| View previous topic :: View next topic |
| Author |
Message |
nutt8
1st Class Pass (Air)
Joined: 03/03/2008
Posts: 1965
Location: บางใหญ่
|
 Posted: 11/03/2009 12:10 am Post subject: |
 |
|
ป้ายสถานีฝั่งทางทิศใต้ครับ
คอยอยู่ไม่นาน นายสถานีก็ประกาศว่า ขบวน 169 กำลังเข้าเทียบที่สถานีตรงชานชาลที่ หนึ่ง ครับ
ทำขบวนโดย Alsthom Als 4147 ครับ
_________________
แชมป์สมัยที่ 19 แล้วนะ อิอิอิ |
|
| Back to top |
|
 |
nutt8
1st Class Pass (Air)
Joined: 03/03/2008
Posts: 1965
Location: บางใหญ่
|
| Posted: 11/03/2009 12:14 am Post subject: |
|
|
หลังจากขบวน 169 ไป ก็มาเก็บภาพเจ้าถิ่นครับ กำลังนอนได้ที่เลยครับ
และก็รอเวลาถ่ายรูปขบวน 83 ครับ รอไม่นานก็เห็นสัญญาณไฟเขียวแล้วครับ ใกล้มาแล้ว
ทำขบวนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
_________________
แชมป์สมัยที่ 19 แล้วนะ อิอิอิ |
|
| Back to top |
|
|
nutt8
1st Class Pass (Air)
Joined: 03/03/2008
Posts: 1965
Location: บางใหญ่
|
| Posted: 11/03/2009 12:31 am Post subject: |
|
|
หลังจากขบวน 83 ผ่านไป ผมก็จะรอเก็บภาพ ขบวน 174 แต่นายสถานีประกาศว่า ขบวน 174 จะมาถึงสถานีประจวบ ฯ ประมาณ 23.30 ครับ ก็เลยอดครับ พอประมาณ 23.25 นาที นายสถานีก็ประกาศว่า ขบวน 173 กำลังเข้าเทียบที่สถานีตรงชานชลาที่ หนึ่ง ครับ ผมก็ไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะเตรียมข้าวที่จะรอขึ้น ขบวน 168 ที่จะเข้าสู่สถานี ประจวบฯ ต่อจากขบวน 173 ครับ
ขบวน 168 ก็มาถึงสถานีประจวบฯเวลาประมาณ 23.50 นาที ส่วนขบวน 174 จะเดินตามหลังขบวน 168 ครับ พอขึ้นขบวนรถผมก็ล้มตัวนอนอย่างรวดเร็ว รู้สึกตัวอีกทีที่สถานีศาลายาครับ ก็ลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน และก็มานั่งทางด้านซ้ายของขบวน ก็เลยได้เก็บภาพสถานีชุมทางบางซื่อมาฝากครับ
ขบวน 168 มาถึงหัวลำโพง ผมก็หยิบโทรสัพท์ขึ้นมาดูว่ากี่โมงแล้ว ปรากฎว่า ขบวน 168 ทำเวลาได้ดีครับ มาถึงสถานีหัวลำโพง เวลา 05.45 นาที ช้าไปว่ากำหนด 5 นาทีเอง
ก็เลยขอเก็บภาพพระเอกที่พาผมมาถึงปลายทางช้าไค่ 5 นาทีเอง
Alsthom Als 4135 ครับ
ก็เป็นภาพสุดท้ายครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมครับ 
เที่ยวครั้งหน้าคงไม่พ้นภาคใต้ล่ะครับ อยู่ในช่วงกำลังติดใจครับ 
_________________
แชมป์สมัยที่ 19 แล้วนะ อิอิอิ |
|
| Back to top |
|
|
baluca
3rd Class Pass
Joined: 12/03/2009
Posts: 9
|
| Posted: 17/03/2009 8:50 pm Post subject: |
|
|
ภาพสวยเนื้อเรื่องก็ละเอียด ถ้ามีโอกาสอยากไปแบบนี้บ้าง  |
|
| Back to top |
|
|
KT-Station
2nd Class Pass (Air)
Joined: 03/11/2009
Posts: 948
Location: โรงเรียนบ้านหนองขุ่นเหล่าหลักวิทยา
|
| Posted: 25/02/2010 1:59 am Post subject: |
|
|
ว่าแต่เอ... สถานีไหนที่ใกล้กับชายทะเลมากที่สุดครับ และสถานีไหนนะ(ลืมแล้วครับ)ที่บอกว่าเป็นบริเวณพื้นที่ที่แคบที่สุดในประเทศไทย รบกวนช่วยให้ความรู้ด้วยครับผม
ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบนะครับผม |
|
| Back to top |
|
|
ksomchai
1st Class Pass (Air)
Joined: 08/04/2009
Posts: 6384
Location: เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าว สัปรด สวยสดหาด เขา ถ้ำ งามล้ำน้ำใจ ป่าชุ่มน้ำผืนใหญ่ แหล่งวางไข่ปลาทู
|
| Posted: 25/02/2010 6:53 am Post subject: |
|
|
| KT-Station wrote: | ว่าแต่เอ... สถานีไหนที่ใกล้กับชายทะเลมากที่สุดครับ และสถานีไหนนะ(ลืมแล้วครับ)ที่บอกว่าเป็นบริเวณพื้นที่ที่แคบที่สุดในประเทศไทย รบกวนช่วยให้ความรู้ด้วยครับผม
ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบนะครับผม |
สถานที่ใกล้ทะเลที่สุด น่าจะเป็นสถานีทุ่งมะเม่า ตั้งอยู่ ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ นั่งรถไฟผ่านมองเห็นทะเลได้ชัดเจน
ส่วนสถานีที่ตั้งอยู่ที่จุดแคบที่สุดในประเทศไทย คือ สถานีวังด้วน ตั้งอยู่ที่ ต.ห้วยทราย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์
พื้นที่แคบสุดของประเทศไทยกว้างเพียง ๑๑ กิโลเมตร (หรือ ๑๐.๙๖ กิโลเมตร) อยู่ที่ตำบลห้วยทราย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนที่แคบสุดของประเทศไทยแห่งนี้ เปรียบดัง"ประตูสู่ภาคใต้" ดินแดนคาบสมุทรแหลมทอง หรือแหลมมลายู ด่านสิงขร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีพื้นที่กว้างราว ๑๖.๕ กิโลเมตร อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่แคบสุดของประเทศไทย(ที่ตำบลห้วยทราย) มีความสำคัญเป็นเส้นทางข้ามคาบสมุทรไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว หลังจากนั้นใช้เป็นเส้นทางคมนาคมการค้าและเส้นทางเดินทัพ ตั้งแต่ยุคทวารวดี-ศรีวิชัย ยุคกรุงศรีอยุธยา สืบจนยุคกรุงธนบุรี และยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ รวมทั้งเป็นเส้นทางที่ขุนแผนไปซื้อม้าสีหมอก หรือเป็นเส้นทางม้าสีหมอกจากอาหรับแล้วมาขึ้นบกที่เมืองมะริด-ตะนาวศรี จนเป็นพาหนะของขุนแผน เพื่ออธิบายให้เห็นพยานหลักฐานพื้นที่แคบสุดของประเทศไทย จะยกข้อความจากหนังสือจากห้วงอวกาศสู่พื้นแผ่นดินไทย พ.ศ. ๒๕๔๖ ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พิมพ์ครั้งแรก กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖) มาปรับปรุงให้อ่านสะดวกๆดังนี้ แนวแคบสุดของประเทศไทย ดินแดนของประเทศไทยในอดีตเคยกว้างไกลจนถึงชายฝั่งทะเลอันดามัน นับแต่สูญเสียเมืองทะวาย มะริด และตะนาวศรี ให้แก่พระเจ้าอลองพญาตลอดมาถึงช่วงเวลาที่กรุงศรีอยุธยาถูกพม่าทำลายใน พ.ศ. ๒๓๑๐ เมืองชายฝั่งทะเลอันดามันเหล่านี้พยายามแยกตัวออกเป็นอิสระ และถึงแม้ว่าไทยจะยกทัพเข้ายึดคืนหลายครั้งในช่วงเวลากอบกู้แผ่นดินจนถึงต้นสมัยรัตนโกสินทร์ แต่ก็ยังไม่ได้รับความสำเร็จอย่างแท้จริง จนในที่สุดเมื่อพม่าตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ อังกฤษก็ได้เข้าครอบครองดินแดนเหล่านี้ไว้ตั้งแต่ชายฝั่งทะเลอันดามันจนถึงแม่น้ำตะนาวศรี ส่วนดินแดนด้านตะวันออกของแม่น้ำตะนาวศรี ตั้งแต่เมืองสิงขรหน้าด่านของไทยต่อเนื่องมาทางตะวันออกจนถึงชายฝั่งทะเลยังเป็นส่วนของประเทศไทย จนถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้มีการปักปันดินแดนระหว่างไทยกับอังกฤษ โดยกำหนดให้สันปันน้ำของทิวเขาตะนาวศรีเป็นแนวเขตแดนและผนวกเอาบริเวณเมืองสิงขร ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของไทยเป็นของอังกฤษด้วย ภายหลังจากการลงนามในสนธิสัญญาปักปันดินแดน เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ ส่งผลให้ขอบเขตประเทศที่เคยกว้างไกลสุดชายฝั่งทะเลอันดามันของแผ่นดินคาบสมุทรแห่งนี้ ต้องหดแคบลงอีกปรากฏให้เห็นบนแผนที่เป็นแผ่นดินที่แคบยาว ระหว่างแนวสันปันน้ำของทิวเขาตะนาวศรีกับแนวชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตลอดความยาวของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่แคบสุดอยู่ที่ตำบลห้วยทราย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กว้างเพียง ๑๐.๙๖ กิโลเมตร วัดตามแนวจากสันปันน้ำของทิวเขาตะนาวศรีจนถึงฝั่งทะเล ตามแนวที่ตัดผ่านหลักกิโลเมตร ๓๔๐.๔ บนถนนเพชรเกษม เส้นทางข้ามคาบสมุทรช่องสิงขร เส้นทางคมนาคมข้ามผ่านแผ่นดินคาบสมุทรจากชายฝั่งทะเลด้านหนึ่งไปยังชายฝั่งทะเลอีกด้านหนึ่ง เรียกว่า "เส้นทางข้ามคาบสมุทร" เป็นที่นิยมของนักเดินทางค้าขายทางทะเล ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางอ้อมไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งอาจมีอุปสรรคในการเดินทางที่มีผลจากสภาพอากาศหรือโจรสลัด ชายฝั่งทะเลทั้ง ๒ ด้านมีท่าเรือสะดวกในการจอดพักของเรือเดินสมุทร มีความสะดวกในการขนถ่ายสินค้าไปตามเส้นทางข้ามคาบสมุทร ซึ่งอาจเป็นทางบกหรือทางน้ำร่วมกัน รวมถึงความปลอดภัยและบริการที่ดึงดูดให้นักเดินเรือค้าขายทางทะเลจากภูมิภาคต่างๆ เส้นทางข้ามคาบสมุทรมีความสำคัญทั้งในด้านการค้าและด้านยุทธศาสตร์ จึงเป็นที่เฝ้ามองของนานาชาติมาโดยตลอด เส้นทางข้ามคาบสมุทรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีหลายแนว ที่สำคัญแห่งหนึ่งคือ "เส้นทางข้ามคาบสมุทรช่องสิงขร" เป็นเส้นทางระหว่างทะเลอ่าวไทยที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านช่องสิงขรและเมืองตะนาวศรีไปยังเมืองท่ามะริดบนฝั่งทะเลอันดามันที่ปากแม่น้ำตะนาวศรี เป็นเส้นทางคมนาคมที่มีความสำคัญในทางการค้าระหว่างประเทศตะวันตกและประเทศตะวันออก โดยเฉพาะจีนและอินเดียมายาวนานนับพันปี โดยมีเมืองตะนาวศรีซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำตะนาวศรีเป็นเมืองหลักบนเส้นทางข้ามคาบสมุทร ห่างจากชายฝั่งทะเลประมาณ ๗๐ กิโลเมตร เรือเดินทะเลสามารถเดินทางเข้าออกตามแม่น้ำตะนาวศรี และจอดเทียบท่าได้ที่หน้าเมือง เมืองตะนาวศรีมีความสำคัญเป็นเมืองท่าค้าขาย มีกำแพงเมือง-คูเมืองป้องกันและกำลังทหารคุ้มครองเส้นทางข้ามคาบสมุทร และเป็นเมืองท่าค้าขายที่สำคัญติดต่อกับประเทศในยุโรป ซึ่งทำความเจริญรุ่งเรืองให้แก่พระนครศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จนถึง พ.ศ. ๒๓๐๒ พระเจ้าอลองพญากษัตริย์พม่าได้ยกทัพลงมาทางใต้เข้ายึดเมืองทะวาย เมืองมะริด และเมืองตะนาวศรี และได้ใช้เส้นทางข้ามคาบสมุทรเดินทัพผ่านช่องสิงขรมายังฝั่งทะเลอ่าวไทยที่บริเวณอ่าวหว้าขาว (ห่างจากอ่าวประจวบคีรีขันธ์ไปทางเหนือประมาณ ๑๐ กิโลเมตร) ซึ่งเป็นทางเดินระหว่างภูเขากับทะเล แต่ได้ถูกทหารกองกำลังอาหมาด โดยการนำของขุนรองปลัดชู (ชาวสิงห์บุรี) จำนวน ๔๐๐ คน เข้าซุ่มโจมตีสร้างความเสียหายแก่กองทัพพม่าหลายครั้งหลายครา แต่ด้วยกำลังที่น้อยกว่าได้ถูกกองทัพพม่าโอบล้อมต้อนตกทะเล และถูกฆ่าตายจนหมดสิ้น นับเป็นวีรกรรมไทยรบพม่าที่สำคัญครั้งหนึ่งเพื่อรักษาแผ่นดินคาบสมุทรแห่งนี้ให้คงไว้เป็นของไทย หนังสือจากห้วงอวกาศฯอธิบายว่า ในครั้งนั้นเป็นช่วงเวลาที่ความเจริญของไทยเริ่มถดถอยจนกระทั่งกรุงศรีอยุธยาถูกพม่าทำลายใน พ.ศ. ๒๓๑๐ แต่ต่อมาได้สร้างความเข้มแข็งใหม่จนสามารถขับไล่พม่าออกไปจากผืนแผ่นดินไทยในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศในยุโรปได้เข้ายึดดินแดนต่างๆในบริเวณคาบสมุทรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอังกฤษเข้าครอบครองมาเลเซียและพม่า ส่วนฝรั่งเศสเข้าครอบครองลาว เขมร และเวียดนาม คงเหลือประเทศไทยที่ยังสามารถรักษาความเป็นอิสรภาพไว้ได้ การสูญเสียอำนาจทางการเมืองของคนในท้องถิ่นที่เกิดขึ้นในดินแดนคาบสมุทรแห่งนี้ ส่งผลให้เส้นทางข้ามคาบสมุทรต้องปิดตัวลงแต่ครั้งนั้น จนถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อญี่ปุ่นยกคนขึ้นบกเข้ายึดเมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๕ และเกิด"วีรกรรมอ่าวมะนาว" อันเป็นเหตุการณ์ที่คนไทยลุกขึ้นต่อสู้เพื่อรักษาผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้ หลังจากนั้นญี่ปุ่นได้สร้างถนนยุทธศาสตร์ข้ามคาบสมุทรช่องสิงขรจากฝั่งอ่าวไทยที่เมืองประจวบคีรีขันธ์ไปยังฝั่งทะเลอันดามันที่เมืองมะริด ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เส้นทางข้ามคาบสมุทรนี้ก็ปิดตัวลงอีกตลอดมาจนถึงปัจจุบัน อาจารย์ทิวา ศุภจรรยา ผู้เชี่ยวชาญชุมชนเมืองโบราณในประเทศไทย (อดีตอาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) แนะนำว่าไม่ควรเขียนป้ายว่าด่านสิงขรเป็นพื้นที่แคบสุดในสยาม เพราะไม่ถูกต้องตามความจริง แต่ควรให้ความสำคัญด่านสิงขรในแง่ประวัติศาสตร์เส้นทางข้ามคาบสมุทรของสุวรรณภูมิ ที่มีความสำคัญสืบเนื่องตั้งแต่ยุคสุวรรณภูมิ ราว ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว ถึงยุคกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และต้นกรุงรัตนโกสินทร์ จะส่งผลให้เกิดการท่องเที่ยวมีภูมิสังคมวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนและยาวนานถึงลูกหลานไม่มีสิ้นสุด
คัดมาจาก หนังสือพิมพ์ มติชน 14 ก.ค. 2549 (คอลัมน์:ภูมิภาค)
_________________
 |
|
| Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007
Posts: 44665
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
| Posted: 25/02/2010 7:12 am Post subject: |
|
|
ขออนุญาตเพิ่มเติมจากพี่สมชายครับ
จุดที่ใกล้ทะเลที่สุดของทางรถไฟสายใต้
คือ ที่ละติจูด 11.879474 ลองจิจูด 99.811077 ครับ
ห่างจากทะเลเพียง 80-90 เมตรเท่านั้นเองครับ
อยู่ห่างจากสถานีทุ่งมะเม่าไปทางทิศใต้ราว 5 กม. ในเขตตำบลอ่าวน้อย
ทิวทัศน์แถวนั้นสวยมาก ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนสนิท ด้วยครับ 
มีสะพานโครงขึ้นเล็ก ๆ อยู่ด้วย
ชาวรถไฟไทยดอทคอมเลยเรียกกันเล่น ๆ ว่า สะพานเพื่อนสนิทครับ
ขอบคุณภาพจากภาพยนตร์เรื่องเพื่อนสนิท
ถ้าไม่ได้เอารถเครนไป ถ่ายภาพแบบนี้ไม่ได้หรอกครับ |
|
| Back to top |
|
|
pak_nampho
1st Class Pass (Air)
Joined: 25/06/2007
Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต
|
| Posted: 25/02/2010 8:47 am Post subject: |
|
|
| ksomchai wrote: |
สถานที่ใกล้ทะเลที่สุด น่าจะเป็นสถานีทุ่งมะเม่า ตั้งอยู่ ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ นั่งรถไฟผ่านมองเห็นทะเลได้ชัดเจน
|
สมัยรถจักรไอน้ำ พขร. ปากน้ำโพ ทำขบวนพิเศษฟืนจากหัวหวายมาให้แขวงชุมพรเล่าถึงความสวยงามยามกลางคืนของเงาจันทร์สะท้อนผิวน้ำทะเลแถบนี้ 
_________________
+++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ................... |
|
| Back to top |
|
|
|
Forum FAQ
Search
Usergroups
Profile
Log in to check your private messages
Log in
