มาสัมผัสชีวิตประจำวันของประเทศจีน จีนไทยไม่ใช่อื่นไกล เป็นพี่น้องกัน ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ มีความผูกพันที่ใกล้เคียงกัน เรามีการเดินทางไปมาหาสู่กันมากขึ้น ชีวิตประจำวันของทั้ง 2 ประเทศก็จะดีมากยิ่งขึ้น" นายหวัง อี้ กล่าว

นายหวัง อี้ กล่าวอีกว่า เราทั้ง 2 ฝ่าย ก็เห็นด้วยว่า ผลประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศมีศักยภาพสูง ทั้ง 2 ฝ่าย มีการพัฒนาแบบทันสมัย จีนเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย และเป็นแหล่งทุนต่างชาติรายใหญ่ของไทยด้วย เราทั้ง 2 ฝ่ายจึงต้องมีความร่วมมือในอนาคตที่มากขึ้น และเรายังเห็นพ้องตรงกันที่จะเร่งสร้างรถไฟจีนไทย เพื่อเชื่อมโยงกันระหว่างจีน ลาว ไทย

นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่าย กำลังจะเซ็นสัญญาส่งออกสินค้าเนื้อสัตว์ และต้นสนไทยไปยังประเทศจีน ซึ่งจีนมีความยินดีที่จะนำเข้าสินค้าเกษตรของไทยมากยิ่งขึ้น และสนับสนุนให้บริษัทจีนมาลงทุนในไทย พัฒนาความร่วมมือด้านรถยนต์ไฟฟ้า เศรษฐกิจดิจิทัล และด้านสิ่งแวดล้อมสีเขียว รวมถึงจะมีการพัฒนาความร่วมมือบังคับใช้กฎหมายความมั่นคง เพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ การหลอกลวงทางโทรศัพท์ การพนันออนไลน์และยาเสพติด สร้างทรัพยากรที่มีความมั่นคงทั้ง 2 ประเทศ

นายหวัง อี้ กล่าวทิ้งท้ายว่า เราทั้ง 2 ฝ่าย มีความต้องการที่จะส่งเสริมความร่วมมือพหุภาคีระหว่างกันให้ทันกับสถานการณ์ทั่วโลกที่มีความเปลี่ยนแปลง ยึดมั่นใน 5 หลักการ อยู่ร่วมกันอย่างสันติ เพื่อรักษาเสถียรภาพของภูมิภาคนี้ และฝ่ายจีนจะสนับสนุนฝ่ายไทยในการจัดการประชุมระดับผู้นำและรัฐมนตรีเพื่อร่วมมือ สร้างประชาคมในอนาคต ตามแนวประเทศล้านช้าง-แม่โขง และจีนยินดีที่จะร่วมมือกับไทยสร้างประชาคมอนาคตจีนไทย ให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพื่อสร้างเสถียรภาพและความแน่นอน ซึ่งสถานการณ์โลกกำลังเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง

สำหรับพิธีการลงนามในวันนี้ เป็นหนี่งในภารกิจในโอกาสการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายหวัง อี้ ระหว่าง 26-29 มกราคม 2567 หลังเสร็จสิ้น นายหวัง อี้ มีกำหนดการเดินทางต่อไปยัง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44893
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 31/01/2024 3:01 pm    Post subject: Reply with quote

กรุงไทย แนะธุรกิจไทยเกาะขบวนรถไฟจีน-ลาว คาด 7 ปีข้างหน้า ส่งออกพุ่ง 2.7 หมื่นล้าน
ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 31 มกราคม 2567 - 12:53 น.

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS มอง “จีน-ลาว” เป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง แรงหนุนจากรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว รวมถึงการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทาน ชี้เป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย คาดการส่งออกสินค้าศักยภาพของไทยไปจีนผ่านรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาวเพิ่มขึ้น 2.7 หมื่นล้านบาท ในอีก 7 ปีข้างหน้า แนะผู้ประกอบการไทยใช้ประโยชน์จากโอกาสด้านการค้า-บริการ-การลงทุนสร้างการเติบโต

วันที่ 31 มกราคม 2567 ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว ได้ขยายระยะทางขนส่งผู้โดยสารข้ามประเทศจากนครหลวงเวียงจันทน์ของ สปป.ลาว ถึงนครคุนหมิงของจีน จากช่วงแรกที่ให้บริการเฉพาะภายใน สปป.ลาวเท่านั้น ส่งผลให้สามารถขนส่งทั้งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างจีน ลาว และไทยมากขึ้น จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการขยายการค้าการลงทุนในจีนและลาว รวมถึงโอกาสในการรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนและชาวลาวที่มีแนวโน้มเดินทางเข้ามาในไทยมากขึ้น

ทั้งนี้ จีนถือเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย ด้วยสัดส่วนราว 12% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งหมด โดยในปี 2566 มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยไปจีนอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท หดตัวเล็กน้อยที่ -1.3%YOY อย่างไรก็ดี การส่งออกผ่านแดนไปจีนยังคงเติบโตต่อเนื่อง

โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าของไทยไปจีนด้วยรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาวผ่านด่านหนองคายที่คาดว่าในปี 2566 จะแตะระดับเกือบ 1 หมื่นล้านบาท หรือขยายตัวถึง 4 เท่าตัว และคาดว่าในปี 2573 จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นราว 2.7 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปี 2566

นอกจากนี้ หากนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยเฉพาะจากมณฑลยูนนาน ซึ่งเป็นสถานีต้นทางของรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว รวมถึง 4 พื้นที่ใกล้เคียงที่สามารถเดินทางถึงกันได้ทางรถไฟ ได้แก่ มณฑลเสฉวน มณฑลกุ้ยโจว มณฑลฉงชิ่ง และเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเพียง 1% หรือราว 2.5 ล้านคน จะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างน้อยราว 4,685 ล้านบาทต่อปี

ดร.สุปรีย์ ศรีสำราญ นักวิเคราะห์อาวุโส ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวว่า แรงหนุนจากรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว และการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทาน จะช่วยสร้างโอกาสแก่ผู้ประกอบการไทยในตลาดจีนและลาว 3 ด้านหลัก ได้แก่

1) โอกาสด้านการค้า ไทยจะมีโอกาสส่งออกสินค้าศักยภาพไปตลาดจีนและลาว สำหรับตลาดจีน ได้แก่ ผักและผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง แป้งมันสำปะหลัง ทองแดงและผลิตภัณฑ์ ส่วนตลาดลาว ได้แก่ สินค้าปศุสัตว์ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ โดยผู้ประกอบการไทยอาจเลือกสินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าเป้าหมาย หรือเป็นทางเลือกใหม่ในการขยายตลาด ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในจีนและลาวมากขึ้น

2) โอกาสด้านการบริการ ประเมินว่าธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจขนส่ง และ Logistics จะได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มการเติบโตของการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน และการเติบโตของนักท่องเที่ยวชาวจีนและชาวลาวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย

3) โอกาสด้านการลงทุน คาดการณ์ว่าจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากจีน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน รวมทั้งมีโอกาสดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากลาวมากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังมีโอกาสเข้าไปลงทุนในจีนและลาวในธุรกิจที่ไทยมีศักยภาพและความเชี่ยวชาญ อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการซื้อขายสินค้าจากจีนที่มีต้นทุนต่ำ เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบการผลิตในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อาทิเช่น แผงโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ผัก
นางสาวสุคนธ์ทิพย์ ชัยสายัณห์ นักวิเคราะห์ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยศักยภาพของตลาดจีนและลาวที่สามารถรองรับความต้องการสินค้าและบริการได้อีกมากในอนาคต ผู้ประกอบการไทยจึงควรศึกษากฎระเบียบและเงื่อนไขด้านการลงทุนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งวิเคราะห์ทิศทางของเทรนด์สินค้าในตลาดจีนและลาวที่มีแนวโน้มเติบโต และได้รับประโยชน์จากการขนส่งผ่านรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว

โดยเฉพาะสินค้าที่ตอบโจทย์เทรนด์ ESG ตลอดจนพิจารณาปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจ อาทิ ความผันผวนของค่าเงิน ภาวะเงินเฟ้อที่สูง เป็นต้น ขณะที่ภาครัฐควรเร่งขับเคลื่อนแผนเชื่อมโยงระบบรางของไทยกับรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

ควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม อาทิ โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ด้านสาธารณูปโภค และด้านดิจิทัล เป็นต้น ซึ่งจะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยขยายการค้าและการให้บริการแก่ลูกค้าชาวจีนและชาวลาว รวมทั้งเพิ่มการลงทุนระหว่างกันมากยิ่งขึ้น
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44893
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 01/02/2024 4:09 pm    Post subject: Reply with quote

ดีมานด์การขนส่งทางรถไฟจากจีนผ่านรัสเซียพุ่ง หลังการโจมตีในทะเลแดงกระทบขนส่งไปยุโรป
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Thursday, February 01, 2024 16:01

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.พ. 67)

ผู้ให้บริการขนส่งหลายรายพยายามค้นหาเส้นทางทดแทนในการขนส่งสินค้าจากจีนไปยุโรป เนื่องจากเกิดภาวะติดขัดหลังกลุ่มกบฏฮูตีของเยเมนโจมตีเรือพาณิชย์ในทะเลแดงแบบต่อเนื่อง โดยทะเลแดงนั้นเป็นเส้นทางขนส่งทางทะเลที่สำคัญของโลก

เซเนตา (Xeneta) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลอัตราค่าระวางการขนส่งสินค้าเปิดเผยว่า ปริมาณการขนส่งทางอากาศบนเส้นทางขนส่งเสื้อผ้าสำคัญระหว่างเวียดนามและยุโรปเพิ่มขึ้น 65% ในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดลงในวันที่ 14 ม.ค. เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า

ขณะที่ เส้นทางรถไฟของรัสเซียก็ได้รับความสนใจมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยมากของการขนส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ระหว่างตะวันออกไกลและยุโรปก็ตาม

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า บริษัทผู้จัดส่งและผู้รวบรวมสินค้า ซึ่งทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับการขนส่งสินค้า รายงานว่า มียอดการสอบถามและยอดจองเส้นทางรถไฟดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยการขนส่งทางรถไฟเป็นเส้นทางที่ดึงดูดเหล่าผู้ให้บริการขนส่งมากที่สุด เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่าการขนส่งทางอากาศและรวดเร็วกว่าการขนส่งทางทะเล

เรลเกต ยุโรป (RailGate Europe) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทผู้ทำหน้าที่รวบรวมสินค้า ได้ขนส่งสินค้าต่าง ๆ ผ่านเส้นทางรถไฟดังกล่าว รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ ของเล่น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และชิ้นส่วนรถยนต์จากจีนผ่านเส้นทางรัสเซียไปยังประเทศต่าง ๆ ในยุโรป

จูลิจา ซิกเกลต์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจของเรลเกตยุโรประบุว่า การเดินทางผ่านเส้นทางรถไฟดังกล่าวกินเวลา 14-25 วัน ขึ้นอยู่กับระยะทางระหว่างสถานีต้นทางและปลายทาง โดยระยะเวลาขนส่งนั้นสั้นกว่าการขนส่งทางเรืออย่างมาก

ขณะเดียวกัน การขนส่งทางทะเลจากจีนไปยังท่าเรือรอตเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์ผ่านเส้นทางทะเลแดงใช้เวลาประมาณ 27 วัน แต่การเปลี่ยนเส้นทางโดยอ้อมแหลมกู๊ดโฮปของแอฟริกาใต้ทำให้ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นประมาณ 10-12 วัน โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฮาแพค-ลอยด์ บริษัทขนส่งของเยอรมนีกล่าวว่า บริษัทจะเปลี่ยนเส้นทางเรือโดยอ้อมไกลผ่านแหลมกู๊ดโฮปต่อไปจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม

โดย ตนุพัฒน์ ปิยะรัตน์/รดา สิริสายพิรุณ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44893
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 02/02/2024 6:52 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟความเร็วสูงจีน-ลาวหนุนส่งออกไทย | ย่อโลกเศรษฐกิจ 2 ก.พ.67
TNN Online
Feb 2, 2024


https://www.youtube.com/watch?v=CcvDSN3UFSg
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44893
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 04/02/2024 9:38 am    Post subject: Reply with quote

มูลค่าการส่งออกผ่านแดนด้วยรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว ผ่านด่านหนองคาย เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า
วันที่ 3 ก.พ. 2567 | 10.00 น.
ข่าวออนไลน์7HD

#เศรษฐศาสตร์ตลาดสด ปี 2566 มูลค่าการส่งออกผ่านแดนด้วยรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว ผ่านด่านหนองคาย เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า

ทางรถไฟความเร็วสูงสายจีน-ลาวเป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจจีน-อินโดจีน และโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt & Road Initiative: BRI) มีมูลค่า 5,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางรถไฟนี้มีขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร มีระยะทางรวม 1,035 กม. โดยเป็นระยะทางในสปป. ลาว เท่ากับ 414 กิโลเมตร

ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศระบุว่ารถไฟความเร็วสูงจีน-ลาวช่วยส่งเสริมทางการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุน ถือเป็นการช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้า ทางราง ทั้งค่าโดยสารและระยะเวลาจากนครคุนหมิงมาถึงจังหวัดหนองคายใช้เวลาไม่เกิน 15 ชั่วโมง ซึ่งเร็วกว่าทางถนนจากนครคุนหมิงถึงเชียงของ จังหวัดเชียงรายที่ใช้เวลาถึง 2 วัน และต้นทุนการขนส่งทางรถไฟถูกกว่าการขนส่งทางถนนถึง 2 เท่า โดยความเร็วขนส่งผู้โดยสารเท่ากับ 160-180 กม.ต่อชั่วโมง ส่วนความเร็วขนส่งสินค้าไม่เกิน 120 กม.ต่อชั่วโมง

เส้นทางรถไฟดังกล่าวสามารถลำเลียงสินค้าและผู้โดยสารจากจีนตอนใต้ ผ่านลาวมาถึงไทย โดยเส้นทางนี้จะเชื่อมจากนครคุนหมิง-อวี้ซี-ผูเอ่อร์-สิบสองปันนา-โม่หาน-บ่อเต็น-หลวงน้ำทา-อุดมไซ-หลวงพระบาง-วังเวียง-เวียงจันทน์ ซึ่งนครหลวงเวียงจันทน์ถือเป็นสถานีปลายทาง ซึ่งอยู่ห่างจากจังหวัดหนองคายเพียงแค่ 24 กิโลเมตร ที่สำคัญทางรถไฟสายนี้เป็นสายแรกในสปป. ลาวที่เชื่อมลาวออกสู่ทะเล ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าการขนส่งสินค้าทั้งสินค้าข้ามแดน ผ่านแดน และ ภายในประเทศโดยเส้นทางรถไฟจีน-ลาวจะขนส่งสินค้าได้ 1.7 ล้านตันต่อปีภายในปี 2030 เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์จากการขนส่งเต็มที่ สปป. ลาว จึงสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งทางด้านการผลิตและบริการ

อ้างอิงข้อมูลจากศูนย์วิจัยกรุงไทย คอมพาส การส่งออกผ่านแดนไปจีนยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าของไทยไปจีนด้วยรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาวผ่านด่านหนองคายในปี 2566 มูลค่าการส่งออกรวมเกือบ 1 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าตัว และในปี 2573 คาดการณ์จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นราว 2.7 หมื่นล้านบาท แนวโน้มสินค้าที่มีโอกาสขยายตัวสูง อาทิ ผักและผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง แป้งมันสำปะหลัง ทองแดงและผลิตภัณฑ์ ยางพารา ข้าว สำหรับตลาด สปป. ลาว ได้แก่ สินค้าปศุสัตว์ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เป็นต้น

ข้อมูลการส่งออกผ่านด่านพรมแดนหนองคาย ปีงบประมาณ 2566 พบว่าสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด อาทิ ผลไม้อื่นๆ สด น้ำมันปิโตรเลียมและน้ำมันที่ได้จากแร่บิทูมินัส เครื่องจักรไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า พลังงานไฟฟ้า รถยนต์และยานยนต์อื่นๆ ที่ออกแบบสำหรับขนส่งบุคคล น้ำ รวมถึงน้ำแร่และน้ำอัดลม ของที่ใช้บรรจุสินค้าทำด้วยพลาสติก เป็นต้น สินค้าที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด อาทิ พลังงานไฟฟ้า ธาตุเคมีที่โด๊ปแล้วสำหรับใช้ในทางอิเล็กทรอนิกส์ ไฮโดรเจน แร่ก๊าซและอโลหะอื่นๆ ปุ๋ยที่ได้จากแร่หรือปุ๋ยเคมี สายนาฬิกาของนาฬิกาชนิดวอตช์และส่วนประกอบ หลอด ท่อและโพรไฟล์กลวงอื่นๆ เครื่องโทรศัพท์ สำหรับเครือข่ายเซลลูลาร์ เป็นต้น ตัวอย่างสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกผ่านรถไฟสูงสุด 3 อันดับแรก (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม ปี 2566) คือ ทุเรียน เม็ดพลาสติก และมังคุด สินค้าที่มีมูลค่าการนำเข้าผ่านรถไฟสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ปุ๋ย ผักสด และพัดลม มอเตอร์ (หมายเหตุ: 1 TEU เท่ากับตู้คอนเทนเนอร์ 20 ฟุต)

“การท่องเที่ยวเชื่อมไทย สปป. ลาว และจีนแนวโน้มมากขึ้น” ทั้งนี้สถานีต้นทางของรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ มณฑลยูนนาน มณฑลเสฉวน มณฑลกุ้ยโจว มณฑลฉงชิ่ง และเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยประมาณ 2.5 ล้านคน จะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างน้อยราว 4,685 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งสามารถเชื่อมการเดินทางไปยังภาคเหนือและภาคอื่นๆ ของประเทศไทยมากขึ้น ทั้งนี้มองว่าอานิสงส์จากมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (ฟรีวีซ่า) ซึ่งกันและกันระหว่างจีนและไทย สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการซึ่งจะมีผล 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ยิ่งปัจจัยส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านแดนทางรถไฟและทางบกได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการเดินทางทางอากาศยาน นอกจากนี้ภาคบริการ ทั้งการท่องเที่ยว กลุ่มบริการสุขภาพ กลุ่มห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารและโรงแรม กลุ่มสถานศึกษาและภาคการขนส่งโลจิสติกส์มีโอกาสขยายตัวมากขึ้นต่อเนื่อง

การส่งออกนำเข้าสินค้าและการท่องเที่ยวผ่านด่านหนองคายทั้งทางรางและทางบกเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มีโอกาสขยายตัวสูง
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> เกี่ยวกับรถไฟต่างประเทศ All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 132, 133, 134 ... 137, 138, 139  Next
Page 133 of 139

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©