RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311324
ทั่วไป:13287936
ทั้งหมด:13599260
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวรถไฟแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 21, 22, 23 ... 50, 51, 52  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42784
Location: NECTEC

PostPosted: 28/01/2011 10:37 pm    Post subject: Reply with quote

เกื้อกูล"ดันท่าเรือปากบารา
หน้าเศรษฐกิจ
ไทยโพสต์ 29 มกราคม 2554 - 00:00

"เกื้อกูล" คัมแบ็ก เดินหน้าดันท่าเรือปากบาราสุดลิ่ม ย้ำโปรเจ็กต์ต้องเกิดให้เร็วที่สุด ลุยหารือชาวบ้าน-หอการค้าจูนข้อมูลให้ตรงกัน

นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า หลังจากเข้ามารับตำแหน่ง รมช.คมนาคมอีกครั้งเมื่อต้นสัปดาห์ จะเร่งผลักดันโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล ให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งเร็วๆ นี้จะเดินทางลงพื้นที่เพื่อพิจารณาปัญหาอุปสรรคต่างๆ ก่อนหาแนวทางแก้ไขให้โครงการเกิดขึ้นให้เร็วที่สุด

"หลังจากโครงการผ่านเรื่องของสิ่งแวดล้อมแล้ว ต่อไปต้องประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงประชาชนในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่าโครงการนี้ถูกยุแหย่จากผู้ไม่หวังดี ซึ่งเราจะเข้าไปชี้แจงเองว่าให้มองโครงการเหมือนท่าเรือแหลมฉบัง ไม่ใช่มองเป็นมาบตาพุด และเราจะชี้ให้เห็นว่าชาติจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง โดยอาจจะมีการหารือกับหอการค้าด้วย เพื่อให้มีข้อมูลที่รอบด้าน" นายเกื้อกูลกล่าว

นอกจากนี้ ยังเตรียมจะผลักดันโครงการก่อสร้างสถานีขนส่งสินค้าทางลำน้ำเพื่อการประหยัดพลังงานที่ จ.อ่างทอง ด้วย หลังจากที่ผ่านมาได้ดำเนินโครงการก่อสร้างสถานีดังกล่าวใน จ.พระนครศรีอยุธยาไปแล้ว โดยโครงการดังกล่าวจะเป็นการเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าทางน้ำจากภาคเหนือ ภาคอีสานและภาคกลางตอนบน ไปยังท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือเกาะสีชังได้โดยสามารถลดต้นทุนและประหยัดพลังงานได้มากกว่าขนส่งทางถนน ซึ่งล่าสุดกรมเจ้าท่าได้จัดทำคำของบประมาณในปี 2555 เพื่อดำเนินการแล้ว.
//---------------------------------------------

ท่านรมช. ครับ ท่าเรือที่อ่างทองทำได้แค่ที่ป่าโมกนะครับ เพราะ พ้นจากป่าโมกขึ้นทางเหนือแล้ว น้ำจะแห้งจน เรือ ติด ก้นแม่น้ำเจ้าพระยา เลยเชียวนะ ครับ
Back to top
View user's profile Send private message
nathapong
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006
Posts: 3515
Location: Ayuthaya - Lamlukka - Navanakhon - Silom

PostPosted: 29/01/2011 12:18 am    Post subject: Reply with quote

ห.หมี บ่น
Quote:
//---------------------------------------------

ท่านรมช. ครับ ท่าเรือที่อ่างทองทำได้แค่ที่ป่าโมกนะครับ เพราะ พ้นจากป่าโมกขึ้นทางเหนือแล้ว น้ำจะแห้งจน เรือ ติด ก้นแม่น้ำเจ้าพระยา เลยเชียวนะ ครับ


ป๋าเกื้อ ท่านรู้แล้วน่อ.....

ว่าแต่หลังรับงานปั๊บ รีบทำแต้มอย่างไวเลยวุ้ย...

เร็ว ๆ นี้ คาดว่าท่านรมช จะลงพื้นที่ที่สตูล การออกคอนเสริต เอ็ย การไปทัศนศึกษา
สงสัยบรรดาค่ายรับเหมายักษ์ใหญ่หลาย ๆ ค่าย (เน้น ๆ มาจากเชียงใหม่กับย่านถนนจรัล ฯ กับย่านสุทธิสาร ) คงได้รับเชิญไปกันครบถ้วนพร้อมกับ บรรดาสายเรือขาใหญ่อีกกลุ่มเบ้อเริ่ม

คาดว่าคอนเสริตนี้ ความสนุกสนาน บังเกิด อีกแล้ว.......... อิอิ Embarassed
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44842
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 29/01/2011 9:52 pm    Post subject: Reply with quote

'เกื้อกูล'หัวชนฝาปากบาราต้องเกิด เตรียมลงพื้นที่แก้ไขปัญหาเล็งผุดท่าเรือขนส่งสินค้า
ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- เสาร์ที่ 29 มกราคม 2554 00:00:01 น.

นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมยืนยันว่าจะเร่งผลักดันโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา จังหวัดสตูล ให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้ จะเดินทางลงตรวจพื้นที่เพื่อพิจารณาปัญหาอุปสรรคต่างๆ ก่อนหาแนวทางแก้ไขให้โครงการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงประชาชนในพื้นที่ต่อไป

ทั้งนี้ ยังมีแผนเตรียมที่จะผลักดันโครงการก่อสร้างสถานีขนส่งสินค้าทางน้ำ เพื่อการประหยัดพลังงานที่จังหวัดอ่างทอง ภายหลังจากที่ผ่านมาได้ดำเนินโครงการก่อสร้างสถานีดังกล่าวในจังหวัดอยุธยาไปแล้ว โดยโครงการดังกล่าวจะเป็นการเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าทางน้ำไปยังท่าเรือกรุงเทพ, ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือสีชังได้ โดยสามารถลดต้นทุนและประหยัดพลังงานได้มากกว่าการขนส่งทางถนน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกรมเจ้าท่าได้จัดทำรายะเอียดเพื่อของบประมาณในปี 2555 เพื่อดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ในการส่งเสริมศักยภาพด้านการขนส่งสินค้าทางน้ำนั้น กรมเจ้าท่ามีความจำเป็นที่จะต้องเร่งผลักดันโครงการก่อสร้างเขื่อนยกระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 2 แห่ง ที่จังหวัดนครสวรรค์และสิงห์บุรี วงเงินการลงทุนประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการเดินเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ตลอดทั้งปี และแก้ปัญหาร่องน้ำตื้นเขิน แก้ปัญหาเรื่องของน้ำท่วมได้เป็นอย่างดี และเพื่อเชื่อมโยงในด้านการขนส่งและลดต้นทุนโลจิสติกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารานั้น แม้ว่าจะผ่านการเห็นชอบเกี่ยวกับรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) แล้ว แต่ก็ยังติดปัญหาเกี่ยวกับรัฐบาลที่มีความเห็นให้ปรับลดขนาดของโครงการลงให้เป็นท่าเรือท่องเที่ยวและท่าเรืออเนกประสงค์ รวมทั้งการที่รัฐบาลมีแนวโน้มที่จะเข้าไปสนับสนุนการก่อสร้างท่าเรือทวายของประเทศพม่าแทนนั้น คงไม่เหมาะสม เนื่องจากจะเป็นการใช้ต้นทุนการก่อสร้างที่สูง รวมทั้งประเทศพม่ายังคงมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเด็นปัญหาดังกล่าวนั้น ในเร็วๆ นี้กรมฯ จะมีการหารือกับกระทรวงคมนาคมอีกครั้ง เพื่อกำหนดทิศทางและแนวทางแก้ไขต่อไป

-----------------------------------------

ฟื้นท่าเรือน้ำลึก‘ปากบารา’ รองรับศก.จีน-อินเดียบูม !
สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1172 ประจำวันที่ 29-1-2011 ถึง 1-2-2011

คมนาคมเข็นท่าเรือน้ำลึกปากบารา 1.2 หมื่นล้าน อีกรอบ สนข. กรมเจ้าท่า เร่งทำการบ้านหนักหวัง ครม.ไฟเขียว “พีระพล” ระบุคมนาคม ยึดยุทธศาสตร์ลอจิสติกส์ประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ชี้ท่าเรือปากบาราแลนด์บริดจ์สำเร็จผลประโยชน์ไหลเข้าประเทศมหาศาล อีก 10 ปีตู้สินค้าไหลเข้ากว่า 6 แสนตู้/ปี ขณะที่ “จักรมณฑ์” เลขา “ไตรรงค์” ออก โรงหนุนท่าเรือปากบาราจะเป็น West Gate ของไทย ส่วนผู้แทนการค้าไทย ย้ำรัฐบาลควรเร่งผลักดัน ให้เกิดโดยเร็วเพื่อรองรับเศรษฐกิจจีนอินเดียบูม

นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและ แผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผย ็สยามธุรกิจิ ว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 นี้ กระทรวงคมนาคมจะมีการนำเสนอโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา มูลค่า 12,400 ล้านบาท เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง เนื่องจากกระทรวงคมนาคมมีความเห็นว่า เราควรย้ำจุดยืนตามยุทธศาสตร์ลอจิสติกส์ของประเทศปี 2550-2554 ที่กำหนดให้ประเทศไทยมีท่าเรือขนส่งสินค้าในฝั่งทะเลอันดามันเพื่อรองรับการนำเข้า-ส่งออกฝั่งอันดามัน เพื่อเชื่อมโยงการค้าสู่ตะวันออกกลาง จึงเห็นว่าไม่ควรลดขนาดของท่าเรือตามที่ครม.เมื่อวันที่ 12 ก.ค.53 ที่ให้กระทรวงคมนาคมปรับลดขนาดโครงการลงเหลือเพียงท่าเรือเอนกประสงค์

ท่าเรือปากบาราเป็นยุทธศาสตร์ลอจิสติกส์ฝั่งอันดามัน ซึ่งจะรองรับสินค้าทางด้านภาคตะวันตก ภาคเหนือ ภาคใต้ของไทย รวมไปถึงจีนตอนใต้ ซึ่งเราคาดการณ์ว่าในช่วง 10 ปีข้างหน้า จะมีตู้สินค้าจากภายในประเทศประมาณ 200,000 ตู้ สินค้าจากจีนตอนใต้อีก 100,000 ตู้ และในอนาคตช่องแคบมะละกาจะแออัดมาก หากท่าเรือปากบาราเสร็จสมบูรณ์จะมีสินค้ามาขึ้นที่ท่าเรือปากบาราเพื่อใช้แลนด์บริดจ์ผ่านไปอ่าวอ่าวไทยอย่างแน่นอน ซึ่งคาดว่าจะน่าแชร์ได้ 10% หรือประมาณ 300,000 ตู้ ซึ่งเท่ากับท่าเรือปากบาราจะรองรับตู้สินค้าได้ไม่น้อยกว่า 600,000 ตู้ต่อปี ซึ่งเป็นมูลค่ามหาศาลิ

ทั้งนี้ในการพัฒนานั้น จะดำเนินการควบคู่กันระหว่างท่าเรือปากบาราและโครงการก่อสร้างสะพานพัฒนาเศรษฐกิจเชื่อมโยงฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน (แลนด์บริดจ์) เพื่อให้แล้วเสร็จสามารถใช้งานได้พร้อมกัน โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 เฟส
เฟสแรก จะก่อสร้างท่าเรือปากบาราและระบบรถไฟ เพื่อการนำเข้า-ส่งออกสินค้า เป็นรถไฟทางเดียว ระบบ Meter Gate เชื่อมทางรถไฟเดิมของ ร.ฟ.ท.
เฟสสองพัฒนาท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2 และระบบรถไฟ จาก อ.หาดใหญ่ถึงท่าเรือสงขลา 2 เพื่อการนำเข้า-ส่งออก และเชื่อมระบบรถไฟในเฟสแรก เพื่อให้ได้แลนด์บริดจ์ในระยะแรก
เฟสสาม พัฒนาแลนด์บริดจ์ โดยการขยายขีดความสามารถทางรถไฟจากทางเดียวเป็นทางคู่ เพื่อเชื่อมโยงท่าเรือทั้ง 2 ฝั่ง และ
เฟสที่ 4 จะเป็นการพัฒนาแลนด์บริดจ์ระยะยาว โดยการพัฒนาระบบรถไฟจากทางคู่เป็น 3 ทาง และ 4 ทาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าเพื่อการส่งออก-นำเข้า รวมทั้งสินค้าผ่านสะพานเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในอนาคต


นายพีระพล กล่าวว่า หากเรามองในแง่ยุทธศาสตร์แล้วจะเห็นว่าสมควรที่จะผลักดันท่าเรือปากบาราเป็นท่าเรือน้ำลึกฝั่งอันดามัน ส่วนกรณีที่รัฐบาลต้องการสนับสนุนท่าเรือทวายในประเทศพม่านั้น กระทรวงคมนาคมก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด แต่ต้องมองให้ชัดซึ่งท่าเรือทวายจะเป็นท่าเรือลักษณะเดียวกับท่าเรือมาบตาพุด อยู่ในแหล่งนิคมอุตสาหกรรมหนัก แต่ท่าเรือปากบาราจะเป็นท่าเรือสะอาดเหมือนท่าเรือแหลมฉบัง หรือท่าเรือปีนัง ท่าเรือพอร์ตกลางในมาเลเซีย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นท่าเรือทวาย หรือท่าเรือปากบารา ก็มีได้ เกิดขึ้นได้ทั้ง 2 แห่ง

ส่วนกรณีที่ประชาชนในพื้นที่ออกมาต่อต้านการก่อสร้างท่าเรือปากบารานั้น ต้องบอกว่าเดิมโครงการท่าเรือปากบาราเป็นความต้องการของคนในพื้นที่ แต่เนื่องจากช่วงหลังมีโครงการต่างๆ เข้าไปหลายโครงการ ทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลคาดเคลื่อน จึงขอฝากไปยังประชาชนในพื้นที่ให้เข้าใจว่า การก่อสร้างท่าเรือปากบาราย่อมมีคนที่ได้รับผลกระทบเป็นธรรมดา ซึ่งรัฐบาลจะต้องเข้าไปเยียวยา แต่ท่าเรือปากบาราเป็นท่าเรือสะอาดเช่นเดียวกับท่าเรือปีนัง หรือท่าเรือแหลมฉบัง ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมหนัก หรือ อุตสาหกรรมปิโตรเคมีอย่างท่าเรือมาบตาพุด ซึ่งขณะนี้กรมเจ้าท่ากำลังทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่อยู่อนึ่งยุทธศาสตร์ลอจิสติกส์ กระทรวงคมนาคม (ปี 2550-2554) เน้นในพัฒนา 3 เรื่องใหญ่ ได้แก่ 1. พัฒนาเครือข่ายโลจิสติกส์ในประเทศให้เชื่อมโยงอย่างบูรณาการทั้งเครือข่ายภายในและการเชื่อมต่อไปสู่ต่างประเทศ 2. สนับสนุนการใช้รูปแบบและวิธีการบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน และ 3. พัฒนาเส้นทางการค้าสู่ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป ผ่านทางฝั่งทะเลอันดามัน

เพื่อรองรับการขยายตัวของประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ที่ปรึกษา นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ให้ความเห็นในเรื่องการก่อสร้างท่าเรือปากบารา กับท่าเรือทวาย ว่า ตนเห็นว่าสิ่งที่ต้องคำนึง คือ ความมั่งคงทางเศรษฐกิจ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการพัฒนาท่าเรือปากบารา สามารถทำให้เป็น West Gate ของประเทศได้ ส่วนท่าเรือทวายก็ไม่มีปัญหาอะไร เราสามารถมีได้หลายๆ ท่าเรือ ไม่จำเป็นต้องจำกัดว่าต้องมีท่าเรือเพียงแห่งเดียวเช่นเดียวกับ นายสุทัศน์ เศรษฐ์บุญสร้าง ผู้แทนการค้าไทย ที่เคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่า ท่าเรือปากบารา และแลนด์บริดจ์ เป็นโครงการที่จะต้องมีการลงทุนก่อสร้างโดยเร็วที่สุด เพราะทั้ง 2 โครงการนี้ จะทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์มหาศาลในการเป็นเส้นทางผ่านการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะแนวโน้มการค้าระหว่างจีนและอินเดีย รวมถึงอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจจะมีสูง และจำนวนประชากรหลายพันล้านคนจะทำการค้ามากขึ้นแน่นอน จากปัจจุบันที่จีนและอินเดียมีการค้าระหว่างกันไม่เกิน 5% เท่านั้น

“ท่าเรือปากบารา และแลนด์บริดจ์ ควรจะเกิดขึ้นนานแล้ว แต่วันนี้ยังไม่เกิด ถือว่าช้ามากแล้ว ทั้งๆ ข้อมูลชี้ชัดว่า หากท่าเรือแห่งนี้เกิดจะมีประโยชน์ต่อประเทศไทยมหาศาล นักลงทุนมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าคุ้มค่า ผมคิดว่ามันต้องเกิดขึ้นเร็วที่สุด ถ้าเราเคาะโครงการวันนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 5 ปี ผมไม่อยากเห็นเราเป็นเหมือนอดีต เช่น ทนใช้สนามบินดอนเมืองมานานตั้ง 25 ปี ทั้งๆ ที่ควรมีสนามบินใหม่นานแล้ว ท่าเรือปากบาราก็เช่นกัน” นายสุทัศน์กล่าวสำหรับแนวคิดที่จะใช้ท่าเรือทวายน้ำลึกของพม่า เป็นทางออกสินค้าไทยด้านชายฝั่งทะเลอันดามันนั้น นายสุทัศน์ มองว่า สามารถดำเนินการคู่ขนานกับการสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา แต่ต้องมีกลไกนานาชาติคุ้มครองความมั่นคงของการใช้ท่าเรือแห่งนี้ ซึ่งการใช้กลไกของอาเซียนน่าจะเป็นทางออกที่ดีสุด เช่น หากประเทศใดละเมิดกติกา อาจถูกขับออกจากการเป็นภาคีอาเซียน
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44842
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 31/01/2011 7:52 am    Post subject: Reply with quote

รมช.พาณิชย์ สำรวจเส้นทางโลจิสติกส์ โครงการ “ยุทธศาสตร์ 3 วงแหวน 5 ประตูการค้า”
เนชั่น 76 ช่อง 76 จังหวัด 30 มกราคม 2554



เมื่อเวลาเวลา 09.20 น.วันที่ 30 มกราคม 2554 นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดร.พงษ์ชัย อธิคมรัตนกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายราเชนทร์ พจนสุนทร รองปลัดกระทรวงพาณิชย์

นายสมชาติ สร้อยทอง ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ รองอธิบดีกรมทะเบียนการค้าระหว่างประเทศ นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และคณะผู้บริหารระดับสูง เดินทางไปสำรวจเส้นทางโลจิสติกส์ ณ จังหวัดกาญจนบุรี ที่บ้านพุน้ำร้อน ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี บริเวณโครงการบริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวลล็อบเมนต์ จำกัด เพื่อฟังบรรยายสรุป

Click on the image for full size

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 3 วงแหวน 5 ประตูการค้า โดยมุ่งเน้นการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับกลุ่มประเทศสมาชิกในภูมิภาคอาเซียน อาเซียนบวก 3 และอาเซียนบวก 6 และการพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของประเทศ ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ภาคการส่งออกไทย ตลอดจนเพื่อเป็นการสร้างเส้นทางการค้าใหม่ที่จะเชื่อมประเทศไทยสู่ตลาดโลกอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่าน 5 ประตูหลัก ได้แก่ ประตูใต้ เชื่อมเส้นทางการค้าไทยกับมาเลเซีย ประตูอีสาน เชื่อมเส้นทางการค้าไทยกับตอนใต้ของ สปป.ลาว ประตูตะวันออก เชื่อมเส้นทางการค้าไทยกับกัมพูชา ประตูเหนือ เชื่อมเส้นทางการค้าไทยกับตอนกลางของ สาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และ ประตูตะวันตก เชื่อมเส้นทางการค้าไทยกับสหภาพพม่า

เพื่อเป็นการส่งเสริมและขับเคลื่อนนโยบายการค้าฝั่งประตูตะวันตก เชื่อมเส้นทางการค้าระหว่างไทยกับสหภาพพม่า ตลอดจนขยายเส้นทางการค้ากลุ่มประเทศเอเชียใต้ และภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ 3 วงแหวน 5 ประตูการค้าผ่านเส้นทางขนส่งของโลก ได้แก่ ทวาย – กาญจนบุรี – แหลมฉบัง เพื่อผลักดันให้พัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและประตูการค้าสู่ตลาดโลก ตลอกจนเพื่อรองรับการพัฒนาเส้นทางการค้าเชื่อมต่อกับฝั่งท่าเรือทวายในสหภาพพม่า

นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า ภายใน 3 ปี คือปี 2558 การสร้างเส้นทางช่วยที่1 คงสำเสร็จ และใช้การได้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะเชื่อมั่นพม่าได้ขนาดไหนในเมื่อการเมืองในพม่ายังไม่มั่นคง นายอลงณ์ กล่าวว่า การเมืองในประเทศพม่ามั่นคงกว่าหลายๆ ประเทศ แม้แต่การเมืองของประเทศไทย /ยศสรัล สุพรรณ ข่าวภูมิภาค กาญจนบุรี
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
boatteam
2nd Class Pass (Air)
2nd Class Pass (Air)


Joined: 05/04/2010
Posts: 910
Location: แจ้งวัฒนะ หลักสี่ ปากเกร็ด

PostPosted: 31/01/2011 3:24 pm    Post subject: Reply with quote

ไม่น่าเชื่อว่า บริษัทฯของผมจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับโครงการท่าเทียบเรือ ปากบาราด้วย Shocked
ถึงแม้ว่าจะไม่ทั้งหมดก็ตาม แต่เมื่อช่วงเช้าผมพึ่งจะทำสัญญาซื้อขายสินค้าให้กับบริษัทฯแห่งหนึ่งที่รับงานก่อสร้างที่นี่
โดยมีการกำหนดสถานที่ส่งสินค้า ว่า ท่าเทียบเรือปากบารา สตูล มูลค่าสัญญาใช้ได้เหมือนกันครับ Razz
เพราะเป็นสินค้าประเภทถังน้ำขนาดใหญ่ ขนาด 20000 L และ 40000 L หลายรายการ
และเป็นสินค้าประเภทที่ต้องผลิตเฉพาะเมื่อมี ORDER เท่านั้น

.................................................................
แบบนี้แสดงว่าโครงการท่าเทียบเรือ ที่นี่เริ่มดำเนินการแล้วในบางส่วน Laughing
_________________
สถานีบ้านเกิดอรัญประเทศ สุดเขตแดนสยามฝั่งตะวันออก
Back to top
View user's profile Send private message
nathapong
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006
Posts: 3515
Location: Ayuthaya - Lamlukka - Navanakhon - Silom

PostPosted: 31/01/2011 10:06 pm    Post subject: Reply with quote

boatteam wrote:

.................................................................
แบบนี้แสดงว่าโครงการท่าเทียบเรือ ที่นี่เริ่มดำเนินการแล้วในบางส่วน Laughing


ก็แค่ ลมวูบแรก พัดผ่านมา ก็เท่านั้น...... รอใกล้หน้ามรสุม แล้วคุณจะรู้....หึหึ Question
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44842
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 10/02/2011 9:51 am    Post subject: Reply with quote

สภาพัฒน์ขานรับท่าเรือทะวาย
เขียนโดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
วันพุธที่ 09 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 10:00 น.

สภาพัฒน์หนุนตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษกาญจนบุรีรองรับท่าเรือน้ำลึกทะวายของพม่า พร้อมเร่งลงทุนรถไฟรางคู่และมอเตอร์เวย์เชื่อมท่าเรือแหลมฉบัง ชี้ประโยชน์โยงสองฐานการผลิตใช้ทะวายเป็นประตูสู่ตะวันตกของไทย หอการค้ากาญจน์คาดหวังสูงระบุราคาที่ดินเริ่มขยับตัว

ตามที่สหภาพพม่ามีโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกทะวายและภาคเอกชนจังหวัดกาญจนบุรีได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณาตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นที่กาญจนบุรีเพื่อรองรับนั้น นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ให้สัมภาษณ์ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า เบื้องต้นตนเห็นด้วยกับแนวคิดการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการท่าเทียบเรือน้ำลึกทะวาย เพราะเป็นโครงการลงทุนมูลค่ามหาศาล โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหลักขนาดใหญ่ที่จะใช้เส้นทางผ่านประเทศไทยส่งออกไปสู่ประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้

ปัจจุบันบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน)ได้รับเลือกจากรัฐบาลพม่าให้เข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการนี้ในวงเงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ประมาณ 60,000 ล้านบาท) สำหรับการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก นิคมอุตสาหกรรม ระบบคมนาคมขนส่ง และอาคารพักอาศัย อาคารเชิงพาณิชย์ ในระยะเวลา 60 ปี โดยล่าสุดได้ตั้งบริษัท ทวาย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกเข้าไปดำเนินการ

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสศช.กล่าวว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษที่กาญจนบุรีควรจะเป็น Special Border Zone ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์ชายแดน ที่จะต้องมีความชัดเจนเรื่องการปักปันเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับพม่า ตลอดจนนโยบายจะให้เป็นเขตเศรษฐกิจรูปแบบใดที่ต้องการจะเน้นการพัฒนาเรื่องใดเป็นพิเศษ อาทิ ธุรกิจท่องเที่ยว หรือธุรกิจบริการเพื่อรองรับการเดินทางไปสู่พื้นที่อุตสาหกรรมดังกล่าว อีกทั้งยังคำนึงถึงเรื่องการบริหารจัดการทั้งอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยเฉพาะการใช้แรงงานพม่าในรูปแบบไปเช้า-เย็นกลับ

Click on the image for full size

นายอาคมกล่าวอีกว่าเมื่อท่าเรือทะวายเสร็จและมีนิคมอุตสาหกรรมเกิดขึ้น จะมีการขนส่งสินค้าเข้ามายังไทยและส่งต่อไปยังประเทศอื่นๆ ขณะเดียวกันจะเป็นประโยชน์ต่อไทยในการส่งสินค้าออกไปทางท่าเรือทะวายสู่ฝั่งตะวันตกโดยไม่ต้องอ้อมลงภาคใต้ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรเร่งศึกษาเพื่อหาข้อสรุปการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหรือมอเตอร์เวย์เส้นทาง บางใหญ่-บ้านโป่ง-ราชบุรี-กาญจนบุรีตลอดจนเส้นทางรถไฟรางคู่ไปเชื่อมพื้นที่ชายแดนเพื่อรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ

โครงการมอเตอร์เวย์ที่กล่าวถึงนั้น นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) กล่าวว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการรอมติคณะรัฐมนตรี ให้ยกเลิกกรณีที่มติเดิมกำหนดรูปแบบการให้สัมปทานเอกชนระยะเวลา 30 ปีในโครงการมอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่- นครปฐม-บ้านโป่ง (ราชบุรี) ที่ล่าสุดอยู่ระหว่างการศึกษาการขยายเส้นทางไปถึงจังหวัดกาญจนบุรี ระยะทางรวมประมาณ 98 กิโลเมตร มูลค่าการลงทุน 24,040 ล้านบาท เปลี่ยนไปเป็นรูปแบบการเพิ่มบทบาทภาคเอกชน(Public Private Partnership :PPPs) ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐพ.ศ.2535 แทน

"รอ สนข.นำเสนอให้สภาพัฒนาฯ และกระทรวงการคลังกำหนดรูปแบบออกมาว่าจะเป็นการลงทุนรูปแบบใด เนื่องจากเส้นทางสายดังกล่าวใช้งบประมาณการลงทุนสูง และอาจจะมีการแบ่งซอยเส้นทางออกเป็นโครงการย่อย เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปมีส่วนร่วมดำเนินการได้รับสิทธิ์ในโครงการนี้บ้าง"นายวีระกล่าว

ทางด้านนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร( สนข.)กระทรวงคมนาคม กล่าวว่าสำหรับโครงการรถไฟรางคู่ตามแผนที่ได้ศึกษาไว้จะมีแนวเส้นทางผ่านในพื้นที่เริ่มต้นจากนครปฐม -หนองปลาดุก- หัวหิน ซึ่งหากจะให้มีการสร้างเส้นทางไปถึงกาญจนบุรีก็จำเป็นต้องมีการศึกษาใหม่เพิ่มเพื่อให้ต่อเชื่อมกันได้ไปจนถึงท่าเรือแหลมฉบังต่อไป

"ปัจจุบันมีแนวเส้นทางรถไฟไปถึงกาญจนบุรีอยู่แล้วจึงน่าจะดำเนินการได้ไม่ยาก และลงทุนสร้างไปพร้อมกับเส้นทางนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหินได้เลย โดยต้องมีการศึกษารายละเอียดอีกครั้ง แต่ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายให้เร่งดำเนินการแต่อย่างใด โดยเส้นทางนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร ใช้งบลงทุนประมาณ 16,600 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจร้อยละ 14.50 ตามแผนนั้นจะนำเสนอให้เร่งก่อสร้างเพื่อรองรับโครงการพัฒนาเมืองต้นแบบที่ชะอำ-เพชรบุรีตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทยให้เป็นโครงการในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งล่าสุดครม.ก็ได้มีมติให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวแล้ว"

ส่วนนายธีรชัย ชุติมันต์ ประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงเพราะรัฐบาลสนใจเร่งผลักดันสำหรับการจัดตั้งให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งที่สังขละบุรีและที่บ้านพุน้ำร้อน เขตใดเขตหนึ่งหรือทั้ง 2 เขต โดยทางจังหวัดอยากให้เป็นเศรษฐกิจที่รองรับการท่องเที่ยว ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวกว่า 5 ล้านคนต่อปีที่มาเที่ยวในพื้นที่หากมีเขตเศรษฐกิจพิเศษเกิดขึ้นจำนวนนักท่องเที่ยวก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเนื่องจากในอนาคตจะเชื่อมโยงไปสู่กรุงเทพมหานครหรือย่านธุรกิจพื้นที่อื่น ๆ ได้รวดเร็วขึ้นทั้งทางรถไฟและมอเตอร์เวย์

" ปัจจุบันนักลงทุนไทยและพม่าตื่นตัวมากสนใจจะไปลงทุนในท่าเรือทะวายทั้งการสร้างโรงแรมที่พักและในส่วนอื่นๆ แต่ที่เห็นเด่นชัดในขณะนี้คือมีการก่อสร้างถนนไปเชื่อมชายแดนแล้ว อีกทั้งราคาที่ดินก็เริ่มขยับสูงขึ้น แม้ส่วนใหญ่จะไม่มีเอกสารสิทธิแต่ก็มีการซื้อขายเปลี่ยนมือดังนั้นรัฐควรเร่งเข้าไปจัดกรรมสิทธิ์ให้ชัดเจน โดยเฉพาะพื้นที่ในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษที่อาจจะต้องใช้เงินมหาศาลในการจ่ายค่าเวนคืน"ประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรีกล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,608 10 - 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44842
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 11/02/2011 9:47 am    Post subject: Reply with quote

ชาวสตูลจี้อธิการฯ มอ. เลิกทำประชาสัมพันธ์ท่าเรือน้ำลึกปากบารา
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 8 กุมภาพันธ์ 2554 21:51 น.

พลังมวลชนในนามเครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูล รวมตัวกดกันอธิการบดีมอ.ให้เลิกทำโครงการประชาสัมพันธ์ท่าเรือน้ำลึกปากบารา

สตูล- เครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูล และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา ยื่นหนังสือถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พิจารณาทบทวนพฤติกรรมของคณะอาจารย์และนักศึกษา ที่รับทำโครงการประชาสัมพันธ์จากกรมเจ้าท่า เผยไม่ใช่บทบาทของนักวิชาการและจี้ให้ยกเลิก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณบริเวณหน้าตึกอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จ.สงขลา(มอ.) เครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูล และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา อ.ละงู จ.สตูล ได้เดินทางเข้ายื่นจดหมายเปิดผนึก ถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เรื่อง “ขอให้ทบทวนโครงการประชาสัมพันธ์ โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา” จากกรณีที่คณะอาจารย์ และนักศึกษาปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จำนวนหนึ่งได้รับจ้างทำโครงการประชาสัมพันธ์ และการมีส่วนร่วมของประชาชน กรณีการสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา ที่จัดจ้างโดยกรมเจ้าท่า

โครงการดังกล่าวเป็นที่ถกเถียงถึงข้อดีข้อเสียที่ประชาชนในพื้นที่ยังไม่ได้ผลสรุป โดยโครงการดังกล่าวจะทำให้เกิดการพัฒนาที่จะเปลี่ยนสภาพของ จ.สตูล ให้เป็นเมืองแห่งการขนส่ง และเมืองอุตสาหกรรมในอนาคต โดยนักวิชาการกลุ่มหนึ่งจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ศิลปศาสตร์ วิศวการจัดการ ได้ร่วมกับบริษัทสำรวจออกแบบท่าเรือฯ รับเหมางานจากกรมเจ้าท่า เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการท่าเทียบเรืออุตสาหกรรมปากบารา ด้วยงบประมาณ 15 ล้านบาท ซึ่งนักวิชาการจากคณะดังกล่าวได้ว่าจ้างนักศึกษา เป็นจำนวนเงิน 500 บาท ให้ไปประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลแก่ชาวบ้านในเชิงรุก และมีเจตนาปกปิดบิดเบือนข้อเท็จจริงของโครงการ และอ้างว่าจะไม่มีโครงการอื่นใดนอกเหนือจากนี้

นายสมยศ โต๊ะหลัง เครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูล กล่าวว่า หากนักวิชาการเข้าไปศึกษาหาข้อมูล ชาวบ้านก็ยินยอมที่จะให้ข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการศึกษา แต่หากนักวิชาการบางกลุ่มเข้าไปในพื้นที่โดยที่ชาวบ้านในพื้นที่ไม่รู้เรื่อง และได้ไปประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลที่มีความบิดเบือน ซึ่งอาจทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิด และที่มาในวันนี้ เพื่อต้องการยื่นเรื่องให้อธิการบดีมหาวิทยาสงขลานครินทร์ได้ทบทวนโครงการประชาสัมพันธ์ โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา และเรื่องการให้ระวังนักศึกษาตกเป็นเครื่องมือของนักวิชาการบางกลุ่ม ที่เข้าไปเพื่อหวังผลประโยชน์ในพื้นที่

ประชาชนชาว จ.สตูล มีความเห็นว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง จึงขอเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ตรวจสอบกลุ่มอาจารย์ และนักศึกษาที่ลงพื้นที่ดังกล่าว ได้ขอให้ยกเลิกการรับจ้างโครงการดังกล่าว ด้วยเหตุผลสำคัญว่า

1.มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันการศึกษาที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่งต่อการสร้างเสริมเยาวชนของชาติให้ได้รับการศึกษาเรียนรู้ที่ดี

2.บทบาทของคณะอาจารย์ควรเป็นบทของผู้นำทางปัญญา และควรนำความรู้ทางวิชากามารับใช้สังคมอย่างสร้างสรรค์ และไม่ควรลดบทบาทของตนเองเป็นเพียงนักประชาสัมพันธ์รับจ้าง ที่ไม่ได้สนใจกับข้อเท็จจริง

3.โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา เป็นโครงการขนาดใหญ่ และส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สังคม วิถีชีวิต วัฒนธรรมของ จ.สตูลในระยะยาว ที่ผ่านมาก็ยังมีข้อถกเถียง และข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา จึงเห็นว่าควรสร้างความกระจ่างเหล่านี้เสียก่อน ตามข้อเสนอที่ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้เสนอไว้แล้ว ก่อนที่จะดำเนินการใดๆ นอกจากนี้

ชาวบ้าน จ.สตูล ต้องการให้มหาวิทยาลัย ได้รับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านที่ไม่ต้องให้ลูกหลานของตนต้องตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดี ซึ่งหวังเพียงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น โดยควรให้ข้อมูลต่างๆ ที่โปร่งใส และไม่อยู่ใต้ผลประโยชน์ ท่ามกลางความเดือดร้อนของประชาชน

ด้าน รศ.ดร.บุญสม ศิริบำรุงสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า หลังจากตนได้รับฟังข้อมูลจากเครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูล และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบาราแล้ว จากนี้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จะตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โดยขอเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการหาข้อเท็จจริง หากได้ข้อเท็จจริงอย่างไรแล้วก็จะแจ้งให้กลุ่มเครือข่ายประชาชนได้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42784
Location: NECTEC

PostPosted: 11/02/2011 10:02 am    Post subject: Reply with quote

สำหรับโครงการท่าเรือน้ำลึกที่ทวายนั้น ผมเห็นข่าวว่าธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ปล่อยเงินกู้ให้อิตาเลียนไทย หลังจากที่แบงค์ต่างชาติไม่หล้าปล่อยกู้ Embarassed
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44842
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 13/02/2011 7:03 pm    Post subject: Reply with quote

‘กรรมการสิทธิ์’ตรวจสอบกรมเจ้าท่า’ ห้ามโฆษณาชวนเชื่อ‘ท่าเรือปากบารา’
deepsouthwatch.org Sun, 2011-02-13 18:29

ปรัชญเกียรติ ว่าโร๊ะ
โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้

“หมอนิรันดร์” จี้เลิกโฆษณาชวนเชื่อท่าเรือปากบารา หวั่นจุดชนวนสร้างความขัดแย้งรุนแรง “อาจารย์มอ.” ยันข้อมูลประชาสัมพันธ์ทั้งหมด ได้มาจากกรมเจ้าท่า

นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิชุมชน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการฯ กำลังตรวจสอบการดำเนินโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบาราของกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคมว่า มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนประชาชนในพื้นที่โครงการฯ อีกหรือไม่ โดยจะเชิญตัวแทนกรมเจ้าท่ามาชี้แจงกระบวนการทำงาน

โดยเฉพาะโครงการงานติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมและประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน ระยะก่อนการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบาราระยะที่ 1 จังหวัดสตูล

นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า การประชาสัมพันธ์ต้องให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเป็นจริง เป็นกลางบอกทั้งผลดีและผลเสีย ถ้าบอกผลดีอย่างเดียว เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการดำเนินโครงการฯ ใช้ข้อมูลที่ไม่เป็นกลาง

มีเจตนาโน้มน้าวชาวบ้านเพื่อให้สนับสนุนโครงการฯ ทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจรายละเอียดในรายงานการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) อาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านทะเลาะกันจนนำไปสู่การใช้ความรุนแรง ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบธรรม

ผศ.ดร.ธนิยา เกาศล ผู้จัดการโครงการงานติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมและประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน ระยะก่อนการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบาราระยะที่ 1 จังหวัดสตูล เปิดเผยว่า เนื้อหาข้อมูลทั้งหมดที่ใช้ประชาสัมพันธ์ ผ่านช่องทางโฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น, สปอตสถานีวิทยุในพื้นที่, แผ่นพับและเว็บไซต์ จะต้องผ่านการพิจารณาของกรมเจ้าท่าก่อนว่า มีเนื้อหาอย่างไร ทีมประชาสัมพันธ์ไม่มีสิทธิ์นำเสนอข้อมูลโดยพลการ

ผศ.ดร.ธนิยา เปิดเผยต่อไปว่า ศูนย์ข้อมูลและการมีส่วนร่วมของประชาชนระยะก่อนการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา สามารถให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับความเป็นมาของโครงการฯ ลักษณะของท่าเรือได้ แต่ถ้าถามว่ามีนิคมอุตสาหกรรม, รถไฟรางคู่ฯลฯ ทางศูนย์ฯ ไม่สามารถให้คำตอบได้ ศูนย์ฯ จะรับคำถามไปสอบถามกับกรมเจ้าท่าว่า

มีโครงการดังกล่าวหรือไม่ เมื่อได้รับคำตอบจากกรมเจ้าท่า ศูนย์ฯ ถึงจะให้คำตอบได้ กรณีการถามผ่านทางเว็บไซต์ก็เป็นลักษณะเดียวกัน

ผศ.ดร.ธนิยา เปิดเผยอีกว่า ทางศูนย์ฯ ต้องทำรายงานเสนอกรมเจ้าท่าทุกเดือน เช่น เดือนกุมภาพันธ์ 2554 จะนำเสนอประเด็นความวิตกกังวลของชาวบ้านว่ามีการระเบิดภูเขา 7 ลูกหรือไม่ ขุดทรายที่ไหน อย่างไร จะนำข้อมูลนี้ไปถามกรมเจ้าท่า ว่าจริงหรือไม่ ถ้ากรมเจ้าท่าตอบกลับมาว่าไม่มี เพราะสัมปทานเหมืองหินในจังหวัดสตูลมีเพียงพอ ทีมมอ.ก็จะนำข้อมูลที่ได้จากกรมเจ้าท่าไปประชาสัมพันธ์

ผศ.ดร.ธนิยา เปิดเผยอีกว่า ในส่วนของ EIA ท่าเรือน้ำลึกปากบารา ตนได้คุยกับกรมเจ้าท่า ทางกรมเจ้าท่าเองก็ไม่รู้โครงการต่อเนื่องว่ามีหรือไม่อย่างไร กรมเจ้าท่าเองรับผิดชอบแต่โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบาราเท่านั้น ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรม, รถไฟรางคู่, แนวท่อขนถ่ายก๊าซและน้ำมันจะเกิดหรือไม่ กรมเจ้าท่าเองก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยวกับกรมเจ้าท่า ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล

ผศ.ดร.ธนิยา เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้ทีมประชาสัมพันธ์เตรียมจะลงพื้นที่จัดเวทีประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นชาวบ้านในตำบลปากน้ำและตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล แต่ยังไม่ได้กำหนดวันเวลาชัดเจน เพราะต้องรอให้กรมเจ้าท่าอนุญาตก่อน

เท่าที่ทราบชาวบ้านต้องการให้ตัวแทนกรมเจ้าท่าร่วมชี้แจงด้วย ส่วนปัญหาในการลงพื้นที่ตนได้รายงานให้กรมเจ้าท่าทราบแล้ว พร้อมกับแก้ปัญหาด้วยการหาคนในพื้นที่นั้นๆ นำทีมประชาสัมพันธ์ลงหมู่บ้านต่างๆ คาดว่าต่อไปจะลงพื้นที่ได้บ่อยขึ้น

“เรามีหน้าประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของชาวบ้าน เราไม่ได้สนับสนุนเห็นชอบหรือผลักดันโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา เรามีหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ชาวบ้านทราบ และพร้อมจะรับฟังความคิดเห็น ไม่ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับโครงการฯ เราไม่ได้มาโน้มน้าวให้ชาวบ้านเห็นด้วยกับโครงการ กรมเจ้าท่ายืนยันกับเราว่า ท่าเรือน้ำลึกปากบาราจะสร้างหรือไม่ขึ้นอยู่กับคนสตูล” ผศ.ดร.ธนิยา กล่าว

--------------------------------

มรภ.กาญจน์ปรับหลักสูตร ตั้งเป้าป้อนแรงงาน'ทวายโปรเจ็กต์'
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7382 ข่าวสดรายวัน หน้า 28

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากการดำเนินการก่อสร้างโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย หรือทวายโปรเจ็กต์ ประเทศพม่า ซึ่งได้มีการสร้างถนนเชื่อมต่อมายังบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และจ.กาญจนบุรีได้ผลักดันให้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่บ้าน พุน้ำร้อน นั้น เมื่อเร็วๆ นี้ ม.ร.ว.โอภาศ กาญจนะวิชัย นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรีได้เป็นประธานการประชุมเชิงวิชาการและเชิงปฏิบัติการ 4 สภาการศึกษามหา วิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี (มรภ.กาญจนบุรี) ประกอบด้วย คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย คณะกรรมการสภาวิชาการ คณะกรรมการ สภาคณาจราย์ และคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย โดยเป็นการประชุมระดมสมองในการปรับองค์กรและปรับปรุงหลักสูตรเพื่อรองรับตลาดแรงงานที่เกิดจากการพัฒนาโครงการดังกล่าว

ทั้งนี้ ผศ.ดร.ปัญญา การพานิช อธิการบดี มรภ.กาญจนบุรี กล่าวว่า เนื่องจากจังหวัดกาญจนบุรีได้รับการผลักดันให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคตะวันตก ถือว่ามีความสำคัญมากเพราะเป็นประตูการค้าที่จะเชื่อมต่อเศรษฐกิจโลกระหว่างทวีปเอเชียและทวีปอื่นๆ และจากวิสัยทัศน์ของนายกสภามหาวิทยาลัยที่มองว่ากาญจนบุรีกำลังมีการเปลี่ยนแปลงทางโครง สร้างต่างๆ ทางสังคมที่เกิดจากการพัฒนาทวายโปรเจ็กต์ มรภ.กาญจนบุรีที่ถือว่าเป็นหุ้นส่วนคลังสมองของจังหวัดกาญจนบุรีจึงจัดการประชุมระดมสมองปรับหลักสูตรเพื่อรองรับการพัฒนาที่เกิดจากข้อตกลงอาเซียน 2558 และโครงการทวาย โดยได้ข้อสรุปว่า จะปรับหลักสูตรเพื่อผลิตบุคลากรรองรับโครงการก่อสร้างทวายที่ต้องการแรงงานจำนวนกว่า 500,000 อัตรา รวมถึงการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษากับมหาวิทยาลัยทวาย โดยจะร่วมกับสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งประเทศพม่าจัดทำหลักสูตรอบรมแก่นักธุรกิจไทยและพม่าที่สนใจเกี่ยวกับการพัฒนาการค้าผ่านแดนบ้านพุน้ำร้อน

ด้าน ม.ร.ว.โอภาศ เปิดเผยว่า จากการที่ได้เข้าดูงานที่แคมป์งานของบริษัทอิตัลไทย จำกัด (มหาชน) ที่เมืองทวาย ประเทศพม่า ได้รับฟังข้อมูลว่าได้เริ่มทำโครงการศึกษาสำรวจโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกทวายแล้ว และที่ได้เห็นจากการลงพื้นที่ พบว่า บริษัทได้กำหนดผังที่ตั้งโครงการที่บริเวณฝั่งทะเลเมืองทวายเรียบร้อย และการก่อสร้างถนนทวายมาเชื่อมต่อที่บ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า ก็มีการนำเครื่องจักรเข้าปรับพื้นที่และสำรวจเส้นทาง โดยวางผังและปรับพื้นที่เส้นทางถนนลำลอง และกำหนดเส้นทางที่จะก่อสร้างถนนทวายสู่บ้านพุน้ำร้อนมีความยาวเป็นระยะทาง 160 ก.ม.แล้วเช่นกัน

-------------------------------------

ชาวบ้านท่าเรือปากบาราเฮ เวนคืนที่ดินสร้างถนนหมดอายุ
ประชาไท Sun, 2011-02-13 22:11

ปรัชญเกียรติ ว่าโร๊ะ
รายงาน

ชาวบ้านละงูเฮ พระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินสร้างถนนเข้าท่าเรือปากบาราหมดอายุ เผยมีคนยอมแค่ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ ทนายชี้ถนนเส้นนี้ยังอยู่ในผังเมืองรวม หวั่นกรมทางหลวงชนบทดันเวนคืนอีกรอบ

Click on the image for full size
ผังเมืองรวมชุมชนกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล กำหนดสร้างถนนเข้าท่าเรือน้ำลึกปากบารา

นายโกสินท์ พิทยเวสด์สุนทร ผู้อำนวยการสำนักก่อสร้างทาง กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลละงู และตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล พ.ศ. 2549 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2549 บัดนี้ครบกำหนด 4 ปี จึงสิ้นสุดการบังคับใช้แล้ว ไม่สามารถนำมาใช้เวนคืนที่ดินในโครงการก่อสร้างถนนทางเข้าท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา (ตอนที่2) อีกต่อไป

นายโกสินท์ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่พระราชกฤษฎีกาเวนคืนฉบับนี้สิ้นสุดการบังคับใช้ ตนและคณะลงพื้นที่ประชุมรับฟังชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินโครงการก่อสร้างถนนทางเข้าท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา (ตอนที่2) เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2553 ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล ได้ตกลงกับชาวบ้านว่า ถ้าชาวบ้านมาทำสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนกับกรมทางหลวงชนบท ไม่เกิน 40% จะชะลอและยกเลิกโครงการ ตนให้นายวิมุติ จันทมาลาพฤกษ์ นายช่างโยธาชำนาญงาน สำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดสตูล รับผิดชอบดำเนินการเวนคืนโครงการนี้

“เรายืนยันกับชาวบ้านในที่ประชุมวันนั้นว่า ถ้าชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบไม่เห็นด้วย เราจะไม่ทำถนนทางเข้าท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา (ตอนที่2) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ยืนยันว่าจะไม่ก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา หากชาวบ้านในพื้นที่ไม่ต้องการโครงการนี้” นายโกสินท์ กล่าว

นายวิมุติ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินการปรากฏว่า มีชาวบ้านมาทำสัญญาฯกับกรมทางหลวงชนบท 24 ราย รวม 26 สัญญา หรือ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ของจำนวนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ตอนนั้นผอ.โกสินท์บอกด้วยวาจากับผมว่า จะชะลอโครงการ ซึ่งผมได้แจ้งกับตัวแทนชาวบ้าน ก่อนที่พระราชกฤษฎีการเวนคืนฉบับนี้จะสิ้นสุดการบังคับใช้

นายอาบาส เกษา ตัวแทนชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินโครงการก่อสร้างถนนทางเข้าท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา (ตอนที่2) เปิดเผยว่า ชาวบ้านถามตนว่า การเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างถนนไปยังปากบารา กรมทางหลวงชนบทจะดำเนินการต่อไปหรือไม่ เพราะตนทราบว่ามีการระบุถนนเส้นนี้ไว้ในผังเมืองรวมชุมชนกำแพง จังหวัดสตูล

นางสาว ส.รัตนมณี พลกล้า ทนายความ จากสภาทนายความ เปิดเผยว่า จากการที่ผังเมืองรวมชุมชนกำแพง จังหวัดสตูล ระบุถนนเส้นนี้ไว้ จึงมีโอกาสที่จะมีการเวนคืนที่ดิน เพื่อสร้างถนนไปยังปากบาราอีกรอบ เนื่องจากมีผังเมืองรองรับอยู่

“ถ้ามีผังเมืองมารองรับ กรมทางหลวงชนบทสามารถดำเนินการให้มีการออกพระราชกฤษฎีการเวนคืนที่ดินบริเวณนี้เพื่อสร้างถนนได้อีก กรณีนี้ชาวบ้านจะต้องดำเนินการให้มีการแก้ผังเมือง ไม่ให้ระบุถนนเส้นดังกล่าวไว้ในผังเมืองรวมชุมชนกำแพง” นางสาว ส.รัตนมณี กล่าว
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 21, 22, 23 ... 50, 51, 52  Next
Page 22 of 52

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©