หน้าสาม "Marathon" 3100 กม. ในสายใต้

[Nai_SapaN]

[Compressor]

อ้อ พิกัดทางในเส้นทางสายนครศรีธรรมราชนั้น รถดีเซลราง 90 กม./ชม. รถโดยสาร 75 กม./ชม. ครับ

หยุดรับส่งผู้โดยสารที่ที่หยุดรถบ้านห้วยยูง



ที่หยุดรถบ้านท่าช้าง

[Compressor]

^
^
คือมันมีลักษณะแบบว่า ไม่เหมือนกับสถานีที่เป็นอาคารชั้นเดียวทั่วไปน่ะครับ

หยุดรับส่งผู้โดยสารที่ที่หยุดรถวังวัว



หยุดรับส่งผู้โดยสารที่ที่หยุดรถมะม่วงสองต้น

ไม่แน่ใจว่าเมื่อก่อนเป็นสถานีรึเปล่านะครับ

[kenshiro]

เมื่อวาน (16/03/2009) ผมมีโอกาสได้คุยกับ พรร. และ พหล. ของ ข.456 ลุงแกบอกว่า
เมื่อก่อนที่หยุดรถวังวัว กับที่หยุดรถมะม่วงสองต้น เคยเป็นสถานีมาก่อนครับ ที่วังวัวไม่มีรางหลีก แต่มะม่วงสองต้นเคยมีรางหลีกครับ (ไว้ขนอะไร ข้าวรึเปล่าไม่แน่ใจ)

ป.ล. ถ้ารู้ว่ามา ผมจะได้ไปต้อนรับซะหน่อย
_________________
[ We R RFT ]

[Mongwin]

มะม่วงสองต้นเคยเป็นสถานีมาก่อนครับ
เคยมีทางหลีกและชานบรรทุกอีกด้วย
ยุบเป็นที่หยุดรถเมื่อวันที่ 1 ม.ค.2520

ส่วนวังวัว แรกตั้งเป็นที่หยุดรถ
แต่เคยยกฐานะเป็นสถานีอย่างที่เห็นครับ
และถูกยุบกลับเป็นที่หยุดรถอีกครั้ง
ยังหาหลักฐานวันเดือนปีไม่ได้ครับ

[Compressor]

สวัสดียามบ่ายร้อนๆ ที่บางที่ไม่ร้อน เพราะเจอพายุฝนฟ้าคะนอง ทำงานในเมืองหลวงยามเช้าเร่งรีบ ขับรถระมัดระวังกันด้วยนะครับ เดี๋ยวจะชนกัน 21 คันซ้อน แบบเดียวกับแถวๆพระราม 3 อีกนะครับ

และแล้ว เราก็ถึงที่สถานีนครศรีธรรมราช

ซึ่งเมื่อขบวน 456 ถึงสถานีปลายทางแล้ว (ล่าช้าประมาณ 45 นาที) ก็จะตีกลับเป็นขบวนรถท้องถิ่นที่ 457 นครศรีธรรมราช-พัทลุง ทันทีครับ



สวัสดีครับอาจารย์เอก และคุณเคนชิโร่นะครับ ขอบคุณที่มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่หยุดรถวังวัว และที่หยุดรถมะม่วงสองต้น ซึ่งย่านนี้ผมก็ไม่ค่อยมีความรู้มากเท่าไหร่ หากจะเป็นหนองแคน หนองมโนรมย์ หนองแวง อย่างนี้ ผมก็พอจะตอบได้น่ะครับ

[Compressor]

จากนั้น ผมก็ซื้อตั๋วขบวนรถด่วนที่ 86 โดยหวังว่าคงจะพอมีรถนอนหรือรถปรับอากาศชั้น 3 สักหน่อย แต่เมื่อพบว่ารถนอนก็เต็ม รถนั่งปรับอากาศชั้น 3 ก็ดี ถึงแม้จะพอเหลือที่แต่ก็ดันเป็นที่ติดทางเดินเป็นงั้นไป จากการทดสอบมาหากนั่งชั้น 3 ตอนกลางคืนหากนั่งริมทางเดินผมนอนแบบหลับนกไม่หลับแน่

จึงลองถามตั๋วขบวน 42 และ 44 รถยะลา และสุราษฎร์ตามลำดับดู ปรากฎว่า ขบวน 42 เหลือริมทางเดิน 1 ที่ ขบวน 44 สปรินเตอร์ เหลือที่นั่งอีกประมาณ 35 ที่ เฉพาะคันที่ 4 เหลือที่นั่งอีกกว่า 20 ที่ ก็เลยตัดสินใจกลับสปรินเตอร์แทน

แต่เราจะไปยังไงล่ะครับ ก็ในเมื่อผมมาถึง ขบวน 86 ก็เตรียมระฆังใกล้จะออกแล้ว อีกทั้งยังค่าโดยสารที่ถูกก็จริง แต่ด้วยค่าธรรมเนียมขบวนรถเมื่อรวมแล้วเป็น 180 กว่าบาทไปสุราษฎร์ ก็เลยติดสินใจแว้บมาที่สถานีสุราษฎร์ฯด้วยด่วนพิเศษดีเซลยางครับ ค่าโดยสาร 120 บาทแถมวิ่งเต็มพิกัด 120 กม./ชม. ด้วย

เมื่อมาถึงสถานีสุราษฎร์ธานี ก็พบกับดีเซลเฮนสเชล หมายเลข 3015 กำลังติดเครื่องรอสับเปลี่ยนขบวน 86 ครับ



ตรานี้ เข้าใจว่าเป็นตราการรถไฟ ที่จะต้องติดกับดีเซลไฮดรอลิกส์ทั้งหมด และเช่นกัน ก็ติดไว้กับเฮนสเชลหมายเลข 3015 ด้วย

[Compressor]

ฝั่งตรงข้ามของสถานี เป็นที่ทำการผู้ช่วยสารวัตรรถจักร หน่วย 10 สุราษฎร์ธานี (ช.สรจ.10 รท. หรือจะย่อว่า หน่วย 10 รท. ก็ได้)

เห็นเขาติดเครื่องปรับอากาศ ปูกระเบื้องอย่างดีแล้วคิดถึง หน่วย 10 อุบลมั่ง แถมยังติดจานแดง True Vision อีกต่างหาก



เกือบ 18.00 น. ก็มีขบวนรถด่วนพิเศษที่ 43 กรุงเทพ-สุราษฎร์ธานี ที่ล่าช้ามา 100 กว่านาที ก็มาถึงสถานีสุราษฎร์ฯ

นำมาด้วย กซข.ป.2501 กซม.ป.2110 และ กซข.ป.2505 ตามลำดับ ชุดเดียวกับที่ผมนั่งขบวน 4 สวรรคโลก-กรุงเทพ เมื่อคราวเยี่ยมชมโรงรถจักรอุตรดิตถ์ แต่รู้สึกว่า ขบวนนี้จะไปกลับรถที่สามเหลี่ยมจิตรลดามา เพราะตอนนั้น 2501 หันหน้าเข้ากรุงเทพ

แต่ก็แปลกดี ไม่รอให้เครื่องเย็นเลย ถึงสุราษฎร์ฯไม่ถึงนาทีครึ่งก็ดับเครื่อง

[Compressor]

รอประมาณ 30 นาที ก็เห็นขบวนรถด่วนที่ 86 นครศรีธรรมราช-กรุงเทพ ก็เข้าสถานีสุราษฎร์ธานีครับ

วันนี้ทำการมาโดยดีเซลไฟฟ้ายีอี หมายเลข 4539



พอมืดค่ำ ประมาณสักทุ่มเศษๆ ขบวน 448 สุไหงโกลก-สุราษฎร์ธานี ก็เข้าสถานีสุราษฎร์ธานีมาครับ โดยที่ตู้โดยสารทุกตู้ไม่เปิดไฟ ยกเว้น บพห.

ผู้โดยสารก็ไม่รู้ทนความมืดมาได้อย่างไรกัน

[Compressor]

สถานีสุราษฎร์ธานียามค่ำคืน