View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
donatt76
1st Class Pass (Air)
Joined: 03/09/2006 Posts: 2587
Location: บางนา สุวรรณภูมิครับ
|
Posted: 20/07/2009 12:58 am Post subject: |
|
|
ตอบประเด็นเรื่องเช็คอินก่อน หรือ ซื้อตั๋วก่อน ละกันนะครับ....
ผมมองต่างจากคุณบอย กะ น้องปิ นิดนึง...ผมกลับเห็นว่าการเช็คอิน ก่อนซื้อตั๋ว เหมาะสมแล้วครับ....แต่ต้องทำแบบโบราณหน่อยนะครับ คือ ให้ Xray กระเป๋า ก่อนทำการเช็คอิน ว่าง่ายๆก็คือ ใช้ระบบเก่าของดอนเมืองนั่นแหละครับ...ตอน X-Ray จะเห็นอยู่แล้วว่า ข้างในมีอะไร ต้องสงสัยหรือไม่...จากนั้นก็เข้าไปเช็คอินกับสายการบิน รับ Boarding Pass แล้วผูก Tag ก่อนส่งขึ้นรถไฟไปที่สุวรรณภูมิ....
โดยที่...จะต้องมีการกำหนดเวลาในการเปิดเคาท์เตอร์เช็คอินของแต่ละเที่ยวบิน...ว่าเคาท์เตอร์จะเปิด 3 ชั่วโมง ล่วงหน้า และปิดรับเช็คอิน 1 ชั่วโมงก่อนทำการบิน...ไม่ใช่ว่า เปิดรับทุกเที่ยวบิน เช็คตอนไหนก็ได้...โดยที่ 1 เคาท์เตอร์ จะต้องรับเช็คอิน 2-3 เที่ยวบิน ต่อรอบ...ก็จะทำงานได้เร็ว ส่งกระเป๋าได้ทัน
ทีนี้ เมื่อเวลาจำกัดขนาดนั้น ใครจะไม่นั่ง Express ยอมนั่ง City Line ไป หรือ ใครจะทะลึ่งบ้องนั่ง Taxi ไป หรือ โหนรถเมล์ไปก็ช่างแกเถอะครับ เพราะถ้าถึง Boarding Time แล้วเจ้าตัวไม่ไปขึ้นเครื่อง...ก็ Off Load ตามปกติ,...ส่วนกระเป๋า ไม่ต้องขนกลับมาที่มักกะสันนะครับ...ทิ้งไว้ที่สุวรรณภูมินั้นแหละ ให้เจ้าของไปเอา ถ้าไม่ไปเอา ก็ทำตามขั้นตอนปกติไป
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผู้โดยสารขาเข้า...เท่าที่ทราบ และควรจะเป็น...คือ รับกระเป๋าที่สายพานปกติ แล้ว ลากขึ้นขบวนรถไปเอง ครับ...อย่าทำระบบไปรับที่ City Terminal เลยครับ วุ่นวายเปล่าๆ ยิ่งถ้ามีปัญหากระเป๋าผู้โดยสารหายล่ะก็ดูไม่จืดเลยครับ เพราะจะไม่รู้ว่าใบไหนล่งไป City Terminal แล้วหรือใบไหนยังอยู่ที่สายพานสุวรรณภูมิ ยิ่งช้าไปกันใหญ่
อีกปัญหาคือ ในการเคลียศุลกากรจะทำยังไง หรือต้องตั้ง Custom ที่ City Terminal ให้วุ่นวาย และยังเปลืองงบประมาณ เปลืองกำลังพลอีกด้วย....
หรือ ถ้าอยากจะทำจริงๆ...ให้ผู้โดยสารรับกระเป๋า ผ่าน Custom Check ให้เรียบร้อย...แล้วเช็คอินอีกครั้งที่เคาท์เตอร์ของ ARL เพื่อไปรับกระเป๋าปลายทาง...แต่นี่ จะยิ่งทำให้ค่าใช้จ่ายของ ARL เพิ่มอีกนะครับ...
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องสายการบินที่จะมา...แฮะๆๆๆ อยากจะบอกว่า ตอนนี้ยังไม่มีสายการบินไหนตอบรับซักสายเลยครับ...แต่แน่นอนว่า TG คงจะโดนบังคับให้มาแน่นอน ส่วนพวก Low Cost อย่างเจ้าหางแดง คงเลือกที่จะไม่มาเปิด City Check In ให้มันเปลือง OP Cost ขึ้นไปอีกแน่ๆ
ใจจริงผม อยากให้ City Check In เปิดให้บริการเฉพาะ เที่ยวบินระหว่างประเทศด้วยซ้ำ...ส่วนเที่ยวบินในประเทศซึ่งใช้เวลาเช็คอินน้อยกว่า ก็ให้ไปทำที่สุวรรณภูมิ เหมือนเดิม เพราะอย่างไรเสีย...ผู้โดยสารทุกคน ก็ต้องผ่านชั้นผู้โดยสารขาออกที่ชั้น 4 อยู่ดีนี่ครับ
ข้อจำกัดของบางเที่ยวบิน...ไม่สามารถเปิด In Town Check Inn ได้แน่ๆ...คือ เที่ยวบินที่บินเข้า สหรัฐอเมริกา และ แคนนาดา ซึ่งจะต้องทำการ Hand Inspect กระเป๋าทุกใบก่อนนำเข้าสายพาน...อันนี้คงจะต้องไปเช็คอินที่สุวรรณภูมิตามเดิมล่ะครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Note: โดยสรุปคือ
ARL จะต้องให้บริการผู้ที่ประสงค์จะเดินทางสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทุกท่านครับ...แม้ว่า ผู้นั้นจะแต่นั่งรถเล่น ไม่ได้โดยสารเครื่องบินก็ตาม...ดังนั้นถูกต้องแล้วครับ ที่การเช็คอิน กับการโดยสารรถไฟฟ้า จะต้องเป็นคนละส่วนกัน
เช่นกัน...City Terminal จะต้องให้บริการผู้ที่เดินทางกับเที่ยวบินที่มีเคาท์เตอร์บริการ ณ มักกะสันทุกท่าน...แม้ว่าคนๆนั้น จะไม่เดินทางด้วย ARL ก็ตามครับ
และที่กล่าวมาข้างต้น...เป็นเพียงความเหนส่วนบุคคลครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ป๋าณัฐครับ
ฝากถามเรื่อง Lift หน่อยนะครับ...ตอนนี้ Lift มันลงไปแค่ชั้น 1 ที่จอดรถบัส...ส่วน ARL อยู่ใต้ดิน...ถ้ามี Lift ลงไปถึงชั้นขายตั๋วของ ARL เลยจะดีมากๆเชียวครับ
อีกอย่างป้ายบอกทาง...เอาให้ชัด ให้คนหาเจอนะครับ...กลัวมากๆ คือ คนอยากขึ้น แต่หารถฟไม่เจอ ไม่รู้ว่าจะลงไปทางไหน.... _________________
|
|
Back to top |
|
|
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
Joined: 10/07/2006 Posts: 1346
|
Posted: 20/07/2009 8:58 am Post subject: |
|
|
เพิ่งเห็นใน TV เมื่อไม่นานมานี้ว่า ใช้ระบบจ่ายไฟฟ้าเหนือศีรษะ |
|
Back to top |
|
|
nathapong
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 3515
Location: Ayuthaya - Lamlukka - Navanakhon - Silom
|
Posted: 20/07/2009 9:48 am Post subject: |
|
|
ลิฟต์ นั้นมี อะท่านแต่ต้องเดิน+ลากกระเป๋าของท่าน เดินยาว ๆ มาตรงช่องทางลง
แถว ประตู 4 5 แถวๆ นั้นแหละ ที่เหลือเดินจั้มปื้ด มาที่ลิฟท์ + ทางเลื่อน
เท่าที่ไปดูตอนที่ รฟท เขาเชิญเมื่อนานมาแล้ว ช่องทางที่ว่ายังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและไม่เคยเห็นภาพ ช่องทางตรงนี้ เลยจนถึงวันนี้ อะอะ....
คงรอดูไปตอนหลังการเปิดใช้อย่างในช่วงปลายปีไปแล้ว หรือ ไปใช้บริการตอนหนีเที่ยว โน่นแหละ ค่อยเก็บมาเปรียบเทียบ กันอีกทีนึง
ส่วนเรื่อง ป้าย แนะนำ ไม่ใช่ใส่ร้ายป้ายสี
คงต้องรอการส่งมอบและการเชื่อมเข้าสู่ท่าอากาศยาน ที่ข้อตกลงระหว่างสองหน่วยงานจะตกลงกันอย่างไร แต่ก้ยังหวังว่าคงไม่เหมือนการงมหาป้าบบอกทางไปที่ Bus Terminal ที่ขึ้นรถบัสเข้าเมืองในราคา 150 บาท ใครหาป้ายบอกเจอช่วยถ่ายภาพมาลง ก็ดีขอรับ
-------------------------------------------
เรื่องระบบไฟฟ้าที่จ่ายให้กับตัวรถ มีการลงบทความที่เขียนโดย คุณวุฒิไกร วิศวกร 8
ในวารสารรถไฟสัมพันธ์ ครับพี่มิงค์ อยู่ในตอนแรก เลย ...
แต่อยู่ในเล่มไหน ผม จำไม่ได้ครับ แหะ ๆ |
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 20/07/2009 9:59 am Post subject: |
|
|
rodfaithai wrote: | เพิ่งเห็นใน TV เมื่อไม่นานมานี้ว่า ใช้ระบบจ่ายไฟฟ้าเหนือศีรษะ |
เมื่อก่อนนี้ เคยมีคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เขียนไว้ว่า ทำไม ARL ถึงเลือกใช้ "ระบบสายส่งกระแสไฟฟ้าด้านบน" (Overhead Catenary System - OCS) ซึ่งเป็นแบบโบราณ ไม่ทันสมัยเหมือน MRT & BTS ที่ใช้ระบบ 3rd Rail .... น่าจะให้ใครเข้ามาตรวจสอบหน่อย ว่าโครงการนี้ มีการทุจริตอะไรหรือไม่ ประมาณว่าจ่ายเงินแพง แต่ได้ของเก่า ประมาณนี้ (ผมยังสแกนเก็บเอาไว้อยู่เลย)
จริงๆ แล้วก่อนเขียนน่าจะศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อนนะครับว่า ไอ้เทคโนโลยีส่งไฟฟ้าแบบนี้ มันเก่าโบราณจริงหรือไม่ แล้วทำไม ARL ถึงเลือกใช้ระบบแบบนี้ อีกทั้งรถไฟความเร็วสูงระดับโลก ทั้ง TGV, Shinkansen หรือที่อื่นๆ ต่างก็ใช้ระบบส่งไฟฟ้าเหนือขบวนรถกันทั้งนั้น (ถ้าเก่าโบราณจริงๆ เค้าจะยังใช้กันอยู่ทำไม) จะได้ไม่ต้องมาหน้าแหกในภายหลัง |
|
Back to top |
|
|
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
Joined: 10/07/2006 Posts: 1346
|
Posted: 20/07/2009 10:08 am Post subject: |
|
|
CivilSpice wrote: | เมื่อก่อนนี้ เคยมีคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เขียนไว้ว่า ทำไม ARL ถึงเลือกใช้ระบบส่งกำลังไฟฟ้าแบบเหนือตัวรถ ซึ่งเป็นแบบโบราณ ไม่ทันสมัยเหมือน MRT & BTS ที่ใช้ระบบ 3rd Rail .... น่าจะให้ใครเข้ามาตรวจสอบหน่อย ว่าโครงการนี้ มีการทุจริตอะไรหรือไม่ ประมาณว่าจ่ายเงินแพง แต่ได้ของเก่า ประมาณนี้ (ผมยังสแกนเก็บเอาไว้อยู่เลย)
จริงๆ แล้วก่อนเขียนน่าจะศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อนนะครับว่า ไอ้เทคโนโลยีส่งไฟฟ้าแบบนี้ มันเก่าโบราณจริงหรือไม่ แล้วทำไม ARL ถึงเลือกใช้ระบบแบบนี้ อีกทั้งรถไฟความเร็วสูงระดับโลก ทั้ง TGV, Shinkansen หรือที่อื่นๆ ต่างก็ใช้ระบบส่งไฟฟ้าเหนือขบวนรถกันทั้งนั้น จะได้ไม่ต้องมาหน้าแหกในภายหลัง |
นั่นสิครับ
ไม่รู้ว่ามีใครเคยทำตารางเปรียบเทียบ ข้อดี ข้อจำกัด ระหว่างระบบจ่ายไฟทั้งสองแบบนี้ไหมครับ และที่สำคัญ ราคาค่าก่อสร้างอย่างไหนถูก/แพงกว่ากัน ครับ
จริงๆ แล้วก็อยากให้ขนส่งมวลชนหาดใหญ่-สงขลา ใช้รถไฟฟ้า จะได้ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ใช้ราง 1 เมตรก็ได้ รถไฟธรรมดาก็จะใช้รางร่วมกันได้
สงสัยว่าถ้าจะเอามาใช้ที่หาดใหญ่-สงขลา จ่ายไฟเหนือศีรษะน่าจะเหมาะสมกว่า |
|
Back to top |
|
|
nathapong
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 3515
Location: Ayuthaya - Lamlukka - Navanakhon - Silom
|
Posted: 20/07/2009 10:24 am Post subject: |
|
|
อะอะ...แต่สื่อใหญ่ค่ายนี้ได้รับเชิญไปดูความคืบหน้าตลอด มิใช่หรือท่าน วมต อิอิ...
พวกเราเป็นแค่ชุมนุมคนออนไลน์ ที่รักรถไฟกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่ใช่ สื่อมวลชน รายใหญ่ ที่ต้องมาเชิญ แต่สับสนนิด ๆ กับสมาชิกบางท่าน ที่คนต่างชาติรู้จัก เป็นอย่างดี ถึงขนาดแวะมาแซว ก่อนขึ้น ICE ...... ว่าแต่เขาคนนั้น.....ใครเอ่ย
-----------------------
กรณี การจ่ายไฟ ด้านบนหรือล่าง จะมีบทความเกี่ยวกับสายสีแดง ที่ชี้แจงต่อสื่อมวลชน ประมาณเดือน สิงหาคม ปี 2550 โดยคุณนคร จันทศร
------------------------------------------------------------------
3. รถไฟฟ้า คือรถไฟทั้งรถจักรดีเซล และรถดีเซลรางที่ยกเครื่องยนต์ดีเซลและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าออกไปจากตัวรถแล้วใช้ไฟฟ้าจากสถานีจ่ายไฟมาใช้ในการขับเคลื่อนแทน โดย การเดินรถไฟฟ้าจำแนกตามระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ 2 ประเภท คือ .-
1. การเดินรถไฟฟ้าโดยระบบการป้อนกระแสไฟฟ้าจากรางที่สาม (Third Rail Feeding System) เป็นรถไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นใช้งานในระยะแรกและยังใช้ได้ดีในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้กับระบบการเดินรถที่ใช้กระแสไฟฟ้าตรง แรงดันไม่เกิน 750 โวลท์ และมักใช้กับระบบรถไฟขนส่งในเมือง หรือระบบ Mass Transit ทั้งใต้ดินและยกระดับ เนื่องจากการลงทุนติดตั้งระบบป้อนกระแสไฟฟ้าประหยัด กว่าและเหมาะกับการเดินรถหนาแน่นในช่วงสั้น ๆ ที่มีสถานีห่างกัน 1-2 กิโลเมตร
2. การเดินรถไฟฟ้าโดยระบบการป้อนกระแสไฟฟ้าสายส่งเหนือหัว (Overhead Wire Feeding System) ความจริงระบบนี้มีการใช้งานมานานแล้วคือใช้ในรถราง (Tram) แต่ใช้กับแรงดันไฟฟ้าตามบ้านทั่วไปและมีความเร็วต่ำ รถไฟฟ้าที่ป้อนกระแสไฟฟ้าด้วยระบบสายส่งเหนือหัวในปัจจุบันใช้กับแรงดันไฟฟ้าสูงกว่า ได้แก่ไฟฟ้ากระแสตรงแรงดัน 1,500 โวลท์ (รถไฟ Airport Link ในฮ่องกง) หรือกระแสตรงแรงดัน 3,000 โวลท์ ส่วนระบบที่นิยมใช้กันเป็นมาตรฐานในปัจจุบันสำหรับรถไฟความเร็วปกติและรถไฟความเร็วสูงคือ ระบบกระแสสลับแรงดัน 25,000 โวลท์ ซึ่งเหมาะกับระบบการเดินรถวิ่งระหว่างเมืองที่สถานีมีความห่างกันเฉลี่ย 3-5 กิโลเมตร ขึ้นไป รวมทั้งรถไฟความเร็วสูงซึ่งสถานีอาจอยู่ห่างกันถึง 50 กิโลเมตร ขึ้นไป การป้อนไฟฟ้าด้วยระบบความดันกระแสสลับสูงจะมีประสิทธิภาพดีกว่า และประหยัดกว่าการป้อนระบบไฟฟ้ากระแสตรง
การใช้แรงดันไฟฟ้าสูงยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบ และปัจจุบันระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ด้วยกระแสสลับให้กำลังและประสิทธิภาพสูงเป็นระบบที่ใช้กับระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงและด้วยเทคโนโลยีของระบบควบคุมมอเตอร์กระแสสลับที่ล้ำยุค ทำให้การควบคุมขบวนรถมีความราบเรียบ อัตราการเร่งสูงทุกกรณี ทั้งในภาวะทางลาดชัน ทางโค้ง มีกำลังสูงกว่าระบบอื่น ๆ เมื่อเทียบกับขนาดและน้ำหนักที่เท่ากัน จึงเป็นระบบที่ทุกการรถไฟในโลกใช้เป็นระบบมาตรฐานติดตั้งสำหรับ การเดินรถโดยสารและสินค้าทางไกล ตลอดจนรถไฟความเร็วสูง
ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าเหนือหัวและการป้อนกลับครบวงจรไฟฟ้าด้วยรางที่สาม จะสามารถติดตั้งได้กับรางรถไฟทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นรางกว้างมาก (Broad Gauge) หรือรางแคบ (Narrow Gauge) ดังนั้น ขนาดความกว้างของรางไม่ใช่อุปสรรคในการจัดทำระบบรถไฟฟ้า ทั่วโลกทั้งสหรัฐอเมริกา ประเทศในทวีปยุโรป เอเซีย ฯลฯ ซงมีความกว้างของรางทั้งประเภท Broad Gauge และ Narrow Gauge มีการติดตั้งระบบไฟฟ้าทั้งกระแสไฟฟ้าสลับแรงสูง และระบบกระแสไฟฟ้าตรงได้ทั้งสิ้น ดังตัวอย่างของรถไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น หรือ อินโดนีเซีย ซึ่งรางกว้าง 1.067 เมตร มาเลเซีย 1 เมตร (เท่ากับประเทศไทย) อินเดีย 1.676 เมตร รัสเซีย 1.525 เมตร หรือระบบรถไฟฟ้าใต้ดินและ BTS 1.435 เมตร ก็ติดตั้งระบบไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น
ที่มา นคร จันทศร รองผู้ว่าการรถไฟ สิงหาคม 2550
ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นการสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงบนรางกว้าง 1 เมตร
--------------------------------------------------------------------------
แต่ที่สำคัญ สิ่งทีชี้แจงไปนั้น หายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง
----------------------------------------------------------------
ในรายละเอียดรบกวนพี่มิงค์ส่ง อีเมล์ของพี่มาโดยใช้ช่องทาง PM ก็ได้ครับจะจัดส่งไปให้
เนื่้อหาประมาณ หลายสิบหน้าอยู่ |
|
Back to top |
|
|
donatt76
1st Class Pass (Air)
Joined: 03/09/2006 Posts: 2587
Location: บางนา สุวรรณภูมิครับ
|
Posted: 20/07/2009 1:10 pm Post subject: |
|
|
อย่างที่ป๋าณัฐว่าล่ะครับ....การจ่ายกระแสไฟฟ้าแบบกระแสสลับ ด้วยเสาเหนือหลังคาย่อมให้ประสิทธิภาพดีกว่า การจ่ายผ่านรางที่ 3....ซึ่ง MRT ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ข้อด้วยของระบบดังกล่าว คือ ช่วงประแจทางแยก จะไม่สามารถวางรางที่ 3 ได้ ดังนั้นบางครั้งจึงเกิดปัญหาไฟไม่พอเข้าเครื่อง....จนต้องเอารถมาดันให้ขบวนรถที่หมดแรง ได้แต่กับรางที่ 3....
จนในที่สุดก็เกิด อุบัติเหตุ รถไฟไหลจากโรงเก็บ ไปชนกับขบวนที่อยู่ในระบบ...จนมีผู้บาดเจ็บมากมาย _________________
|
|
Back to top |
|
|
Rakpong
President
Joined: 29/03/2006 Posts: 1716
Location: แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก
|
Posted: 20/07/2009 7:30 pm Post subject: |
|
|
เรื่องรถไฟด่วนสนามบิน มีีตัวอย่างที่สนามบิน แช๊บแล๊ปก๊อก ที่ฮ่ิองกงมาฝาก
1. ภาพแรก ออกประตู Arrival Gate มา เจอนี่ก่อนเลย เคาน์เตอร์ของรถไฟด่วน Airport Express เข้าเมือง มีเจ้าหน้าที่บริการพร้อม โฆษณา ออกทุก 12 นาที ถึงกลางเมืองใน 24 นาทีเรียกว่า ลืมแท๊กซี่กันไปเลย
2. ตอนไปฮ่องกงครั้งนั้น ก็ได้เห็นที่คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่กล่าวถึงระบบจ่ายไฟ ARL ของเราไม่ทันสมัย อยากรู้ว่าที่ฮ่องกงเป็นอย่างไร ก็พบว่าจ่ายจากสายไฟเหนือรางเช่นเดียวกับ ARL ตกลงฮ่องกงนี่ล้าสมัยหรือเปล่า
และก็ได้คำตอบจากบทความของ อ.นคร และความเห็นผู้มีประสบการณ์ทุกท่านแล้ว ว่าข้อดี ข้อจำกัดของระบบจ่ายไฟแต่ละแบบนั้นเป็นเช่นไร |
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 20/07/2009 8:00 pm Post subject: |
|
|
เร็วๆ นี้ เราจะนำบทความที่เกี่ยวกับ ARL ซึ่งเขียนโดย นายช่างวุฒิไกร วะชังเงิน วิศวกรกำกับการ โครงการ Airport Rail Link ซึ่งเคยนำเสนอไปแล้ว ใน Transport Journal นำมาเรียบเรียงใหม่ และเผยแพร่ในรถไฟไทยดอทคอม ในส่วนของสาระความรู้ เกี่ยวกับ ARL เป็นลำดับต่อไป (ลักษณะเดียวกับบทความเรื่องรถไฟฟ้าความเร็วสูง ของอาจารย์นคร จันทศร ที่เคยนำเสนอไปแล้ว)
จริงๆ เรียบเรียงไว้แล้วบางส่วน แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ครับ อดใจรอสักหน่อยก็แล้วกัน ซึ่งในที่นี้ เราได้รับอนุญาตจาก นายช่างวุฒิไกร เจ้าของบทความดังกล่าว ให้นำมาเผยแพร่เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ |
|
Back to top |
|
|
suraphat
1st Class Pass (Air)
Joined: 12/02/2007 Posts: 1117
Location: ดินแดง ห้วยขวาง
|
Posted: 20/07/2009 11:53 pm Post subject: |
|
|
แหม!!! ช่างแตกต่างกับที่สนามบินที่มหานครชิคคาโก้ กันอย่างสิ้นเชิงเลยครับ
กล่าวคือที่ชิคาโก้นั้นจะเป็นเพียงรถที่ใช้ขนส่งมวลชนเท่านั้น โดยไม่ได้มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการที่สนามบินเลยครับ
แต่ก็แปลกตรงที่ เขาก็ได้ใช้ระบบในแบบนี้กันทั้ง 2สนามบินเลยนะครับ คือทั้งที่สนามบิน O Hare กับที่สนามบิน Midways นะครับ |
|
Back to top |
|
|
|