โลกร้อนบรรเทาได้ หากใส่ใจพื้นที่ชุ่มน้ำ

[ksomchai]

ป้ายคำขวัญของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ครับ



-----------------------------------------------------------------

ป้ายแสดงนิทรรศการของกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง


------------------------------------------------------------------

_________________

[KaittipsBOT]

เรียนถามพี่สมชายครับ...แถวๆ นั้นมีวัดใกล้ทางรถไฟบ้างหรือเปล่าครับ จริงๆ ทางเวปเรามีโครงการจะไปทำบุญ ลักษณะของผ้าป่าสามัคคีกลุ่มเล็กๆ และรวมไปถึงการพักผ่อนไปในตัวแถวๆ บ้านกรูด และไปชมโครงการพื้นที่ชุ่มน้ำโลกไปด้วยในตัว ฝากพี่สมชายนำเสนอรายละเอียดเพิ่มเติมให้ด้วยนะครับ เผื่อว่ามีโอกาสดีๆ เราจะยกคณะไป

ขอบคุณครับ....

[ksomchai]

คำขวัญดีเด่น




๑..ป่าพรุคือผู้ให้ คนไทยคือผู้รักษา ของ ด.ช.ชัยณรงค์ หัสดำ ม.๓ โรงเรียนบ้านดอนสำราญ
๒..ป่าชุ่มน้ำดังอัญมณี ราชินีแห่งป่าค่าควรเมือง ของ ด.ช.ณัฐวุฒิ เล็กทอง ม.๑ โรงเรียนบ้านดอนสำราญ
๓.ป่าชุ่มน้ำมากค่า ร่วมรักษาให้ยั่งยืน ของ ด.ญ.พัชชา ส่งเสียง ม.๓ โรงเรียนบางสะพานวิทยา
----------------------------------------------------



ประกวดเรียงความ
_________________

[ksomchai]

[MayyaM]

ยินดีย่ิงกับการนำเสนอพื้นที่สำคัญของประเทศ ให้พี่ น้อง ผ้องเพื่อนชาวรถไฟไทยดอทคอมได้รู้จัก ว่ามีพื้นที่สำคัญระดับประเทศ และกลุ่มชาวบ้านทีเป็นพลังสำคัญที่รักษ์สิ่งแวดล้อม ที่รวมตัวกันให้เกิด "พื้นที่ชุ่มน้ำ"

ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ที่พี่ตึ๋งกับพี่วิซซี่อยากทราบ น้องสามารถตอบได้บ้างประเด็นค่ะ แต่ขอหลังไมค์นะคะ

[black_express]

กำลังรอฟังอยู่นะ น้องปลา

[ksomchai]

ขอบคุณเพื่อน ๆ สมาชิกทุก ๆ ท่านเลยนะครับ ที่ให้ความสนใจ

<><><><><><><><><><>

บอร์ดนิทรรศการของน้องนักเรียนโรงเรียนบ้านดอนสำราญ แผ่นนี้น่าสนใจ ครับ


------------------------------------------



ภาพกิจกรรมของน้องนักเรียนที่ไปสำรวจป่าพรุ บนแผ่นบอร์ดนิทรรศการ
-------------------------------------------


_________________

[ksomchai]

บทกลอนในกรอบรูปหัวใจด้านบน แต่งได้ความหมายมากทีเดียว


---------------------------------------------------------
ป่าพรุแม่รำพึงมีรูปร่างคล้ายนก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต้นเสม็ดขาว ตรงกลางเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่
ซึ่งรูปนกนี้ กำหนดให้เป็นสัญลักษณ์ ของกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง



----------------------------------------------------------

เปรียบเทียบกับภาพถ่ายจาก Point Asia


_________________

[ksomchai]

นกไก่นา มีมากในบริเวณป่าพรุแม่รำพึงนี้


-----------------------------------------------


------------------------------------------------

_________________

[ksomchai]

ซุ้มนิทรรศการที่น่าสนใจอีกที่หนึ่งคือ นิทรรศการเกี่ยวกับทองบางสะพาน ครับ



เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติทองบางสะพาน ครับ
ในอดีต บางสะพานเป็นเมืองที่มีการขุดและร่อนทองเป็นครั้งแรก สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ในปี พ.ศ. ๒๒๘๙ เจ้าเมืองกุยได้
ส่งทองร่อนหนัก ๓ ตำลึง นำถวายพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระองค์จึงเกณฑ์ไพร่จำนวน ๒,๐๐๐ คน ไปร่อนทองที่บางสะพาน
เป็นเวลาปีเศษ ได้ทองคำหนัก ๙๐ ชั่งเศษ เป็นน้ำหนัก ๕๔ กิโลกรัม หรือ ๓,๖๐๐ บาท และได้นำทองทั้งหมดไป หุ้มยอดมณ
ฑป รอยพระพุทธบาทสระบุรี แต่ยอดมณฑปนี้ถูกโจรจีนเผาหลอมทองเอาไปทั้งหมด เมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ (พ.ศ.
๒๓๑๐)

อาชีพร่อนทอง อาชีพร่อนทอง เป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงเนื่องจากจะต้องขุดดินเป็นหลุมลึก บางครั้งก็ตื้น มีโอกาสพบทองหรือไม่
ไม่สามารถจะบอกล่วงหน้าได้ จากเอกสารที่มีผู้สนใจได้ศึกษาค้นคว้าและคำบอกเล่าของชาวบ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคยยึดอาชีพขุด
ทอง พอจะนำมาเรียบเรียงถึงความเชื่อในการประกอบอาชีพร่อนทองของชาวบางสะพาน ได้ดังนี้ ความเชื่อ ก่อนที่จะขุดทอง
ต้องมีการบวงสรวงเจ้าที่เจ้าทาง ซึ่งมีหลายรูปแบบ ตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น อาทิ
-ห้ามสวมรองเท้าเข้าไปในบริเวณหลุมที่ขุดทอง
-ห้ามผู้หญิงที่มีรอบเดือนเข้าไปในบริเวณหลุมที่ขุดทอง
-เมื่อพบทองแล้วห้ามเรียกคนอื่นให้มาขุดที่เดียวกัน เพราะจะไม่พบทองอีกเลย
-ห้ามใส่เครื่องประดับที่ทำด้วยทองคำไปขุด เพราะจะไม่พบทองคำเลย
-ใช้ขวดยานัตถุ์ผูกสะเอวเพื่อใส่ทองที่ร่อนได้ เนื่องจากมีขนาดเล็กและพกติตัวได้สะดวก

คุณสมบัติของทองบางสะพาน “ทองบางสะพาน” หรือ “ทองบางตะพาน” มีชื่อเสียงและรู้จักกันดีจนมีผู้กล่าวกันว่า “เป็นทองคำ
เนื้อดีที่สุดของเมืองไทยและในโลก” ทองที่พบเป็นทองธรรมชาติ เห็นเป็น Nuggest (ทองที่ขุดได้โดยไม่ต้องถลุง) อย่างชัด
เจน เหลืองอร่าม สุกปลั่งและเนื้ออ่อน ทองร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นทองเนื้อเก้า เรียกว่า “นพคุณเนื้อเก้า” เชื่อกันว่าป้องกันภยันตราย
และภูตผีปีศาจได้ดี
ทองบางสะพาน หรือทองบางตะพาน หรือทองนพคุณนี้ในหนังสือประชุมประกาศรัชกาลที่ ๔ อธิบายไว้ว่า ทองคำที่ซื้อขายกันนั้น
เรียกตามเนื้อและตามราคา เช่น ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๔ บาท เรียกว่า เนื้อสี่ ทองหนักบาทหนึ่งเป็น
เงิน ๕ บาท เรียกว่า เนื้อห้า ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๖ บาท เรียกว่า เนื้อหก ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๗ บาทเรียกว่า เนื้อเจ็ด
ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๘ บาทเรียกว่า เนื้อแปด ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๘ บาท ๒ สลึง เรียกว่า ทองเนื้อแปดสองขา ทอง
หนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๙ บาท เรียกว่า นพคุณเก้าน้ำ

คุณสมบัติเด่นเฉพาะของทองบางตะพาน ปรากฏอยู่ในวรรณคดีไทยหลายเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น นิราศนรินทร์
“บางสะพานสพาดพื้น ทองปาง แก่แฮ
รอยชะแลงชระลุราง ร่อนกลุ้ม
ระลึกโฉมแม่แบบบาง บัวมาศ กูเอย
ควรแผ่แผ่นทองหุ้ม ห่อไว้ หวังสงวน”
ขุนช้างขุนแผน
“เอาไม้ สรรพยา มาทำฝัก
ผสมผง ลงรัก ให้ผิวผ่อง
กาบหุ้ม ต้นปลาย ลายจำลอง
ทำด้วยทอง บาทชาติ บางตะพาน”
ที่มา http://www.resortinthai.com/goldstory.htm
_________________