RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311324
ทั่วไป:13287851
ทั้งหมด:13599175
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - กล้อง ใครคิดว่าไม่สำคัญ......!
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

กล้อง ใครคิดว่าไม่สำคัญ......!
Goto page Previous  1, 2, 3, 4, 5 ... 23, 24, 25  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> พักผ่อนหย่อนใจ
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Air_Reservoir
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 31/03/2006
Posts: 2338
Location: บึงกุ่ม, สุไหงโก-ลก

PostPosted: 30/05/2010 2:22 am    Post subject: Reply with quote

คราวนี้เรามาว่ากันก่อนการเลือกซื้อกล้องครับ หลายๆ คนคงเคยเห็นภาพของช่างภาพทั้งมืออาชีพ มือสมัครเล่นกันมาบ้าง จะเห็นได้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการบันทึกภาพก็คือ "แสง" นั่นเองครับ ภาพสวยไม่สวย ดีไม่ดีอย่างไร เรื่องแสงนี่แหละครับสำคัญที่สุด เรียกว่าเป็นหัวใจของการถ่ายภาพเลยก็ว่าได้ ลองดูภาพเปรียบเทียบกันครับ

Click on the image for full size

Click on the image for full size

ระหว่างภาพแรกที่มีแสง กับภาพที่สองที่ไม่มีแสง ผมคิดว่าหลายๆ คนก็คงจะดูออกว่าภาพไหนน่าจะดีกว่ากัน ทีนี้มาเข้าประเด็นกันเลยครับ หัวข้อนี้ทุกคนควรต้องรู้ เพราะใช้ในการออกสนามจริงและใช้ไปตลอดชีวิตกันเลย สิ่งนั้นคือการควบคุมแสงครับ คุมอย่างไรให้พอดี ไม่ให้มากไป น้อยไป ถือว่าแนะนำได้เป็นแนวทางนะครับ ที่เหลือก็ต้องไปฝึกกันเอาเอง เอาล่ะการควบคุมปริมาณแสงให้พอดีนั้นมีอยู่ 3 ข้อใหญ่ๆ ที่ควรเรียนรู้กัน และที่สำคัญ ทั้ง 3 ข้อนี้จะสัมพันธ์กันเวลาใช้งานจริงครับ

1. รูรับแสง หรือที่เรียกกันว่าค่า F เอาล่ะมือใหม่หลายคนอาจจะงง ว่าค่า F มันคืออะไร จำเป็นกับการถ่ายรูปด้วยเหรอ ข้อนี้จำเป็นมากครับ เมื่อเรามองไปในเลนส์ เราจะเจอกับกลีบเล็กๆ ซ้อนๆ กัน สามารถย่อหรือขยายช่องว่างตรงกลางได้ด้วยกลไกในกระบอกเลนส์ หน้าที่โดยตรงคือการควบคุมปริมาณแสงเข้าไปในกล้อง รูแคบ แสงก็เข้าน้อย รูกว้าง แสงก็เข้าได้มาก เราจึงเรียกตรงนี้ว่าค่า F ไงครับ หรือจะคิดกันง่ายๆ ว่าถ้าค่า F 2.8 ก็คือรูกว้าง แสงเข้าได้มาก แต่ถ้าเป็น F 20 คือรูแคบ แสงเข้าได้น้อย และจะมีผลตามมาคือระยะความชัดจะแตกต่างกัน (Depth of Field) จำกันง่ายๆ นะครับ รูรับแสงกว้าง แสงเข้าเยอะ ระยะชัดจะสั้น หรือที่เรียกว่าชัดตื้น รูรับแสงแคบ แสงเข้าน้อย ระยะชัดจะยาว หรือที่เรียกว่าชัดลึก ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ต้องไปทดลองกันในสนามจริงดูครับ

2. สปีดชัตเตอร์ หมายถึงความเร็วในการเปิดปิดม่านของชัตเตอร์ มีผลต่อการปล่อยปริมาณแสงเข้าสู่เซ็นเซอร์รับภาพ ใช้หน่วยวัดเป็นวินาที เช่น 1/400 เท่ากับ 1 ส่วน 400 ของวินาทีครับ ยิ่งเปิดปิดเร็ว แสงยิ่งเข้าน้อย แต่ถ้าเปิดปิดช้า แสงก็เข้าได้มากครับ ลองคิดกันง่ายๆ ถ้าความไวยิ่งสูง เราก็สามารถจับวัตถุที่มีความเร็วให้นิ่งสนิทได้ง่าย กลับกันถ้าความไวต่ำ วัตถุที่เราต้องการจับภาพก็จะเกิดอาการเคลื่อนไหว หรือที่เรามักเรียกกันว่า "เบลอ" นั่นล่ะครับ

3. ISO หรือ ค่าความไวต่อแสงครับ ในกล้องจะมีค่า ISO ให้เราเปลี่ยนตามความต้องการได้ ส่วนจะมากน้อยขึ้นอยู่กับความสามารถของกล้องครับ ในกล้อง DSLR นั้นมักจะมีค่า ISO 100 นั่นคือไวแสงน้อย แต่ถ้าเป็น ISO 1600 คือไวแสงมาก ถึงแม้ว่าการไวแสงมากจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ครับแต่ คุณภาพของภาพจะลดต่ำลงไป และเกิดสิ่งที่เราเรียกว่า "Noise" เกิดขึ้น เรื่องปริมาณแสงและคุณภาพของภาพ อันนี้ต้องแยกออกให้ชัดเจนครับ

มีอีก 2 คำที่ควรรู้ คือ โอเวอร์ หรือ Over Exposure หรืออาการภาพสว่างเกินไป และอีกคำคือ อันเดอร์ หรือ Under Exposure หรืออาการภาพมืดเกินไป ซึ่งภาพที่ดีโดยทั่วไปก็ต้องไม่เกิดอาการ 2 อย่างดังที่กล่าวมา แต่จะทำไงล่ะ นั่นสิจะทำไง อันนี้ก็ขอให้กลับไปดูทั้ง 3 ข้อด้านบนว่าเราเพิ่มหรือลดค่าอะไรมากไปหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็อยู่ที่ฝีมือผู้ใช้กล้องแล้วนะครับ เพราะผมคงไม่สามารถบอกได้ว่าใส่ค่าเท่าไหร่ถึงจะพอดี ถ้าสภาพแสงต่างกัน ค่าที่ใช้ก็ย่อมต้องต่างกันไปด้วยครับ
_________________
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 กรุงเทพ - เชียงใหม่, สถานีห้างฉัตร, จังหวัดลำปาง
Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail MSN Messenger
ukito
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 07/03/2008
Posts: 1103
Location: ลาดกระบัง,บางน้ำเปรี้ยว

PostPosted: 30/05/2010 11:14 am    Post subject: Reply with quote

มีแต่เทพนิกรออกมาให้ความรู้ Sad

เทพหนอนไปไหนหมดละเนี่ย Rolling Eyes

(ล้อเล่นนะจ๊ะ)

ขอบคุณที่นำมาลงให้ชมกัน

เมื่อวานไปเดินหาซื้อ Hood แถวมาบุญครอง
เห็นราคาแล้วอยากจะร้องไห้ Rolling Eyes

ดูวัสดุุแล้วมันก็ไม่ได้มีส่วนผสมของทองนี่หว่า ทำไมแพงจัง

(สาเหตุที่ไปลองหาซื้อเนื่องจากเวลาถ่ายช่วงแสงจัด
หรือกึ่ง ๆ ย้อนแสง จะแล้วเกิด Flare )

รอชมทางแก้การเกิด Flare ครับ
_________________
ทรายเม็ดเล็ก ๆ ถ้ามากพอก็สามารถจมเรือใหญ่ได้ Ukito Yoji
Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail Yahoo Messenger
Adithepc20
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 05/07/2006
Posts: 3403
Location: ลาดพร้าว 71 หรือ ชานเมือง 9

PostPosted: 30/05/2010 11:19 am    Post subject: Reply with quote

พี่หนึ่งภาสกรผมใส่ชื่อพี่ลงไปในรีพลายนั้นแล้วนะครับ ขอภัยด้วยจริงๆ Sad
_________________
ฮิตาชิ 4506 ขณะทำขบวนรถสินค้าที่ 879 ออกจากสถานีชุมทางศรีราชา วันที่ 20 เม.ย. 2553 เวลา 16.50 น.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
ukito
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 07/03/2008
Posts: 1103
Location: ลาดกระบัง,บางน้ำเปรี้ยว

PostPosted: 30/05/2010 11:49 am    Post subject: Reply with quote

Adithepc20 wrote:
พี่หนึ่งภาสกรผมใส่ชื่อพี่ลงไปในรีพลายนั้นแล้วนะครับ ขอภัยด้วยจริงๆ Sad


ลืมใส่ ผตก.เจฟ ด้วยนะ อู๋ สาวก นิกรนะ Wink
_________________
ทรายเม็ดเล็ก ๆ ถ้ามากพอก็สามารถจมเรือใหญ่ได้ Ukito Yoji
Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail Yahoo Messenger
pattharachai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 6536
Location: ราชอาณาจักรไทย

PostPosted: 30/05/2010 12:15 pm    Post subject: Reply with quote

ukito wrote:
มีแต่เทพนิกรออกมาให้ความรู้ Sad

เทพหนอนไปไหนหมดละเนี่ย Rolling Eyes

(ล้อเล่นนะจ๊ะ)

ขอบคุณที่นำมาลงให้ชมกัน

เมื่อวานไปเดินหาซื้อ Hood แถวมาบุญครอง
เห็นราคาแล้วอยากจะร้องไห้ Rolling Eyes

ดูวัสดุุแล้วมันก็ไม่ได้มีส่วนผสมของทองนี่หว่า ทำไมแพงจัง

(สาเหตุที่ไปลองหาซื้อเนื่องจากเวลาถ่ายช่วงแสงจัด
หรือกึ่ง ๆ ย้อนแสง จะแล้วเกิด Flare )

รอชมทางแก้การเกิด Flare ครับ


วัสดุกล้องนี่แม้จะเป็นพลาสติกชิ้นเล็กๆก็ยังราคาแพงได้อีกครับพี่ยู ยิ่งถ้าพะยี่ห้อของค่ายกล้องนี่ยิ่งแพงมากขึ้นเป็นทวีคูณ ไม่รู้ว่าทำจากพลาสติกสมัยราชวงศ์ถังหรือไงก็ไม่รู้

ไม่ทราบว่าพี่ยูใช้เลนส์อะไรอยู่ครับ เพราะเลนส์บางยี่ห้อมักจะแถมหูด เอ้ย ฮูดมาให้ด้วย อย่างเทเลทำหล่นของผมก็มีฮูดแถมมาให้ด้วยเช่นกัน (ส่วนเลนส์คิดที่ติดมากับกล้องนี่ไม่มีฮูด)
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail Visit poster's website
ukito
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 07/03/2008
Posts: 1103
Location: ลาดกระบัง,บางน้ำเปรี้ยว

PostPosted: 30/05/2010 2:23 pm    Post subject: Reply with quote

ตอนนี้มีอยู่ 3 ตัวครับบอย ตัวแรกเป็นเลนส์ kit ติดกล้อง
และไปซื้อเพิ่มมา 2 ตัวคือ

LE-CA-EF-55-250IS
Canon 55-250mm IS เลนส์ telephoto
ตอนซื้อราคา 6,900 บาท ซื้อเพราะว่าอยาก ซูมได้ไกล ๆ
ปัญหาคือ Flare บ่อยตอนกึ่ง ๆ ย้อนแสงหรือตอนแสงจัด
ไม่มีแถม Hood มาด้วย ถึงต้องไปหาซื้อเพิ่มแล้วสะอึกอย่างที่บอกนะครับ

LE-CA-50mm f/1.8
Canon : EF 50mm f/1.8 II
หลังละลายได้ใจดีมาก เปิดรูรับแสง 2.8 ถึงจะโฟกับเลือกจุดได้
เสียอย่างเดียวระบบชดเชยการสั่นไม่มี ราคาไม่แพง 2,800 บาท
(ตัวใช้ถ่ายสาว ๆ ได้สวยดังใจคาดเลยละ)

ตอนนี้ฝึกถ่ายไปเรื่อย ๆ ก่อน ค่อยหาเลนส์
10-22mm ราคาพอประมาณสักตัวไว้ถ่ายวิวนะครับ

แต่อย่างว่านะครับ กล้องของพวกเรา ๆ ท่าน ๆ ที่ใช้อยู่ส่วนมาก
เป็นกล้องตัวคูณ จึงไม่ได้ค่าที่ต้องการใช้นัก เวลาซื้อหรือ
ศึกษาต้องคำนวนคือคูณด้วย 1.6 อยู่เสมอ
_________________
ทรายเม็ดเล็ก ๆ ถ้ามากพอก็สามารถจมเรือใหญ่ได้ Ukito Yoji
Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail Yahoo Messenger
Air_Reservoir
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 31/03/2006
Posts: 2338
Location: บึงกุ่ม, สุไหงโก-ลก

PostPosted: 31/05/2010 12:41 am    Post subject: Reply with quote

พี่ยู หมูแผ่น wrote:
(สาเหตุที่ไปลองหาซื้อเนื่องจากเวลาถ่ายช่วงแสงจัด
หรือกึ่ง ๆ ย้อนแสง จะแล้วเกิด Flare )

รอชมทางแก้การเกิด Flare ครับ


เห็นพี่ยูพูดถึงก็มาอธิบายเลยดีกว่าครับ แสงแฟลร์ (Flare) มักเกิดจากแหล่งกำเนิดแสงที่มีความแรงพอสมควร มีลักษณะไม่เป็นรูปเป็นร่าง เราจะเจอกับแสงชนิดนี้เสมอๆ เวลาถ่ายภาพย้อนแสง หรือถ่ายภาพในสภาพแสงที่ลงมาไม่สม่ำเสมอ ดังเช่นรูปในภาพนี้

Click on the image for full size

หนทางแก้ ก็อย่างที่พี่ยูว่าคือการหาฮูดมาใส่เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดแสงแฟลร์เข้ามาในเลนส์ อีกหนทางหนึ่งคือการหลบมุมกล้องไปยังทิศทางที่ไม่มีแสงแฟลร์ส่อง ก็สามารถช่วยได้ครับ แต่ถ้าไม่มีฮูด จะใช้มือช่วยบังก็พอได้ครับ

แต่ถ้าจำเป็นต้องถ่ายย้อนแสง ก็ต้องรอรับกับความเสี่ยงแบบนี้กันนิดนะครับ Wink
_________________
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 กรุงเทพ - เชียงใหม่, สถานีห้างฉัตร, จังหวัดลำปาง
Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail MSN Messenger
Air_Reservoir
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 31/03/2006
Posts: 2338
Location: บึงกุ่ม, สุไหงโก-ลก

PostPosted: 31/05/2010 1:11 am    Post subject: Reply with quote

มาว่ากันด้วยเรื่องต่อไป ที่เหมือนจะเป็นที่ถกเถียงกันว่าอะไรดีกว่ากัน นั่นคือ CCD & CMOS ครับ

CCD : Charge Coupled Device เป็นเซ็นเซอร์ชนิดหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อการรับแสงโดยตรงและแปลงเป็นสัญญาณอนาล็อก ส่งเข้าสู่วงจรแล้วเปลี่ยนค่าเป็นดิจิตอลอีกที มีประสิทธิภาพในการเก็บรายละเอียดแสงที่ดีกว่า ข้อเสียที่ดูจะเป็นที่กล่าวถึงคือการที่มันใช้พลังงานค่อนข้างมาก และต้นทุนการผลิตที่สูง

CMOS : Complementary Metal Oxide Semiconductor เป็นเซ็นเซอร์ที่มีการทำงานโดยแต่ละพิกเซลจะมีวงจรย่อยๆ เปลี่ยนค่าแสงที่เข้ามาเป็นสัญญาณดิจิตอลในทันที ไม่ต้องส่งออกไปแปลงเหมือน CCD ทำให้ประหยัดพลังงานมากกว่า และต้นทุนการผลิตต่ำกว่า

ผมจะไม่บอกว่าอะไรดีกว่ากัน เพราะปัจจุบันทั้ง 2 แบบได้ถูกพัฒนาออกมาให้มีคุณภาพที่ใกล้เคียงกัน อันนี้ถือว่ารู้ไว้ แต่ก็ไม่ควรไปซีเรียสมากนักครับ

อีกคำที่ควรทราบคือ Dynamic Range หรือก็คือการเก็บรายละเอียดของภาพในส่วนที่มืดและสว่าง เรามักจะได้ยินว่ากล้องตัวนั้นมีไดนามิกเรนจ์กว้าง นั้นหมายความว่ากล้องตัวนั้นมีความสามารถในการเก็บรายละเอียดแสงในส่วนสว่างและส่วนมืดที่ดี เช่นภาพไหนมีสีขาวก็ขาวไปเลย มีสีดำก็ดำปี๋ไปเลย และการเห็นรายละเอียดของภาพเช่นใบไม้ เนื้อผ้า ยิ่งเห็นชัดแสดงว่ามีไดนามิกเรนจ์ที่ดี เป็นต้นครับ
_________________
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 กรุงเทพ - เชียงใหม่, สถานีห้างฉัตร, จังหวัดลำปาง
Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail MSN Messenger
Air_Reservoir
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 31/03/2006
Posts: 2338
Location: บึงกุ่ม, สุไหงโก-ลก

PostPosted: 31/05/2010 2:17 am    Post subject: Reply with quote

เรื่องต่อไปเป็นเรื่องของไฟล์ภาพครับ อย่างที่เรารู้กันครับว่ากล้อง DSLR เวลาับันทึกภาพจะออกมาปกติแล้วจะเป็นไฟล์ JPEG กับไฟล์อีกรูปแบบหนึ่งนั่นก็คือไฟล์ RAW นั่นเอง เอาล่ะ ทั้ง 2 ชนิดนี้ต่างกันอย่างไร

JPEG : Joint Photographic Experts Group คือไฟล์ที่เกิดขึ้นจากการบีบอัดข้อมูล โดยให้เสียความละเอียดน้อยที่สุด เช่น เมื่อเราถ่ายภาพเข้ามาในเซ็นเซอร์ของเราแล้ว มันจะทำการบีบอัด เพิ่มลี ลดนั่น ลดนี่ ตามแบบฉบับของเซ็นเซอร์นั้นๆ จนออกมาเป็นไฟล์สำเร็จรูป ไว้สำหรับใช้งานทั่วๆ ไปนั่นล่ะครับ

RAW : เป็นการส่งผ่านข้อมูลเข้ามาโดยไม่ผ่านกระบวนการใดๆ หรือผ่านอย่างน้อยที่สุด ซึ่งสามารถนำไปแกไขดัดแปลงในคอมพิวเตอร์ได้ดีกว่า และแน่นอนว่าจะกินพื้นที่มากกว่าไฟล์ JPFG ถึงสองเท่าตัวเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าไฟล์ RAW จะให้คุณภาพสีที่ดูด้อยกว่า JPEG แต่เราสามารถตกแต่งแก้ไขภาพได้ง่ายกว่าเพราะมีรายละเอียดอยู่ครบถ้วน และไฟล์แบบนี้ก็ต้องใช้โปรแกรมถอดไฟล์ของแต่ละค่ายที่รองรับเช่นกัน เช่น Capture NX : Nikon, Digital Photo Professional : Canon, Olympus Master : Olympus เป็นต้น

ไฟล์ Raw ที่แต่ละค่ายมีนั้นมักจะมีนามสกุลที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป เช่น

.raf = Fujifilm
.crw, .cr2 = Canon
.nef = Nikon
.orf = Olympus
.ptx, .pef = Pentax
.arw, .srf, .sr2 = Sony

*ข้อควรระวังก่อนจะถ่ายไฟล์ RAW ควรดูสภาพคอมของตัวเองก่อนว่าสเปคระดับไหน ถ้าเป็นประเภทเก่าคร่ำครึ แรม 1 กิ๊ก แต่ซื้อกล้องประเภท 18 ล้านพิกเซลมา แค่ไฟล์ JPEG ก็ทำให้คอมอืดได้แล้วโดยที่ไม่ต้องไปหวังว่าถ้าถ่ายไฟล์ RAW แล้วจะเป็นอย่างไร ขนาด Pentium Centrino, Ram 4 GB(คอมใครหว่า) ก็ยังเต่าคลานเวลาโปรเซสภาพไฟล์ RAW จนเกือบจะนึกว่าเป็นกล่องเหล็กธรรมดาๆ ถือว่าบอกเล่าไว้พิจารณาครับผม
_________________
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 กรุงเทพ - เชียงใหม่, สถานีห้างฉัตร, จังหวัดลำปาง
Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail MSN Messenger
pasakorn
2nd Class Pass
2nd Class Pass


Joined: 06/01/2009
Posts: 671
Location: ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ., หลักสี่

PostPosted: 31/05/2010 2:42 am    Post subject: Reply with quote

คร้าบบบบ รับทราบแล้วนะครับ ขอบคุณครับ.. ไม่ตกสำรวจแล้วเรา ฮิฮิ..Laughing

ukito wrote:
ตอนนี้มีอยู่ 3 ตัวครับบอย ตัวแรกเป็นเลนส์ kit ติดกล้อง
และไปซื้อเพิ่มมา 2 ตัวคือ...



ตอนนี้ฝึกถ่ายไปเรื่อย ๆ ก่อน ค่อยหาเลนส์
10-22mm ราคาพอประมาณสักตัวไว้ถ่ายวิวนะครับ

แต่อย่างว่านะครับ กล้องของพวกเรา ๆ ท่าน ๆ ที่ใช้อยู่ส่วนมาก
เป็นกล้องตัวคูณ จึงไม่ได้ค่าที่ต้องการใช้นัก เวลาซื้อหรือ
ศึกษาต้องคำนวนคือคูณด้วย 1.6 อยู่เสมอ


^^ พี่ยูครับ ผมคิดว่าถ้าจะซื้อ EF-S 10-22mm ให้พี่ซื้อ EF 17-40mm 1:4L จะดีกว่า เนื่องจากราคาที่ต่างกันไม่มากเท่าไหร่ แต่วัสดุคุณภาพของเลนส์สองตัวนี้ต่างกันอย่างมาก, 10-22 กระบอกเลนส์จะเป็นพลาสติก แต่ 17-40 กระบอกเลนส์จะทำด้วยแม็กนีเซี่ยมอัลลอยด์ซึ่งมีความทนทานมากกว่าสามารถใช้งานได้อย่างสมบุกสมบัน อีกทั้งยังเป็นเลนส์ series "L" ที่มืออาชีพและหลายๆคนหมายปองอยากจะได้มาใช้งาน(แน่นอนว่าถ้าหากขายต่อราคาไม่ตก..) ส่วนเรื่องระยะนั้น 10-22mm ก็ไม่ได้กว้างมากมายอะไรครับ (ถ่ายแล้วจะติดขอบภาพโค้งๆเสียด้วยซ้ำ ซึ่งไม่ใช่โค้งสวยๆแบบเลนส์ Fisheye อย่างแน่นอน) เมื่อนำมาใช้กับกล้องที่มีเซ็นเซอร์ x1.6 แล้วก็จะได้ระยะเท่ากับ 16-35mm. ครับ อีกทั้งยังเป็นเลนส์ EF-S ซึ่งถ้าหากพี่ยูจะขยับขยายไปใช้กล้องรุ่นที่ใหญ่กว่าหรือกล้องแบบ Full Frame แล้วหล่ะก็ จะไม่สามารถใช้กับเลนส์ที่เป็น EF-S ได้เพราะเลนส์ EF-S นั้นทางผู้ผลิตต้องการให้นำมาใช้กับกล้องที่มีเซ็นเซอร์ x1.6 เท่านั้น ไม่สามารถใช้กับกล้องฟิลม์หรือกล้องFull Frameได้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าจะต้องขายเลนส์นั้นทิ้ง(ในราคาที่ไม่น่าพอใจนัก) ผิดกับเลนส์ 17-40 ซึ่งเป็นเลนส์ EF ซึ่งสามารถใช้ได้กับกล้องทุกรุ่นของ Canon (ขาย body กล้องไปแล้วได้รุ่นใหม่ที่ดีกว่าเดิมแต่ยังสามารถนำเลนส์ของเดิมมาใช้ด้วยกันได้) และอีกอย่างที่น่าสนใจคือเลนส์ series "L" นั้นจะแถม Lens Hood กับถุงผ้ากำมะหยี่สำหรับใส่เลนส์มาให้ด้วยครับ(ให้คุ้มสมกับความแพงของเลนส์) Wink
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> พักผ่อนหย่อนใจ All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3, 4, 5 ... 23, 24, 25  Next
Page 4 of 25

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©