View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42831
Location: NECTEC
|
Posted: 23/03/2011 3:50 pm Post subject: |
|
|
^^^
คณะกรรมาธิการที่ อยากจะให้ลดสเปกจาก 250 กม./ชม. เหลือแค่ 200 กม./ชม. คงจะไม่เคยทราบความจริงที่ว่า นั้นเป็นการเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายถึงได้มีความเห็นพรรค์นั้น ออกไป ยิ่งถ้าทำแต่ทางเดี่ยวไม่ทำทางคู่โดยตลอด หรือ แม้่จะทำทางคู่แค่โคราช ก็นับว่าแย่แล้ว |
|
Back to top |
|
|
nop2
2nd Class Pass (Air)
Joined: 06/03/2008 Posts: 985
Location: เพชรบุรี
|
Posted: 23/03/2011 3:52 pm Post subject: |
|
|
200kmh มันก็ทางธรรมดาๆ นี้แหละครับ วัสดุที่ใช้ในท้องตลาดทั่วไป คงเป็นอย่างที่ผมคาด จีนต้องการแค่ทางขนของผ่านไทยเท่านั้นแหละครับ _________________ "You are star I am darkness Our love brighter than the sun .." |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42831
Location: NECTEC
|
Posted: 23/03/2011 4:45 pm Post subject: |
|
|
กมธ.วุฒิฯหมดกังวล รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน "โสภณ" ลั่นลงนามรัฐบาลนี้
มติชนออนไลน์ วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 15:07:23 น.
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ภายหลังคณะกรรมาธิการ(กมธ.)คมนาคม วุฒิสภา เข้าพบเพื่อหารือเรื่องการพัฒนากิจการรถไฟไทย-จีน ที่กระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ว่า กมธ.ได้สอบถามโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงในเส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย และกรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ จึงชี้แจงไปว่าจะตั้งรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายไทยขึ้นมาดำเนินการในเส้นทางดังกล่าวร่วมกับสาธารณรัฐประชาชนจีน มีทุนจดทะเบียน 30% ของโครงการ ซึ่งทาง กมธ.เข้าใจ และยอมรับว่าโครงการนี้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ เพราะเปิดกว้างให้เกิดการแข่งขัน
นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ประธาน กมธ.คมนาคมฯ กล่าวว่า จากการพิจารณาโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย-จีน เห็นว่ากระทรวงคมนาคมได้รักษาผลประโยชน์ของชาติ ดังนั้น ความกังวลต่างๆ จึงไม่มีแล้ว
ด้านนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า คาดว่าต้นเดือนเมษายนนี้จะเริ่มเจรจาโครงการดังกล่าวได้ และหากได้ข้อสรุปจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณา จากนั้นเสนอไปยังรัฐสภาขอความเห็นชอบ ก่อนลงนามความร่วมมือกับจีนภายในรัฐบาลชุดนี้ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42831
Location: NECTEC
|
Posted: 24/03/2011 9:46 am Post subject: |
|
|
กมธ.กังขา "เอ็มโอยู" รถไฟฟ้าไทย-จีน จี้คมนาคมทบทวนสัดส่วนถือหุ้น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มีนาคม 2554 09:39 น.
กมธ.คมนาคม วุฒิสภา แสดงความเป็นห่วงโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง จะไม่สามารถดำเนินโครงการได้ทันในรัฐบาลชุดนี้ จี้ "ซาเล้ง" ทบทวนร่าง "เอ็มโอยู" สัดส่วนถือหุ้นไทย-จีน 51 ต่อ 49 ไม่เหมาะสม ต้องข้อสังเกต การร่วมทุน สปป.ลาว-จีน สัดสว่น 70 ต่อ 30 ราบรื่นฉลุย "คมนาคม" ยันเสร็จทันก่อนยุบสภา แน่นอน
นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา กล่าวภายหลังรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนากิจการรถไฟระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการดำเนินการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (High Speed Train) จากนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยระบุว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้ติดตามโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และมีข้อกังวลหลายอย่าง โดยเฉพาะการดำเนินการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในสายแรก คือ กรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะทาง 615 กิโลเมตร วงเงินลงทุนกว่า 150,000 ล้านบาท มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง รวมทั้งในส่วนของระยะเวลาโครงการนั้นเกรงว่าอาจมีความล่าช้าออกไปจากแผน และไม่สามารถดำเนินโครงการได้ทันในรัฐบาลชุดนี้
ดังนั้น กมธ.จึงขอให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดโครงการดังกล่าวให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศ โดยเฉพาะการจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงร่วมฝ่ายไทย (เอ็มโอยู) ที่จะไปหารือร่วมกับประเทศจีนนั้น มีการแบ่งสัดส่วนการถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อดำเนินการพัฒนาการก่อสร้างโครงการทั้งหมด มีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะฝ่ายไทยจะมีสัดส่วนการถือหุ้นที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 51 และฝ่ายจีนร้อยละ 49 แตกต่างจากเอ็มโอยูของจีนร่วมมือกับประเทศลาวในสัดส่วนจีนร้อยละ 70 และลาวร้อยละ 30
ขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการว่า ล่าสุดคณะทำงานเพื่อดำเนินงานความร่วมมือด้านรถไฟ ระหว่างไทย-จีน ฝ่ายไทย ที่มี นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดโครงการฯ เพื่อไปเจรจากับคณะผู้แทนฝ่ายจีน เกี่ยวกับการจัดทำเอ็มโอยูฉบับสมบูรณ์ ซึ่งคาดว่าภายในต้นเดือนเมษายน 2554 จะเริ่มการเจรจาได้ และหากได้ข้อสรุปจะเร่งนำเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา และเสนอไปยังรัฐสภาเพื่อเห็นชอบ จากนั้นจึงไปลงนามความร่วมมือกับจีนได้ ภายในรับบาลชุดนี้อย่างแน่นอน
//-------------------------------------------------------------------------
กมธ.วุฒิฯรุกคมนาคมเร่งไฮสปีดเทรน
หน้า เศรษฐกิจ
ไทยโพสต์ 24 มีนาคม 2554 - 00:00
"โสภณ" ยันไฮสปีดเทรนเกิดแน่รัฐบาลชุดนี้ ด้านกรรมาธิการคมนาคมหมดข้อสงสัยหลังได้รับชี้แจงความคืบหน้า
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. คณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา นำโดยนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ และคณะ ได้เข้าพบและแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการพัฒนากิจการรถไฟระหว่างไทยกับจีน ในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง กับนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม และคณะ
นายเกชาเปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้ติดตามโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และมีข้อกังวลหลายอย่าง โดยเฉพาะการดำเนินการในสายแรก คือ กรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะทาง 615 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 1.5 แสนล้านบาท ว่าอาจมีความล่าช้าจากแผน และไม่สามารถดำเนินการได้ทันในรัฐบาลชุดนี้ จึงขอให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศ และหลังจากได้ฟังการชี้แจงจากคมนาคม ก็เห็นว่ากระบวนการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงหมดข้อกังวล
นายโสภณกล่าวว่า ล่าสุดคณะทำงานเพื่อดำเนินงานความร่วมมือด้านรถไฟ ไทย-จีน ฝ่ายไทยที่มีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดโครงการ เพื่อไปเจรจากับคณะผู้แทนฝ่ายจีน เกี่ยวกับการจัดทำเอ็มโอยูฉบับสมบูรณ์ ซึ่งคาดว่าภายในต้นเดือน เม.ย.นี้ จะเริ่มการเจรจาได้ และหากได้ข้อสรุปจะเร่งนำเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา และเสนอไปยังรัฐสภาเพื่อเห็นชอบ จากนั้นจึงไปลงนามความร่วมมือกับจีนได้ภายในรัฐบาลชุดนี้แน่นอน.
.
Last edited by Wisarut on 24/03/2011 10:04 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
Joined: 30/03/2006 Posts: 3642
Location: Thailand
|
Posted: 24/03/2011 10:03 am Post subject: |
|
|
เฮียวิซซี่แบร์ฮะ ผมดูแล้ว เส้นทางรถไฟสายนี้ ถ้าจะเกิดจริงน่าจะเป็น
1.ทางรถไฟรางกว้าง 1.435 เมตร มาตรฐานจีน คือ น้ำหนักกดเพลาเท่าของจีน พิกัดโครงสร้างเส้นทาง พิกัดบรรทุกเท่าจีน
2.ไม่มีระบบสายส่งไฟฟ้าเหนือราง
3.ทางเดี่ยว รองรับความเร็วสูงสุด 200 กม/ชม
4.เน้นขนสินค้าเป็นหลัก
แต่มุมมองคนรักรถไฟอย่างผม เป็นแบบนี้ก็เอาครับ เพราะอย่างน้อยที่สุด เราก็มีทางรถไฟไว้ใช้งานเพิ่ม มีรถไฟให้ดูมากขึ้น |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 45115
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 24/03/2011 12:01 pm Post subject: |
|
|
ไฮสปีดเทรนจีนทุบ 7 ธุรกิจไทย
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ วันพุธที่ 23 มีนาคม 2011 เวลา 13:23 น.
ดร.อัทธ์ พิศาลวานิชมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ส่งสัญญาณเตือน โครงการรถไฟความเร็วสูงของจีนกระทบหนัก 7 ภาคการผลิตไทย จับตาสินค้าเกษตร เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องนุ่งห่ม ค้าส่ง/ปลีก แรงงานจากแดนมังกรไหลบ่าทะลักครั้งใหญ่ กระทุ้งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำยุทธศาสตร์รายจังหวัดรับมือผลกระทบพร้อมช่วงชิงผลประโยชน์ก่อนเออีซีมีผลบังคับใช้
ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากการศึกษาผลกระทบของโครงการรถไฟความเร็วสูงตามโครงข่ายเส้นทางรถไฟข้ามทวีปเอเชีย (Trans-Asia Railway) ของประเทศจีน ซึ่งมีอยู่ 3 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทางแรก จากจีน(คุนหมิง)-ลาว-ไทย(หนองคาย-กรุงเทพฯ)-มาเลเซีย-สิงคโปร์ ระยะทาง 3,640 กิโลเมตร เส้นทางที่ 2 จากจีน(คุนหมิง)-พม่า-ไทย(กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ)-มาเลเซีย-สิงคโปร์ ระยะทาง 4,800 กิโลเมตร และเส้นทางที่ 3 จากจีน(หนานหนิง)-เวียดนาม-กัมพูชา-ไทย(อรัญประเทศ-กรุงเทพฯ)-มาเลเซีย-สิงคโปร์ ระยะทาง 5,441 กิโลเมตร
ทั้งนี้จากผลการศึกษาสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับจังหวัดหนองคาย ในกรณีเส้นทางคุนหมิง-ลาว-หนองคาย-กรุงเทพฯ ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2558 พบว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตต่างๆ ของจังหวัดในวงกว้าง โดยในภาคเกษตรแม้ไทยจะได้รับผลดีจากการส่งออกสินค้าเกษตรไปจีนได้สะดวกรวดเร็วขึ้น แต่ในทางกลับกันจะเปิดช่องให้สินค้าเกษตรจากจีน ไหลบ่าเข้าไทยเพิ่มมากขึ้น รวมถึงอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องนุ่งห่มจากจีนก็จะทะลักเข้ามามากขึ้น เช่นเดียวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับธุรกิจค้าส่ง/ค้าปลีกรายย่อยรวมถึงร้านโชวห่วยของไทย หลังจากจีนนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายได้มากขึ้น
ขณะที่การเข้ามาตั้งศูนย์กระจายสินค้าของจีนในลาวตามเส้นทางรถไฟวิ่งผ่าน โดยจุดใหญ่ที่นครเวียงจันทน์ ที่อยู่ห่างจากหนองคายเพียง 50-60 กิโลเมตร จะเป็นแหล่งพักสินค้าจีน และสามารถเข้ามาทำตลาดในไทยได้โดยง่ายและสะดวกรวดเร็ว ซึ่งในอนาคตสินค้าจากจีนมาที่กรุงเทพฯผ่านเส้นทางนี้จะใช้เวลาเพียงประมาณ 5 ชั่วโมงเท่านั้น ด้านศูนย์กลางทางการเงินจะมีผลกระทบทั้งบวกและลบ จากการที่ไทยต้องแข่งกับลาวในการให้บริการทางการเงินตามเส้นทางรถไฟ
ดร.อัทธ์ กล่าวอีกว่าด้านโลจิสติกส์ ผู้ประกอบการขนส่งทางบกของไทยจะได้รับผลกระทบมาก เพราะต่อไปเส้นทางรถไฟความเร็วสูงหนองคาย-กรุงเทพฯจะทำให้การขนส่งคนและสินค้ามีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น และในอนาคตหากอาเซียนและจีนมีความตกลงเปิดเสรีด้านโลจิสติกส์ก็จะยิ่งกระทบหนักมากขึ้น จากที่ผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ของจีนเข้ามาแข่งขันให้บริการ ขณะที่ด้านแรงงานก่อสร้างเส้นทางรถไฟไทยจะได้รับประโยชน์น้อย หากรัฐบาลไทยอนุญาตให้จีนนำแรงงานก่อสร้างที่มีความเชี่ยวชาญด้านรถไฟเข้ามา
อย่างไรก็ดียังมีผลกระทบด้านบวกจากโครงการดังกล่าว โดยในส่วนของภาคการท่องเที่ยว จะทำให้ชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น ทำให้ไทยสามารถพัฒนาศักยภาพด้านนี้ได้ รวมถึงทางด้านอาหารจากการที่จีนจะเริ่มก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงในลาว ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2554 และต้องนำแรงงานเข้ามาก่อสร้างในลาวมากกว่า 10,000 คน จะทำให้ไทยส่งออกอาหารได้เพิ่มขึ้น
"ยุทธศาสตร์ของจีนต่ออาเซียนมีความชัดเจนและวางแผนมาเป็นอย่างดี ทั้งด้านการค้า และการลงทุน เป้าหมายหลักเพื่อใช้อาเซียนเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และเป็นประตูการค้าสู่ยุโรป อเมริกา และแอฟริกา การใช้อาเซียนเป็นแหล่งระบายสินค้า ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาการค้า การลงทุนของจีนในอาเซียนซึ่งรวมทั้งไทยได้ขยายตัวอย่างก้าวกระโดด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความตกลงเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเออาเซียน-จีนที่มีผลบังคับใช้แล้ว ดังนั้นโครงการรถไฟความเร็วสูงของจีนมายังอาเซียนที่จะแล้วเสร็จในปี 2558 ซึ่งในปีเดียวกันอาเซียนจะรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจ(เออีซี)และเอฟทีเออาเซียน-จีนจะมีผลบังคับใช้อย่างครอบคลุมทุกด้าน จะทำให้จีนได้รับประโยชน์มาก"
ดร.อัทธ์ กล่าวอีกว่า จากการรุกเข้ามาของจีนในภูมิภาคอาเซียนอย่างเป็นระบบและมีการวางแผนที่ดีทั้งนโยบายรัฐบาล รวมถึงด้านเงินทุน ขณะที่ภาคธุรกิจไทยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ยังไม่ตื่นตัวปรับตัวรองรับการแข่งขันเพื่อช่วงชิงผลประโยชน์ หรือเตรียมแผนรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเท่าที่ควร รวมถึงแต่ละจังหวัดที่รถไฟความเร็วสูงจะวิ่งผ่านเพื่อเชื่อมต่อไปยังมาเลเซียและสิงคโปร์ก็ยังไม่มียุทธศาสตร์ของจังหวัดในการรองรับการแข่งขันจากปัจจัยภายนอก ถือเป็นเรื่องที่น่าห่วง ดังนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเร่งจัดทำยุทธศาสตร์ หรือเตรียมแผนรองรับกันได้แล้ว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,620 24-26 มีนาคม พ.ศ. 2554 |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 24/03/2011 1:10 pm Post subject: |
|
|
ก็รอวัดใจรัฐบาลล่ะครับว่า จะรักษาประโยชน์ของชาติโดยให้ผู้รับเหมาไทยได้มีส่วนร่วม หรือนำเข้า 100% จากจีนทั้งหมด |
|
Back to top |
|
|
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
Joined: 30/03/2006 Posts: 3642
Location: Thailand
|
Posted: 24/03/2011 1:26 pm Post subject: |
|
|
มีผลกระทบต่อภาคการขนส่งของไทยซะด้วยครับ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงแน่นอน ถ้าเปิดเสรีให้ภาคการขนส่งของจีนได้เข้ามาแทน
อย่างไรก็ตาม ผมก็อยากให้รถบรรทุกสิบล้อ สิบแปดล้อของไทยเรา ได้ลงไปอยู่ในรางเสียบ้าง |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 24/03/2011 1:54 pm Post subject: |
|
|
ส่วนตัวผมคิดว่ามันแปลกดี ตรงที่มีแต่ข่าวโปรโมทว่าชีวิตคนไทย เอ๊ย..คนไทยจะได้รับความสะดวกยิ่งขึ้นในการเดินทางไปมาหาสู่กันและขนส่งสินค้าระหว่างจีนกับประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูง เทคโนโลยีจากจีน
ตอนแรกคิดว่าเป็นรถไฟฟ้าระบบทางคู่ แต่ไปๆ มาๆ ทำท่าจะเป็นทางเดี่ยว และมีการปรับลดความเร็วลงจาก 250 กม./ชม เป็นไม่เกิน 200 กม./ชม. เพื่อให้เหมาะสมกับขบวนรถสินค้า แถมมีแนวกำหนดกลายๆ ว่าต้องใช้ทุนจากจีน บริษัทก่อสร้างจีน และแรงงานชาวจีนเข้ามาดำเนินการ ด้วยเหตุผลว่า ชำนาญการด้านก่อสร้างรถไฟฟ้านี้และคุ้นเคยระบบของจีนมากกว่า
มองดูบรรดาสะพานขึงต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศไทย รถไฟฟ้า และรถใต้ดิน บริษัทผู้รับเหมาไทย รวมถึงแรงงานไทย ฝีมือไม่เข้าขั้นสากลเลยหรือ ?
ผมอาจคิดในแง่ร้ายก็ได้ที่ว่า รถไฟสายนี้ พขร.และผู้ควบคุมระบบการเดินรถ คงเป็นบริษัทชาวจีนอีกนั่นแหละ ชาวไทยเป็นเพียงผู้โดยสารและลูกค้าผู้ใช้บริการกระมัง ? ภายใต้อายุสัญญา 50 ปีเป็นขั้นต้น
ยังไม่มีข้อมูลความชัดเจนใดๆ ที่เป็นทางการออกมาเลยครับ นอกจากข่าวตามสื่อเท่านั้น แล้วไทยจะได้รับประโยชน์ด้านใด ยังไม่สามารถตอบได้ |
|
Back to top |
|
|
anusorn
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/09/2006 Posts: 1642
Location: มณฑลอาคเนย์
|
Posted: 24/03/2011 3:07 pm Post subject: |
|
|
black_express wrote: |
ผมอาจคิดในแง่ร้ายก็ได้ที่ว่า รถไฟสายนี้ พขร.และผู้ควบคุมระบบการเดินรถ คงเป็นบริษัทชาวจีนอีกนั่นแหละ ชาวไทยเป็นเพียงผู้โดยสารและลูกค้าผู้ใช้บริการกระมัง ? ภายใต้อายุสัญญา 50 ปีเป็นขั้นต้น |
อะไรๆ ก็เป็นไปได้ครับ แรงงานชาวจีนตกงานน้อยลงแรงงานชาวไทย ไม่มีงานทำเพิ่มขึ้น |
|
Back to top |
|
|
|