View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42782
Location: NECTEC
|
Posted: 20/07/2014 1:44 am Post subject: |
|
|
บริษัทที่ปรึกษาโครงการรถไฟความเร็วสูง เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน
ผู้สื่อข่าว : เชาวรินทร์ สอนปาละ
Rewriter : สุริยน ตันตราจิณ
แหล่งที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
18 กรกฎาคม 2557
บริษัททีม คอลซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เพื่อขอคำแนะนำโครงการศึกษาและออกแบบรถไฟฟ้าความเร็วสูง เส้นทางระยะที่ 2 พิษณุโลก เชียงใหม่
ที่ห้องประชุมมหันตยศ ศาลากลางจังหวัดลำพูน บริษัททีม คอลซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด พร้อมด้วยบริษัทดาวฤกษ์ คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด ได้เข้าพบนายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับโครงการศึกษาและออกแบบรถไฟฟ้าความเร็วสูง ระยะที่ 2 พิษณุโลก เชียงใหม่ รวมทั้งผลกระทบที่อาจส่งผลต่อชุมชนด้วย
บริษัทที่ปรึกษา ได้สำรวจเส้นทางของรถไฟฟ้าความเร็วสูงระยะที่ 2 เริ่มจากสถานีพิษณุโลก เชียงใหม่ โดยมีเส้นทางที่เหมาะสมเป็นเส้นทางใหม่ โดยจะเริ่มต้นที่สถานีพิษณุโลก - สุโขทัย - ศรีสัชนาลัย (สถานีใหม่) - ลำปาง - ลำพูน - เชียงใหม่ รวมระยะทางจาก 296 กิโลเมตร แนวเส้นทางบางส่วนจะคู่ขนานกับเส้นทางเดิมหรือยกระดับเหนือเส้นทางเดิม บางเส้นทางเป็นเส้นทางที่ตัดใหม่ เพื่อให้เป็นแนวทางตรงให้มากที่สุด เพื่อทำความเร็วได้สูงสุด สำหรับที่จังหวัดลำพูนจะเป็นที่ตั้งของสถานีที่จะจัดสร้างขึ้นใหม่ในบริเวณสถานีเดิม และเป็นจุดที่หมายที่จอดรับส่งผู้โดยสารก่อนสิ้นสุดปลายทางที่จังหวัดเชียงใหม่ คาดว่าเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จการเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ เชียงใหม่ จะใช้ระยะทางประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ
โดยในวันที่ 22 24 กรกฎาคม 2557 บริษัทที่ปรึกษาฯจะจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟฟ้าความเร็วสูง ระยะที่ 2 พิษณุโลก - เชียงใหม่ ที่จังหวัดสุโขทัย, ลำปาง และเชียงใหม่ สำหรับเชียงใหม่กำหนดจัดในวันที่ 24 กรกฎาคม 2557 ในเวลา 08.30 12.00 น. ที่โรงแรมดิเอ็มเพรส จึงขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นโดยทั่วกัน นอกจากนี้บริษัทที่ปรึกษาฯ ก็จะไปรับฟังความคิดเห็นในระดับอำเภอ ตำบล และหมู่บ้านในจังหวัดต่างๆ อีกด้วย |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42782
Location: NECTEC
|
Posted: 19/07/2014 10:16 am Post subject: |
|
|
ประธานเจโทรส่งสัญญาณ คสช. ทบทวนโครงการรถไฟความเร็วสูง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กรกฎาคม 2557 16:18 น.
ประธานเจโทรแนะไทยใช้โอกาสพิเศษนี้เร่งปรับปรุงระบอบ ศก.และการเมืองให้ปราศจากคอร์รัปชัน พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานโดยหวังว่าไทยจะมีการทบทวนโครงการรถไฟความเร็วสูงในอนาคต
นายเซทซูโอะ อิอุชิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นประจำประเทศไทย (เจโทร) เปิดเผยในงานสัมมนาเรื่อง ความเชื่อมั่นหรือหวั่นไหว ประเทศไทยในสายตานักลงทุน ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ว่า ต้องการให้ไทยใช้โอกาสนี้ในการปฏิรูปประเทศด้วยการปรับปรุงระบอบเศรษฐกิจและการเมืองในระยะกลางและระยะยาว โดยนักลงทุนญี่ปุ่นต้องการเห็นมากที่สุด ได้แก่ ความโปร่งใส และความมีธรรมาภิบาลในองค์กรทั้งรัฐและเอกชน รวมถึงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการลงทุน ซึ่งหวังว่าไทยจะเร่งทบทวนโครงการรถไฟความเร็วสูงในอนาคตด้วย
หวังว่าไทยจะใช้ประโยชน์จากการปฏิรูป เปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ให้มากที่สุด โดยให้ความสำคัญต่อเรื่องความโปร่งใส ลดคอร์รัปชัน การทำให้ตลาดมีการแข่งขันแบบเสรีลดการแทรกแซง มีการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่จะเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ซึ่งญี่ปุ่นได้ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อขยายการลงทุนไปยังเพื่อนบ้าน นายอิอุจิกล่าว
น.ส.รัชดา เจียสกุล หุ้นส่วนและผู้อำนวยการ กลุ่มที่ปรึกษาเศรษฐกิจและธุรกิจ บริษัทโบลลิเกอร์ แอนด์ คอมพานี (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติในประเทศไทยประจำปี 2557 จากนักลงทุนจำนวน 600 บริษัท พบว่านักลงทุนส่วนใหญ่ 98% มีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย โดย 74% มีแผนจะรักษาระดับการลงทุนในไทย 24% มีแผนจะขยายการลงทุนในไทย และ 2% อาจลดระดับการลงทุน รวมทั้งไม่มีนักลงทุนรายใดเตรียมถอนการลงทุนจากไทย |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42782
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42782
Location: NECTEC
|
Posted: 01/07/2014 4:47 pm Post subject: |
|
|
เชิญร่วมโหวตว่าจะให้สร้างสถานีรถไฟความไวสูง พิษณุโลก - เชียงใหม่แบบไหนเป็นเหมาะ
สถานีพิษณุโลก - แก้ใหม่หลังจาก โดนตำหนิมา มี 3 แบบ
สถานีพิษณุโลกแบบที่ 1
สถานีพิษณุโลกแบบที่ 2
สถานีพิษณุโลกแบบที่ 3
สถานีลำปาง 5 แบบ
สถานีลำปางแบบที่ 1
สถานีลำปางแบบที่ 2
สถานีลำปางแบบที่ 3
สถานีลำปางแบบที่ 4
สถานีลำปางแบบที่ 5
สถานีเชียงใหม่ 6 แบบ
สถานีเชียงใหม่ แบบที่ 1
สถานีเชียงใหม่ แบบที่ 2
สถานีเชียงใหม่แบบที่ 3
สถานีเชียงใหม่แบบที่ 4
สถานีเชียงใหม่แบบที่ 5
สถานีเชียงใหม่แบบที่ 6
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.677526515666792.1073741830.602298849856226&type=1 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42782
Location: NECTEC
|
Posted: 21/06/2014 9:32 pm Post subject: |
|
|
จริงหรือหลอก "คสช." ตัดไฮสปีดเทรน หรือแค่ชะลอ รอ "รัฐบาลใหม่"
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
20 มิถุนายน 2557 เวลา 15:19:31 น.
กลาย เป็นประเด็นฮอต เมื่อ "บิ๊กจิน-พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง" รองหัวหน้า "คสช.-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" ผ่านพิมพ์เขียวยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย 2558-2566 มีกรอบวงเงินลงทุน 3.1 ล้านล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ที่ฮือฮาเพราะคนนำไปเทียบ "โครงการ 2 ล้านล้าน" ยุคเพื่อไทย พร้อมตั้งคำถามตามมาว่า...อีก 1 ล้านล้านงอกมาจากไหน ?
ทำไมถึงโป่ง 3 ล้านล้าน
เมื่อ พลิกดูแผนงานมีเพิ่มใหม่การลงทุน "ทางอากาศ" ยังไม่ตัดรถไฟความเร็วสูง 2 สาย คือ กทม.-หนองคาย และ กทม.-พิษณุโลก ที่ "สนข.-สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร" ใส่ไว้ในระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ใช้เงินลงทุน 598,443 ล้านบาท
อีกทั้งเพิ่มโครงการใหม่สารพัดที่ ไม่อยู่ใน 2 ล้านล้าน อาทิ มอเตอร์เวย์อีก 3 สาย ทางด่วน 5 สาย ถนนวงแหวนรอบที่ 3 รถไฟทางคู่เพิ่มจาก 14 สาย เป็น 17 สาย โครงการศึกษารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางแค-พุทธมณฑลสาย 4) สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา จ.สมุทรปราการ เป็นต้น
แต่ยังเป็นแค่กรอบ ลงทุนภาพรวมที่แต่ละหน่วยเสนอเข้ามา ต้องรอกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณจัดสรรเม็ดเงินให้ ยังไม่รู้จะได้ตามที่ขอหรือไม่
เบื้องหลังแยกไฮสปีดเทรน
ขณะที่กรอบเงินลง ทุน เมื่อตัด "ไฮสปีดเทรน" ออกจากบัญชี จะลดลงทันทีเหลือประมาณ 2.469 ล้านล้านบาท ถือว่าเกินจากยุค "เพื่อไทย" ไม่มาก เพราะถ้าจะให้เดินตามรอยนโยบายเดิม เท่ากับจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง หากจะประกาศโรดแมปออกมา
จึงเป็นที่มาว่า ทำไม "คสช." แยกไฮสปีดเทรนออกมาพักไว้นอกบัญชี เป้าหมายไม่มีเจตนาจะล้มเลิก แค่ชะลอชั่วคราว รอดูผลศึกษาอย่างละเอียด ระหว่างรอจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะเห็นโฉมหน้า 3 เดือนนี้ จะพอดีที่ผลศึกษาแล้วเสร็จ
เมื่อวันนั้นมาถึง คาดว่าจะคงไว้แค่บางสายทาง จะไม่สร้าง 4 สายรวด อย่างที่ "เพื่อไทย" คิด เพราะหากทำแบบนั้น นอกจากจะผิดท่าทีของ คสช.ที่มุ่งแก้ปัญหาปากท้องและความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก การจะใช้เงินลงทุนมากมายขนาดนั้นคงไม่ใช่ภารกิจสำคัญ จึงต้องหยิบสายทางที่คุ้มค่าจริง ๆ มาเดินหน้า
รอชงรัฐบาลใหม่
ว่า กันว่า แม้แต่ "หม่อมอุ๋ย-ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล" ที่ปรึกษา คสช.ที่เชียร์ให้ลงทุนรถไฟทางคู่ก่อน ยัง อยากให้ "คมนาคม" คงไฮสปีดเทรนไว้ ไม่ให้ตัดทิ้งเสียทีเดียว เพราะเมื่อเทียบระหว่าง "รถไฟทางคู่-รถไฟความเร็วสูง" การพัฒนาเมือง "รถไฟความเร็วสูง" ภาพจะชัดเจนกว่า
ขณะที่ "รถไฟทางคู่" ช่วยเรื่องโลจิสติกส์เป็นหลัก สามารถทำความเร็วการเดินรถไฟเร็วขึ้นจากเดิมรถขนสินค้าและผู้โดยสารวิ่ง เฉลี่ย 20-50 กม./ชม. เป็น 60-100 กม./ชม. ยกเว้นจะปรับระบบเดินรถจาก "รถดีเซล" เป็น "รถไฟฟ้า" เหมือนประเทศมาเลเซีย จะได้ประโยชน์สมบูรณ์ แต่นั่นหมายความว่าจะต้องยกเครื่องระบบเดินรถทั้งประเทศให้เป็นระบบไฟฟ้า ทั้งหมด
สรุป...นโยบาย คสช.ให้ชะลอ "ไฮสปีดเทรน" เพราะไม่เหมาะมาพูดถึงโครงการเวลานี้ ยุคที่ "คสช." มีอำนาจบริหารประเทศเพียงช่วงสั้น ๆ ต้องรอมีรัฐบาลตัวจริงมาบริหารยาว ๆ
จึง ไม่แปลกที่ "บิ๊กจิน" สั่งคมนาคมตั้งคณะทำงานมาดูรายละเอียดให้ถี่ถ้วนใน 3 เดือนนี้ เพราะมีเป้าหมายใหญ่ ว่ากันว่าเตรียมจะนำโครงการนี้ประกาศเป็นนโยบายทันทีที่มีรัฐบาลใหม่เดือน กันยายนนี้
มีลุ้น 2 สาย "หนองคาย-ระยอง"
มีแนวโน้ม จะหยิบ 1-2 สายมาเดินหน้า คือ กทม.-นครราชสีมา-หนองคาย เพราะผลศึกษาเบื้องต้นของ "สนข." ระบุคุ้มค่าทางเศรษฐกิจกว่า 16% สำคัญไปกว่านั้น เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างประเทศ และเป็นยุทธศาสตร์การค้าแนวเหนือ-ใต้ มีไทยเป็นศูนย์กลาง
ด้านเหนือ มี "จีน" จะสร้างรถไฟความเร็วสูงมารอที่นครเวียงจันทน์ สปป.ลาว ผ่านชายแดน "หนองคาย" มาถึง "กทม." และอนาคตข้างหน้า หากไทยสร้างสายใต้จาก "กทม.-ปาดังเบซาร์" จะไปเชื่อม "มาเลเซีย" ทะลุถึงสิงคโปร์ สายนี้ "จีน" สนใจและเซ็นบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ร่วมกันกับรัฐบาลไทยจะศึกษาโครงการให้
อีกสายคือส่วนต่อขยาย "แอร์พอร์ตเรลลิงก์-พัทยา-ระยอง" เพราะจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและการเดินทางเชื่อมระหว่างเมืองได้เป็น อย่างดี เพราะ "ชลบุรี-ระยอง" นั้นเป็นเมืองอุตสาหกรรม โดยไม่จำ เป็นต้องใช้ระบบรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูง 250 กม./ชม. สามารถปรับสปีดลงมาเท่า "แอร์พอร์ตลิงก์" วิ่งอยู่ 160 กม./ชม.ก็ได้ อีกทั้งใช้เงินลงทุนไม่สูงเพราะเวนคืนไม่มาก ส่วนใหญ่ใช้แนวเขตทางรถไฟสายตะวันออกเดิม
ล่าสุด "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย" กำลังศึกษาโครงการ จะเสร็จสิ้นเร็ว ๆ นี้ เบื้องต้นจะมีระยะทาง 180 กม. เริ่มต้นจากลาดกระบัง ผ่านฉะเชิงเทรา ศรีราชา ชลบุรี พัทยา และระยอง มี 6 สถานี เงินลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาท
สายนี้ "ประเทศญี่ปุ่น" ที่เป็นคู่ค้ากับไทยมานานให้ความสนใจไม่น้อย และเคยศึกษาโครงการเบื้องต้นให้มาแล้วก่อนหน้านี้
รอดูท่าที "คสช.และรัฐบาลใหม่" จะคิดต่างหรือเห็นแปลกแยกออกไปจากนี้ยังไง |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42782
Location: NECTEC
|
Posted: 16/06/2014 11:47 pm Post subject: |
|
|
สนข.หารือคลัง เร่งสรุปแหล่งเงินแผนยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานคมนาคมฯ
โดย เมธา สกาวรัตน์
ข่าวรายวัน - คอลัมน์ : ข่าวในประเทศ
ฐานเศรษฐกิจ
วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน 2014 เวลา 18:08 น.
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. กล่าวว่า สนข.จะหารือร่วมกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และสำนักงบประมาณ ที่กระทรวงการคลัง เพื่อสรุปแหล่งที่มาของงบประมาณที่จะใช้ดำเนินโครงการตามแผนยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของไทยในภาพรวมทั้งหมด ให้สอดคล้องกับระยะเวลาในการดำเนินโครงการ ระหว่างปี 2558 - 2565 โดยล่าสุดได้ปรับลดวงเงินงบประมาณ จากเดิม 3ล้านล้านบาท เหลือ 2.4ล้านล้านบาท โดยนำโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงออกจากแผน และนำโครงการอื่นเข้ามาแทน ซึ่งโครงการเร่งด่วนที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปีงบประมาณ 2558คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม - มีนบุรี สายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี - สุวินทวงศ์ สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - ศรีนครินทร์ - สำโรง การก่อสร้างมอเตอร์เวย์ และรถไฟทางคู่ โดยจะใช้เงินงบประมาณของปี 2558เป็นค่าเวนคืนที่ดิน ส่วนงบประมาณในการก่อสร้างจะใช้เงินกู้จากสถาบันการเงิน
สำหรับยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของไทย ประกอบด้วย 5ยุทธศาสตร์หลัก คือ ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบขนส่งทางราง ยุทธศาสตร์การขนส่งสาธารณะในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบขนส่งทางถนน ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบขนส่งทางน้ำ และยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบขนส่งทางอากาศ ซึ่งจะสรุปข้อมูลโครงการทั้งหมดเสนอต่อ พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ในฐานะหัวฝ่ายเศรษฐกิจ รับทราบอีกครั้งในวันที่ 19มิถุนายนนี้ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42782
Location: NECTEC
|
Posted: 16/06/2014 6:53 am Post subject: |
|
|
เพื่อนคุณมนเปิดประเด็นเรื่องรถไฟความไวสูงดังนี้
Deer Freedom wrote: | ทำไมรถไฟความเร็วสูงถึงถูกตัดออกจากแผนลงทุน 3 ล้านล้านบาทของ คสช. แต่ดันไปเพิ่มเรือบินมาแทน ??
.
.
รถไฟความเร็วสูง คือตัวแปรสำคัญของระบบการเชื่อมเศรษฐกิจสมัยใหม่ระหว่างไทยกับเอเชีย เพราะเป็นระบบขนส่งทั้งคน และสินค้าอุตสาหกรรมที่ต้นทุนต่ำกว่าเครื่องบิน ปลอดภัยมากกว่า ตรงเวลากว่า แต่อาจจะวิ่งช้ากว่านิดหน่อย และสำคัญที่สุดคือ สถานีรถไฟความเร็วสูง คือ หัวหอกสำคัญในการสร้างความเจริญให้กระจายตัวสู่ต่างจังหวัด ดังเช่นจีน ที่พยายามทะลวงให้ความเจริญเคลื่นตัวจากภาคตะวันนออกไปสู่ภาคตะวันตก ด้วยรถไฟความเร็วสูง แม้รัฐจะต้องแบกภาระที่สูง แต่ต้องทำ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม
.
.
ส่วนทำไมรถไฟความเร็วสูงถึงถูกตัดออกจากแผนลงทุนนั้นเราต้องเริ่มต้นจากศึกษาประเทศอื่นๆ
ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดวิวัฒนาการการผลิตรถยนต์ขึ้นมาจาก 3 บริษัทผู้ผลิตใหญ่ Ford, General Motors, และ Chrysler ณ จุดนี้เองที่เกิด lobbyist ทางธุรกิจรถยนต์ขึ้นมา อเมริกาในขณะนั้นจึงให้ความสำคัญเรื่องอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นตัวนำเศรษฐกิจของประเทศและมองเห็นว่าระบบการขนส่งทางรถไฟเป็นขู่แข่งและขัดขวางการเจริญเติบโตของธุรกิจยานยนต์ และนี่คือจุดสิ้นสุดของระบบขนส่งทางรถไฟแต่ถึงวันนี้ที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป การใช้เครื่องบินและรถยนต์อย่างมากมาย ทำให้เกิดภาวะมลพิษจาก CO2 นอกจากนั้นราคาน้ำมันก็ไม่ถูกอีกแล้วอย่างในอดีต ทำให้อเมริกาพึ่งคิดได้ว่าวันนี้ได้เวลาสร้างรถไฟความเร็วสูงแล้ว
และคู่ปรับที่สำคัญที่สุดของรถไฟความเร็วสูง คือเครื่องบิน จากการศึกษาเปรียบเทียบของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธ.ไทยพาณิชย์ พบว่า ปริมาณผู้โดยสารเครื่องบินมีแนวโน้มลดลงอย่างมากในเส้นทางที่มีรถไฟความเร็วสูงไปถึง โดยเฉพาะเส้นทางการบินระยะใกล้ (short haul) ไม่เกิน 800 กิโลเมตร
ตัวอย่างที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ เช่น เส้นทาง Madrid-Seville ของเสปน ระยะทาง 540 กิโลเมตร ผู้โดยสารเครื่องบินต่อรถไฟ ก่อนที่จะมีรถไฟความเร็วสูงบนเส้นทางนี้ มีสัดส่วน 71%:29% และเปลี่ยนเป็น 11%:89% หลังจากที่รถไฟความเร็วสูงเปิดให้บริการ เป็นต้น
สายการบินต่างๆจึงต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ เช่น ลดความถี่ของเที่ยวบิน และลดขนาดเครื่องบินในเส้นทางหลักของยุโรป เช่น London - Paris, London - Brussels, Barcelona - Madrid, Paris - Lyons ส่วนใต้หวัน เส้นทาง Taipei - Kaohsiung จำนวนเที่ยวบินลดลง 50% ภายใน 3 ปีหลังจากเริ่มมีรถไฟความเร็วสูง ในจีน สายการบินต้องลดค่าโดยสารลงถึง 80% ในเส้นทาง Guangzhou - Changsha หลังจากที่รถไฟความเร็วสูงเปิดให้บริการ ทั้งนี้ คาดว่าธุรกิจการบินของจีนจะมีรายได้ลดลง 3-4% หรือ 1.5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2012 จากการลดจำนวนเที่ยวบินและค่าโดยสารอันเนื่องมาจากรถไฟความเร็วสูง.
และจากการศึกษาประเทศจีนของ The Financial List พบว่า ผลกระทบทางตรงของรถไฟความเร็วสูง มีแนวโน้มจะถล่มสายการบินในเส้นทางทับซ้อน ทางเลือกทางรอดของสายการบิน คือ หลีกเลี่ยงดีกว่าต้านทาน ให้หันไปบินเส้นทางอื่นแทนดีกว่าทำสงครามราคา (ลดราคาแข่ง) หรือไม่ก็แข่งด้วยจุดเด่นอื่น เช่น ทำบริการต่อเครื่องไปต่างประเทศ ฯลฯ ให้เหนือกว่ารถไฟ
ส่วนผลกระทบทางอ้อมของรถไฟความเร็วสูงคือ จะทำให้ต้นทุนการขนส่ง-คมนาคมในประเทศลดลง มลภาวะลดลง ประหยัดเชื้อเพลิง ส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้ประเทศผลิตสินค้า-บริการได้ถูกลงก่อน หลังจากนั้นเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จะส่งผลดีต่อสายการบินในระยะยาวอีกต่อหนึ่ง
กลไกที่เป็นไปได้ ที่ทำให้การเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงจริงๆ เร็วกว่าเครื่องบิน คือ การเช็คอิน-ตรวจกระเป๋าก่อนขึ้นรถไฟ มีแนวโน้มจะเร็วกว่าเครื่องบินแถมรถไฟยังมีราคาถูกกว่า ที่นั่งสบายกว่า เดินไปมาได้ง่ายกว่า และชมวิวได้ตลอดการเดินทาง
ส่วนประสบการณ์ตอนเปิดรถไฟความเร็วสูงในไต้หวัน (ไทเป-เกาเซียง) พบว่า ค่าโดยสารรถไฟความเร็วสูงถูกกว่าเครื่องบิน 15-32% สายการบินทยอยลดราคาลงไปเฉลี่ย 36% จนถูกกว่ารถไฟ ต่อมารถไฟความเร็วสูงก็ลดราคาลงไปอีก 20% จนต่ำกว่าเครื่องบิน ผลของสงครามราคา คือ สายการบินปิดบริการเส้นทางทับซ้อนทุกสาย !!
ดังนั้นถ้ารถไฟความเร็วสูงมา สายการบินในประเทศทั้งหมดตามแนวรถไฟเตรียมตัวปิดได้เลย เจ้งแน่นอน และถ้าระบบรถไฟเชื่อมเอเชียได้หมดแล้ว Cargo ของการบินก็จะมีรายได้ลดลงมาหาศาลแน่ ส่วนสายการบินข้ามประเทศต้องไปแข่งกับต่างชาติซึ่งสู้ได้ไหม ก็รู้ๆ กันอยู่ เพราะในปี 2558 เราจะเปิดเสรีน่านฟ้าแล้ว ทุกสายการบินจึงเข้ามาแข่งกับการบินไทยได้หมด จะเห็นว่าไทยมีสถิตินักท่องเที่ยวสูงขึ้นทุกปี แต่กำไรการบินไทยลดลงๆ มันเกิดอะไรขึ้น ?? ดังนั้นถ้าเปิดเสรีน่านฟ้า การบินไทยก็สู้ไม่ได้ ภายในประเทศก็สู้โลคอสไม่ได้ และถ้ามีรถไฟความเร็วสูงมาอีก คงหมดสภาพแน่ๆ
ส่วนรถไฟรางคู่นั้นอันนี้ทำแน่ๆ ดังนั้นรถทัวร์ตามเส้นทางรถไฟรางคู้ก็เตรียมปิดกิจการเช่นกัน เพราะเดินทางเร็วกว่า ปลอดภัยกว่า และถูกกว่ารถทัวร์ด้วย
ผลการศึกษาหลายประเทศชี้ชัดขนาดนี้ รู้แล้วใช่ไหม ว่ารถไฟความเร็วสูงของไทยคงจะเกิดไม่ได้อีกนาน เพราะมีพญามารตัวเบ่อเลิ่มนอนขวางทางอยู่ 55555
ส่วนเหตุผลว่า เครื่องบินที่มีอยู่สามารถแทนรถไฟความเร็วสูงได้นั้น เป็นความคิดแบบ Static มากไป ขาดการคิดแบบ Dynamic เพราะต้นทุนของเครื่องบินคือนน้ำมัน ซึ่งมีแนวโน้มจะแพงขึ้นเรื่อยๆ แต่ระบบรถไฟนั้น ใช้ไฟฟ้า ซึ่งสามารถมีทางเลือกด้านพลังงานที่มากกว่า และเป็นมลพิษน้อยกว่าในอนาคตด้วย
การบินไทย สายการบินแห่งญาติ เป็นสายการบินผูกขาดแห่งชาติสายการบินเดียว ยังขาดทุนขนาดนี้ ผมละนึกสภาพไม่ออกเลย ถ้ามีรถไฟความเร็วสูงมาเป็นคู่แข่ง จะโซซัดโซเซขนาดไหน |
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=4361570974085&set=a.1562515319443.47486.1732146586&type=1
https://www.facebook.com/AComradeofMine/posts/506084766160193
บิ๊กตู่ยังไม่เล่นเรื่องกรณี 3 ล้านล้าน ก็ต้องให้สำนักงงบประมาณชี้แจงรายละเอียดซะก่อน
Quote: | ="ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์"ย้ำ! คสช.ไม่กู้ 3 ล้านล้าน
เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.57) ผมโพสต์เรื่อง "ผวา! เงินกู้ 2 ล้านล้าน เป็น 3 ล้านล้าน?" ทำให้บางคนเข้าใจผิดว่า คสช. จะกู้เงินมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพิ่มจาก 2 ล้านล้านบาท (ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์) เป็น 3 ล้านล้านบาท ทั้งๆ ที่ ผมได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนว่า
"ข้อเท็จจริงก็คือ 1. วงเงินโครงการอาจไม่ถึง 3 ล้านล้านบาท และอาจจะน้อยกว่า 2 ล้านล้านบาท ด้วยซ้ำไป แต่วงเงินที่ สนข. เสนอ คสช.นั้น เป็นวงเงินที่ต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งอย่างเต็มที่ หรือต้องการก่อสร้างให้มากที่สุดตามความต้องการด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ซึ่ง คสช.จะพิจารณาปรับลดโครงการตามความเหมาะสม เช่นเดียวกับในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ สนข.เสนอกรอบวงเงินสูงถึง 4.2 ล้านล้านบาท แต่มีการคัดเลือกโครงการมาดำเนินการก่อนคิดเป็นเงินจำนวน 2 ล้านล้านบาท
2. ผมเข้าใจว่าแหล่งเงินทุนที่ คสช.จะจัดหามาดำเนินโครงการดังกล่าวข้างต้น ไม่ได้มาจากการกู้เงินตามที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำมาก่อน แต่ คสช.จะใช้งบประมาณประจำปีเป็นหลัก และให้เอกชนร่วมลงทุนในบางโครงการ เช่น มอเตอร์เวย์ เป็นต้น ส่วนโครงการของรัฐวิสาหกิจนั้น ก็ให้ใช้เงินลงทุนของตัวเอง
ผมเห็นด้วยที่ คสช. จะเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อยกระดับการแข่งขันของประเทศ โดยใช้งบประมาณประจำปีเป็นหลัก ไม่ใช่หวังที่จะใช้เงินกู้ (ซึ่งจะสร้างภาระหนี้ให้กับลูกหลานของเราเป็นระยะเวลายาวนานหลายสิบปี) ดังที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องการจะทำ"
ข้อเขียนดังกล่าวสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของหัวหน้า คสช.ว่า "โครงการ 3 ล้านล้านบาท ผมยังไม่ได้อนุมัติเลย ต้องไปถามสำนักงบประมาณว่ามีเงินอยู่เท่าไร ซึ่งผมคิดว่ามีบางคนปล่อยข่าว เพื่อให้ประชาชนเรียกร้องและทำให้งานเราสะดุด ดังนั้นอยากช่วยกันอธิบายกับสังคม เพราะจะเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง"
หวังว่าผู้ที่เข้าใจผิดโดยวิพากษ์วิจารณ์ใน FB และ PAGE ของผมในแง่ลบต่อบทความดังกล่าวของผมจะได้เข้าใจถูกต้องนะครับ
ขอย้ำอีกทีว่า ผมเห็นด้วยที่ คสช. จะเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะรถไฟทางคู่
คุณก็เห็นเช่นนั้น ใช่มั้ยครับ |
https://www.facebook.com/Dr.Samart/photos/a.232032303608347.1073741828.232025966942314/455204077957834/?type=1 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42782
Location: NECTEC
|
Posted: 11/06/2014 11:12 am Post subject: |
|
|
'รถไฟความเร็วสูง' สะดุดแต่ยังไม่หยุด
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ-คมนาคม
ออนไลน์เมื่อวันศุกร์ที่ 06 มิถุนายน 2014 เวลา 15:35 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,955 วันที่ 8 - 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557
แม้พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ต้องล่มไปในช่วงต้นๆปีที่ผ่านมา หลังเจอกระแสต้านอย่างหนักจากสังคม ยังผลกระทบต่อแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงที่รัฐบาลวาดภาพสวยหรูหวังเชื่อมโยงไลฟ์สไตล์คนเมืองกับชนบทให้มาใกล้ชิดกันมากขึ้น และยังมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
จากปีที่ผ่านมาจวบจนปัจจุบัน สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. ยังคงเดินหน้าศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองร้อนและเปลี่ยนขั้วอำนาจใหม่ จากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมาเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งประกาศจะเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจ็กต์ 2 ล้านล้านบาท แต่จะเลือกโครงการที่มีความพร้อม มีทั้งระบบรางและระบบถนน โดยเฉพาะระบบรางนั้นให้ความสนใจกับโครงการรถไฟทางคู่ เพราะใช้งบประมาณลงทุนน้อยกว่ารถไฟความเร็วสูง และได้หลายเส้นทาง อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทิ้งโครงการรถไฟความเร็วสูง
ดร.จุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ สนข.เล่าถึงสถานะโครงการรถไฟความเร็วสูง ณ ขณะนี้ว่า ทุกสายศึกษาและออกแบบเกือบเรียบร้อยประมาณ 80% โดยสายกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ถือว่าเสร็จเรียบร้อยและยื่นขอรับรองผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ ปัจจุบันกำลังศึกษาและออกแบบช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่
นอกจากนี้ก็มีสายกรุงเทพฯ-หนองคาย ก็ใกล้จะเสร็จเรียบร้อยเช่นกัน กล่าวได้ว่ารถไฟความเร็วสูง 4 สายนั้น มี 2 สายที่กล่าวมาถือว่ามีความเป็นไปได้ที่สุด ในอนาคตถ้าจะทำ ต้องเริ่มที่ 2 สายนี้ก่อน
ขณะเดียวกันก็ศึกษาสายกรุงเทพฯ-หัวหิน ซึ่งเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างสั้นกว่าสายอื่น ฉะนั้นถ้าทำแค่หัวหินก็อาจจะขาดทุนยาวจนกว่ารถไฟไปถึงสุราษฎร์ธานี
"ยุทธศาสตร์รถไฟความเร็วสูง ณ ขณะนี้คือ เชื่อมคนไทยด้วยกัน เชื่อมเมืองให้คนไทยสามารถเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกยิ่งขึ้น และเมืองจะได้เติบโตมากขึ้น ซึ่งยุทธศาสตร์รถไฟความเร็วสูงใน พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท เป็นเรื่องการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคต่างๆ และเชื่อมโยงประเทศไทยเข้าด้วยกัน"
เพื่อให้เห็นภาพการเชื่อมเมือง สนข.ได้นำคณะสื่อมวลชนไปชมระบบรถไฟความเร็วสูงในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน ออสเตรเลีย และล่าสุดสาธารณรัฐเกาหลี โดย ดร.จุฬา เล่าว่า เกาหลีใต้ค่อนข้างใกล้เคียงประเทศไทย ตรงที่จำนวนประชากรไม่มากเหมือนประเทศอื่น อีกทั้งหลักการในการดำเนินโครงการก็ค่อนข้างใกล้เคียงกัน นั่นคือเพื่อต้องการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด ระหว่างกรุงโซลกับเมืองปูซาน
ส่วนของไทยต้องการลดความแออัดในกรุงเทพฯ ด้วยการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และยังได้ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างกรุงเทพฯกับภูมิภาค นอกจากนั้นช่วงที่ผลักดันโครงการด้านการเมืองก็มีเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่ในที่สุดด้วยกระแสความต้องการของประชาชนชาวเกาหลีใต้ทำให้รัฐบาลตัดสินใจลงทุนรถไฟความเร็วสูง แต่เนื่องจากช่วงที่เริ่มโครงการเศรษฐกิจไม่ดี จึงแบ่งการลงทุนเป็น 2 เฟส ช่วงแรกกรุงโซล-เมืองแดกู ช่วงที่ 2 ต่อขยายไปจนถึงเมืองปูซาน ปัจจุบันรถไฟความเร็วสูงสายกรุงโซล-ปูซาน เป็นสายที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ
"กรณีเกาหลีใต้ ไม่จำเป็นว่ารถไฟความเร็วสูงจะต้องเกิดกับประเทศที่มีประชากรจำนวนมากเป็นหลัก 100 ล้านคนเสมอไป"
นอกจากสามารถแก้ปัญหาจราจรติดขัด รถไฟความเร็วสูงยังทำให้วิถีชีวิตคนเกาหลีใต้เปลี่ยน โดยคนที่อยู่ในกรุงโซลนิยมไปเที่ยวพักผ่อนที่ปูซานและใช้บริการรถไฟความเร็วสูง หรือคนทำงาน เพียงครึ่งวันก็สามารถเดินทางกลับกรุงโซลได้ภายในวันเดียวไม่ต้องพักค้างคืน แต่ที่สำคัญเกาหลีใต้สามารถสร้างระบบรถไฟความเร็วสูงของตนเองคือ KTX ใช้ในประเทศและส่งออกด้วย
"แต่สำหรับประเทศไทยคงไม่เดินไปถึงขึ้นนั้น แต่เราจะทำในลักษณะเดียวกับการบินคือการซ่อมบำรุง ซึ่งการบริการถือเป็นจุดแข็งของไทย ที่จะสามารถดึงคนเข้ามาทำงานในประเทศ ก่อให้เกิดกิจกรรม จนไทยกลายเป็นศูนย์กลางในการทำธุรกิจเหมือนสิงคโปร์ ถือว่าได้มากกว่ามีรถไฟความเร็วสูง"
ดร.จุฬาบอกว่า ฉะนั้น ถ้าเราจะเลือกรถไฟความเร็วสูงเป็นระบบใหม่ของประเทศ อันดับแรกต้องเตรียมบุคลากรด้านราง มหาวิทยาลัย และอาชีวะ ต้องผลิตบุคลากรป้อนเข้าตลาดแรงงาน ปัจจุบันตลาดงานเกี่ยวกับรถไฟมีเพียงแห่งเดียวคือการรถไฟ แต่ตอนหลังเราก็มีระบบไฟฟ้า เช่น แอร์พอร์ตลิงค์ บีทีเอส หรือบีเอ็มซีแอล ก็เริ่มมีตลาดรถไฟฟ้าแยกออกมาจากการรถไฟ
ในอนาคตไทยก็อาจจะต้องมีหน่วยงานที่รับผิดชอบระบบรางทั้งหมด เหมือนโมเดลของเกาหลีใต้ ที่มีหน่วยงานชื่อ KRNA คล้ายกรมรถไฟ เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน และมีหน่วยงานชื่อ KORAIL เหมือนกับการรถไฟ ทำหน้าที่เดินรถโดยเฉพาะ และทำเกี่ยวกับเรื่องวิชาการทุกอย่าง
"จากการศึกษาดูงานรถไฟความเร็วสูงในหลายประเทศ ส่วนใหญ่จะคล้ายๆกัน ในแง่ที่ว่า รถไฟความเร็วสูงไม่ได้สร้างกำไรในลักษณะที่เลิศเหมือนเครื่องบิน แต่ทำในลักษณะคล้ายเครื่องมือเพื่อกระตุ้นความเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ที่ได้แน่ๆคือลดเวลา แต่เรื่องราคาอาจจะไม่ได้ เพราะไม่ได้เน้นทำให้ค่าขนส่งถูกลง แต่ให้เร็วขึ้น ซึ่งของไทยก็เช่นกันคือเน้นขนคน หรือเชื่อมเมือง จากจุดต่อจุดเร็วขึ้น และใช้เพื่อความเติบโตทางเศรษฐกิจระหว่างเมืองที่รถไฟผ่าน"
ดังนั้น ของไทยถ้าจะลงทุนก็คงจะต้องแบ่งเป็นเฟส โดยเลือกว่าจะไปเมืองไหน สมมติสายทางเหนือ ถ้าดูในเชิงฐานของเมือง รายได้ ประชากร เมืองที่อยู่ในข่ายคือพิษณุโลก หรือสายตะวันออกเฉียงเหนือ คือ นครราชสีมา โดยสายเหนือกับตะวันออกเฉียงเหนือ ผลตอบแทนเชิงเศรษฐกิจใกล้เคียงกัน ก็อาจจะเสนอทั้งคู่ ให้รัฐบาลตัดสินใจ ทั้งนี้ สายเหนือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เฟสแรก กรุงเทพฯ-พิษณุโลก ส่วนสายตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพฯ-หนองคาย เฟสแรกก็คือ กรุงเทพฯ-นครราชสีมา แต่ทางตะวันออกเฉียงเหนือจะดีกว่าตรงที่แนวโน้มสามารถเชื่อมไปจีน ในลักษณะข้ามประเทศ เพราะจีนได้คุยกับลาวที่จะทำรถไฟจากคุนหมิงมาทางหลวงพระบาง แล้วมาเวียงจันทน์ และข้ามมาไทยที่หนองคาย
ถึงแม้ขณะนี้จะมีความพร้อมในบางสายเพื่อนำเสนอให้ คสช.พิจารณา แต่เพื่อความเข้าใจร่วมกันในเดือนกรกฎาคมนี้จะจัดรับฟังความคิดเห็นใหญ่ ในกรุงเทพฯ ได้ผลอย่างไรรีบสรุปส่งเข้า ครม.ใหม่ ซึ่งในมุมมองของ สนข.คิดว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงเป็นสิ่งดีในการพัฒนาเศรษฐกิจ
ส่วนโครงการจะได้เดินต่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องของ ครม.ที่จะตัดสินกัน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42782
Location: NECTEC
|
Posted: 11/06/2014 11:10 am Post subject: เจ้าสัวซีพีกะรถไฟความไวสูง |
|
|
เปิดใจ"ธนินท์ เจียรวนนท์" รถไฟ(เร็วสูง)ถึงไหนเจริญที่นั่น
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
updated: 09 มิถุนายน 2557 เวลา 15:57:21 น.
สบโอกาสอันดีได้พบหน้ากับอภิมหาเศรษฐีของเมืองไทย "เจ้าสัวซีพี"นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธาน กรรมการ และประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี ในงานเฉลิมฉลองการผลิตรถยนต์คันแรกออกจากสายการผลิต "MG6" ของค่ายน้องใหม่ล่าสุด MG จากประเทศจีนสัญชาติอังกฤษ
ภาย ในชื่อบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ด้วยการร่วมทุนกับบริษัทเซี่ยงไฮ้ ออโตโมทีฟ อินดัสทรี คอร์ปอเรชั่น ยักษ์ใหญ่ยานยนต์จาก ประเทศจีน
โดยเจ้าสัวเดินทางมาเป็นประธานของงานด้วย
นานๆ ออกงานสักทีแบบนี้มีหรือจะพลาดโอกาสเข้าไปขอความรู้ ขอความเห็น ถึงสถานการณ์ปัจจุบันในแง่มุมเศรษฐกิจ เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งเสียงสะท้อน (ที่ดังมาก)
ภาพรวมของประเทศขณะนี้
สิ่ง แรกต้องขอชื่นชมกับนโยบายต่างๆ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะสิ่งที่เร่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้ล้วนเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะมาตรการจ่ายหนี้ค่าข้าวให้กับชาวนา ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้ามาในระบบ ช่วยขับเคลื่อนสภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลดีกับโดยรวมให้กลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
แผนการลงทุนด้านต่างๆ ของคสช.
นี่ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ต้องเร่งดำเนินการโดยเฉพาะโครงการ 2 ล้านล้านบาท หากไม่ตัดสินใจลงทุนในวันนี้วันหน้าจะลงทุนด้วยมูลค่าขนาดนี้ไปไม่ได้อย่าง แน่นอน จะต้องสูงกว่านี้อย่างมาก ไม่ว่าจะรถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า การนำผู้เชี่ยวชาญมาดูแลเรื่องการชลประทานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ล้วนแต่มีประโยชน์และทำให้ประเทศเดินหน้าได้ต่อ และการลงทุนจะเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ทำไมต้องรถไฟความเร็วสูง
การ ลงทุนประเภทนี้ใช้เวลาไม่นานก็สามารถคืนทุนได้ เพราะเมื่อรถไฟไปถึงไหนความเจริญก็ตามไปถึงที่นั่น ทำให้เกิดการค้าขาย ที่ผ่านมาหลายประเทศ เช่น เกาหลี ไต้หวัน และญี่ปุ่น ที่เร่งลงทุนในเรื่องสาธารณูปโภคแล้วเกิดความเจริญอย่างรวดเร็ว
ได้รับการทาบทามไปเป็นรัฐมนตรี
ไม่ มี...และถึงมีก็ขอยืนยันว่าไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองอย่างแน่ นอน เราเป็นนักธุรกิจ ทำธุรกิจ เราเก่งในเรื่องทำมาค้าขาย แต่เราไม่ได้เก่งทุกเรื่อง
หันมาลงทุนธุรกิจยานยนต์
ประเทศ ไทยวันนี้ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของภูมิภาคที่สำคัญ เราสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในธุรกิจรถยนต์นานพอสมควรแล้ว และล่าสุดเจรจาร่วมทุนกับเซี่ยงไฮ้ออโตโมทีฟ อินดัสทรี คอร์ปอเรชั่น เจ้าของแบรนด์เอ็มจี ค่ายรถยนต์จากประเทศจีนเทคโนโลยีจากอังกฤษ นำรถยนต์เอ็มจีมาผลิตในประเทศไทยได้สำเร็จ
ตั้งเป้าหมายไว้อย่างไร
เรา ต้องเป็นศูนย์กลางการผลิตรถรุ่นพวงมาลัยขวาเพื่อส่งออกไปทั่วโลก ขณะที่ตลาดในประเทศมั่นใจว่าด้วยมาตรฐานการผลิตคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ และบริการที่เข้าใจความต้องการของลูกค้า เอ็มจีจะทำให้ตลาดเกิดความคึกคัก และมีสีสันขึ้นรวมถึงได้รับการตอบรับจากลูกค้าคนไทยอย่างแน่นอน
ที่มา ข่าวสดออนไลน์ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42782
Location: NECTEC
|
Posted: 10/06/2014 2:04 pm Post subject: |
|
|
เกาะติดรถไฟความเร็วสูง จาก "เพื่อไทย" ถึง "คสช."
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
updated: 10 มิถุนายน 2557เวลา 14:48:32 น.
เป็นวัฏจักรเมื่อ "การเมือง" เปลี่ยนทิศนโยบายเก่าที่เคยวาดไว้จำต้องถูกทบทวนหากประเมินแล้วไม่เข้าตา ส่วนโครงการไหนที่เดินหน้าไปแล้ว เร่งสานต่อให้เร็วขึ้น
เช่นเดียวกับโปรเจ็กต์ "รถไฟความเร็วสูง" 4 สาย มูลค่าลงทุน 783,299 ล้านบาท ที่ "รัฐบาลเพื่อไทย" อยากผลักดันเพื่อเชื่อม 4 ภูมิภาค ภายใต้ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท แต่เมื่อเงินกู้ไม่มี ตัวโครงการยังอยู่ในบัญชีงานของกระทรวงคมนาคม และกำลังเป็นที่จับตา หลัง "คสช.-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" มีท่าทีให้ศึกษาความคุ้มค่าโครงการใหม่ ยังไม่รู้จะสั่งให้เดินหน้าหรือยกเลิกโครงการไปเลย
ความคืบหน้าล่าสุด "สนข.-สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร" ยังเดินหน้าศึกษาให้จบกระบวนการทุกขั้นตอน หลังออกสตาร์ตไปล่วงหน้าหลายก้าว จนถึงขั้นตอนยื่นรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และในเดือนกรกฎาคมนี้จะจัดรับฟังความคิดเห็นทั้ง 4 สายและเสนอให้ คสช.หรือรัฐบาลใหม่พิจารณาในเดือนสิงหาคมนี้
ขณะที่สถานะโครงการสาย "กรุงเทพฯ-เชียงใหม่" 745 กม. เฟสแรกกรุงเทพฯ-พิษณุโลก 384 กม. ปัจจุบัน "สนข." ส่งรายงานอีไอเอแล้ว จะใช้ค่าก่อสร้าง 212,893 ล้านบาท มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ 13.39% ผู้โดยสาร 24,800 เที่ยวคน/วัน เฟส 2 "พิษณุโลก-เชียงใหม่" อยู่ระหว่างศึกษาและคัดเลือกแนวเส้นทางจะเบี่ยงแนวไปจังหวัดสุโขทัย ผ่านอำเภอศรีสัชนาลัย หรือเลาะไปตามเส้นทางรถไฟเดิม มีระยะทาง 365 กม. คาดว่าใช้เงินก่อสร้าง 214,005 ล้านบาท
สาย "กรุงเทพฯ-หนองคาย" 615 กม. ว่ากันว่ามีแนวโน้มจะถูกหยิบมาก่อสร้างก่อนสายอื่น เพื่อรองรับกับโครงข่ายสายทางที่ "จีน" สร้างมารออยู่ที่เวียงจันทน์ สปป.ลาว ซึ่งสายนี้ทางรัฐบาลจีนคาดหวังไว้มาก ดูได้จากความตั้งใจที่ปีที่แล้วขนเทคโนโลยีมาโชว์ถึงถิ่นประเทศไทย และหาก "คสช." จะหยิบมาสร้างก่อนคงไม่มีใครคัดค้าน แม้แต่ "พรรคประชาธิปัตย์" เพราะสายนี้เคยอยู่ในบัญชีที่พรรคสีฟ้าจะแจ้งเกิดเช่นกัน
ปัจจุบันโครงการในเฟสแรกจาก "กรุงเทพฯ-นครราชสีมา" 256 กม. ศึกษาเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างปรับปรุงรายงานอีไอเอใช้เงินลงทุน 176,598 ล้านบาท มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ 14.95% ผู้โดยสารปีแรก 14,658 เที่ยวคน/วัน
ส่วนเฟส 2 "นครราชสีมา-หนองคาย" 359 กม. ทาง "สนข." กำลังจ้างที่ปรึกษาศึกษาโครงการ ซึ่งได้รับงบประมาณปี 2557 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 199 ล้านบาท คาดว่าจะใช้เงินก่อสร้าง 170,725 ล้านบาท
สาย "กรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์" 982 กม. คืบหน้าไปมากในเฟสแรก "กรุงเทพฯ-หัวหิน" 225 กม. ส่งรายงานอีไอเอแล้ว ใช้เงินลงทุน 98,399 ล้านบาท มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ 9.76% ผู้โดยสาร 9,211 เที่ยวคน/วัน แต่หากสร้างต่อไปถึง "สุราษฎร์ธานี" ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ 14.89%
สุดท้ายสาย "กรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง" 221 กม. ขณะนี "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย" กำลังศึกษาโครงการ กำหนดเสร็จในปีนี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 100,631 ล้านบาท มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ 13.05% ผู้โดยสารอยู่ที่ 13,200 เที่ยวคน/วัน
ทั้งหมดเป็นความพร้อม ส่วนจะได้เดินหน้าหรือเป็นแค่ผลศึกษาในแผ่นกระดาษเหมือนที่ผ่านมา อยู่ที่การพิจารณาของ "คสช." ในเวลานี้ เพราะแค่นี้เม็ดเงินลงทุนทะลุกว่า 1 ล้านล้านบาท ถ้าหากปล่อยเวลาล่วงเลยไปมากกว่านี้ ไม่รู้จะต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลขนาดไหน |
|
Back to top |
|
|
|