View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
Posted: 27/09/2021 1:13 am Post subject:
ผ่านฉลุย! คมนาคม เคลียร์ปมสถานีอยุธยา ลุย ไฮสปีดไทย-จีน
หน้าเศรษฐกิจมหภาค
Mega Project
วันที่ 24 กันยายน 2564 เวลา 13:33 น.
คมนาคม จับมือ ก.วัฒนธรรม ถกปรับแบบสถานีอยุธยา ลดระดับสันรางลง 17 เมตร แก้ปมมรดกโลก เดินหน้าไฮสปีดไทย-จีน ชงครม.
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ภายหลังการร่วมหารือเพื่อพิจารณาแนวทางการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงสถานีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ของโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา) หรือไฮสปีดไทย-จีน โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง และผู้แทนจาก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรมการขนส่งทางราง และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมการหารือดังกล่าว
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า การหารือครั้งนี้ เป็นการหารือต่อเนื่องจากการประชุมเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2564 เพื่อแก้ไขปัญหาการดำเนินการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยที่ประชุมได้พิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ซึ่งพบว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงได้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่เพื่อลดข้อกังวลต่าง ๆ จะดำเนินการลดระดับสันรางลงเหลือ 17 เมตร รวมถึงเตรียมจัดทำรายงานผลกระทบต่อมรดกโลกทางวัฒนธรรม (Heritage Impact Assessment :HIA) เพื่อเสนอต่อศูนย์มรดกโลกที่กรุงปารีสต่อไป และจะกำหนดมาตรการจำกัดความสูงของอาคารรอบสถานี เช่น ในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะออกระเบียบกำหนดความสูงไม่ให้เกินที่กำหนด และประสานองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นออกเทศบัญญัติควบคุมความสูงของอาคารโดยรอบสถานีต่อไป
ทั้งนี้ที่ประชุมมีข้อสั่งการให้กระทรวงคมนาคม ได้พิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรมในประเด็นด้านกฎหมายในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ทราบว่าในพื้นที่โครงการก่อสร้างในปัจจุบันไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย และข้อบังคับแต่อย่างใด รวมทั้งนำความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรม เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการของโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วง กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา ต่อไป
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44631
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 29/09/2021 7:22 am Post subject:
100สัญญาเวนคืนไฮสปีดฯ ป่วน รังวัดคลาดเคลื่อนขัดงบกลาง64
ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564
รฟท. ส่งมอบพื้นที่ไฮสปีดฯให้ซีพีช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ติดปัญหาเวนคืน 100 สัญญา รังวัดคลาดเคลื่อน ขัดงบกลางปีงบ 64 ที่ครม.อนุมัติ ทำชดเชยสะดุด ลุ้นสำนักงบฯเคลียร์ จ่ายจบก.ย.นี้ ขณะที่เฟส 2 ช่วงพญาไท-บางซื่อ ติดรื้อย้ายสาธารณูปโภคอื้อ
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ความคืบหน้าการส่งมอบพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระยะทาง 220 กม. วงเงิน 224,544 ล้านบาท ปัจจุบันติดปัญหาด้านการเวนคืนที่ดินและการรื้อย้ายสาธารณูปโภค ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะส่งมอบพื้นที่ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ระยะทาง 170 กิโลเมตร (กม.) ได้ภายในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ตามแผน หลังจากนั้นจะดำเนินการลงพื้นที่บางส่วน ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนของกฎหมายในการเวนคืนที่ดิน คาดว่าจะดำเนินการเวนคืนที่ดินครบทั้ง 100% ภายใน 90 วัน หลังจากส่งมอบพื้นที่แล้วเสร็จ ซึ่งจะไม่กระทบต่อการก่อสร้างโครงการฯ
"ด้านการเวนคืนที่ดินจำนวน 100 สัญญา ซึ่งติดขัดปัญหาด้านการเบิกจ่ายงบกลางงบประมาณปี 2564 วงเงิน 568 ล้านบาทนั้น จากงบประมาณรวม 5,740 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เคยอนุมัติ จากการตรวจสอบขั้นตอนการเวนคืนที่ดินในช่วงการประกาศราคาที่ดิน จะกำหนดราคาต่อตารางวา (ตร.ว) ไว้ แต่เมื่อลงไปสำรวจพื้นที่ พบว่ารายละเอียดการวัดพื้นที่มีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อย ส่งผลให้การของบกลางปีงบ 2564 ต้องมีการปรับรายการในสัญญาให้สอดคล้องกับพื้นที่ที่สำรวจ โดยดำเนินการเสนอเรื่องดังกล่าวต่อสำนักงบประมาณพิจารณา คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนกันยายนนี้"
ปัจจุบันโครงการฯดังกล่าวมีการเวนคืนที่ดินทั้งหมด 700 สัญญา ซึ่งมีผู้สนใจทำสัญญาแล้วเสร็จ 600 สัญญา แต่พบว่ามีผู้ที่ไม่สนใจทำสัญญา 100 สัญญา เบื้องต้นรฟท.มีสิทธิวางทรัพย์กับธนาคารโดยแจ้งให้เจ้าของที่ดินสามารถรับทรัพย์ได้ มีระยะเวลาตามกฎหมายภายใน 90 วัน รฟท.ถึงจะมีสิทธิตามกฎหมายสามารถครอบครองที่ดินดังกล่าวได้ คาดว่าจะดำเนินการวางทรัพย์เพื่อดำเนินการจ่ายชดเชยค่าเวนคืนที่ดินได้ภายในเดือนกันยายน 2564
ส่วนการส่งมอบพื้นที่เฟส2 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.21 กิโลเมตร (กม.) อยู่ระหว่างการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค ทั้งท่อประปาและสถานีสูบน้ำเล็กน้อย ขณะที่ผู้บุกรุกทั้งหมด ราว 20 ราย ได้ย้ายออกจากพื้นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากผู้บุกรุกบางส่วนได้ดำเนินการย้ายออกจากพื้นที่ในช่วงที่มีการก่อสร้างรถไฟสายสีแดง คาดว่าจะรื้อย้ายแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบพื้นที่ให้กลุ่มซีพีได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2565
ส่วนช่วงพญาไท-บางซื่อ ระยะทาง 22 กิโลเมตร (กม.) ปัจจุบันติดปัญหาการรื้อย้ายสาธารณูปโภคบริเวณท่อน้ำมัน ซึ่งอยู่ระหว่างจัดทำรายงานประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ใกล้แล้วเสร็จและเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณาภายในเดือนตุลาคม 2564 คาดว่าจะได้รับการพิจารณาอนุมัติรายงานฯไม่เกิน 6 เดือน หลังจากนั้นจะดำเนินการรื้อย้ายท่อน้ำมันภายในเดือนมีนาคม 2565 คาดรื้อย้ายเสร็จ ราว 7-8 เดือน สามารถส่งมอบพื้นที่ในช่วงดังกล่าวได้ปลายปี 2565
ขณะที่ผู้บุกรุกราว 100 หลังคาเรือน ทยอยออกจากพื้นที่แล้ว ซึ่งเหลือผู้บุกรุกราว 200 หลังคาเรือนที่ยังไม่ได้ย้ายออกจากพื้นที่ของรฟท. เบื้องต้นรฟท.อยู่ระหว่างดำเนินการฟ้องร้องผู้บุกรุกต่อศาลฯ กรณีผู้บุกรุกที่อาศัยในบริเวณกีดขวางการก่อสร้างของโครงการฯ คาดว่าจะดำเนินการชดเชยเวนคืนที่ดินแล้วเสร็จตามแผนภายในเดือนมกราคม 2565และดำเนินการย้ายผู้บุกรุกออกจากพื้นที่แล้วเสร็จภายในต้นปี 2565
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
Posted: 29/09/2021 3:04 pm Post subject:
จบดราม่า สถานีอยุธยา รถไฟไฮสปีดไทย-จีนขอไปต่อ!!
มุมคนเมือง
28 กันยายน 2564 เวลา 08:00 น.
ถ้าหากครม.ไฟเขียวจบดราม่าให้ก่อสร้างสถานีอยุธยาได้เมื่อไร คนไทยก็จะได้นั่งรถไฟไฮสปีดไทย-จีนสุดไม่เกินต้นปี 70.
ที่ประชุมหารือเพื่อพิจารณาแนวทางการก่อสร้างสถานีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ในโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ระยะ (เฟส) ที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ผ่านแอพพลิเคชั่น Zoom เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีรัฐมนตรี เข้าร่วมถึง 3 คน ประกอบด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม รวมถึงผู้แทนจาก จ.พระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมเพื่อแก้ไขปัญหาการก่อสร้างสถานีอยุธยา เปิดไฟเขียวให้สถานีอยุธยาได้ไปต่อ
สถานีอยุธยาอยู่ในงานสัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพ -พระแก้ว ระยะทาง 13.3 กม.วงเงิน 9.9 พันล้านบาท โดย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ชนะประมูล แต่ยังไม่สามารถลงนามสัญญาได้ เนื่องจากติดปัญหาจากข้อกังวลของกรมศิลปากรว่าการสร้างสถานีจะบดบังทัศนียภาพที่สวยงามของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก กรมศิลปากร จึงให้กระทรวงคมนาคมจัดทำรูปแบบสถานีมาพิจารณาก่อนก่อสร้าง
นายศักดิ์สยาม เปิดเผยถึงผลการประชุมว่า ได้พิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องพบว่าพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟไฮสปีดได้ปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง แต่เพื่อลดข้อกังวลต่างๆ จะลดระดับสันรางจาก 19 เมตร ลงเหลือ 17 เมตร นอกจากนี้ยังเตรียมจัดทำ รายงานผลกระทบด้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรม (Heritage Impact Assessment : HIA) ของแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เสนอต่อองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
พร้อมกำหนดมาตรการจำกัดความสูงของอาคารรอบสถานี เช่น ในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะออกระเบียบกำหนดความสูงไม่ให้เกินที่กำหนด และประสานองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นออกเทศบัญญัติควบคุมความสูงของอาคารโดยรอบสถานี ทั้งนี้ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมนำมติที่ประชุมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการของโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ต่อไป
ย้อนปัญหาของเรื่องนี้ได้ประชุมร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้งในการปรับรูปแบบสถานี จนกระทั่งกระทรวงคมนาคมกลับไปใช้แบบการก่อสร้างสถานีอยุธยารูปแบบเดิมตามรายงาน EIA ซึ่งเป็นสถานีมีหลังคาแบบเรียบๆ เป็นกระจกใส ไม่ต้องทำเป็นหลังคาทรงจั่ว เพื่อไม่ให้ข่มกับสถาปัตยกรรมเดิมที่เป็นเอกลักษณ์ของ จ.อยุธยา แต่ก็ยังไม่จบ ล่าสุดกลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา กรมศิลปากร ระบุว่า ยูเนสโก ให้ประเทศไทยจัดทำ HIA เนื่องจากกังวลจะกระทบกับอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะการพัฒนาเมือง ทั้งที่อยู่ห่างจากสถานีอยุธยาประมาณ 2 กม.
เรื่องนี้กระทรวงคมนาคมยืนยันว่า การก่อสร้างสถานีอยุธยา ได้ผ่านขั้นตอนทางกฎหมาย และทำถูกต้องครบทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะ EIA ได้ผ่านการพิจารณาแล้ว ซึ่งในคณะกรรมการผู้พิจารณา EIA ก็มีผู้แทนกรมศิลปากรร่วมอยู่ด้วย แต่ครั้งนั้นไม่ได้โต้แย้และที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมรับฟังมาโดยตลอด แม้กระทั่งการปรับแบบก่อสร้างสถานีอยุธยา ที่ให้คงขนาดความสูงตามรูปแบบสถาปัตยกรรมเดิม ทางกระทรวงฯก็ปฏิบัติตาม จนกระทั่ง EIA ผ่านการพิจารณาแล้ว แต่กลับต้องมาทำรายงาน HIA เพิ่มเติมอีก
ปัญหาที่เกิดขึ้น รฟท.ต้องส่งหนังสือไปยังรัฐบาลจีนเพื่อแจ้งถึงปัญหาการก่อสร้างสถานีอยุธยา เพราะอาจจะทำให้ภาพรวมการก่อสร้างทั้งโครงการล่าช้า และส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในส่วนของงานที่ดำเนินการโดยจีน สัญญา 2.3 งานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร วงเงิน 5.06 หมื่นล้านบาท เพราะหากส่งมอบพื้นที่ให้ฝ่ายจีนเข้าดำเนินการไม่ได้ตามสัญญา รฟท. อาจต้องจ่ายค่าปรับให้กับฝ่ายจีน
ขณะเดียวกัน รฟท.กำลังเร่งจัดทำ HIA โดยอยู่ระหว่างจัดส่งเอกสารรายละเอียดการประกวดราคา (ทีโออาร์) งานบริการที่ปรึกษาเพื่อจัดทำ HIA ให้ยูเนสโก ณ กรุงปารีส ช่วยตรวจสอบรายละเอียดให้อย่างไม่เป็นทางการเป็นรอบสุดท้ายแล้ว เนื่องจาก HIA เป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่มีหน่วยงานใดในประเทศไทยจัดทำมาก่อน จึงอยากให้ขอบเขตงานการทำ HIA ครั้งนี้ถูกต้อง ครบถ้วน และรอบด้านที่สุด
หากร่างทีโออาร์ไม่มีปัญหาอะไร รฟท. จะเปิดประมูลงานบริการที่ปรึกษา เพื่อจัดทำ HIA ได้ทันที เบื้องต้นจะใช้งบประมาณจ้างที่ปรึกษาประมาณ 31 ล้านบาท ใช้เวลาศึกษาประมาณ 6 เดือน คาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จภายในปี 65 โดยงานที่ที่ปรึกษาต้องดำเนินการประกอบด้วย การสำรวจ ประเมินผลกระทบ และเสนอมาตรการในการลดผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลก
กระทรวงคมนาคมยืนยันด้วยว่า ได้พยายามลดข้อกังวลต่างๆ ให้หมด และสามารถแก้ปัญหาได้หมดอยู่แล้ว แต่กรมศิลปากรก็มีข้อกังวลเพิ่มเติมว่า เมื่อมองมาจากโบราณสถานที่เป็นมรดกโลกจะเห็นทางวิ่งรถไฟไฮสปีด ประเด็นนี้กรมการขนส่งทางราง (ขร.) และ รฟท. จึงลงพื้นที่ทดสอบทั้ง 92 จุด พบว่า ไม่เห็นทางวิ่งรถไฟแน่นอน เพราะ รฟท. ได้ปรับขนาดสถานีอยุธยาลงอีกเป็นครั้งที่ 2 จากเดิมครั้งแรกสูง 45 เมตร เหลือ 32 เมตร และล่าสุดเหลือไม่เกิน 20 เมตร
โดยจะใช้วิธีตัดพื้นที่ชั้น 2 ที่มีอยู่เดิม ซึ่งเป็นชั้นจำหน่ายตั๋วโดยสารออกไป และย้ายมาจำหน่ายตั๋วที่ชั้น 1 ในจุดเดียวกับจุดที่จำหน่ายตั๋วรถไฟทางคู่ ดังนั้นสถานีจะเหลือแค่ 2 ชั้นคือ ชั้นที่ 1 จำหน่ายตั๋ว และชั้น 2 ชานชาลา และลดระดับสันรางลงจาก 19 เมตร เหลือ 17 เมตร ขณะเดียวกัน รฟท. ก็จะกำหนดเป็นข้อบังคับด้วยว่า พื้นที่ของ รฟท. รอบสถานีอยุธยาประมาณ 20 ไร่ ห้ามสร้างอาคารสูงเกิน 17 เมตร เพื่อจะได้ไม่เกิดข้อกังวลเรื่องการมองเห็น
หลังจากนี้ รฟท.จะรวบรวมความคิดเห็นของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และครม. พิจารณา โดยยังคงยืนยันว่าโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ไทย-จีน ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ผ่านการดำเนินงานตามขั้นตอนทางกฎหมายของประเทศไทยอย่างถูกต้อง และครบถ้วนแล้ว จึงมั่นใจว่าจะเดินหน้าโครงการต่อไปได้
โครงการรถไฟไฮสปีดไทย-จีน เฟสแรกมีระยะทาง 253 กม. รวม 14 สัญญา วงเงินลงทุน 1.79 แสนล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายหวัง เสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาปฏิรูปแห่งชาติจีน ร่วมทำพิธีเปิดการก่อสร้างโครงการเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.60 ผ่านไปแล้ว 4 ปี
หากครม.ไฟเขียวให้ก่อสร้างสถานีอยุธยา รถไฟไฮสปีดไทย-จีนได้ไปต่อ ตามแผนเดิม รฟท. ตั้งเป้าหมายว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเปิดบริการประมาณปลายปี 69 หรือช้าสุดไม่เกินต้นปี 70.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
Posted: 30/09/2021 3:07 pm Post subject:
ขร.ตรวจไซด์ก่อสร้างรถไฟไทย-จีน ศูนย์ซ่อมโคกสะอาด พิษโควิด ยืดสัญญา 2-1 เลื่อนเสร็จพ.ค. 65
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 29 กันยายน 2564 เวลา 22:15 น.
ปรับปรุง: 29 กันยายน 2564 เวลา 22:15 น.
กรมรางฯ ตรวจไซด์ก่อสร้างรถไฟไทย-จีน ศูนย์ซ่อมบำรุงทางโคกสะอาด สัญญาที่ 2-1 คืบ74% พิษโควิดต้องขยายสัญญาเพิ่ม คาดเสร็จพ.ค. 65 ส่วนสถานีอยุธยา ลุ้นชงครม.ชี้ขาด เผยตัวแทนหอการค้า หนุนสร้างสถานีตำแหน่งเดิม หนุนท่องเที่ยว กระจายรายได้
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28-29 กันยายน 2564 คณะเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางราง ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ณ ศูนย์ซ่อมบำรุงทางโคกสะอาด จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งอยู่ในช่วง สัญญาที่ 2-1 : ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก และบริเวณที่ตั้งสถานีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเร่งรัดการดำเนินการก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด
โดยผู้แทนจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้บรรยายสรุปถึงการดำเนินโครงการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน (สัญญาที่ 2-1 : ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก) ระยะทาง 11 กิโลเมตร ว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างทางรถไฟยกระดับ ความคืบหน้าการดำเนินการก่อสร้างอยู่ที่ 74.03 % โดยได้มีการขยายสัญญา เนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณพฤษภาคม 2565 สัญญาดังกล่าวรวมถึงศูนย์ซ่อมบำรุงทางโคกสะอาด ซึ่งได้มีก่อสร้างเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงเบาและอาคารที่พักเจ้าหน้าที่ โดยงานอาคารมีความก้าวหน้า 73.96 %
ส่วนบริเวณที่ตั้งสถานีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รฟท.ได้ลงพื้นที่ เพื่อสำรวจสภาพทางกายภาพและพื้นที่โดยรอบสถานีอยุธยาในปัจจุบัน โดยรฟท.ได้ให้ข้อมูลการปรับปรุงสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา เพื่อลดข้อกังวลต่าง ๆ ในประเด็นผลกระทบที่อาจจะมีต่อพื้นที่มรดกโลก โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับสภาพพื้นที่ด้วย
ด้านตัวแทนหอการค้าที่ร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้ด้วย ยืนยันพร้อมสนับสนุนแนวทางการกำหนดตำแหน่งสถานีบริเวณเดิม เนื่องจากจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม กระจายรายได้ อำนวยความสะดวกในการเดินทาง ซึ่งจะได้นำเสนอความเห็นดังกล่าวไปยังกระทรวงคมนาคมและรัฐบาลต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อพิจารณาแนวทางก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ก่อน รฟท. ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44631
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 02/10/2021 9:27 am Post subject:
100สัญญาเวนคืนไฮสปีดฯ ป่วน รังวัดคลาดเคลื่อนขัดงบกลาง64
ฐานเศรษฐกิจ 02 ต.ค. 2564 เวลา 8:12
รฟท. ส่งมอบพื้นที่ไฮสปีดฯให้ซีพีช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ติดปัญหาเวนคืน 100 สัญญา รังวัดคลาดเคลื่อน ขัดงบกลางปีงบ 64 ที่ครม.อนุมัติ ทำชดเชยสะดุด ลุ้นสำนักงบฯเคลียร์ ขณะที่เฟส 2 ช่วงพญาไท-บางซื่อ ติดรื้อย้ายสาธารณูปโภคอื้อ
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ความคืบหน้าการส่งมอบพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระยะทาง 220 กม. วงเงิน 224,544 ล้านบาท ปัจจุบันติดปัญหาด้านการเวนคืนที่ดินและการรื้อย้ายสาธารณูปโภค ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะส่งมอบพื้นที่ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ระยะทาง 170 กิโลเมตร (กม.) ได้ภายในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ตามแผน หลังจากนั้นจะดำเนินการลงพื้นที่บางส่วน ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนของกฎหมายในการเวนคืนที่ดิน คาดว่าจะดำเนินการเวนคืนที่ดินครบทั้ง 100% ภายใน 90 วัน หลังจากส่งมอบพื้นที่แล้วเสร็จ ซึ่งจะไม่กระทบต่อการก่อสร้างโครงการฯ
ด้านการเวนคืนที่ดินจำนวน 100 สัญญา ซึ่งติดขัดปัญหาด้านการเบิกจ่ายงบกลางงบประมาณปี 2564 วงเงิน 568 ล้านบาทนั้น จากงบประมาณรวม 5,740 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เคยอนุมัติ จากการตรวจสอบขั้นตอนการเวนคืนที่ดินในช่วงการประกาศราคาที่ดิน จะกำหนดราคาต่อตารางวา (ตร.ว) ไว้ แต่เมื่อลงไปสำรวจพื้นที่
พบว่ารายละเอียดการวัดพื้นที่มีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อย ส่งผลให้การของบกลางปีงบ 2564 ต้องมีการปรับรายการในสัญญาให้สอดคล้องกับพื้นที่ที่สำรวจ โดยดำเนินการเสนอเรื่องดังกล่าวต่อสำนักงบประมาณพิจารณา ได้ข้อสรุปภายในเดือนกันยายน
ปัจจุบันโครงการฯดังกล่าวมีการเวนคืนที่ดินทั้งหมด 700 สัญญา ซึ่งมีผู้สนใจทำสัญญาแล้วเสร็จ 600 สัญญา แต่พบว่ามีผู้ที่ไม่สนใจทำสัญญา 100 สัญญา เบื้องต้นรฟท.มีสิทธิวางทรัพย์กับธนาคารโดยแจ้งให้เจ้าของที่ดินสามารถรับทรัพย์ได้ มีระยะเวลาตามกฎหมายภายใน 90 วัน รฟท.ถึงจะมีสิทธิตามกฎหมายสามารถครอบครองที่ดินดังกล่าวได้ คาดว่าจะดำเนินการวางทรัพย์เพื่อดำเนินการจ่ายชดเชยค่าเวนคืนที่ดินได้ภายในเดือนกันยายน 2564
ส่วนการส่งมอบพื้นที่เฟส2 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.21 กิโลเมตร (กม.) อยู่ระหว่างการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค ทั้งท่อประปาและสถานีสูบน้ำเล็กน้อย ขณะที่ผู้บุกรุกทั้งหมด ราว 20 ราย ได้ย้ายออกจากพื้นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากผู้บุกรุกบางส่วนได้ดำเนินการย้ายออกจากพื้นที่ในช่วงที่มีการก่อสร้างรถไฟสายสีแดง คาดว่าจะรื้อย้ายแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบพื้นที่ให้กลุ่มซีพีได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2565
ส่วนช่วงพญาไท-บางซื่อ ระยะทาง 22 กิโลเมตร (กม.) ปัจจุบันติดปัญหาการรื้อย้ายสาธารณูปโภคบริเวณท่อน้ำมัน ซึ่งอยู่ระหว่างจัดทำรายงานประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ใกล้แล้วเสร็จและเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณาภายในเดือนตุลาคม 2564 คาดว่าจะได้รับการพิจารณาอนุมัติรายงานฯไม่เกิน 6 เดือน หลังจากนั้นจะดำเนินการรื้อย้ายท่อน้ำมันภายในเดือนมีนาคม 2565 คาดรื้อย้ายเสร็จ ราว 7-8 เดือน สามารถส่งมอบพื้นที่ในช่วงดังกล่าวได้ปลายปี 2565
ขณะที่ผู้บุกรุกราว 100 หลังคาเรือน ทยอยออกจากพื้นที่แล้ว ซึ่งเหลือผู้บุกรุกราว 200 หลังคาเรือนที่ยังไม่ได้ย้ายออกจากพื้นที่ของรฟท. เบื้องต้นรฟท.อยู่ระหว่างดำเนินการฟ้องร้องผู้บุกรุกต่อศาลฯ กรณีผู้บุกรุกที่อาศัยในบริเวณกีดขวางการก่อสร้างของโครงการฯ คาดว่าจะดำเนินการชดเชยเวนคืนที่ดินแล้วเสร็จตามแผนภายในเดือนมกราคม 2565และดำเนินการย้ายผู้บุกรุกออกจากพื้นที่แล้วเสร็จภายในต้นปี 2565
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
Posted: 05/10/2021 6:57 pm Post subject:
การประชุมด้านเทคนิคโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ผ่านระบบการประชุมทางไกลด้วยวิดีทัศน์
กรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม
วันจันทร์ ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 20:32 น.
วันนี้ (4 ต.ค. 64) นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง เป็นประธานการประชุมหารือด้านเทคนิคโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ผ่านระบบการประชุมทางไกลโดยมีผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย และผู้แทนจากฝ่ายญี่ปุ่น ประกอบด้วย ผู้แทนจาก Railway Bureau MLIT JRTT และ Embassy of Japan
โดยประเด็นการหารือ ประกอบด้วย 3 เรื่อง ได้แก่
1.) ผลการดำเนินงานการประมาณการความต้องการเดินทาง โดยฝ่ายญี่ปุ่นได้ดำเนินการศึกษาโดยอ้างอิงข้อมูลเชิงเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศไทย แบบสำรวจความต้องการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง และข้อมูลปริมาณการความต้องการเดินทางในการศึกษาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ เชียงใหม่
2.) การพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) โดยฝ่ายญี่ปุ่นจะพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการพัฒนาจุดเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสาร (Station Plaza) และการเชื่อมโยงระบบขนส่งสาธารณะ (Feeder) ระหว่างประชาชนสู่ระบบรถไฟความเร็วสูงที่จะนำมาซื่งการพัฒนาพื้นที่ให้มีมูลค่ามากยิ่งขึ้นของสถานีลพบุรี โดยจะใช้การออกแบบจากสถานีรถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen) ในประเทศญี่ปุ่น
3.) การพัฒนาภูมิภาครอบสถานีรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น ฝ่ายญี่ปุ่นได้นำเสนอกรณีศึกษาการพัฒนาพื้นที่สถานีชิจิโนเฮะ โทวาดะซึ่งเป็นสถานีที่รถไฟความเร็วสูงวิ่งผ่าน โดยบริเวณสถานีมีการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้า ลานจอดรถ ฯลฯ นำมาซึ่งการพัฒนาเพื่อส่งเสริมการคมนาคมขนส่งและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
พร้อมนี้ฝ่ายญี่ปุ่นนำเสนอแผนการศึกษาในปี 2021 โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคม 2564 และจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2565
ทั้งนี้ทางกรมการขนส่งทางรางได้ขอคำแนะนำทางฝ่ายญี่ปุ่นในการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงแหล่งมรดกโลก อย่างเช่น บริเวณสถานีเกียวโตซึ่งมีพื้นที่ใกล้เคียงกับวัดโทจิ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก เมื่อปี 2537
https://www.facebook.com/DRT.OfficialFanpage/posts/1017762889000655
https://www.facebook.com/groups/164027930945387/posts/822284635119710/
https://www.youtube.com/watch?v=fHds3vrjpB8 Last edited by Wisarut on 05/10/2021 9:37 pm; edited 1 time in total
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
Posted: 05/10/2021 9:32 pm Post subject:
สนข.ปลุกแผน TOD ไฮสปีด-ทางคู่ บูมเมืองต้นแบบ 3 โซน
หน้าเศรษฐกิจมหภาค Mega Project
วันจันทร์ ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 12:29 น.
ตีพิมพ์ใน หน้า7
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
สนข.ลุย TOD ไฮสปีดฯ-ทางคู่ ชูเมืองต้นแบบ 3 แห่ง ชงครม.ไฟเขียวปีนี้ ดึงกรมรางตั้งคณะกรรมการฯ ดันโครงการฯ ต่อเนื่อง เร่งคลอดกฎหมายรองรับ
นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการ สนข. เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจ ว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ปัจจุบันสนข.ได้ศึกษาแผน TOD แล้วเสร็จ เบื้องต้นกรมการขนส่งทางราง (ขร) อยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นประธานและนายกิตติพันธ์ ปานจันทร์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เป็นเลขาธิการ และผู้แทนจากหน่วยงานกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมด้วย โดยการตั้งคณะกรรมการในครั้งนี้ เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย ซึ่งไม่สามารถดำเนินการโครงการเพียงกระทรวงเดียวได้ รวมทั้งกรมการขนส่งทางราง (ขร.) มีอำนาจในเรื่องของกฎหมายต่างๆ ทำให้สามารถบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบของสถานีรถไฟ หลังจากนั้นจะเสนอต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นชอบได้เร็วๆนี้
ขณะเดียวกันสนข.เร่งผลักดันหลักการโครงการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในปีนี้ รวมทั้งสนข.อยู่ระหว่างจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) TOD เพื่อกำหนดอำนาจหน้าที่ของผู้ที่จะดำเนินการและสามารถพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีได้ โดยให้กรมการขนส่งทางราง (ขร.) พิจารณาด้วย เนื่องจากโครงการดังกล่าวยังไม่มีกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง หากดำเนินการจัดทำร่างพ.ร.บ.TOD แล้วเสร็จ จะนำเสนอต่อคณะกรรมการจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) และเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา หลังจากนั้นจะมอบหมายให้กรมการขนส่งทางราง (ขร) เป็นผู้ดำเนินการต่อไป
นายปัญญา กล่าวต่อว่า ร่างพ.ร.บ.TOD จะระบุถึงรายละเอียดอำนาจหน้าที่และหลักการ วิธีการต่างๆในการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้เกิดความชัดเจน ส่วนใหญ่หากโครงการฯไม่มีกฎหมายบังคับใช้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่สามารถดำเนินการโครงการฯต่อได้ คาดว่าการจัดทำร่างพ.ร.บ.TOD แล้วเสร็จภายในปีนี้
ด้านผลการศึกษาโครงการฯ นี้ มีการวางแผนและการวางรูปแบบแล้ว เบื้องต้นได้มีการนำร่องเมืองต้นแบบTOD เช่น สถานีขอนแก่น,สถานีชลบุรี (พัทยา),สถานีอยุธยา หากมีการแต่งตั้งคณะกรรมการฯแล้วเสร็จ สนข.จะส่งรายละเอียดแผนการศึกษาโครงการฯต่อกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เพื่อไปดำเนินการต่อ ทั้งนี้รูปแบบของสถานี TOD มีลักษณะพื้นที่ที่รถไม่สามารถเข้ามาได้ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางบริเวณโดยรอบสถานีได้สะดวก รวมทั้งมีแหล่งการค้าขายสินค้า แหล่งอำนวยความสะดวก สวนสาธารณะ และเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ
นายปัญญา กล่าวต่อว่า นอกจากแผนศึกษา TOD ทั้ง 3 แห่งแล้ว สนข.จะศึกษาพื้นที่อื่นๆเพิ่มเติมหรือไม่นั้น เบื้องต้นบริษัทเอสอาร์ที แอสเสท ซึ่งเป็นบริษัทลูกของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อยู่ระหว่างการรวบรวมที่ดินของรฟท.เพื่อศึกษารายละเอียดว่าพื้นที่ใดมีศักยภาพสามารถดำเนินการได้ โดยการศึกษาในครั้งนี้จะร่วมมือกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า)
สำหรับแผนศึกษาTODทั้ง 3 แห่ง ดังนี้ 1.สถานีรถไฟขอนแก่น เป็น TOD ศูนย์ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีแนวคิดในการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีให้เป็นศูนย์กลางเมืองขอนแก่นแห่งใหม่ ที่มีการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างผสมผสานมีการเชื่อมโยงกันระหว่างพื้นที่ชุมชนเดิมและชุมชนใหม่ เพิ่มพื้นที่สำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เชื่อมกับสถานีรถไฟความเร็วสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.สถานีรถไฟอยุธยา เป็น TOD ศูนย์กลางเมืองภาคกลาง ตัวแทนกลุ่มแนวเส้นทางรถไฟสายเหนือ โดยมีแนวคิดในการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีให้สอดคล้องกลมกลืนกัน ระหว่างความเป็นเมืองเก่ากับความทันสมัย เน้นการเชื่อมต่อพื้นที่สถานีความเร็วสูงที่จะเป็นศูนย์กลางเมืองใหม่เข้ากับพื้นที่ชุมชนเมืองเดิมด้วยสะพานทางเดินข้ามแม่น้ำ ท่าเรือข้ามฟาก และระบบขนส่งมวลชนรอง (Feeder) เพิ่มพื้นที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่ที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟความเร็วสูงอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมพื้นที่สาธารณะภายในเมืองด้วยโครงข่ายพื้นที่สีเขียว ทางจักรยาน ทางเท้า และทางยกระดับ รักษาสมดุลของการอนุรักษ์และพัฒนาและ 3.สถานีรถไฟพัทยา เป็น TOD ศูนย์ภูมิภาคตะวันออกและพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีแนวคิดในการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟพัทยาให้เป็นศูนย์กลางความเจริญแห่งใหม่ของพัทยา โดยเชื่อมโยงพื้นที่กับชายทะเลพัทยา ซึ่งเป็นศูนย์กลางความเจริญเดิม เพิ่มพื้นที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่ที่เชื่อมกับสถานีรถไฟความเร็วสูงโดยมีการปรับขนาดของ TOD ลง เพื่อให้เข้ากับสภาพมรดกท้องถิ่น
Back to top