มาออกกำลังกายเพื่อความสดใส & เยี่ยมคุณทวด ที่สวนรถไฟ

Tob96 · Posted: 10/08/2006 11:21 am Post subject:

เพลินครับ...เสียดายไม่ได้อยู่ประจำที่กรุงเทพฯ ซะแล้ว...ไม่งั้นคงหาโอกาสไปเที่ยวบ้าง......

รร.วรฟ.ทำใหม่เสียสวยเลยครับ.....ถ้าได้เปิดทำการสอนอีกครั้งท่าทางจะดีไม่น้อย......(แอบอยากเห็นตัวเองเมื่อสมัยก่อนถ้าแต่งเครื่องแบบ นร.วรฟ.จะเป็นอย่างไรน้อ...หุๆ... Wink

...)

CivilSpice · Posted: 10/08/2006 11:51 am Post subject:

จำได้ว่า เมื่อตอนที่ไปแถวๆ สวนรถไฟครั้งแรกๆ นั้น กำลังอยู่ในช่วงที่ลงมือปรับปรุงพื้นที่กันอยู่
แต่ผมไม่ได้เข้าไปในสวนหรอกนะครับ ผมเข้าไปสนามไดรฟ์กอล์ฟรถไฟ ที่อยู่เยื้องๆ กันต่างหาก
เพราะติดสอยห้อยตามเพื่อน ที่มาประลองฝีมือการไดรฟ์กอล์ฟกัน ... ที่นี่ เป็นที่แรก ที่ทำให้ผมได้สัมผัสกับ
กีฬากอล์ฟ อย่างเป็นเรื่องเป็นราวกะเขาซะที ไอ้แรกๆ ก็ตีไม่เป็นหรอกครับ วืดบ้าง มั่วบ้าง ก็ได้อาศัยครูพักลักจำๆ
จากโปรแถวๆ นั้น แล้วก็เอามาหัดตีนิดๆ หน่อยๆ อ่ะครับ ... ถาดนึง ตีดีซะ 4-5 ลูก ทางตรง ระยะได้ ก็เยี่ยมแล้ว

มีอยู่ช่วงนึง สมัยทำงาน และซื้อรถใหม่ๆ บ้ามากๆ .... ต้องลากเพื่อนๆ ไปไดรฟ์กอล์ฟแทบจะทุกอาทิตย์
แต่หลังจากไดรฟ์ไปไดรฟ์มา ได้สักพัก ก็เบื่อ เพราะได้แต่ไดรฟ์ ไม่ได้ลงสนามจริงสักที ก็เลยเลิกเล่นไปพักใหญ่

เดี๋ยวนี้ นานๆ ไปทีครับ ..... สนามไดรฟ์กอล์ฟรถไฟ คนก็ยังแน่นเหมือนเดิม ซึ่งก็เหมือนกับผลงาน
การไดรฟ์กอล์ฟของผม ที่ไม่ว่าจะกี่ปีๆ ผ่านไป มันก็ยังห่วยแตกเหมือนเดิม ฮ่าๆๆๆๆ

thumbsdown

azizi_jum · Posted: 10/08/2006 12:22 pm Post subject:

โห น่าไปออกกำลังกายจังเลยครับ

Bradycardia · Posted: 10/08/2006 8:59 pm Post subject:

conrail · Posted: 10/08/2006 9:18 pm Post subject:

สถานที่แห่งนี้ ครั้งแรกที่ผมเดินเข้าไป คือ ปี พ.ศ. 2536 เนื่องจากต้องไปหาข้อมูลเกี่ยวกับปิโตรเคมีมาทำรายงานที่ห้องสมุดของสำนักงานใหญ่ปตท. เสร็จแล้วเลยเดินเข้าไปเยี่ยมรร. วิศวกรรมรถไฟ สภาพตอนนั้นเงียบสงบและไม่พลุกพล่านเหมือนเดี๋ยวนี้เลยครับ น่าเสียดายว่ารร.วิศวกรรมรถไฟถูกปิดไปแล้ว ทำให้หลายๆอย่างก็ถูกกลืนไปด้วย..!! Confused

น่าเสียดายวันและเวลาสมัยนั้นนะครับ Exclamation

ice · Posted: 10/08/2006 9:28 pm Post subject:

เมื่อวันที่ 2 ส.ค.49 ผมก็ไปทรรศนศึกษาที่สวนรถไฟเหมือนกันครับ

อุ่ส่าห์เตรียมกล้องไปอย่างดีแต่ผมหา หัวรถจักรไอน้ำ มิกาโด ไม่เจอ ไม่รู้อยู่ส่วนไหนของสวน

รถไฟอ่ะครับ

เดินไปเดินมาก็ไปเจอ พิพิธภัณฑ์ รถไฟ อยู่ในสวนจตุจักร แถมยังไม่เปิดให้ชมอีก
Sad

(เหนื่อยแทบตาย) Sad

ขอบคุณครับ thankyou

Mongwin · Posted: 14/02/2011 10:49 am Post subject:

รายงานพิเศษ/ “อุทยานสวนจตุจักร” :“ทรีอินวัน”ปอดยักษ์กทม.
สยามรัฐ 14 ก.พ. 54

“แซยิด 84 จะมีเมือง เรียกว่าเมืองสวรรค์ เมืองที่ดี มีไหม มีทางไหน เขาบอกว่ามีทาง ก็เลยขอให้ไว้ในใจว่าเราคิด
คิดอยู่จะสร้างเมืองสวรรค์ จะทำกรุงเทพมหานครนี้เป็นกรุงเทพฯเมืองสวรรค์ แล้วก็เมืองใหม่นั้นก็จะเป็นเมืองสวรรค์เหมือนกัน ไม่ได้เป็นการย้ายกรุงเทพฯ ไปที่อื่นไกล แต่ว่าเป็นการปรับปรุงให้ดีขึ้น...”

นอกจากนี้ ยังมีพระราชดำรัสอีกว่า “แต่ที่เราคิดเป็นการสร้างเมืองที่จะเป็นตัวอย่าง และทำให้เมืองเดิมของเราคือ กรุงเทพมหานครนี้เป็นเมืองที่โปร่ง เป็นเมืองที่น่าดู เป็นเมืองประวัติศาสตร์ และเป็นเมืองที่สวยงาม” พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน พ.ศ. 2537

พรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม.เล่าถึงที่มาของการรวมสวนสาธารณะใจกลางเมืองภายใต้ชื่อ “อุทยานสวนจตุจักร” ว่า คณะผู้บริหารนำโดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.มีนโยบายที่จะพัฒนากทม.ให้เป็นมหานครสิ่งแวดล้อม โดยเพิ่มพื้นที่สีเขียว จัดสร้างและปรับปรุงพื้นที่สวนสาธารณะเพื่อให้คนทุกเพศทุกวัยใช้ประโยชน์ร่วมกัน จึงเกิดแนวคิดรวมสวนทั้ง 3 คือ สวนจตุจักร สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)

ทั้งนี้ จะทำให้กทม.มีสวนสาธารณะที่ใหญ่ระดับมหานครพื้นที่กว่า 700 ไร่ มีกิจกรรมที่หลากหลายตอบสนองความต้องการประชาชนทุกกลุ่ม สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตคนเมืองให้ดีสมกับเป็น “กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์” ที่ กทม.น้อมนำพระราชดำริในการรวมสวนทั้ง 3 แห่ง เพื่อให้เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของชาวกทม.

โดยเฉพาะโอกาสมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในปี 2554 จะเห็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้ร่วมแรงร่วมใจสร้างสรรค์สิ่งดีงาม โดยมีอุทยานสวนจตุจักรเป็นแรงบันดาลใจ

และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ กทม.จึงได้จัดทำโครงการอุทยานสวนจตุจักรเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ และจะทำให้อุทยานแห่งนี้มีความสมบูรณ์เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็น “ของขวัญ” ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา ถือเป็น “ของขวัญ” ที่เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของชาวกทม.ที่จะสนองพระราชปณิธานในการสร้าง “กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์”

สำหรับโครงการดังกล่าวเป็นการรวมสวนสาธารณะ 3 แห่ง ได้แก่ สวนจตุจักร, สวนวชิรเบญจทัศ และสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เนื้อที่รวมทั้งหมด ประมาณ 776 ไร่ ให้เป็นสวนสาธารณะระดับมหานครใหญ่ที่สุดในกทม. ซึ่งขณะนี้สำนักสิ่งแวดล้อมได้ออกแบบโครงสร้างปรับปรุง วางแนวคิดการจัดรูปแบบสวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประมาณราคาในการดำเนินการประมาณ 500 ล้านบาท

Click on the image for full size

อย่างไรก็ตาม ในการรวมสวนขนาดใหญ่ทั้ง 3แห่งเข้าด้วยกันนั้นจำเป็นต้องผ่านขั้นตอนประชาพิจารณ์สอบถามความเห็นจากประชาชนที่เข้าไปใช้สวนทั้ง 3 แห่งดังกล่าวก่อน เพราะที่สุดแล้วผู้ที่จะใช้ประโยชน์คือประชาชนทุกคน โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จะเป็นผู้รับจ้างจัดทำประชาพิจารณ์ใช้ระยะเวลา 30 วัน

จากนั้นหากไม่มีปัญหาที่ต้องแก้ไข น่าจะเริ่มปรับปรุงสวน และก่อสร้างโครงสร้างต่างๆ ทันที และจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จบางส่วนได้ก่อนวันที่ 5 ธันวาคม 2554 นี้ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมพรรษา 84 พรรษา

รูปแบบสวนและรายละเอียดการปรับปรุง นอกจากจะใช้เป็นพื้นที่ออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจแล้ว ยังมีแนวคิดเพื่อใช้ประโยชน์ด้านสันทนาการ จัดกิจกรรมต่างๆ โดยจะปรับปรุงศาลาเดิมทำเป็นศาลาทางศาสนา และสร้างศาลาขนาดใหญ่ใช้จัดกิจกรรมงานต่างๆ พร้อมที่จอดรถ รองรับคนได้ 3-4 พันคน สร้างสะพานรถ-สะพาน คนเดินข้ามย่านกำแพงเพชร3 เป็นทางเข้าสวน

สร้างวงเวียน 3 จุดเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังสวน 3 แห่ง โดยน้อมนำพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรม ราชินีนาถ มาแสดง ใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม, ธรรมะศาสนา และโครงการต่างๆด้านความพอเพียง ความสามัคคี เป็นต้น

ส่วนพื้นที่อื่นๆ ภายในสวนจะประดับตกแต่งด้วยประติมากรรมที่แสดงออกถึงพระอัจฉริยะภาพของทั้ง สองพระองค์ในเรื่องต่างๆ รวม7 เรื่อง

กรณีประชาชน ที่เข้าใช้สวนทั้ง 3 แห่งเป็นประจำรวมถึงกลุ่มรักษ์ต้นไม้ มีความกังวลว่าการรวมสวนทั้ง 3 ซึ่งจะต้องมีการรื้อย้ายต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมากอาจทำให้เกิดความเสียหาย ต้นไม้ล้มตาย หรือเข้าใจว่ากทม.จะนำต้นไม้ออกไปไว้ที่อื่นนั้น รองผู้ว่าฯกล่าวว่า ในการรวมสวนครั้งนี้ได้สำรวจแล้วจะต้องรื้อย้ายต้นไม้ 200 ต้น เป็นต้นไม้ใหญ่ไม่เกิน 60 ต้น ที่เหลือเป็นขนาดกลาง โดยจะย้ายไปไว้พื้นที่ภายในสวนไม่ได้นำออกจากสวนอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้จะปลูกเพิ่มใหม่อีกมากกว่า 700 ต้น

“ยืนยันว่า กทม.มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญชำนาญด้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเมื่อถึงขั้นตอนรื้อย้ายจริงผมจะลงไปกำชับดูแลด้วยตัวเองให้เสียหายน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม กทม. โดยสำนักสิ่งแวดล้อมได้จัดทำ หนังสือ “อุทยานสวนจตุจักร” เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์รวมถึงสร้างความเข้าใจกับประชาชน เกี่ยวกับโครงการ ซึ่งจะทำให้ประชาชนเข้าใจวัตถุประสงค์ แนวความคิดโครงการอย่างครบถ้วน”

“นารีนาฏ ภัยวิมุติ”

Wisarut · Posted: 14/02/2011 11:18 am Post subject:

^^^
รวม 3 สวน ให้เป็น 1 ก็นับว่าความคิดไม่เลว และใช้ชื่อว่าอุทยานจตุจักร เรพาะคนค้นกะชื่อจตุจักรดีแล้ว เหลือแต่ว่าจะย้ายต้นไม้กันอย่างไร โดยเฉพาะไม้ใหญ่ - คงต้องใช้วิธีเดียวกะที่คุณประยูร จรรยาวงศ์เคยแนะนำในขบวนการแก้จน ซะแล้วกระมัง

black_express · Posted: 14/02/2011 12:52 pm Post subject:

ผมก็ว่าดีครับ รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้ตรงที่มีสวนสาธารณะอยู่ติดกันตั้งสามแห่ง รวมเป็นอุทยานสวนจตุจักรเพียงชื่อเดียวให้สิ้นเรื่องสิ้นราวดีกว่า

คราวนี้ จะมีปัญหาเรื่องอาคารสถานที่ในสวนนั่นแหละครับ บอกที่ตั้งเพียงว่าอยู่ในอุทยานแห่งเดียวกัน แต่เวลาเดินไปหากันจริงๆ แล้ว ห่างไกลกันร่วมกิโลเมตร คงหอบแดดแน่ๆ Razz

donatt76 · Posted: 14/02/2011 12:53 pm Post subject:

แล้วบรรดาปู้นๆ ใน 2 สวนล่ะครับ คงต้องขัดสีฉวีวรรณกันอย่างขนานใหญ่เลยเชียว
_________________
Click on the image for full size