SUMMER (?) TRIP 2009 : ล่องใต้ปะทะฝนหลงฤดู

[Nippon_M]

โห เห็นพี่เต้ยไป คราวนี้ น่าไปจริงๆๆ คีรีรัฐฯ สายใต้ก็ไป จนสุดแล้ว เหลือแต่ สายคีรีรัฐ อิจฉาพี่เต้ยแล้วสิ ติดตามชมผลงานอยู่ เด้อ

[ExtendeD]

[ExtendeD]

บริเวณใกล้เคียงกับ สถานีฉวาง แห่งนี้มีสะพานโครงเหล็กทั้งหมด 3 แห่งครับ อยู่ทางด้านทิศเหนือ ( ทาง สถานีทานพอ -> สถานีสุราษฎร์ธานี ) 1 แห่ง และทางด้านทิศใต้ ( ทาง สถานีคลองจันดี -> สถานีชุมทางทุ่งสง ) อีก 2 แห่ง การลงพื้นที่จุดแรกของทริปนี้ ผมก็จะเริ่มจากสะพานโครงเหล็กที่อยู่ทางด้านทิศใต้ก่อน โดยที่สะพานที่อยู่ไกลที่สุดนั้นต้องเดินจาก สถานีฉวาง ไปประมาณ 2 กิโลเมตร แต่เป็นเพราะขบวนที่ 169 ล่าช้ากว่าที่คิดเอาไว้ แต่รถสายใต้ขบวนอื่นที่ตามหลังมาเสียเวลาไม่มาก ผมก็เลยต้องจำใจตัดสะพานแห่งนั้นออกจากแผนไป เพื่อเป็นการประหยัดเวลาไม่ให้แผนการเดินทางต่อ ๆ ไปได้รับผลกระทบครับ




จาก สถานีฉวาง ผมก็เดินตามทางประธานไปเรื่อย ๆ ผ่านประแจทางด้านทิศใต้ไปไม่นาน ก็เห็นสะพานแห่งแรกตั้งอยู่ท่ามกลางสายหมอก ไม่ไกลเกินเอื้อมครับ




ระหว่างทางก็สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด 1 ปีจะได้ลงใต้สักครั้ง ( แต่ปีนี้คงได้เป็น 2 ครั้ง ) นอกจากนั้นก็พยายามใช้เจ้า Olympus ถ่ายโน่นถ่ายนี่ไปเรื่อย ๆ พยายามสร้างความคุ้นเคย เพราะในทริปนี้ยังต้องอยู่ด้วยกันไปอีกหลายวันครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ผมมาถึงจุดเริ่มต้นการลงพื้นที่ที่ สถานีฉวาง บริเวณช่วงเสาโทรเลขที่ 723/7 - 723/8 เมื่อเวลา 07:23 น. มองตรงไปข้างหน้าเป็นทางไปสู่สะพานโครงเหล็ก ( ขนาดใหญ่ ) อีกแห่งหนึ่งที่ผมจำใจต้องตัดออกจากแผนไป ตรงไปอีกไม่กี่กิโลเมตรก็จะไปถึง สถานีคลองจันดี ครับ




ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานมากแค่ไหนกว่าจะเสร็จงาน รู้แต่ว่าในตอนนั้นขบวนรถสายใต้อีก 4 ขบวน ( ขบวนที่ 447 ขบวนที่ 173 ขบวนที่ 167 ขบวนที่ 85 และขบวนที่ 41 ) กำลังทยอยตาม ๆ กันมาแล้ว ( เจ้าหน้าที่ที่สถานีบอกมา ) เพราะฉะนั้นอย่าร่ำไรเสียเวลา เริ่มงานกันเลยดีกว่า . . .

หันหลังมองกลับไปทางด้านทิศเหนือ ( สถานีฉวาง ) ก็จะเห็นเสาสัญญาณหางปลา ซึ่งเป็นสัญญาณเข้าสำหรับขบวนรถขาเข้ากรุงเทพ ติดตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับเสาโทรเลขที่ 723/7 ครับ




ที่เสาสัญญาณหางปลาต้นนี้มี " ป้ายอนุญาตให้ใช้ความเร็วผ่านประแจ " ติดอยู่ด้วย ขบวนรถวิ่งผ่านประแจในทางตรงใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 105 กม./ชม. ส่วนขบวนรถที่ต้องเข้าไปจอดอยู่ในรางหลีกก็วิ่งได้ไม่เกิน 30 กม./ชม. ครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

เดินย้อนกลับไปตามทางรถไฟเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณช่วงเสาโทรเลขที่ 723/4 - 723/5 ก็เห็นว่าข้าง ๆ ทางมีป้ายสัญญาณปักอยู่อีก 1 ป้ายครับ




เป็น " ป้ายพิกัดความเร็วสูงสุดในทางประธาน " นั่นเอง สำหรับขบวนรถดีเซลรางสามารถใช้ความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กม./ชม. ส่วนขบวนรถที่ใช้รถจักรทำขบวนนั้นก็วิ่งได้เต็มที่ 100 กม./ชม. ครับ




ใกล้ ๆ กันก็มีหลักเขตสับเปลี่ยนปักอยู่ครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

แล้วผมก็เดินมาถึงสะพานโครงเหล็กแห่งแรกของทริปนี้ สะพานนี้ตั้งอยู่บริเวณช่วงเสาโทรเลข 723/3 - 723/4 หรือตำแหน่งกม. ที่ 723+183.65 เป็นสะพานช่วง Span เดียว ความยาว 40 เมตร พิกัดน้ำหนักกดเพลาที่รับได้ก็คือ 15 ตัน นำมาติดตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2504 ( ค.ศ. 1961 ) ครับ




มาดูภาพจากแผนที่ของ Pointasia บ้าง จะเห็นว่าสะพานแห่งนี้อยู่ห่างจาก สถานีฉวาง ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ 770 เมตร ถนนที่อยู่หน้า สถานีฉวาง นั้นตัดขนานกับทางรถไฟใกล้บ้าง ไกลบ้างยาวไปจนถึงตัวเมืองคลองจันดีเลยครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

มุมมองด้านข้างของสะพานแห่งนี้ครับ




ถ้าได้ไปเดินบนถนนที่อยู่ข้าง ๆ ทางรถไฟคงจะสามารถมองเห็นได้ชัดกว่านี้ แต่ว่าผมข้ามไปไม่ได้ครับ มีคูน้ำกั้นอยู่ คงต้องเดินย้อนไปอีกไกลเลย ซึ่งผมไม่มีเวลามากขนาดนั้น . . .


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ฐานยึดโครงสะพานที่ตั้งอยู่บนคอสะพาน ข้างล่างไม่มีพื้นที่ให้ยืน ก็เลยต้องส่องเอาจากด้านบนนี่ล่ะครับ




สะพานแห่งนี้ไม่มี nameplate เท่าที่เดินดูก็เห็นแต่ตัวอักษร " DORMANLONG & Co Ld MBRO " ติดอยู่ตามโครงเหล็กตัวสะพานเท่านั้นครับ



สะพานที่มีตัวอักษรคล้าย ๆ กันนี้ติดอยู่ที่โครงสะพานก็มีที่
1. สะพานพระราม ๖
2. สะพานจุลจอมเกล้า
3. สะพานปรมินทร์
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

สะพานแห่งนี้สร้างเอาไว้เพื่อข้ามแหล่งน้ำเล็ก ๆ เท่าที่ดูจากแผนที่ของ Pointasia ไม่สามารถเห็นปลายน้ำที่ชัดเจนได้ครับ แต่ไหน ๆ ก็มายืนอยู่กลางสะพานแล้ว ตามธรรมเนียมหันมองออกไปดูรอบ ๆ ตัวกันหน่อย เริ่มจากทางซ้ายเห็นน้ำอยู่แค่นี้ ในแผนที่ก็เห็นอยู่แค่นี้เหมือนกันครับ




ดูทางขวาบ้าง เท่าที่ลองไล่ดูในแผนที่จะเห็นลำน้ำสายนี้ยาวมาจากทางด้านทิศเหนือ แต่พอผ่านถนนที่เป็นทางไปสู่ ตำบลไสหร้า - ตำบลละอาย ไปแล้ว ก็มองไม่เห็นแล้วครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

การพาชมสะพานแห่งแรกของทริปนี้ก็คงจะจบลงแต่เพียงเท่านี้ครับ รูปข้างล่างนี้เป็นมุมมองไปทางทิศใต้ ( สถานีคลองจันดี - สถานีชุมทางทุ่งสง ) ครับ




เสาโทรเลขที่อยู่ทางด้านทิศเหนือของสะพานแห่งนี้ก็คือเสาโทรเลขที่ 723/3 ผมยังคงต้องเดินฝ่าสายหมอกไปที่ สถานีฉวาง จากนั้นก็จะไปเดินดู สะพานข้ามแม่น้ำฉวาง ที่อยู่ห่างออกไปทางด้านทิศเหนือครับ




เดินมาสักพักก็ผ่านมาถึงหลักกิโลเมตรที่ 723 ครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.