ขุดกรุ : ไม่เจอร้านข้าวมันไก่เจ้าเด็ดที่ กบินทร์บุรี

[black_express]

เป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ หรือว่าอยู่ในช่วงตรุษจีนก็ได้

ที่มาของเรื่องนี้ เริ่มจากการสื่อสารกันช่วงบ่ายแก่ๆ วันศุกร์ที่ผ่านมา ระหว่างผมกับคุณบอมบ์ ( Civil Spice ) คุยกันถึงหัวรถจักรไอน้ำ " บรัช " ที่อยู่ในสวนสุขภาพของเทศบาลกบินทร์บุรี ที่คุณก้อง ( Conrail ) เล่าในกระทู้ก่อนหน้านั้น เรื่อยเปื่อยไปถึงเส้นทางรถไฟสายปราจีนบุรี ที่แต่ละคนไม่เคยไป สรุปท้ายตรงที่ว่า ไปดูกันไหม ?



ใจง่ายอยู่แล้วครับ เช้าวันตรุษจีน ทั้งสองคนมานั่งตาปรือ ตั้งหลักกลางความมืดที่สถานีมักกะสัน รอขึ้น ข. 275 กรุงเทพ - อรัญประเทศ ลงปลายทางที่สถานีกบินทร์บุรี



รอกันได้สักพัก นักการของสถานีมักกะสัน นำห่วงทางสะดวกขึ้นแขวนเสา แสดงว่าเวลาเดินทางเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว



เวลา 06.10 น. ข.275 กรุงเทพ - อรัญประเทศ แล่นฝ่าความมืดเข้าสู่ชานชาลาสถานีมักกะสันล่ะครับ



วันนี้คนโดยสารเยอะเป็นพิเศษ แต่ผู้โดยสารหน้าใหม่ 2 ราย ไม่ใส่ใจหรอกครับ ทำหยิ่งจองชั้นพิเศษยืนท้ายขบวน หามุมมองเก็บภาพ ยืนยาวไปถึงกบินทร์บุรีโน่นแน่ะ

[black_express]

จากมักกะสัน ข.275 กรุงเทพ - อรัญประเทศ ฝ่าความมืดตอนรุ่งสาง ผ่านที่หยุดรถอโศก ,คลองตัน แล้วหยุดรับผู้โดยสารที่สถานีหัวหมาก ต้นทางรางคู่สายตะวันออก

ตอนนี้คงไม่เหงาแล้วครับ เพราะมีแค้มป์หัวงานของ บ.อิตัลไทย ตั้งอยู่ที่นี่ รับงานก่อสร้างทางรถไฟด่วนสายสนามบินสุวรรณภูมิ และมีอีกแค้มป์หนึ่งบริเวณสถานีลาดกระบัง



รับผู้โดยสารจนเป็นที่พอใจแล้ว ขบวนรถก็ถอยหลังมาตั้งหลักเข้าเส้นทางกันใหม่ เพราะรางที่จอดเป็นเส้นทางขาเข้า ฮ่า... ลืมโยกหัวประแจครับ

อาจมีใครถามว่า เมื่อมีทางคู่แล้วเสร็จ น่าจะแล่นไปเข้าหัวประแจข้างหน้าสู่เส้นทางขาออกได้เหมือนสายเหนือ - อีสาน - ใต้ แต่สายตะวันออกไม่เป็นเช่นนั้นครับ เพราะต้องรอการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณสัมพันธ์กับประแจรางให้แล้วเสร็จก่อน ประแจช่วงหัวหมาก - ชท.ฉะเชิงเทรา จึงเป็นประแจระบบคนโยกดั้งเดิม

ขืนให้คนการไปรอสับรางที่หัว - ท้ายสถานี เป็นได้หอบแดดแน่ๆ ระยะหัวประแจห่างกันอักโข เลยให้ขบวนรถถอยยาวดีกว่า

ตอนนี้ ข.275 ล่าช้ากว่ากำหนดแล้ว 20 นาที



ผ่านสถานีหนึ่งที่ดูแปลกๆ บนเส้นทางสายตะวันออก สถานีบ้านทับช้าง

ห้องทำงานนายสถานีอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ครับ เพราะอาคารสถานีต้องหลีกทางให้โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสายสนามบินสุวรรณภูมิเช่นกัน



ฟ้าสางแล้วครับ ตอนนี้ ข.275 ไปหยุดรับผู้โดยสารที่สถานีลาดกระบัง

สถานีแห่งนี้ก็แปลกเช่นกันครับ เพราะยกที่ทำงานไปอยู่ชั้นลอย ด้วยเหตุพื้นที่จำกัด ต้องแบ่งให้กับแนวทางโครงการรถไฟด่วนสายสนามบินสุวรรณภูมิด้วย

คงเป็นสถานีเดียวใน รฟท. มีที่ทำการไปอยู่ชั้นลอยเหนือทางรถไฟ ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร



ช่วงนี้ แนวรางเดิมถูกรื้อล่ะครับ คงหลีกบริเวณโครงการทางรถไฟสายสุวรรณภูมิ ก่อนจะเลี้ยวข้ามทางรถไฟสายตะวันออกเข้าสู่บริเวณสนามบิน

ขากลับ คุณบอมบ์จะนำรูปช่วงผ่านบริเวณก่อสร้างมาให้ดูกันอีกทีครับ



บริเวณนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้กันแล้วครับว่า อยู่ตรงไหน ?

จุดรวมพลสมาชิกรถไฟไทยดอทคอม สาขา วิทยาเขตเจ้าคุณทหาร ช่วงนี้เงียบหายไป คงเรียนหนัก

คิดถึงทุกคนครับ

[black_express]

ต้องขออภัยครับ ที่ปล่อยให้กระทู้ค้างอยู่ เพราะที่ทำงานผมกำลังย้าย server ไปติดตั้งที่ทำงานใหม่ ซึ่งหมายความถึง หน่วยงานผมมีกำหนดย้ายเข้าที่ตั้งใหม่เหมือนกัน คาดว่าจะใช้เวลาราว 1 เดือน จนกว่าเหตุการณ์จะเข้าปกติ

มีเวลาอีกเล็กน้อย มาต่อเรื่องกันหน่อยครับ



จากที่หยุดรถพระจอมเกล้า วิ่งอีกอึดใจก็ถึงแล้วครับ สถานีหัวตะเข้



ข.372 ปราจีนบุรี - กรุงเทพ เข้าเทียบชานชาลาพอดี...



พ้นจากสถานีหัวตะเข้ เส้นทางรถไฟสายนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างเข้ามาตรฐานแล้วล่ะครับ มองจากท้ายขบวน ถ้าไม่บอก อาจคิดว่าอยู่ในเส้นทางสายเหนือช่วงอยุธยาก็ได้

[black_express]

และแล้ว ขบวนรถเที่ยวเช้าของวันนี้ แล่นผ่านสถานีคลองหลวงแพ่ง สถานีสุดท้ายในพื้นที่กรุงเทพมหานครก่อนเข้าสู่เขตจังหวัดฉะเชิงเทรา



และก็ สถานีเปรง สถานีชื่อพยางค์เดียวแบบนี้ มีอยู่ไม่กี่แห่งครับ แต่ป้ายสถานีเล็กมาก น่าจะกว้างเป็นมาตรฐานเดียวกันนะ ?

ใครพอค้นได้ไหมครับว่ามีสถานีอะไรบ้าง ? มาแบ่งปันความรู้กันหน่อย



ที่หยุดรถคลองแขวงกลั่น แต่มีอาคารสถานีพร้อมใช้งานได้ทันที หรือว่าเคยเป็นสถานีมาก่อนครับ ?



สถานีคลองบางพระ ที่อาคารมักเป็นรูปแบบเดียวกันหมดตามยุคสมัย ดูครั้งเดียวแล้วผ่าน ขาดเสน่ห์จริงๆ นะครับ





ออกจากที่หยุดรถบางเตย สวนกับขบวนรถสินค้าคอนเทนเนอร์จากท่าเรือแหลมฉะบัง อะโห....ยาวเหยียดจริงๆ



ในที่สุด ทางสามจากหัวหมาก มาสิ้นสุดที่ชุมทางฉะเชิงเทรา

ดูแค่หัวประแจคงพอเข้าใจนะครับว่า ทำไมขบวนรถถึงเสียเวลาถอยหลังที่สถานีหัวหมาก



ฮ่า...มีผู้โดยสารลงจากขบวนรถที่นี่กันหนาตา พร้อมกับเวลาจอดที่นี่ค่อนข้างนานอีกด้วย



ขอชักภาพทีมงานสักหน่อย รูปนี้แต่เดิม มีขาใหญ่ประจำย่านยืนอยู่ข้างๆ ด้วยล่ะ แต่ปัดเป่าไปด้วยอิทธิฤทธิ์ของ Photoshop ครับ

ไม่งั้นไม่หล่อนะ ? คุณบอมบ์

[black_express]

หลังจากจอดพักที่ชุมทางฉะเชิงเทราได้ราวสิบนาที ข.275 ก็ได้เวลาออกจากสถานีแล้วครับ และเป็นความตื่นเต้นของผู้โดยสารสองรายนี้ด้วย

เพราะเป็นครั้งแรกที่เข้าสู่เส้นทางรถไฟสายตะวันออกมุ่งไปยังจังหวัดปราจีนบุรี เตรียมพร้อมเต็มที่เชียวล่ะ



แยกจากเส้นทางสู่แปดริ้ว ที่อยู่ด้านซ้ายภาพ

ขบวนรถแล่นมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ สู่พื้นที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว กันต่อไป



ครับ...ถึงแม้ว่าจะเป็นเส้นทางเดี่ยว แต่ก็วางรางขนาด 100 ปอนด์บนหมอนคอนกรีตโมโนบล็อก พร้อมล้าง - อัดหินรองรางอย่างดี เพราะเป็นเส้นทางหลักของขบวนรถสินค้าไปสู่สถานีชุมทางแก่งคอย ด้วยครับ



อีกพักหนึ่ง ขบวนรถที่เราโดยสารมาผ่านที่หยุดรถโพรงอากาศ มีผู้โดยสารลงที่นี่หลายราย



สถานีบางน้ำเปรี้ยว อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ขบวนรถเข้ารอที่รางหลีก เพราะได้กำหนดเวลาที่ ข.498 กบินทร์บุรี - กรุงเทพ ขบวนรถรวมหนึ่งในสี่ขบวนที่มีอยู่ของการรถไฟฯ เข้าสู่สถานีแห่งนี้แล้วครับ

ด้านเหนือย่านสถานี มีสะพานลอยรถยนต์ข้ามอยู่แห่งหนึ่ง เป็นเส้นทางจากฉะเชิงเทรา - บางน้ำเปรี้ยว - บ้านสร้าง ไปสู่ปราจีนบุรี นัยว่าเป็นเส้นทางลัดสายหนึ่งที่ขับรถยนต์มากรุงเทพฯ ได้โดยสะดวกของคนปราจีนบุรี



จอดรอค่อนข้างนานโข จนในที่สุดก็มาแล้วครับ ข.498 กบินทร์บุรี - กรุงเทพ แล่นเข้าสู่สถานีบางน้ำเปรี้ยว มี บตญ.พ่วงรวมมาด้วย



ถึงเวลา ข.275 ออกจากสถานีบางน้ำเปรี้ยวแล้วล่ะ เอ้อ...ทำไมถึงเรียกชื่อว่า " บางน้ำเปรี้ยว " ใครพอทราบบ้างครับ ?

พ่วงไปถึงสถานีกรุงเทพ เลยครับ ไม่ได้ตัดพ่วงที่มักกะสันเช่นเคย เพราะย่านสถานีไม่มีเหลืออีกแล้ว

[black_express]

มาถึงแล้วครับ สถานีชุมทางคลองสิบเก้า จุดเชื่อมต่อทางรถไฟสายตะวันออกกับสายอีสานจากสถานีชุมทางแก่งคอย

วันนี้ค่อนข้างโชคดีกันหน่อย ขบวนรถสินค้าที่ว่ามีวิ่งอยู่คึกคัก กลับว่างเปล่าไปเฉยๆ บรรยากาศเลยอ้างว้างดังที่เห็นครับ



บริเวณย่านสถานี รางที่ขนานไปกับขบวนรถนั้น เป็นเส้นทางแยกไปชุมทางแก่งคอย โดยมีสถานีองครักษ์ เป็นสถานีแรกของเส้นทางช่วงนี้

สำหรับสายตะวันออกถัดจากย่านสถานีชุมทางคลองสิบเก้า กลับเป็นราง 80 ปอนด์ รองด้วยไม้หมอนแบบดั้งเดิมครับ



มุมภาพจากท้ายขบวนครับ เห็นเส้นทางสายชุมทางแก่งคอย ค่อยโค้งออกไป ผ่านทุ่งนาอันกว้างขวางก่อนที่จะลับตาในที่สุด



ที่หยุดรถคลองยี่สิบเอ็ด คงไม่มีลำดับที่คลองมากไปกว่านี้กระมัง ?





ตอนนี้ ขบวนรถได้มาถึงสถานีโยทะกา มีสัญญลักษณ์ประจำสถานีนี้คือ สะพานข้ามแม่น้ำโยทะกา ( แม่น้ำนครนายก ) บริเวณด้านใต้สถานี

เคยปรากฎภาพในแผ่นพับตารางเดินรถสายตะวันออกเมื่อหลายสิบปีแล้วครับ

มีขบวนด่วนพิเศษเฉพาะการ จอดรอที่ท้ายขบวนด้วย



มีข้อสังเกตของชื่อสถานีรถไฟ กับชื่อตำบล ตามหลักฐานกระทรวงมหาดไทย สะกดต่างกันเล็กน้อย

ของการรถไฟฯ ชื่อ สถานีโยทะกา

ของกรมการปกครอง ชื่อ ต. โยธะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว อำเภอสุดท้ายของจังหวัดฉะเชิงเทรา ก่อนเส้นทางรถไฟจะเข้าสู่เขต จ.ปราจีนบุรี ที่ อ.บ้านสร้าง ครับ

มี ข.278 กบินทร์บุรี - กรุงเทพ มารอหลีกที่นี่ด้วยครับ



เกือบลืมแน่ะ ขอแถมภาพสะพานโยทะกา มาให้นะครับ เก็บภาพช่วงขากลับ

[black_express]

จากสถานีโยทะกา ขบวนรถได้แล่นเข้าเขต จ.ปราจีนบุรีแล้วครับ ที่ อ.บ้านสร้าง โดยมีสถานีบ้านสร้าง ตั้งอยู่เหนือตัวอำเภอราว 3 - 4 กม. อำเภอนี้ หากใครขยันพลิกดูข้างขวดกระทิงแดง หรือว่านมพาสเจอร์ไรซ์ หรือว่าโยเกิร์ตบางยี่ห้อ จะระบุว่าผลิตจากโรงงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.บ้านสร้าง นี่เอง

ว่าแต่...มีใครลองพลิกดูขวดดูบ้างครับ ?



เมื่อสิบกว่าปีก่อน หากมีคนถามว่า จ.นครนายก มีทางรถไฟผ่านหรือไม่ ? น้อยคนมากๆ ที่จะตอบถูกว่ามี...

หลักฐานยืนยันก็ได้แก่ สถานีบ้านปากพลี ไงครับ ? ตั้งอยู่ที่ ต.ปากพลี อ.ปากพลี จ.นครนายก บริเวณสถานีตกแต่งสวยงามด้วยสิ

เมื่อออกจากสถานีบ้านสร้าง เส้นทางรถไฟจะเฉียดพื้นที่ จ.นครนายก ไปนิดหนึ่ง ก่อนเข้าสู่ตัว อ.เมืองปราจีนบุรี ที่สถานีปราจีนบุรี

ตอนนี้ เส้นทางสายคลองสิบเก้า ทอดผ่าน จ.นครนายก ตั้งครึ่งจังหวัด คงไม่มีใครตอบว่า นครนายกไม่มีเส้นทางรถไฟผ่านอีกนะครับ โดนโห่แหงมๆ



ครับ ตกสายแก่ๆ ของวันนี้ ผมกับคุณบอมบ์ได้มาถึงสถานีปราจีนบุรีเป็นครั้งแรก ขบวนรถเข้ารางหลีก รอ ข.280 อรัญประเทศ - กรุงเทพ ที่จะเข้าเทียบสถานีปราจีนบุรี เช่นกัน มีผู้โดยสารลงที่ปราจีนบุรี หนาตาเชียวล่ะครับ



ดูมาดของนักการ ที่แขวนห่วงทางสะดวกสำหรับ ข.280 สิครับ ทะมัดทะแมงไม่เบาเชียวล่ะ

มาน่าทึ่งตรงที่ว่านักการคนนี้ เป็น ผู้หญิง ครับ



ถึงตอนนี้ ทั้งคุณบอมบ์กับผม ก็เดินเก็บภาพทางต้นขบวน เพราะมีเวลาเหลือเฟือกว่า ข.280 อรัญประเทศ - กรุงเทพ จะเข้าเทียบชานชาลาสถานีปราจีนบุรี



มาแล้วครับ ข.280 เข้าสถานีปราจีนบุรี เล่นเอาบรรยากาศที่ชานชาลาคึกคักถนัดตาเชียวล่ะ



" เขียว...ท้ายดีครับ "

ได้เวลาเคลื่อนขบวนออกจากสถานีปราจีนบุรีแล้วล่ะ เอ้อ..ทางรถไฟสายตะวันออกตั้งแต่ช่วงชุมทางคลองสิบเก้าเป็นต้นมา ใช้สัญญาณเสาหางปลา แต่ประแจสับเปลี่ยน เป็นแบบคนโยก

อาจเป็นเพราะมีขบวนรถวิ่งผ่านค่อนข้างน้อยกระมัง ?



แล่นได้พักเดียว ขบวนรถก็ชะลอความเร็วลงเป็น 5 กม./ชม. เพราะเข้าช่วงเปลี่ยนสะพานไม้เป็นสะพานกระบะ คสล.พอดี



ยังมีสะพานไม้เหลืออยู่อีกแห่ง บนเส้นทางสายนี้ด้วยนะครับ คาดว่า คงเปลี่ยนเป็นสะพานกระบะ คสล. ในเร็วๆ นี้เช่นกัน สำหรับสะพานนี้ ผมเก็บภาพตอนขากลับ

[black_express]

จากนั้น ขบวนรถจะผ่านสวนไผ่ตง สวนผลไม้ สลับกับทุ่งนาปี แล้วก็ผ่านสถานี โคกมะกอก



เราจะเห็นถนนสายสุวรรณศร ( หมายเลข 33 ) แล่นขนานอยู่ห่างๆ ทางด้านเหนือ จนถึง อ.ประจันตคาม
อ้อ...ระวังราวสะพานด้วยนะครับ เพราะมีอยู่หลายแห่ง ตรงระดับศรีษะพอดีด้วยสิ เวลาเผลอชะโงกหน้าเก็บภาพกันเพลินๆ เดี๋ยวจะหาว่าไม่บอก... 8)



สภาพทุ่งนา ค่อนข้างแล้ง มองกันเพลินๆ คุณบอมบ์หันมาบอกว่า กึ๊ดเติงหาบ้านที่ลำปาง



ครับ...เข้าสู่สถานีประจันตคาม มีผู้โดยสารลงที่นี่ไม่น้อย เพราะเป็นที่ตั้งของตัวอำเภอด้วย

สมัยก่อน คุณตา ส.อาสนจินดา เคยสร้างหนัง 16 ม.ม. เรื่อง " ศึกประจันตคาม " โกยเงินคนดูไม่น้อย เพราะเป็นหนังบู๊ ชกกันสะบั้น ยิงกันจอตุงเชียวล่ะ

[black_express]

จากสถานีประจันตคาม เส้นทางเริ่มเข้าสู่พื้นที่ดอนจนถึง อ.กบินทร์บุรี ก่อนลาดลงอีกครั้งหนึ่งที่ จ.สระแก้ว ซึ่งลำน้ำในเขต จ.สระแก้วทั้งหมด จะไหลเข้าแดนกัมพูชา ลงสู่ทะเลสาปเขมร

ถึงที่หยุดรถหนองแสง แล้วครับ



สถานีบ้านดงบัง ดูจากสีทาอาคารแล้ว จะเป็นสีรุ่นเดียวกับสถานีกันตัง ในกระทู้ของ คุณห่าน ( kiattip99 ) สร้างบรรยากาศย้อนยุคไม่เหมือนเส้นทางสายอื่นเชียวครับ



ที่หยุดรถบ้านพรมแสง ยุบจากสถานีในอดีต มีร่องรอยของย่านสถานีเหลือให้ดูแยะเชียว



ผ่านที่หยุดรถ เกาะแดง ใกล้ถึงจุดหมายของทีมงานสองคนในทริปนี้ล่ะครับ เพราะสถานีกบินทร์บุรี ตั้งอยู่เป็นลำดับถัดไป



สองข้างทาง บริเวณทางข้ามรถไฟที่เกาะแดง เพิ่งแล้วเสร็จใหม่ๆ ปิ๊ง...



และแล้ว ขบวนรถสายอรัญประเทศ ก็หยุดส่งผู้โดยสารที่สถานีกบินทร์บุรี รวมทั้งลูกทัวร์สองรายนี้ด้วยครับ



เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมครับ ที่ได้ลงเหยียบชานชาลาสถานีกบินทร์บุรี ทั้งๆ ที่เคยขับรถผ่านสี่แยกกบินทร์บุรีไปภาคอีสาน กับลงไปที่ จ.ระยอง ตั้งไม่รู้กี่หน

เป็นเสียอย่างนี้แหละ คนเรา...

และแล้ว ขบวนรถกรุงเทพ - อรัญประเทศ ก็ออกจากกบินทร์บุรี เหลือเพียงความเงียบไว้อยู่เบื้องหลัง

[black_express]

ไม่รอช้าล่ะครับ คุณบอมบ์ชวนผม เดินผ่านย่านสถานีไปยังสวนสุขภาพของเทศบาลตำบลกบินทร์บุรี ซึ่งตั้งที่บริเวณด้านเหนือสถานี ไปดูหัวรถจักรไอน้ำ " บรัช " ตามรอยกระทู้ของคุณวิศรุต ( Witsarut ) และคุณก้อง ( Conrail ) ได้เล่าเอาไว้



ช่วงนี้ก็ปล่อยให้รูปเป็นตัวเล่าเรื่องละครับ เพราะรายละเอียดต่างๆ มีผู้เล่าไว้หมดแล้ว



อีกมุมมองครับ...



มองจากหัวรถจักรลงมา เห็นคุณบอมบ์กำลังรายงานผลกับใครก็ไม่ทราบ ?



ผมสันนิษฐานดูแล้ว บริเวณสถานีกบินทร์บุรี คงเป็นจุดพักรถจักร , เติมน้ำ , เติมฟืน แห่งสำคัญของเส้นทางสายตะวันออก เมื่อเลิกใช้รถจักรไอน้ำทำการ จึงเหลือหอเหล็กเก็บน้ำ วงเวียนกลับรถจักร ฯลฯ ซึ่งทางเทศบาลฯ ได้ขอพื้นที่สร้างเป็นสวนสุขภาพในภายหลัง วงเวียนกลับรถจักรเดิม เลยอยู่ในพื้นที่ของสวนสุขภาพทุกวันนี้ พร้อมหัวรถจักรไอน้ำสับเปลี่ยน " บรัช " คันนี้ ที่นำมาตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งด้วย



มุดไปดูที่ไต้ถุนวงเวียนกลับรถจักรครับ...



ภายในรถจักร อุปกรณ์ประจำรถ โดนรื้อออกไปเกือบหมดเกลี้ยงแล้วล่ะ



มองจากช่องหน้าต่าง สมัยใช้งานอยู่ คงถูกบังด้วยกองฟืนข้างตัวรถจักร พขร. ต้องชะโงกมาดูทางข้างรถจักรแน่ๆ

และหวังว่า เส้นเหล็กที่ปิดคาดช่องหน้าต่างนี้ คงไม่มีอยู่ในสมัยประจำการนะครับ



ผมพยายามค้นหาหมายเลขการผลิตจากตัวรถ ได้มาเพียงแค่นี้เอง แอ่ะ..แฮ่ะ..