Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311331
ทั่วไป:13293169
ทั้งหมด:13604500
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ทริปนอกลู่นอกราง -> ปาย เชียงใหม่ (กันมั้ย) เจ้า . . .
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ทริปนอกลู่นอกราง -> ปาย เชียงใหม่ (กันมั้ย) เจ้า . . .
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> พักผ่อนหย่อนใจ
View previous topic :: View next topic  
Author Message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 02/03/2009 12:05 pm    Post subject: Reply with quote

เช้าวันที่ 3 ของการเดินทาง วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ครับ คนอื่นเขามากันเป็นคู่ มีแต่ผมที่โผล่มาคนเดียว ( 2 + 2 + 1 = 5 ) อดคิดไม่ได้แล้วจะมาทำไมเนี่ย เฮ้อ . . . emot127

วันนี้พวกเราไม่ได้รีบออกจากที่พักเหมือนกับเมื่อเช้าวันทึ่ตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ครับ ก็เลยมีเวลาได้หยิบเอาบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าที่โรงแรมยัดลงท้องได้อย่างสบายใจ ความจริงแล้วผมคิดเอาไว้ว่าถ้าวันนี้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตั้งแต่ช่วงเช้ามืดก็จะพยายามคลำหาทางไปที่ สถานีเชียงใหม่ เผื่อจะได้ภาพของ ขบวนรถเร็วที่ 109 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีเชียงใหม่ หรือ ขบวนรถเร็วที่ 102 ต้นทางสถานีเชียงใหม่ - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ติดกล้องกลับมาบ้าง แต่พอเอาเข้าจริง ๆ กว่าจะลุกจากที่นอนมาก็เกือบจะ 07.00 น. แล้วเป็นอันว่าจบกัน . . . emot119

หลังจากอิ่มท้องแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางจากโรงแรมที่พัก มุ่งหน้าไปทางถนนวัวลาย ซึ่งเป็นทางไปสู่จุดหมายสำคัญของวันนี้ซึ่งก็คือ ดอยอินทนนท์ ครับ วันนี้ทั้งวันเราจะวนเวียนกันอยู่บนดอยอินทนนท์ ดอยที่มีความสูงมากที่สุดในประเทศไทยนี่ล่ะครับ

ที่เห็นอยู่นี้คือด่านตรวจที่อยู่บริเวณทางขึ้นสู่ดอยอินทนนท์ นักท่องเที่ยวต้องจอดรถเพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมที่ด่านแห่งนี้ก่อน แล้วจึงจะผ่านขึ้นไปได้ครับ

Click on the image for full size


ส่วนค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายก่อนขึ้นไปนั้น ก็เท่ากับค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายที่อุทยานแห่งชาติที่อื่น ๆ นั่นคือผู้ใหญ่คนละ 40 บาท และรถยนต์คันละ 30 บาท แต่หากในวันเดียวกันนั้นต้องการไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติแห่งอื่น ๆ ก็ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก พูดง่าย ๆ ก็คือหากในวันหนึ่ง ๆ มีความสามารถแวะไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติกี่ที่ ก็จ่ายคนละ 40 บาท รถคันละ 30 บาทนี่ล่ะครับ เก็บบัตรที่เห็นอยู่ในรูปเอาไว้ แล้วก็ไปให้ถึงก็พอ . . . emot108

Click on the image for full size

รายละเอียดเกี่ยวกับ ดอยอินทนนท์ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก Website ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 02/03/2009 12:29 pm    Post subject: Reply with quote

สำหรับผมแล้วนี่คือการมาเยือน ดอยอินทนนท์ เป็นครั้งที่ 2 ครับ ครั้งแรกมาช่วงวันหยุดสงกรานต์ โอ้ มหาชนสิบแปดล้าน แต่ที่ประทับใจที่สุดก็คือถึงแม้ในวันนั้นจะอยู่ในช่วงกลางเดือนเมษายน แต่อากาศข้างบน ดอยอินทนนท์ แห่งนี้ก็ยังคงเย็นสบาย เกือบ ๆ หนาวเลยเสียด้วยซ้ำ หลายปีผ่านไปได้กลับมาเยือนอีกครั้ง เป็นช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ แต่อากาศกับเย็นสบายสู้เมื่อหลายปีก่อนไม่ได้ แต่ในวันนั้นก็ไม่ถึงกับร้อนครับ น้อง ๆ ที่ไปด้วยต้องเดินกลับไปที่รถเพื่อหยิบเสื้อกันหนาวมาสวมใส่เลยทีเดียว . . . emot162

Click on the image for full size


ระหว่างทางขึ้นมาบน ดอยอินทนนท์ แห่งนี้ พวกเราก็ได้ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจหลายแห่ง แต่เอาไว้ค่อยแวะตอนกลับครับ เรามาเริ่มตั้งหลักกันที่ด้านบนสุดของ ดอยอินทนนท์ กันก่อนเลย emot135

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 02/03/2009 12:45 pm    Post subject: Reply with quote

หลังจากจอดรถแล้ว ก็หันมองซ้ายมองขวา เห็นว่าบริเวณทางขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของ ดอยอินทนนท์ มีชานไม้เล็ก ๆ ยื่นออกไปให้นักท่องเที่ยวไปยืนถ่ายรูปได้ ( คล้าย ๆ กับจุดชุมวิวขนาดย่อม ) จากบนชานไม้นี้เมื่อมองลงไปด้านล่างก็จะเห็นภาพแบบนี้ครับ

Click on the image for full size


มองไปที่อีกด้านหนึ่งก็จะเห็น ศูนย์ควบคุมและรายงานดอยอินทนนท์ ( Doi Inthanon Control and Reporting Center ) ซึ่งเป็นหน่วยงานของกองทัพอากาศ มีหน้าที่เฝ้าตรวจทางอากาศ ควบคุมการจราจรทางอากาศครับ

Click on the image for full size


ป้ายประเพณีของ ดอยอินทนนท์ ในอีกรูปโฉมหนึ่ง หนึ่งปีจะมีครั้งเดียวที่จะได้เห็นภาพนี้ครับ ในตอนที่ผมไป พิธีมงคลสมรสที่จัดขึ้นที่นี่ก็เสร็จสิ้นไปแล้ว ท่าทางบรรยากาศการแต่งงานบนที่สูงสุดของประเทศแบบนี้ คงน่าประทับใจมากไม่แพ้ที่อื่น ๆ ครับ emot155

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
pak_nampho
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 25/06/2007
Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต

PostPosted: 02/03/2009 1:03 pm    Post subject: Reply with quote

ExtendeD wrote:
เช้าวันที่ 3 ของการเดินทาง วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ครับ คนอื่นเขามากันเป็นคู่ มีแต่ผมที่โผล่มาคนเดียว ( 2 + 2 + 1 = 5 ) อดคิดไม่ได้แล้วจะมาทำไมเนี่ย เฮ้อ . . . emot127


เจ้าตี๋ติดเรียนนะไม่งั้นก็ 2+2+1+1=6 ครบพอดี Razz
_________________
+++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
Click on the image for full size
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ...................
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 02/03/2009 1:11 pm    Post subject: Reply with quote

ด้านหลัง " ป้ายสูงสุดแดนสยาม " จะเป็นที่ตั้งของ กู่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงเชียงใหม่ องค์ที่ ๗ ซึ่งในพื้นที่บริเวณนี้จะมีป้ายบอกข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ รวมไปถึงประวัติของดอยอินทนนท์ด้วยครับ

Click on the image for full size

ข้อมูลตามป้าย wrote:
เจ้าหลวงเชียงใหม่ องค์ที่ ๗

พระเจ้าอินทรวิไชยานนท์ พหลเทพภักดี ศรีโยนางคราชวงศา มหาประเทศราชาธิบดี นพีสีนตราภิพงศ์ดำรงพิพัฒน์ ชิยางคราชวงศา
เจ้านครเชียงใหม่
( พระเจ้าอินทวิชยานนท์ )
( พ.ศ. ๒๔๑๓ - ๒๔๔๐ )


ข้อมูลตามป้าย wrote:
ในคราวที่ " เจ้าชีวิตอ้าว " หรือพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ยกขบวนเรือล่องลงไปเข้าเฝ้าเพื่อถวายต้นไม้เงิน ต้นไม้ทอง เครื่องราชบรรณาการแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อจุลศักราช ๑๒๓๑ ( พ.ศ. ๒๔๑๒ ) พร้อมกับขอรับพระราชทานเจ้านายที่เคยมีคดีเกี่ยวของแต่ก่อนนั้นกลับไปช่วยราชการในเมืองเชียงใหม่ ซึ่งก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชบรมราชานุญาตและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนเจ้าบุรีรัตน์อินทนนท์ขึ้นเป็นเจ้าอุปราช ครั้งนั้นพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ล้มป่วย แม้จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้หมอหลวงไปพยาบาล แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จึงกราบถวายบังคมลากลับมารักษาตัวที่เชียงใหม่

ในขณะที่เดินทางเข้าเขตเมืองเชียงใหม่ ถึงบ้านท่าสันพระเนตร ซึ่งเหลือระยะการเดินทางอีกเพียงวันเดียวก็จะถึงเมืองเชียงใหม่ พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ก็ถึงแก่พิราลัย ในจุลศักราช ๑๒๑๒ ( พ.ศ. ๒๔๑๓ ) เดือน ๘ แรม ๒ ค่ำ เวลาสองโมงเช้า เจ้าอุปราชอินทนนท์และเจ้านายญาติพี่น้อง ก็เชิญพระศพเข้าไปในเมืองเชียงใหม่และเจ้าอุปราชอินทนนท์เป็นผู้รักษาราชการเมืองนครเชียงใหม่

ต่อมาในจุลศักราช ๑๒๓๕ ( พ.ศ. ๒๔๑๖ ) เดือน ๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งเจ้าอุปราชอินทนนท์เป็น

เจ้าอินทรวิไชยานนท์ พหลเทพภักดี ศรีโยนางคราชวงศา มหาประเทศราชาธิบดี นพีสีนคราภิพงศ์ดำรงพิพัฒน์ ชิยางคราชวงศา เจ้านครเชียงใหม่

พร้อมกันนั้นก็ทรงตั้งน้อยขัตติยวงศ์ ผู้บุตรของเจ้าเชียงใหม่อินทนนท์เป็นเจ้าราชบุตร ตั้งเจ้าอินทรสบุตรเขย พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์เป็นเจ้าราชภาคิไนย ตั้งเจ้าธัมมลังกาบุตรนางบัวทิพและเป็นหลานของพระเจ้ามโหตรประเทศฯ เป็นเจ้าราชสัมพันธวงศ์ ตั้งน้อยเทพวงศ์บุตรของพระอุตรการโกศลน้อยมหาพรหมเป็นพระยาอุตรการโกศล และในเดือน ๑๒ ปีเดียวกันนั้น เจ้านครเชียงใหม่ให้เจ้าบุญทวงศ์ ซึ่งเป็นว่าที่อุปราชคุมเครื่องราชบรรณาการ ลงไปทูลเกล้าฯ ถวาย จึงทรงแต่งตั้งเจ้าบุญทวงศ์ เป็นเจ้าอุปราชนครเชียงใหม่

ในครั้งที่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ฯ ลงไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ เหนือ จุลศักราช ๑๒๔๘ ตรงกับวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๒๙ นั้นได้พาพระธิดาชื่อ เจ้าดารารัศมีซึ่งขณะนั้นอายุ ๑๓ ปีลงไปด้วย ซึ่งก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มีการสมโภชเป็นการรับรองเจ้าดารารัศมีด้วย และเจ้าดารารัศมีก็เข้ารับราชการฝ่ายใน เป็นเจ้าจอมตั้งแต่บัดนั้น ก่อนที่เจ้าดารารัศมีจะกลับมาเยี่ยมเชียงใหม่เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๑ ก็ได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็น พระราชชายา อันเป็นตำแหน่งจัดตั้งขึ้นเฉพาะเจ้าดารารัศมีเท่านั้น




ข้อมูลตามป้าย wrote:
กู่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ King Inthanon Memorial Shrine
เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๕๘ พระราชชายาเจ้าดารารัศมี ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หั่ว เสด็จประพาสประทับพักแรมบนยอดดอยอินทนนท์ และโปรดให้สร้างกู่บรรจุพระอัฐิของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงเชียงใหม่ องค์ที่ ๗ ( พ.ศ. ๒๔๑๓ - ๒๔๔๐ ) ผู้เป็นพระราชบิดาไว้ ณ ที่นี้

กองทัพอากาศได้สร้างเจดีย์องค์เล็กขึ้นไว้ข้างกู่องค์เดิม เพื่อเป็นอนุสรณ์และเป็นการเทิดพระเกียรติแด่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เมื่อพ.ศ. ๒๕๑๘ วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ คณะเจ้านายฝ่ายเหนือ บุตรหลาน คณะสงฆ์ คณะทหารอากาศ และประชาชนได้เห็นพ้องต้องกันว่า กู่องค์เดิมทรุดโทรม จึงร่วมกันสร้างกู่ขึ้นใหม่ครอบฐานองค์เดิม



ข้อมูลตามป้าย wrote:
ประวัติโดยย่อดอยอินทนนท์ ( สูงสุดแดนสยาม )
ดอยอินทนนท์อยู่บนเทือกเขาถนนธงชัย ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งขาติดอยอินทนนท์ ยอดดอยอินทนนท์อยู่จุดที่แบ่งระหว่างสามอำเภอ คือ อำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม และอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่

ดอยอินทนนท์เดิมชื่อ ดอยหลวง หรือ ดอยอ่างกา คำว่า ดอยหลวง หมายถึง ภูเขาสูงใหญ่ ส่วน ดอยอ่างกา นั้น มีเรื่องเล่ากันว่า ห่างจากยอดดอยอินทนนท์ไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 300 เมตร มีหนองน้ำ แต่ก่อนมีนกกาไปเล่นน้ำกันมากมายจึงรวมเรียกว่า ดอยอ่างกา ต่อมาในสมัยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ฯ เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ( ปี พ.ศ. 2414 ถึง 2440 ) พระองค์มีความหวงแหนป่าไม้มาก โดยเฉพาะดอยหลวงแห่งนี้ จึงได้รับสั่งไว้ว่า หากพระองค์ถึงแก่พิราลัยแล้วให้นำพระอังคารของพระองค์มาไว้ ณ ยอดดอยหลวงด้วย ครั้นเมื่อปี พ.ศ. 2440 พระเจ้าอินทวิชยานนท์ฯ ถึงแก่พิราลัย ราชธิดาคือเจ้าดารารัศมี ( ราชชายาในรัชกาลที่ 5 ) จึงได้อัญเชิญพระอังคารของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ฯ มาประดิษฐาน ณ พระสถูป บนยอดดอยหลวง เพื่อเป็นที่สักการบูชาของชาวเขาและประชาชนทั่วไป ดอยหลวง หรือ ดอยอ่างกา จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น ดอยอินทนนท์ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ยอดดอยอินทนนท์เป็นยอดดอยสูงที่สุดในประเทศไทย สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 2,565.3341 เมตร อากาศโดยทั่วไปหนาวเย็นตลอดทั้งปี มีความชื้นสูง อุณหภูมิสูงสุดประมาณ 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ -8 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 12 องศาเซลเซียส

สภาพป่าเป็นลักษณะป่าเมืองหนาว มีพันธ์ไม้แปลกที่หาดูที่อื่น ๆ ได้ยาก เช่น กุหลาบพันปี ไม้อบเชย พระยาเสือโคร่ง และไม้ตระกูลก่อหลายชนิด พวกมอส มี ข้าวตอกฤาษี เฟิร์นออสมันด้า กล้วยไม้มีค่า เช่น รองเท้านารี ฯลฯ

ปัจจุบันพื้นที่นี้อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์



เดินอ้อมมาทางด้านหลังของ กู่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ ก็จะมาถึงบริเวณที่มีนักท่องเที่ยวยืนรอคิวถ่ายรูปกันอยู่หลายคนอีก 1 จุด บริเวณนี้ก็คือจุดที่มี " หมุดหลักฐานจุดสูงสุดแดนสยาม " ปักอยู่นั่นเองครับ

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 02/03/2009 1:23 pm    Post subject: Reply with quote

ต่อไปก็เริ่มเข้าสู่โปรแกรมอุ่นเครื่องก่อนเจอของจริงครับ หลังจากลงจากบริเวณที่มีหมุดจุดสูงสุดของ ดอยอินทนนท์ ปักอยู่ พวกเราก็เดินข้ามถนนมาที่บริเวณทางเข้าสู่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา ครับ

Click on the image for full size


บริเวณทางเข้าของ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา นี้ มีแผนที่ของเส้นทางที่นักท่องเที่ยวต้องเดินเอาไว้ให้ดูก่อนที่จะเข้าสู่ด้านในด้วยครับ

Click on the image for full size

ข้อมูลตามป้าย wrote:
อ่างกา ( Ang Ka )

อ่างกาเป็นแอ่งน้ำธรรมชาติ ( พรุน้ำจืด ) อยู่สูงที่สุดของประเทศไทย ประมาณ 2,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในอดีตมีฝูงกาลงกินน้ำ จึงเรียกบริเวณนี้ว่า อ่างกา สภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นป่าดิบเขาชุ่มชื้นตลอดปี สิ่งมีชีวิตในบริเวณนี้ทั้งพืชและสัตว์ได้ปรับตัวเข้ากับระบบนิเวศเฉพาะถิ่นอย่างน่าอัศจรรย์



ใน Website ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา เอาไว้ว่า

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย wrote:

อ่างกาหลวง เส้นทางนี้สำรวจวางแนวและออกแบบเส้นทางเดินโดย คุณไมเคิล แมคมิลแลน วอลซ์ นักสัตววิทยาและอาสาสมัครชาวแคนาดาประจำอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ทำงานทุ่มเทให้กับอินทนนท์ และได้เสียชีวิตที่นี่ด้วยโรคหัวใจ เส้นทางนี้มีระยะทาง 1,800 เมตร พื้นที่นี้เป็นหนองน้ำซับในหุบเขา จุดเด่นที่น่าสนใจ คือ ป่าดิบเขาระดับสูง ลักษณะของพรรณไม้เขตอบอุ่นผสมกับเขตร้อนที่พบเฉพาะในระดับสูง การสะสมของอินทรียวัตถุในป่าดิบเขา ลักษณะอากาศเฉพาะถิ่น พืชที่อาศัยเกาะติดต้นไม้ ลักษณะของต้นน้ำลำธาร และลักษณะของต้นไม้บนดอยอ่างกา เช่นต้นข้าวตอกฤาษีที่ขึ้นตามพื้นดิน (ข้าวตอกฤาษี เป็นพืชที่ต้องการความอุดมสมบูรณ์สูง จะขึ้นในที่สูงกว่า 2,000 เมตรเท่านั้น และเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่มชื้น อากาศเย็น) กุหลาบพันปี เป็นต้น ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ อีกหลายเส้น เช่น เส้นทางศึกษาธรรมชาติ กิโลเมตรที่ 38 และ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกลุ่มน้ำตกแม่ปาน เป็นต้น แต่ละเส้นใช้เวลาในการเดินต่างกันตั้งแต่ 20 นาที - 7 ชั่วโมง และเหมาะที่จะศึกษาสภาพธรรมชาติที่ต่างกันด้วย ศึกษารายละเอียดเส้นทางได้จากที่ทำการอุทยานฯ และจะต้องติดต่อขอเจ้าหน้าที่นำทางจากที่ทำการฯ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 31 เพื่อป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การใช้สถานที่เพื่อการพักค้างแรมหรือจัดกิจกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ต้องขออนุญาตจากหัวหน้าอุทยานฯ เป็นลายลักษณ์อักษร

_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 02/03/2009 1:40 pm    Post subject: Reply with quote

ตลอดเวลาที่เดินอยู่ใน เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา นักท่องเที่ยวก็จะได้เห็นพืชพันธุ์ไม้ทั้งใหญ่และเล็กมากมาย บางชนิดก็เคยเห็นผ่านตามาบ้างแล้ว แต่บางชนิดก็ไม่รู้สึกว่าจะดูคุ้นตาสักเท่าไหร่ สำหรับผมก็ว่าเพลิน ๆ ดีครับ คิดว่ามาเดินออกกำลังกาย อากาศดี ๆ แบบนี้ เดี๋ยวกลับไปก็ไม่มีให้สูดเข้าปอดแล้วครับ emot149

Click on the image for full size


ข้าวตอกฤาษี นี่ตอนไปเที่ยวเขาค้อก็ได้ผ่านตามาบ้างครับ

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 02/03/2009 1:55 pm    Post subject: Reply with quote

ภายใน เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา นี้ มีทางเดินแยกไปที่ ศาลเจ้ากรมเกียรติ ด้วยครับ

Click on the image for full size


ข้อมูลตามป้าย wrote:
ศาลนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ พลอากาศเอก เกียรติ มังคละพฤกษ์ และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ( นายนิพนธ์ บุญหารมณ์ ) ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่กองทัพอากาศ และประเทศชาติ ซึ่งประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก และถึงแก่อนิจกรรม ณ ที่นี้ หลังจากเสร็จภารกิจสำรวจที่ตั้งศูนย์ควบคุมและรายงานดอยอินทนนท์ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๑๔

อุทิศโดย พ.ท.หญิง ศิริภาพรรณ ประภากร นายอรรถพร สมจินดา
วันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘


Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 02/03/2009 2:11 pm    Post subject: Reply with quote

หลังจากออกมาจาก เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา แล้ว พวกเราก็นั่งรถย้อนกลับมาที่บริเวณลานจอดรถใกล้ ๆ กับทางเข้าสู่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ที่เป็นโปรแกรมทัวร์ลำดับต่อไปของพวกเราครับ

Click on the image for full size


แต่ก่อนหน้าที่จะย่างก้าวเข้าสู่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน พวกเราก็แวะกินอาหารมื้อกลางวัน เพื่อสะสมพลังงานกันก่อน โดยที่อาหารที่มีขายอยู่ที่นั่นก็เป็นพวก ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ขนมขบเคี้ยว และน้ำดื่มประมาณนี้ล่ะครับ นอกจากอาหารแล้ว ก็ยังมีของที่ระลึกเป็นโปสการ์ดด้วย

Click on the image for full size


รูปนี้ถ่ายเอาไว้เมื่อเวลา 12.15 น. ในเทอร์โมมิเตอร์บอกว่าอุณหภูมิในขณะนั้นก็คือ ประมาณ 19 องศาเซลเซียส ดูเหมือนจะหนาว แต่ผมไม่รู้สึกว่าจะหนาวมากขนาดนั้นครับ น่าจะประมาณ 25 องศาเซลเซียสได้ หรือว่าอยู่นานแล้ว ผิวหนังเกิดด้านขึ้นมาก็ไม่รู้สิ แต่ไม่หนาวจริง ๆ ครับ แค่เย็นสบาย ไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาวแล้ว

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 02/03/2009 2:34 pm    Post subject: Reply with quote

กินกันจนอิ่มท้อง เติมพลังกันเติมที่แล้ว ก็ได้เวลาที่พวกเราจะลุย " ของจริง " กันแล้วล่ะครับ ตอนนี้ผมยืนอยู่บริเวณทางเข้าสู่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ครับ ที่เห็นพื้นที่ที่กำลังมีการก่อสร้างอยู่ทางซ้ายนั้น กำลังก่อสร้างที่ทำการของเจ้าหน้าที่ จากข้อมูลที่สอบถามมากำหนดสร้างเสร็จก็คือช่วงเดือนเมษายน นักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่ช่วงวันหยุดสงกรานต์ก็น่าจะได้เห็นตอนที่สร้างเสร็จแล้วครับ

Click on the image for full size

ใน Website ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เอาไว้ว่า

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย wrote:
เส้นทางศึกษาธรรมชาติบนดอยอินทนนท์ กิ่วแม่ปาน ทางเข้าอยู่กิโลเมตรที่ 42 ด้านซ้ายมือ ระยะทางเดิน 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 3 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติแท้จริง ระหว่างทางเดินจะพบป่าดิบเขา ( Hill Evergreen ) ก่อนผ่านเข้าสู่ทุ่งหญ้าซึ่งเคยเป็นพื้นที่ป่าถูกทำลาย เพื่อเป็นการศึกษาลักษณะการเกิดผลกระทบต่อเนื่องบริเวณรอยต่อระหว่างพื้นที่ป่าสมบูรณ์กับพื้นที่ถูกทำลาย หลังจากนั้นทางเดินจะเลาะริมผามีไอหมอกปลิวผ่านตลอดเวลา จะพบดอกกุหลาบพันปี หรือ Rhododendron ( ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก ขึ้นตามป่าในระดับสูง มีพันธุ์ดอกสีขาวและสีแดง เวลาออกดอกช่วงแรกมีลักษณะเหมือนปลีกล้วย ก่อนที่จะบานเต็มต้นในช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ พบมากในแถบเทือกเขาหิมาลัยและเป็นไม้ประจำชาติของเนปาลด้วย ) มองลงไปยังเบื้องล่างจะพบทัศนียภาพที่งดงามของอำเภอแม่แจ่ม

การใช้เส้นทางนี้ต้องลงทะเบียนขอรับใบอนุญาตให้ใช้เส้นทางโดยติดต่อที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์อุทยานฯ และควรจัดกลุ่มละไม่เกิน 15 คน ทางอุทยานฯไม่อนุญาตให้นำอาหารเข้าไปรับประทานในเส้นทางในช่วงฤดูฝน และจะปิดเส้นทางเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัวไม่อนุญาติให้เข้าไปท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 30 ตุลาคม ของทุกปี เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานแห่งนี้ ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ครั้งที่ 4 ประจำปี พ.ศ. 2545 เพราะมีการจัดการที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ระหว่างทางมีป้ายสื่อความหมายให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว และประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการนำเที่ยว



ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางเข้าสู่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน นักท่องเที่ยวก็จะต้องจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่เป็นค่านำทาง 200 บาท / 1 กลุ่ม ( ไม่เกิน 10 คน ) ซึ่งหากนักท่องเที่ยวกลุ่มใดไม่มีผู้นำทางร่วมเดินทางไปด้วย ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปใน เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เพราะว่าเส้นทางนี้ค่อนข้างไกล ( ใช้เวลาเดินประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง ) เส้นทางบางช่วงอยู่ในพื้นที่สูง นักท่องเที่ยวอาจได้รับอันตราย นอกจากนั้นยังป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวทำลายพืชพันธุ์สำคัญบางชนิดที่ขึ้นอยู่ข้าง ๆ เส้นทางด้วยครับ

Click on the image for full size

ข้อมูลตามป้าย wrote:
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์และกลุ่มบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด ( มหาชน ) หรือ เอ็กโก ร่วมกันจัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ตั้งแต่ปี 2539 โดยเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานนี้ ได้รับรางวัลกินนรี จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท. ) ประจำปี 2545 ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวดีเด่น ประเภทแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ

1. เส้นทางนี้เปิดให้เดินระหว่างเวลา 06.00 น. ถึง 16.00 น. เท่านั้น
2. การเดินเส้นทางกิ่วแม่ปานต้องมีผู้นำเที่ยวเฉพาะถิ่นร่วมทาง 1 คน : นักท่องเที่ยว 10 คน
3 โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้นำเที่ยว
4 เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานจะปิด เพื่อฟื้นฟูสภาพธรรมชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 31 ตุลาคม ของทุกปี
5 โปรดช่วยกันรักษาความสะอาด
6 โปรดปฏิบัติตามกฎของเส้นทางต่อไปนี้ ( ห้ามทิ้งขยะ ห้ามรับประทานอาหาร ห้ามปีนเขา ห้ามสูบบุหรี่ )


รายละเอียดเกี่ยวกับ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก Folktravel.com
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> พักผ่อนหย่อนใจ All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14  Next
Page 10 of 14

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©