View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 02/03/2009 12:05 pm Post subject: |
|
|
เช้าวันที่ 3 ของการเดินทาง วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ครับ คนอื่นเขามากันเป็นคู่ มีแต่ผมที่โผล่มาคนเดียว ( 2 + 2 + 1 = 5 ) อดคิดไม่ได้แล้วจะมาทำไมเนี่ย เฮ้อ . . .
วันนี้พวกเราไม่ได้รีบออกจากที่พักเหมือนกับเมื่อเช้าวันทึ่ตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ครับ ก็เลยมีเวลาได้หยิบเอาบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าที่โรงแรมยัดลงท้องได้อย่างสบายใจ ความจริงแล้วผมคิดเอาไว้ว่าถ้าวันนี้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตั้งแต่ช่วงเช้ามืดก็จะพยายามคลำหาทางไปที่ สถานีเชียงใหม่ เผื่อจะได้ภาพของ ขบวนรถเร็วที่ 109 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีเชียงใหม่ หรือ ขบวนรถเร็วที่ 102 ต้นทางสถานีเชียงใหม่ - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ติดกล้องกลับมาบ้าง แต่พอเอาเข้าจริง ๆ กว่าจะลุกจากที่นอนมาก็เกือบจะ 07.00 น. แล้วเป็นอันว่าจบกัน . . .
หลังจากอิ่มท้องแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางจากโรงแรมที่พัก มุ่งหน้าไปทางถนนวัวลาย ซึ่งเป็นทางไปสู่จุดหมายสำคัญของวันนี้ซึ่งก็คือ ดอยอินทนนท์ ครับ วันนี้ทั้งวันเราจะวนเวียนกันอยู่บนดอยอินทนนท์ ดอยที่มีความสูงมากที่สุดในประเทศไทยนี่ล่ะครับ
ที่เห็นอยู่นี้คือด่านตรวจที่อยู่บริเวณทางขึ้นสู่ดอยอินทนนท์ นักท่องเที่ยวต้องจอดรถเพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมที่ด่านแห่งนี้ก่อน แล้วจึงจะผ่านขึ้นไปได้ครับ
ส่วนค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายก่อนขึ้นไปนั้น ก็เท่ากับค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายที่อุทยานแห่งชาติที่อื่น ๆ นั่นคือผู้ใหญ่คนละ 40 บาท และรถยนต์คันละ 30 บาท แต่หากในวันเดียวกันนั้นต้องการไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติแห่งอื่น ๆ ก็ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก พูดง่าย ๆ ก็คือหากในวันหนึ่ง ๆ มีความสามารถแวะไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติกี่ที่ ก็จ่ายคนละ 40 บาท รถคันละ 30 บาทนี่ล่ะครับ เก็บบัตรที่เห็นอยู่ในรูปเอาไว้ แล้วก็ไปให้ถึงก็พอ . . .
รายละเอียดเกี่ยวกับ ดอยอินทนนท์ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก Website ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย _________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 02/03/2009 12:29 pm Post subject: |
|
|
สำหรับผมแล้วนี่คือการมาเยือน ดอยอินทนนท์ เป็นครั้งที่ 2 ครับ ครั้งแรกมาช่วงวันหยุดสงกรานต์ โอ้ มหาชนสิบแปดล้าน แต่ที่ประทับใจที่สุดก็คือถึงแม้ในวันนั้นจะอยู่ในช่วงกลางเดือนเมษายน แต่อากาศข้างบน ดอยอินทนนท์ แห่งนี้ก็ยังคงเย็นสบาย เกือบ ๆ หนาวเลยเสียด้วยซ้ำ หลายปีผ่านไปได้กลับมาเยือนอีกครั้ง เป็นช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ แต่อากาศกับเย็นสบายสู้เมื่อหลายปีก่อนไม่ได้ แต่ในวันนั้นก็ไม่ถึงกับร้อนครับ น้อง ๆ ที่ไปด้วยต้องเดินกลับไปที่รถเพื่อหยิบเสื้อกันหนาวมาสวมใส่เลยทีเดียว . . .
ระหว่างทางขึ้นมาบน ดอยอินทนนท์ แห่งนี้ พวกเราก็ได้ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจหลายแห่ง แต่เอาไว้ค่อยแวะตอนกลับครับ เรามาเริ่มตั้งหลักกันที่ด้านบนสุดของ ดอยอินทนนท์ กันก่อนเลย
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 02/03/2009 12:45 pm Post subject: |
|
|
หลังจากจอดรถแล้ว ก็หันมองซ้ายมองขวา เห็นว่าบริเวณทางขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของ ดอยอินทนนท์ มีชานไม้เล็ก ๆ ยื่นออกไปให้นักท่องเที่ยวไปยืนถ่ายรูปได้ ( คล้าย ๆ กับจุดชุมวิวขนาดย่อม ) จากบนชานไม้นี้เมื่อมองลงไปด้านล่างก็จะเห็นภาพแบบนี้ครับ
มองไปที่อีกด้านหนึ่งก็จะเห็น ศูนย์ควบคุมและรายงานดอยอินทนนท์ ( Doi Inthanon Control and Reporting Center ) ซึ่งเป็นหน่วยงานของกองทัพอากาศ มีหน้าที่เฝ้าตรวจทางอากาศ ควบคุมการจราจรทางอากาศครับ
ป้ายประเพณีของ ดอยอินทนนท์ ในอีกรูปโฉมหนึ่ง หนึ่งปีจะมีครั้งเดียวที่จะได้เห็นภาพนี้ครับ ในตอนที่ผมไป พิธีมงคลสมรสที่จัดขึ้นที่นี่ก็เสร็จสิ้นไปแล้ว ท่าทางบรรยากาศการแต่งงานบนที่สูงสุดของประเทศแบบนี้ คงน่าประทับใจมากไม่แพ้ที่อื่น ๆ ครับ
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
pak_nampho
1st Class Pass (Air)
Joined: 25/06/2007 Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต
|
Posted: 02/03/2009 1:03 pm Post subject: |
|
|
ExtendeD wrote: | เช้าวันที่ 3 ของการเดินทาง วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ครับ คนอื่นเขามากันเป็นคู่ มีแต่ผมที่โผล่มาคนเดียว ( 2 + 2 + 1 = 5 ) อดคิดไม่ได้แล้วจะมาทำไมเนี่ย เฮ้อ . . .
|
เจ้าตี๋ติดเรียนนะไม่งั้นก็ 2+2+1+1=6 ครบพอดี _________________ +++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ................... |
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 02/03/2009 1:11 pm Post subject: |
|
|
ด้านหลัง " ป้ายสูงสุดแดนสยาม " จะเป็นที่ตั้งของ กู่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงเชียงใหม่ องค์ที่ ๗ ซึ่งในพื้นที่บริเวณนี้จะมีป้ายบอกข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ รวมไปถึงประวัติของดอยอินทนนท์ด้วยครับ
ข้อมูลตามป้าย wrote: | เจ้าหลวงเชียงใหม่ องค์ที่ ๗
พระเจ้าอินทรวิไชยานนท์ พหลเทพภักดี ศรีโยนางคราชวงศา มหาประเทศราชาธิบดี นพีสีนตราภิพงศ์ดำรงพิพัฒน์ ชิยางคราชวงศา
เจ้านครเชียงใหม่
( พระเจ้าอินทวิชยานนท์ )
( พ.ศ. ๒๔๑๓ - ๒๔๔๐ ) |
ข้อมูลตามป้าย wrote: | ในคราวที่ " เจ้าชีวิตอ้าว " หรือพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ยกขบวนเรือล่องลงไปเข้าเฝ้าเพื่อถวายต้นไม้เงิน ต้นไม้ทอง เครื่องราชบรรณาการแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อจุลศักราช ๑๒๓๑ ( พ.ศ. ๒๔๑๒ ) พร้อมกับขอรับพระราชทานเจ้านายที่เคยมีคดีเกี่ยวของแต่ก่อนนั้นกลับไปช่วยราชการในเมืองเชียงใหม่ ซึ่งก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชบรมราชานุญาตและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนเจ้าบุรีรัตน์อินทนนท์ขึ้นเป็นเจ้าอุปราช ครั้งนั้นพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ล้มป่วย แม้จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้หมอหลวงไปพยาบาล แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จึงกราบถวายบังคมลากลับมารักษาตัวที่เชียงใหม่
ในขณะที่เดินทางเข้าเขตเมืองเชียงใหม่ ถึงบ้านท่าสันพระเนตร ซึ่งเหลือระยะการเดินทางอีกเพียงวันเดียวก็จะถึงเมืองเชียงใหม่ พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ก็ถึงแก่พิราลัย ในจุลศักราช ๑๒๑๒ ( พ.ศ. ๒๔๑๓ ) เดือน ๘ แรม ๒ ค่ำ เวลาสองโมงเช้า เจ้าอุปราชอินทนนท์และเจ้านายญาติพี่น้อง ก็เชิญพระศพเข้าไปในเมืองเชียงใหม่และเจ้าอุปราชอินทนนท์เป็นผู้รักษาราชการเมืองนครเชียงใหม่
ต่อมาในจุลศักราช ๑๒๓๕ ( พ.ศ. ๒๔๑๖ ) เดือน ๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งเจ้าอุปราชอินทนนท์เป็น
เจ้าอินทรวิไชยานนท์ พหลเทพภักดี ศรีโยนางคราชวงศา มหาประเทศราชาธิบดี นพีสีนคราภิพงศ์ดำรงพิพัฒน์ ชิยางคราชวงศา เจ้านครเชียงใหม่
พร้อมกันนั้นก็ทรงตั้งน้อยขัตติยวงศ์ ผู้บุตรของเจ้าเชียงใหม่อินทนนท์เป็นเจ้าราชบุตร ตั้งเจ้าอินทรสบุตรเขย พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์เป็นเจ้าราชภาคิไนย ตั้งเจ้าธัมมลังกาบุตรนางบัวทิพและเป็นหลานของพระเจ้ามโหตรประเทศฯ เป็นเจ้าราชสัมพันธวงศ์ ตั้งน้อยเทพวงศ์บุตรของพระอุตรการโกศลน้อยมหาพรหมเป็นพระยาอุตรการโกศล และในเดือน ๑๒ ปีเดียวกันนั้น เจ้านครเชียงใหม่ให้เจ้าบุญทวงศ์ ซึ่งเป็นว่าที่อุปราชคุมเครื่องราชบรรณาการ ลงไปทูลเกล้าฯ ถวาย จึงทรงแต่งตั้งเจ้าบุญทวงศ์ เป็นเจ้าอุปราชนครเชียงใหม่
ในครั้งที่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ฯ ลงไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ เหนือ จุลศักราช ๑๒๔๘ ตรงกับวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๒๙ นั้นได้พาพระธิดาชื่อ เจ้าดารารัศมีซึ่งขณะนั้นอายุ ๑๓ ปีลงไปด้วย ซึ่งก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มีการสมโภชเป็นการรับรองเจ้าดารารัศมีด้วย และเจ้าดารารัศมีก็เข้ารับราชการฝ่ายใน เป็นเจ้าจอมตั้งแต่บัดนั้น ก่อนที่เจ้าดารารัศมีจะกลับมาเยี่ยมเชียงใหม่เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๑ ก็ได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็น พระราชชายา อันเป็นตำแหน่งจัดตั้งขึ้นเฉพาะเจ้าดารารัศมีเท่านั้น |
ข้อมูลตามป้าย wrote: | กู่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ King Inthanon Memorial Shrine
เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๕๘ พระราชชายาเจ้าดารารัศมี ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หั่ว เสด็จประพาสประทับพักแรมบนยอดดอยอินทนนท์ และโปรดให้สร้างกู่บรรจุพระอัฐิของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงเชียงใหม่ องค์ที่ ๗ ( พ.ศ. ๒๔๑๓ - ๒๔๔๐ ) ผู้เป็นพระราชบิดาไว้ ณ ที่นี้
กองทัพอากาศได้สร้างเจดีย์องค์เล็กขึ้นไว้ข้างกู่องค์เดิม เพื่อเป็นอนุสรณ์และเป็นการเทิดพระเกียรติแด่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เมื่อพ.ศ. ๒๕๑๘ วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ คณะเจ้านายฝ่ายเหนือ บุตรหลาน คณะสงฆ์ คณะทหารอากาศ และประชาชนได้เห็นพ้องต้องกันว่า กู่องค์เดิมทรุดโทรม จึงร่วมกันสร้างกู่ขึ้นใหม่ครอบฐานองค์เดิม |
ข้อมูลตามป้าย wrote: | ประวัติโดยย่อดอยอินทนนท์ ( สูงสุดแดนสยาม )
ดอยอินทนนท์อยู่บนเทือกเขาถนนธงชัย ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งขาติดอยอินทนนท์ ยอดดอยอินทนนท์อยู่จุดที่แบ่งระหว่างสามอำเภอ คือ อำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม และอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่
ดอยอินทนนท์เดิมชื่อ ดอยหลวง หรือ ดอยอ่างกา คำว่า ดอยหลวง หมายถึง ภูเขาสูงใหญ่ ส่วน ดอยอ่างกา นั้น มีเรื่องเล่ากันว่า ห่างจากยอดดอยอินทนนท์ไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 300 เมตร มีหนองน้ำ แต่ก่อนมีนกกาไปเล่นน้ำกันมากมายจึงรวมเรียกว่า ดอยอ่างกา ต่อมาในสมัยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ฯ เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ( ปี พ.ศ. 2414 ถึง 2440 ) พระองค์มีความหวงแหนป่าไม้มาก โดยเฉพาะดอยหลวงแห่งนี้ จึงได้รับสั่งไว้ว่า หากพระองค์ถึงแก่พิราลัยแล้วให้นำพระอังคารของพระองค์มาไว้ ณ ยอดดอยหลวงด้วย ครั้นเมื่อปี พ.ศ. 2440 พระเจ้าอินทวิชยานนท์ฯ ถึงแก่พิราลัย ราชธิดาคือเจ้าดารารัศมี ( ราชชายาในรัชกาลที่ 5 ) จึงได้อัญเชิญพระอังคารของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ฯ มาประดิษฐาน ณ พระสถูป บนยอดดอยหลวง เพื่อเป็นที่สักการบูชาของชาวเขาและประชาชนทั่วไป ดอยหลวง หรือ ดอยอ่างกา จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น ดอยอินทนนท์ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ยอดดอยอินทนนท์เป็นยอดดอยสูงที่สุดในประเทศไทย สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 2,565.3341 เมตร อากาศโดยทั่วไปหนาวเย็นตลอดทั้งปี มีความชื้นสูง อุณหภูมิสูงสุดประมาณ 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ -8 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 12 องศาเซลเซียส
สภาพป่าเป็นลักษณะป่าเมืองหนาว มีพันธ์ไม้แปลกที่หาดูที่อื่น ๆ ได้ยาก เช่น กุหลาบพันปี ไม้อบเชย พระยาเสือโคร่ง และไม้ตระกูลก่อหลายชนิด พวกมอส มี ข้าวตอกฤาษี เฟิร์นออสมันด้า กล้วยไม้มีค่า เช่น รองเท้านารี ฯลฯ
ปัจจุบันพื้นที่นี้อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ |
เดินอ้อมมาทางด้านหลังของ กู่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ ก็จะมาถึงบริเวณที่มีนักท่องเที่ยวยืนรอคิวถ่ายรูปกันอยู่หลายคนอีก 1 จุด บริเวณนี้ก็คือจุดที่มี " หมุดหลักฐานจุดสูงสุดแดนสยาม " ปักอยู่นั่นเองครับ
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 02/03/2009 1:23 pm Post subject: |
|
|
ต่อไปก็เริ่มเข้าสู่โปรแกรมอุ่นเครื่องก่อนเจอของจริงครับ หลังจากลงจากบริเวณที่มีหมุดจุดสูงสุดของ ดอยอินทนนท์ ปักอยู่ พวกเราก็เดินข้ามถนนมาที่บริเวณทางเข้าสู่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา ครับ
บริเวณทางเข้าของ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา นี้ มีแผนที่ของเส้นทางที่นักท่องเที่ยวต้องเดินเอาไว้ให้ดูก่อนที่จะเข้าสู่ด้านในด้วยครับ
ข้อมูลตามป้าย wrote: | อ่างกา ( Ang Ka )
อ่างกาเป็นแอ่งน้ำธรรมชาติ ( พรุน้ำจืด ) อยู่สูงที่สุดของประเทศไทย ประมาณ 2,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในอดีตมีฝูงกาลงกินน้ำ จึงเรียกบริเวณนี้ว่า อ่างกา สภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นป่าดิบเขาชุ่มชื้นตลอดปี สิ่งมีชีวิตในบริเวณนี้ทั้งพืชและสัตว์ได้ปรับตัวเข้ากับระบบนิเวศเฉพาะถิ่นอย่างน่าอัศจรรย์ |
ใน Website ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา เอาไว้ว่า
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย wrote: |
อ่างกาหลวง เส้นทางนี้สำรวจวางแนวและออกแบบเส้นทางเดินโดย คุณไมเคิล แมคมิลแลน วอลซ์ นักสัตววิทยาและอาสาสมัครชาวแคนาดาประจำอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ทำงานทุ่มเทให้กับอินทนนท์ และได้เสียชีวิตที่นี่ด้วยโรคหัวใจ เส้นทางนี้มีระยะทาง 1,800 เมตร พื้นที่นี้เป็นหนองน้ำซับในหุบเขา จุดเด่นที่น่าสนใจ คือ ป่าดิบเขาระดับสูง ลักษณะของพรรณไม้เขตอบอุ่นผสมกับเขตร้อนที่พบเฉพาะในระดับสูง การสะสมของอินทรียวัตถุในป่าดิบเขา ลักษณะอากาศเฉพาะถิ่น พืชที่อาศัยเกาะติดต้นไม้ ลักษณะของต้นน้ำลำธาร และลักษณะของต้นไม้บนดอยอ่างกา เช่นต้นข้าวตอกฤาษีที่ขึ้นตามพื้นดิน (ข้าวตอกฤาษี เป็นพืชที่ต้องการความอุดมสมบูรณ์สูง จะขึ้นในที่สูงกว่า 2,000 เมตรเท่านั้น และเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่มชื้น อากาศเย็น) กุหลาบพันปี เป็นต้น ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ อีกหลายเส้น เช่น เส้นทางศึกษาธรรมชาติ กิโลเมตรที่ 38 และ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกลุ่มน้ำตกแม่ปาน เป็นต้น แต่ละเส้นใช้เวลาในการเดินต่างกันตั้งแต่ 20 นาที - 7 ชั่วโมง และเหมาะที่จะศึกษาสภาพธรรมชาติที่ต่างกันด้วย ศึกษารายละเอียดเส้นทางได้จากที่ทำการอุทยานฯ และจะต้องติดต่อขอเจ้าหน้าที่นำทางจากที่ทำการฯ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 31 เพื่อป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การใช้สถานที่เพื่อการพักค้างแรมหรือจัดกิจกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ต้องขออนุญาตจากหัวหน้าอุทยานฯ เป็นลายลักษณ์อักษร |
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 02/03/2009 1:40 pm Post subject: |
|
|
ตลอดเวลาที่เดินอยู่ใน เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา นักท่องเที่ยวก็จะได้เห็นพืชพันธุ์ไม้ทั้งใหญ่และเล็กมากมาย บางชนิดก็เคยเห็นผ่านตามาบ้างแล้ว แต่บางชนิดก็ไม่รู้สึกว่าจะดูคุ้นตาสักเท่าไหร่ สำหรับผมก็ว่าเพลิน ๆ ดีครับ คิดว่ามาเดินออกกำลังกาย อากาศดี ๆ แบบนี้ เดี๋ยวกลับไปก็ไม่มีให้สูดเข้าปอดแล้วครับ
ข้าวตอกฤาษี นี่ตอนไปเที่ยวเขาค้อก็ได้ผ่านตามาบ้างครับ
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 02/03/2009 1:55 pm Post subject: |
|
|
ภายใน เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา นี้ มีทางเดินแยกไปที่ ศาลเจ้ากรมเกียรติ ด้วยครับ
ข้อมูลตามป้าย wrote: | ศาลนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ พลอากาศเอก เกียรติ มังคละพฤกษ์ และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ( นายนิพนธ์ บุญหารมณ์ ) ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่กองทัพอากาศ และประเทศชาติ ซึ่งประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก และถึงแก่อนิจกรรม ณ ที่นี้ หลังจากเสร็จภารกิจสำรวจที่ตั้งศูนย์ควบคุมและรายงานดอยอินทนนท์ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๑๔
อุทิศโดย พ.ท.หญิง ศิริภาพรรณ ประภากร นายอรรถพร สมจินดา
วันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ |
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 02/03/2009 2:11 pm Post subject: |
|
|
หลังจากออกมาจาก เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา แล้ว พวกเราก็นั่งรถย้อนกลับมาที่บริเวณลานจอดรถใกล้ ๆ กับทางเข้าสู่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ที่เป็นโปรแกรมทัวร์ลำดับต่อไปของพวกเราครับ
แต่ก่อนหน้าที่จะย่างก้าวเข้าสู่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน พวกเราก็แวะกินอาหารมื้อกลางวัน เพื่อสะสมพลังงานกันก่อน โดยที่อาหารที่มีขายอยู่ที่นั่นก็เป็นพวก ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ขนมขบเคี้ยว และน้ำดื่มประมาณนี้ล่ะครับ นอกจากอาหารแล้ว ก็ยังมีของที่ระลึกเป็นโปสการ์ดด้วย
รูปนี้ถ่ายเอาไว้เมื่อเวลา 12.15 น. ในเทอร์โมมิเตอร์บอกว่าอุณหภูมิในขณะนั้นก็คือ ประมาณ 19 องศาเซลเซียส ดูเหมือนจะหนาว แต่ผมไม่รู้สึกว่าจะหนาวมากขนาดนั้นครับ น่าจะประมาณ 25 องศาเซลเซียสได้ หรือว่าอยู่นานแล้ว ผิวหนังเกิดด้านขึ้นมาก็ไม่รู้สิ แต่ไม่หนาวจริง ๆ ครับ แค่เย็นสบาย ไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาวแล้ว
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 02/03/2009 2:34 pm Post subject: |
|
|
กินกันจนอิ่มท้อง เติมพลังกันเติมที่แล้ว ก็ได้เวลาที่พวกเราจะลุย " ของจริง " กันแล้วล่ะครับ ตอนนี้ผมยืนอยู่บริเวณทางเข้าสู่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ครับ ที่เห็นพื้นที่ที่กำลังมีการก่อสร้างอยู่ทางซ้ายนั้น กำลังก่อสร้างที่ทำการของเจ้าหน้าที่ จากข้อมูลที่สอบถามมากำหนดสร้างเสร็จก็คือช่วงเดือนเมษายน นักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่ช่วงวันหยุดสงกรานต์ก็น่าจะได้เห็นตอนที่สร้างเสร็จแล้วครับ
ใน Website ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เอาไว้ว่า
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย wrote: | เส้นทางศึกษาธรรมชาติบนดอยอินทนนท์ กิ่วแม่ปาน ทางเข้าอยู่กิโลเมตรที่ 42 ด้านซ้ายมือ ระยะทางเดิน 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 3 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติแท้จริง ระหว่างทางเดินจะพบป่าดิบเขา ( Hill Evergreen ) ก่อนผ่านเข้าสู่ทุ่งหญ้าซึ่งเคยเป็นพื้นที่ป่าถูกทำลาย เพื่อเป็นการศึกษาลักษณะการเกิดผลกระทบต่อเนื่องบริเวณรอยต่อระหว่างพื้นที่ป่าสมบูรณ์กับพื้นที่ถูกทำลาย หลังจากนั้นทางเดินจะเลาะริมผามีไอหมอกปลิวผ่านตลอดเวลา จะพบดอกกุหลาบพันปี หรือ Rhododendron ( ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก ขึ้นตามป่าในระดับสูง มีพันธุ์ดอกสีขาวและสีแดง เวลาออกดอกช่วงแรกมีลักษณะเหมือนปลีกล้วย ก่อนที่จะบานเต็มต้นในช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ พบมากในแถบเทือกเขาหิมาลัยและเป็นไม้ประจำชาติของเนปาลด้วย ) มองลงไปยังเบื้องล่างจะพบทัศนียภาพที่งดงามของอำเภอแม่แจ่ม
การใช้เส้นทางนี้ต้องลงทะเบียนขอรับใบอนุญาตให้ใช้เส้นทางโดยติดต่อที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์อุทยานฯ และควรจัดกลุ่มละไม่เกิน 15 คน ทางอุทยานฯไม่อนุญาตให้นำอาหารเข้าไปรับประทานในเส้นทางในช่วงฤดูฝน และจะปิดเส้นทางเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัวไม่อนุญาติให้เข้าไปท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 30 ตุลาคม ของทุกปี เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานแห่งนี้ ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ครั้งที่ 4 ประจำปี พ.ศ. 2545 เพราะมีการจัดการที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ระหว่างทางมีป้ายสื่อความหมายให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว และประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการนำเที่ยว |
ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางเข้าสู่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน นักท่องเที่ยวก็จะต้องจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่เป็นค่านำทาง 200 บาท / 1 กลุ่ม ( ไม่เกิน 10 คน ) ซึ่งหากนักท่องเที่ยวกลุ่มใดไม่มีผู้นำทางร่วมเดินทางไปด้วย ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปใน เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เพราะว่าเส้นทางนี้ค่อนข้างไกล ( ใช้เวลาเดินประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง ) เส้นทางบางช่วงอยู่ในพื้นที่สูง นักท่องเที่ยวอาจได้รับอันตราย นอกจากนั้นยังป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวทำลายพืชพันธุ์สำคัญบางชนิดที่ขึ้นอยู่ข้าง ๆ เส้นทางด้วยครับ
ข้อมูลตามป้าย wrote: | อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์และกลุ่มบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด ( มหาชน ) หรือ เอ็กโก ร่วมกันจัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ตั้งแต่ปี 2539 โดยเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานนี้ ได้รับรางวัลกินนรี จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท. ) ประจำปี 2545 ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวดีเด่น ประเภทแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ
1. เส้นทางนี้เปิดให้เดินระหว่างเวลา 06.00 น. ถึง 16.00 น. เท่านั้น
2. การเดินเส้นทางกิ่วแม่ปานต้องมีผู้นำเที่ยวเฉพาะถิ่นร่วมทาง 1 คน : นักท่องเที่ยว 10 คน
3 โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้นำเที่ยว
4 เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานจะปิด เพื่อฟื้นฟูสภาพธรรมชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 31 ตุลาคม ของทุกปี
5 โปรดช่วยกันรักษาความสะอาด
6 โปรดปฏิบัติตามกฎของเส้นทางต่อไปนี้ ( ห้ามทิ้งขยะ ห้ามรับประทานอาหาร ห้ามปีนเขา ห้ามสูบบุหรี่ ) |
รายละเอียดเกี่ยวกับ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก Folktravel.com _________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
|