รถไฟไทยดอทคอมเยือนโรงรถจักรลำปาง (30-01-53)

[OneBrutal]

ข.102 ได้น้าต้อม 4153 ขณะเข้าสู่สถานีนครลำปาง ได้ถูกเหล่ามือปืนยิงกันจนพรุน



ป้าดา 540 กับ บนท.ป. แอร์เกือบเย็น และ บชส. ที่จะพ่วงไปกับ ข.52

[OneBrutal]

บรรยากาศช่วงเย็นของย่านสถานีนครลำปางอันเงียบสงบ



หน้าที่ำทำการสารวัตรแขวงรถจักรลำปาง

[OneBrutal]

มาถึงปลายทางของผมแล้วละครับสำหรับภาพการเยียมชมโรงรถจักรลำปาง



ป้ายประเพณีสถานีนครลำปางยามต้องแดดยามเย็น และ ป้าด้า 540



สุดท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณ
- การรถไฟแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ สรจ. ลป. ทุกท่านที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
- ทีมงานและstaff ทุกท่านที่ได้จัดกิจกรรมดี ๆ ขึ้นมาในครั้งนี้ครับ
- พี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกท่านที่ให้การต้อนรับและพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง
ถ้ามีกิจกรรมขึ้นมาอีกรับรองว่าผมไม่พลาดอย่างแน่นอนครับ

[Mongwin]

[black_express]

มาต่อเรื่องกันอีกสักพักนะครับ สงสัยตลาดทำท่าจะวายกระมัง ?

ถึงตอนไหนแล้วหว่า ? อ้อ... หลังจากเสร็จสิ้นการบรรยายสรุประหว่างแขวงรถจักรลำปาง และทางเวปไซต์เราแล้ว ก็ชวนกันออกมามอบของที่ระลึกในการมาเยือน พร้อมถ่ายภาพหมู่ร่วมกับ ครฟ.แขวงรถจักรลำปาง ที่ได้เห็นกันไปแล้วนะครับ เสร็จแล้วก็ปล่อยอิสระ เดินตระเวณเก็บภาพตามอัธยาศัย



สำหรับผมนั้น เลือกมุมสูงครับ ตรงหอถังเก็บน้ำ และน้ำมันเติมรถจักร ซึ่งราวบันไดนั้น ค่อนข้างเลอะด้วยคราบน้ำมัน จึงต้องระมัดระวังในการจับและขึ้น-ลงบันไดกันหน่อย

จะเห็นได้ว่า เบื้องบนหลังคารถจักรนั้น มีคราบน้ำมันเกาะอยู่เต็มเช่นกัน จึงไม่บังควรไปเดินเล่น นอกจากจะเป็นพนักงานที่เกี่ยวข้องจริงๆ ไม่เช่นนั้นอาจไถลตกลงมาสู่พื้นดินเมื่อใดก็ได้ สูงใช่เล่นเสียเมื่อไหร่ ?



จากมุมสูงเช่นกันครับ มองไปทางด้าน บชท.ป.ที่ถูกนำมาเก็บในบริเวณโรงรถจักร นี่ถ้ายังมีรถจักรเยอะแยะเหมือนสมัยก่อน บริเวณโรงเก็บรถจักรคงจะคึกคักไม่น้อยทีเดียว



มองไปทางย่านสถานีครับ ไม่เคยคิดเลยว่า ตัวเองจะมีโอกาสขึ้นมามองมุมสูงแบบนี้ หากเป็นสมัยเด็ก ทำได้เพียงยืนมองมาจากชานชาลาสถานีที่เห็นอยู่ลิบๆ โน่นแหละ

[black_express]

เดินเข้าไปชมภายในโรงเก็บรถจักร รถพ่วงกันหน่อย จะเห็นกระบังปล่องควันเพื่อระบายควันจากหัวรถจักรไอน้ำให้ลอยออกไปนอกหลังคาได้สะดวก แต่ตอนนี้ มี บชส.ตกรุ่นจากบริษัทผู้ผลิต Macor จอดทิ้งร้างไว้เพียงเดียวดาย
เอ้อ..เพิ่งสังเกตล้อรถไฟตอนนี้เองว่า มีขนาดไม่เท่ากัน คงเป็นผลมาจากการกลึงล้อเป็นแน่ ซึ่งทางผู้รู้เคยบอกว่า เวลากลึงล้อ ต้องกลึงให้เท่ากันครบทุกล้อ ไม่เช่นนั้น เวลาใส่กลับ โบกี้หรือตู้รถจะไม่ได้ระดับเสมอกัน มีผลต่อการพ่วงรถที่อาจมีอุบัติเหตุ หลุดจากขบวนได้ครับ



แสดงให้เห็นแป้นปะทะในยุคก่อน ซึ่งรับกับระดับขอพ่วงแบบ เอบีซี พอดี สำหรับขอพ่วงในภาพ จะเป็นแบบตัวเมียครับ ซึ่งไม่มีขอสับ



กองอะไหล่ของช่วงล่าง และฮ้อยส์แบบไฮดรอลิกส์ ที่ใช้งานเปลี่ยนช่วงล่างหรือถ่ายล้อตามแต่เหตุการณ์ ประกอบกับอาคารที่มั่นคง กว้างขวางพอสมควรด้วยแล้ว ทำให้คิดว่าน่าจะเพิ่มศักยภาพด้านซ่อมรถพ่วง หรือรถจักรตามวาระ ได้มากกว่านี้นะครับ



ขอย้อนความหลังยามเด็กของผมกันนิดหน่อยครับ กับแคร่แบบเพนซิลเวเนีย ของบริษัท คินกิ ชาเรียว จากประเทศญี่ปุ่น แต่แคร่นี้ไม่สมบูรณ์นะครับ

สมัยก่อนที่ผมโดยสารรถเร็วจากสถานีนครลำปางเข้ากรุงเทพฯ ใช้หัวรถจักร GEK ทำการ ส่วนรถโดยสารจะเป็น บชส.จากบริษัท ฟูจิ คาร์ ม้านั่งไม้ แคร่แบบเพนซิลเวเนียนี้แหละครับ นั่งตั้งแต่บ่ายสามโมงครึ่งตอนเย็น ไปจนถึงสถานีกรุงเทพ เวลา ตีห้าห้าสิบนาที ลองคิดดูว่านั่งกันนานทรหดขนาดไหน ? ในราคารวมค่าธรรมเนียมรถเร็ว ระหว่างลำปาง - กรุงเทพ เพียง 66 บาท 50 สตางค์

แถมรางรถไฟในขณะนั้น เป็นรางต่อด้วยเหล็กประกับรางแทบทั้งสาย จะมีรางเชื่อมช่วงสั้นๆ ระหว่างสถานีพิษณุโลก - บางกระทุ่ม เท่านั้น เรียกว่าฟังกันจนหลับคาเสียงล้อกระทบรางนั่นแหละครับ

[black_express]

มองดูตัวโครงแคร่แบบนี้ครับ ซึ่งหาดูได้ไม่บ่อยนัก เพราะปกติจะอยู่ภายใต้โครงโบกี้รถไฟ




มองย้อนออกไปข้างนอกไปยังแท่นกลับรถ เสียดายที่มีขนาดสั้นไปนิด ทำให้เป็นอุปสรรค หากจะนำ บชท.ป.ยุคปัจจุบันเข้าซ่อมบำรุงในอาคารโรงเก็บแห่งนี้ครับ



ส่วนประกอบของตัวรถจักรไอน้ำ ที่เคยคึกคักอยู่ที่นี่ในสมัยก่อน แต่ตอนนี้เหลือเพียงความหลังไปแล้ว

[black_express]

เดินมาชม บปก.ไอน้ำ หมายเลข 25 ที่เคยประจำการที่แขวงรถจักรลำปางตั้งนานนม จนกระทั่งปลดประจำการ ดีกว่าครับ



ตามที่คุณหมอลงทุนเป็นนายแบบชี้ไปที่ล้อน้ำหนักแบบนี้แล้ว นึกถึงรถบดถนนใช้พลังไอน้ำขึ้นมาทันที ซึ่งปัจจุบันนี้คงจะเห็นรถบดถนนแบบนี้ได้ตามแขวงการทางของกรมทางหลวงเท่านั้นเองครับ



แผ่น nameplate ที่ติดตั้งแสดงหมายเลข บปก.คันนี้ครับ คงนานตั้งแต่สมัยกรมรถไฟหลวงกระมัง ?



มองดูรอบๆ บปก.คันนี้แล้วจะเป็นก้านกลไกบังคับด้วยมือของผู้ใช้งานแทบทั้งหมดครับ พร้อมเฟืองกลไกขนาดใหญ่โตเกินคาด เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ นครับ

[black_express]

ลองปีนขึ้นไปดูข้างบนรถปั้นจั่นกันหน่อยครับ โอกาสกำลังเหมาะทีเดียว



ลองจินตนาการว่าเราเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่บังคับ บปก.คันนี้ดูสิครับ น่าจะวุ่นวายในการบังคับรถอยู่ไม่น้อย แถมต้องระวังหลังไม่ให้ไปโดนหม้อน้ำต้นกำลังอีกด้วย ถึงจะหุ้มด้วยไม้เป็นฉนวนโดยรอบไว้ก็เถอะ



อ้อ...บปก.คันนี้ เคยมีส่วนร่วมในการกู้ขบวนรถเร็ว ข.38 เชียงใหม่ - กรุงเทพ ที่ตกรางบริเวณปางป๋วย - ผาคันมาแล้วด้วยครับ ซึ่งขณะนั้น บปก. Gottwald ยังไม่แจ้งเกิดใน รฟท.



กองฟืนที่ตั้งแสดงว่า ตั้งอยู่ที่ใด และใช้ใส่ลงเตาที่ใดครับ

[black_express]

แสดงขอพ่วงแบบ เอบีซี ชนิดตัวผู้ ที่ใช้พ่วงกับ รถข้างต่ำที่ใช้วางคานปั้นจั่นครับ ซึ่งไม่ได้มีการเปลี่ยนเป็นขอพ่วงแบบอเมริกันในภายหลัง เพราะไม่จำเป็นต้องถอดจากกันแต่อย่างใด



กลับเข้ามาภายในอาคารโรงงานที่อยู่ข้างๆ บปก.นั่นแหละครับ ยังมีเครื่องกลึงรุ่นสมัยก่อนซึ่งใช้สายพานขับเคลื่อนในการกลึงหลายๆ เครื่อง ถึงตอนนี้คิดว่า คงพ้นสมัยไปแล้วกระมัง ?

มอเตอร์ต้นกำลังในภาพ ผมว่ามีขนาดพอๆ กับมอเตอร์ใช้งานกับตัวตะกาวดึงอ้อยจากท้ายรถบรรทุกลงรางลำเลียงเข้าโรงงานน้ำตาลทีเดียว



โครงเหล็กสำหรับติดตั้งล้อถ่ายกำลังจากสายพานลงสู่แท่นกลึงต่างๆ ครับ