ม้าเหล็กชนคณะกฐินสยอง 7 ศพ (25/10/52)

suraphat · Posted: 25/10/2009 2:40 pm Post subject:

สื่อเขาว่ากรณีนี้ จะเป็นกรณีที่ได้มีการนำเครื่องกั้นลงก่อนแล้ว มีรถยนต์ได้วิ่งผ่าเข้าไปจนเกิดเหตุดังกล่าว หรือว่าเป็นกรณีที่เครื่องมือกั้นยังไม่ทันได้ลง แต่มีรถยนต์วิ่งผ่านเข้าไปจนเกิดเหตุกันแน่นะครับ

แต่เมื่อได้ฟังจากสื่อดูแล้ว เขาก็รายงานกันว่า จะเป็นกรณีหลังนะครับกล่าวคือเครื่องกั้นยังไม่ทันได้ลง หรือลงไม่ทัน รถยนต์ก็ดันวิ่งผ่านเข้าไปเสียก่อนโดยหลบเครื่องกั้นจนมาเกิดเหตุดังกล่าวนะครับ Wink

ซึ่งนี่ก็เป็นตัวอย่างๆหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงนิสัยที่ชอบเสี่ยง กล่าวคือคิดว่าไหนๆรถไฟจะมาแล้ว แทนที่จะจอดเพื่อรอรถไฟ ก็ชอบเสี่ยงดวงเอาว่าถ้าผ่านแผงกั้นไปให้ได้แล้ว ก็ดูจะดีกว่าเนื่องจาก รถยนต์ที่วิ่งมาในทิศและเส้นทางเดียวกันตน ต่างก็ติดรถไฟกันไปหมดแล้ว ซึ่งถ้าผ่านไปได้แล้วถนนฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นของตนยังไงละครับ

ซึ่งตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆกับเรื่องในแบบนี้ก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไปเช่นที่แยกยมราช ทางตัดบนถนนพญาไทหรือถนนราชปรารภนะครับ

ดังข่าวๆนี้นะครับ

กระบะเมืองอุดรฯ ซิ่งไม่พ้น ถูกม้าเหล็กขยี้ สลดดับทั้งคัน7ศพ
วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552 เวลา 10:42:11 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 05.40 น. ร.ต.ท.ชินภานุ จิตต์อามาตย์ ร้อยเวร สภ.เมือง อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุรถไฟชนรถกระบะ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก บริเวณทางพาดรถไฟหน้าเขตงาน ธีระจิตร ถนนรอบเมือง ต.หมากแข้ง อ.เมือง อุดรธานี จึงรุดไปตรวจสอบ พบขบวนรถไฟดีเซลราง ขบวนที่ 77 กรุงเทพฯ- หนองคาย จอดอยู่บนรางรถไฟ บริเวณหัวรถจักรชนกับรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน ผค 141 ขอนแก่น ติดอยู่บนรางรถไฟ สภาพรถกระบะพังยับยิน

พบคนขับรถยนต์ทราบชื่อภายหลังว่า นายยิ้ม จารุจิตร อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 หมู่ 8 ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ถูกอัดก๊อบปี้คาพวงมาลัยนั่งหายใจรวยริน เจ้าหน้าใช้เหล็กตัดถ่างนำร่างออกมา แต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ ยังพบศพสภาพแม่ชีและผู้หญิงตกอยู่สองข้างรางรถไฟ สภาพแหลกเหลวทั้งหมด 6 คน ทราบชื่อภายหลัง 4 คน คือนางสง่า จรุงจิตร อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่105 หมู่ 8 ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น แม่ชีละมัย สุพรมอินทร์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ 9 ต.เขาสวนกวาง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น แม่ชีอุดมศิลป์ คำประมุข อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 221 หมู่ 6 ต.ผาสิงห์ อ.เมือง จ.น่าน แม่ชีกนกวรรณ ชินอ่อน อายุ 46 ปี แม่ชีแอ๋ว ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริงและที่อยู่ และหญิงไม่ทราบชื่อและที่อยู่ อายุประมาณ 50 ปี

จากการสอบสวนนายนิพนธ์ รัตนบุตร อายุ 46 ปี พนักงานกั้นถนน สถานีรถไฟอุดรธานี ให้การว่า ปกติรถไฟขบวนดังกล่าวจะมาถึงบริเวณดังกล่าวประมาณ 05.20 น.ของทุกวัน ก่อนเกิดเหตุตนมาเข้าเวรตามปกติ เวลาประมาณ 04.16 น. ของเช้ามืดวันนี้ ตนได้รับแจ้งทางวิทยุสื่อสารว่า รถไฟขบวนดังกล่าวออกจากสถานีรถไฟอุดรธานีแล้ว เพื่อมุ่งหน้าไปสถานีรถไฟหนองคาย ตนจึงเปิดเสียงสัญญาณและนำแผงเหล็กกั้นระบบไฟฟ้าลงกั้นถนน รถที่ขับผ่านไปมาได้จอดรถเพื่อให้รถไฟผ่านแต่ตนเห็นรถปิกอัพ ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารมาเต็มคัน กลับไม่ยอมจอดรถ ได้ขับแซงขึ้นมาช่องทางขวาขึ้นมา และหลบเหล็กกั้นเพื่อข้ามทางรถไฟไป ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับขบวนรถไฟที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ได้พุ่งชนรถปิกอัพกลางรางรถไฟเข้าอย่างจัง เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แรงชนทำให้ผู้โดยสารที่นั่งอยู่หลังกระบะกระเด็นตกจากรถและเสียชีวิตทั้งคัน แต่รถไฟยังไม่สามารถหยุดรถได้ทันที่ จึงได้ลากรถปิกอัพติดรางไปประมาณ 500 เมตร จึงสามารถหยุดรถไฟไว้ได้ แต่รถไฟไม่สามารถขับต่อไปได้ จึงได้ขับไปจอดที่สถานีอุดรธานี เพื่อรอให้นำซากรถกระบะออกจากรางก่อน

ส่ว นนายเดชอำนาจ หอมพรหมมา อายุ 22 ปี ชาวบ้านหนองสำโรง ต.หมูม่น อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับจากทำธุระในตัวเมืองอุดรธานี มุ่งหน้ากลับบ้าน เมื่อขี่รถมาถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้นำแผงเหล็กกั้นลง เพราะจะมีขบวนรถไฟผ่าน ขณะที่ตนจอดรอ ได้มีรถปิกอัพคันดังกล่าว มีผู้โดยสารนั่งอยู่หลังกระบะ ไม่ยอมจอดกลับขับแซงช่องทางขวาเพื่อหลบแผงเหล็กกั้นออกไป เป็นจังหวะเดียวกันกับขบวนรถไฟขับมาพอดี จึงได้พุ่งชนอย่างจัง ทำให้มีคนเสียชีวิตทั้งคัน

ร.ต.ท.ชินภาณุ จิตต์อามาตย์ ร้อยเวร เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถคันดังกล่าวมีนายยิ้ม จารุจิตร เป็นผู้ขับ มีนางสง่า จารุจิตร ภรรยา มีผู้หญิงและแม่ชีรวม 5 คนนั่งอยู่กระบะด้านหลัง ขับมุ่งหน้าไปทำบุญทอดกฐินที่วัดป่านาคำหลวง ภูย่าอู่ ต.คำด้วง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคาดว่า ผู้ขับเกรงว่าจะไปร่วมงานกฐินไม่ทัน ด้วยความรีบร้อนจึงไม่ยอมจอดรถ และได้ขับรถหลบแผงเหล็กกั้นขึ้นไป และเป็นจังหวะเดียวกับขบวนรถไฟวิ่งมาด้วยความเร็วสูง และพุ่งชนรถคันดังกล่าวพอดี ทำให้เสียชีวิตทั้งหมดรวม 7 คน ตำรวจได้นำศพไปเก็บไว้ที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี เพื่อรอให้ญาติมาติดต่อขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ต่อไป

hermit · Posted: 25/10/2009 8:29 pm Post subject:

black_express · Posted: 25/10/2009 9:19 pm Post subject:

ช่วงนี้ปลายฝน ต้นหนาว กอหญ้าริมทางรถไฟบริเวณทางตัดต่างๆ ขึ้นสูงมากๆ เชียวครับ

ตัวอย่างที่ผมเห็นด้วยตัวเอง ช่วงเสาร์-อาทิตย์นี้ที่อุตรดิตถ์ ผมขับรถข้ามทางตัดบริเวณ ต.ท่าเสา หลังค่ายพิชัยดาบหัก (ไม่มีแผงกั้น) กอหญ้าขึ้นสูงมาก เวลาขับรถข้ามทางรถไฟ จะมองไม่เห็นขบวนรถไฟ หากผ่านมาจริงๆ คาดว่าทางตัดแห่งอื่นๆ คงเช่นเดียวกัน

ขอฝากฝ่ายการโยธา ช่วยพิจารณาให้ ขบท.ต่างๆ ตัดกอหญ้าออกไปจากทางตัดราวๆ ด้านละ 100 - 200 เมตร ด้วยครับ เผื่อจะมองเห็นกันบ้าง โดยไม่จ๊ะเอ๋กลางกอหญ้าเสียก่อน Cool

saraburi · Posted: 25/10/2009 10:04 pm Post subject:

Compressor · Posted: 25/10/2009 10:16 pm Post subject:

digimontamer · 3rd Class Pass (Air) Joined: 12/05/2009 Posts: 487

ยังดีที่ชนรถกะบะครับ ถ้าเจอสิบล้อเจ้า ข.77 คงหมดหล่อแน่ๆ

suraphat · Posted: 26/10/2009 11:37 pm Post subject:

แหมกรณีในแบบนี้ ก็คงจะไม่(มีผล)แตกต่างกับกรณี ที่เกิดขึ้นที่ตลึ่งชัน ที่มีรถยนต์วิ่งตีคู่กันมา 2 คัน พอคันหน้าจอดเพื่อจะรอรถไฟ แต่รถยนค์คันหลังได้เห็นคันหน้าจอด ก็ไม่รู้ว่าคันหน้าเขาจอดไปทำไม จึงแซงขึ้นไป ผลสุดท้ายแล้วก็ไปถูกรถไฟชนคันหลัง(ที่แซงไป)เข้าอย่างจัง

ซึ่งเหตุที่เกิดขี้นมานี้ก็เกิดขึ้นมาในตอนเช้ามืดนะครับ โดยที่กรณีนี้ก็ได้สอนให้รู้ว่า ในบริเวณที่เป็นจุดตัดทางรถไฟกับรถยนต์ ก่อนจะถึงราว 100-200 เมตรก็ควรที่จะมีการถางหญ้าให้เตียน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะได้ให้รถยนต์นั้นสามารถที่จะมองเห็นขบวนรถไฟที่จะวิ่งใกล้เข้ามาถึงจุดตัดนั้นๆได้ แม้ว่าทางการรถไฟเองจะได้มีการติดตั้งให้ขบวนรถทุกขบวนได้เปิดสัญญาณหวูดไว้แล้วก็ตาม

แต่เนื่องจากว่ารถยนต์สมัยนี้เวลาจะไปไหนมาไหน ก็มักจะเปิดใช้เครื่องปรับอากาศ เป็นผลให้ตัองมีการปิดกระจกรถยนต์ทุกด้าน ซึ่งก็ส่งผลให้โอกาสที่จะได้ยินเสียงต่างๆจากภายนอกก็ย่อมลดลงไปด้วย ผลก็คือต่อให้เสียงภายนอกดังแค่ไหน หากได้มานั่งภายในรถแล้ว เสียงที่ดังอยู่นั้นก็ย่อมจะได้ยินกันภายในรถยนต์ที่น้อยลงไปด้วยนะครับ

ด้วยเหตุนี้เมื่อรถยนต์ส่วนมากที่มีลักษณะดังกล่าว ได้มืการวิ่งข้ามทางรถไฟ (โดยเฉพาะในจุดตัดที่ไม่มีเครื่องกั้น) โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุชนกับชบวนรถไฟนั้น ก็ย่อมจะมีมากกว่ารถยนต์ในแบบอื่นๆนะครับ เพราะไม่ได้ยินเสียงขบวนรถไฟ ในขณะที่ขับข้ามทางรถไฟนะครับ Shocked

ซึ่งในทางที่ดีก็คือ ก็ควรที่จะใช้วิธีการสังเกตุด้วยสายตาจะเป็นทางที่ดีที่สุดนะครับ Wink

CENTENNIAL · Posted: 26/10/2009 11:55 pm Post subject:

พูดถึงเรื่องนี้แล้ว เมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมขับรถไปธุระแถวๆ อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี ขากลับเลยขับรถเที่ยวโดยเลาะมาทางเขื่อนป่าสักที่จะมาทางแก่งคอย แล้วมาข้ามทางรถไฟสายแ่ก่งคอย-ลำนารายณ์ ตอนนั้นมีรถไฟท้องถิ่น RHN แล่นมาพอดี ซึ่งแม้ว่าทัศนวิสัยจะแย่อย่างไร แต่ผมก็มองนาฬิกาและพยายามสังเกตเต็มที่ จึงเห็นว่ารถไฟกำลังจะมาผมจึงหยุดรอ

จังหวะนั้น มีรถกระบะคันนึงแล่นมาทางด้านหลัง และได้หักออกขวามาแต่ไกล ทำยังกับว่าจะแซงรถผมขึ้นไปแล้ว แต่ด้วยความที่รถคันนั้นแล่นไม่เร็วนัก และผมก็พอจะนึำกได้ว่าจะเกิดอะไร ผมจึงเปิดประตูรถแล้วลงไปโบกมือขวางไว้ พร้อมกับชี้ไปที่ทางรถไฟ และตอนนั้น รถไฟก็โผล่มาพอดี รถคันนั้นเลยเบรคหยุดรถได้ทัน

คนในรถคันนั้น เปิดกระจกขอบคุณผมอย่างยกใหญ่เลย แต่จะว่าำไปแล้ว อารมณ์นั้นผมก็ห่วงตัวเอง และรถผมอยู่นะ เกรงว่าจะได้รับอานิสงค์ในครั้งนี้แน่นอน ถ้ามีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น เพราะรถไฟมาในทิศทางด้านขวาไปซ้ายของรถผม และรถผมก็ดันจอดห่างจากทางรถไฟไม่มากนักด้วย

OutRun · 1st Class Pass (Air) Joined: 26/05/2006 Posts: 1187

^
เพราะลักษณะแซงขึ้นไปแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่แบบนี้แหละ ถึงอยากจะให้ป้องกันด้วยการเอาขอบปูนมาทำเป็นเกาะกลางถนนก่อนถึงทางรถไฟสัก 50 เมตร
เอาไว้บังคับไม่ให้พวกแซงขวาขึ้นมา
_________________
นายจักรยานกับการรถไฟ ฯ

neu · Posted: 27/10/2009 10:32 am Post subject:

เส้นทางรอบเมืองอุดร มีเครื่องกั้นทุกที่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น เกิดจากคนขับรถยนต์ที่มีความประมาท