View previous topic :: View next topic
Author
Message
milkonline
2nd Class Pass (Air) Joined: 02/07/2009 Posts: 810
Location: อ.เมือง จ.ลพบุรี
Posted: 29/08/2014 5:05 pm Post subject:
รีบโผล่มาออกสื่อแบบนี้ กลัวเสียหน้าตกขบวนหรือครับ ฮาๆๆ
ทำมาขนได้แต่คน(ที่ต้องมีตังค์จ่าย)กับทำมาใช้ได้เอนกประสงค์ อันไหนมันจะคุ้มกว่ากัน?
ปรับปรุงให้แข่งกับรถทัวร์ให้ได้ก่อนดีกว่าครับ ก่อนจะไปมองโลวคอสต์ _________________ N-Scale model train lovers.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42813
Location: NECTEC
Posted: 29/08/2014 9:45 am Post subject:
′ชัชชาติ′แนะไม่คุ้ม ให้ ทบทวนรถไฟรางคู่ไฟฟ้าเร็ว 160 ก.ม./ช.ม.
มติชน
วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 08:17:54 น.
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แนะให้ทบทวนโครงการรถไฟรางคู่ความเร็ว 160 กิโมตรต่อชั่วโมง เพราะไม่คุ้มทุน
นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยกรณีการพัฒนาระบบรถไฟของ คสช.ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่ คสช.มีแผนพัฒนาระบบรถไฟของไทย โดยนายชัชชาติได้เเสดงความเห็นกรณีโครงการรถไฟ2 เส้นทาง คือหนองคาย-โคราช-สระบุรี-แหลมฉบัง-มาบตาพุด ระยะทาง 737 ก.ม. วงเงิน 392,570 ล้านบาท และเชียงของเด่นชัย-บ้านภาชี ระยะทาง 655 ก.ม. วงเงิน 348,890 ล้านบาทนั้น ว่าจะต้องวางเป้าหมายให้ชัดว่ามีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร และที่สำคัญคือ คุ้มค่ากว่าการสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงหรือ ไฮสปีดเทรน ที่วิ่งด้วยความเร็วมากกว่า 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามแผนเดิมอย่างไร
ทั้งนี้มองว่าแผนการพัฒนาที่ต่างกันไม่ใช่เรื่องผิด แต่โครงการใหม่เน้นการขนส่งสินค้าโดยเฉพาะการเน้นเชื่อมโยงกับจีน ที่ไม่ต้องใช้ความเร็วมาก เพียง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงต้องขนส่งคนด้วย ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างเมืองใหม่และขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนกว่า โดยหากรถไฟของไทยยังไม่เป็นรถไฟฟ้าความเร็วสูงก็ไม่สามารถแข่งขันกับสายการบินโลว์คอสต์ ได้
//--------------------------
เจตนาดี แต่ ถ้าไม่กระจายให้ทั่วถึงในราคาที่ใครๆก็พอยอมจ่ายได้แล้ว ก็เห็นจะยากอยู่
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42813
Location: NECTEC
Posted: 28/08/2014 2:13 pm Post subject:
สนข.เดินหน้ารถไฟทางคู่ 2 สาย จีนเสนอปัดฝุ่นแผนร่วมทุน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
28 สิงหาคม 2557 เวลา 12:00:49 น.
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าว่า สนข.เตรียมงบประมาณ 350 ล้านบาท ศึกษาและออกแบบโครงการรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน (สแตนดาร์ด เกจ) 1.435 เมตร ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าระยะเร่งด่วน จำนวน 2 เส้นทาง คือ
1.เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-สระบุรี-แหลมฉบัง-มาบตพุด ระยะทาง 737 กิโลเมตร วงเงินก่อสร้าง 392,570 ล้านบาท และ
2.เส้นทางเชียงของ-เด่นชัย-บ้านภาชี ระยะทาง 655 กิโลเมตร วงเงินก่อสร้าง 348,890 ล้านบาท โดยเดือนตุลาคมนี้ จะเริ่มศึกษาถึงรูปแบบการก่อสร้างและรูปแบบการลงทุนที่เกิดความคุ้มค่าสูงสุด กำหนดใช้เวลา 1 ปีแล้วเสร็จ ต่อจากนั้นจะเริ่มก่อสร้าง ซึ่งตามแผนงานจะเสร็จปี 2564
นายชัยวัฒน์กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านทูตพาณิชย์ของประเทศจีน ได้เดินทางเจ้าพบนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม แสดงความสนใจจะเข้าร่วมลงทุนในโครงการสแตนดาร์ด เกจ และขอให้ฝ่ายไทย นำข้อตกลงเดิมในอดีตระหว่างไทยกับจีนกลับมาพิจารณาใหม่ คือ การจัดตั้งบริษัทร่วมทุน 3 ฝ่าย รัฐบาลไทย-เอกชนไทย-เอกชนจีน เพื่อใช้เป็นรูปแบบการลงทุน แต่แท้จริงแล้วจะดำเนินการตามแนวทางไหนก็ขึ้นอยู่กับระดับนโยบายของฝ่ายไทยว่าจะตัดสินใจอย่างไร
"จีนสนใจลงทุน เพราะมองว่าเป็นการพึ่งพาเศรษฐกิจระหว่างกัน และ 2 เส้นทางจะเชื่อมต่อประตูการค้าไปสู่จีน ขณะที่จีนก็เตรียมที่จะสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมมายังลาว ซึ่งภาพรวมคงคุยกับจีนประเทศเดียวไม่ได้ ต้องเปิดโอกาสให้ประเทศอื่นๆ ด้วย เพื่อให้การดำเนินโครงการเกิดประโยชน์สูงสุด" นายชัยวัฒน์กล่าว
นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินงานระยะที่ 2 กระทรวงคมนาคม ยังจะมีการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ขนาดทางมาตรฐาน 1.435 เมตร ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มเติมอีก 3 เส้นทาง คือ 1.ตาก-พิษณุโลก-บ้านไผ่
2.หนองคาย-อุบลราชธานี และ
3.บ้านภาชี-กรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์
โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการระหว่างปี 2565-2572
นายชาญชัย สุวิสุทธะกุล รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน จะวิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ย 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถพัฒนาต่อยอดให้รองรับระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่วิ่งด้วยความเร็วมากกว่า 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปได้ เพราะออกแบบระบบเทคนิคเผื่อไว้แล้ว เช่น ระบบราง ระบบการเข้าโค้ง
//------------------------
ลุยทางคู่2สายใหม่ เชื่อมด่านชายแดน
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ ข่าวหน้า1
คอลัมน์ : ข่าวหน้า1
ออนไลน์เมื่อ วันพุธที่ 27 สิงหาคม 2014 เวลา 13:07 น. -
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,978 วันที่ 28 - 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557
คมนาคม โยกงบรถไฟทางคู่ ระยะ 2 ใน 5 เส้นทางวงเงินกว่า2แสนล้านบาท ลุยก่อสร้าง2 สายใหม่เชื่อมด่านชายแดนตามแผนคสช. ส่วนโครงการระยะที่1 ช่วงจิระ-ขอนแก่นรอชงครม.ใหม่ไฟเขียว เปิดประมูลหลังอีไอเอผ่านฉลุย ส่วนที่เหลือเลื่อนไปปีหน้า กูรูประเมินราคาที่ดินชี้ระยะต้นนักเก็งที่ยังไม่คึกคัก หลังเข็ดเขี้ยวไฮสปีดเทรน
แหล่งข่าวระดับสูงของกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ได้มีการปรับแผนก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 5 เส้นทาง ประกอบด้วย
1. เส้นทางขอนแก่น-หนองคาย วงเงิน 3.2 หมื่นล้านบาท ,
2. เส้นทางชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี วงเงิน 5.9 หมื่นล้านบาท ,
3. เส้นทางปากน้ำโพ-เด่นชัย วงเงิน 5.5 หมื่นล้านบาท ,
4. เส้นทางชุมพร-สุราษฎร์ธานี วงเงิน 3.1 หมื่นล้านบาท และ
5. เส้นทางสุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์ ในวงเงินงบประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท
โดยเลื่อนระยะเวลาก่อสร้างออกไปก่อน เพื่อนำงบประมาณดังกล่าวไปก่อสร้างรถไฟทางคู่อีก 2 เส้นทางขนาดทาง 1.435 เมตร ทั้งนี้เพื่อรองรับยุทธศาสตร์เชื่อมด่านชายแดนตามความเห็นของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนผลการศึกษาของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)
สำหรับรายละเอียดแนวเส้นทางรถไฟทางคู่ 2 เส้นทางดังกล่าว
เส้นทางที่ 1 ลากผ่านหนองคาย-โคราช-สระบุรี-แหลมฉบัง-มาบตาพุด ระยะทาง 737 กม. วงเงิน 392,570 ล้านบาท
เส้นทางที่ 2 เริ่มจากเชียงของ-เด่นชัย-พิษณุโลก-บ้านภาชี-แก่งคอย-แหลมฉบัง ระยะทาง 655 กม. วงเงิน 348,890 ล้านบาท
ซึ่ง 2 เส้นทางนี้จัดเป็นการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ในอนาคต ทั้งนี้ใช้ขนาดทางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standgard Gauge)และรถไฟขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ความเร็ว 160 กม./ชม.
นอกจากนี้แหล่งข่าวยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ในระยะที่1 เส้นทาง ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีความพร้อมดำเนินการแล้วนั้นว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในรัฐบาลชุดใหม่อนุมัติ ให้มีการประกวดราคาในปลายปีนี้หรืออย่างช้าต้นปี 2558 ส่วนเส้นทางอื่นๆอาจจะต้องเลื่อนไปเปิดประมูลในปีหน้าด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังได้มีการยกเอาช่วงเส้นทางหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน1.6 หมื่นล้านบาท ขึ้นมาเร่งดำเนินการพร้อมกับ 5 ช่วงแรกตามแผนเร่งด่วนก่อนเพื่อให้เชื่อมโยงกันของช่วงนครปฐม-หัวหิน
ด้านแหล่งข่าวการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการประมูลโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออกช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอยรวมระยะทางประมาณ 97 กม.วงเงินประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2555 อนุมัติให้ร.ฟ.ท.ดำเนินโครงการดังกล่าวเพื่อให้เชื่อมโยงกับช่วงศรีราชาแหลมฉบังที่เปิดให้บริการแล้วนั้น ขณะนี้ร.ฟ.ท.เร่งทำหนังสือชี้แจงคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ (คตร.)ที่ขอตรวจสอบโครงการต่างๆตามคำสั่งคสช.ให้แล้วเสร็จ โดยคาดว่าจะได้ตัวผู้รับจ้างทั้ง 2 สัญญาในเดือนตุลาคมนี้ และจะเริ่มก่อสร้างในปลายปีได้ทัน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับว่าคตร.จะเห็นชอบด้วยหรือไม่เท่านั้น
ขณะที่นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านประเมินราคาที่ดิน กล่าวถึงสถานการณ์ราคาที่ดินตามแนวรถไฟทางคู่ว่า หลังจากโครงการรถไฟความเร็วสูงถูกพับแผนโครงการ ได้สร้างเข็ดขยาดกับนักเก็งกำไรที่ดินพอสมควร ดังนั้นเมื่อรัฐบาลประกาศแผนเดินหน้ารถไฟทางคู่คาดได้ว่าคราวนี้หลายคนคงไม่ผลีผลาม เพราะมีบทเรียนที่ซื้อไว้ ยังค้างเติ่งติดดอยอยู่จนทุกวันนี้
สำหรับราคาที่ดินนั้นหากโครงการได้ดำเนินการจริง การปรับตัวของราคาที่ดินขึ้นอยู่กับ ฐานราคาที่ดินในปัจจุบัน ถ้าปัจจุบันราคาที่ดินยังต่ำอยู่ เช่นไร่ละหลักแสน หรือ 1-2 ล้านบาท ก็จะมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้มาก แต่ทั้งนี้การปรับเพิ่มก็มีเพดานตามศักยภาพในการใช้สอยดังนั้น ขึ้นอยู่กับศักยภาพการใช้ประโยชน์ในอนาคต ขึ้นอยู่กับแผนงานในการพัฒนาพื้นที่โดยรอบของภาครัฐ เช่น การพัฒนาพื้นที่จุดขนถ่ายสินค้า การพัฒนาด้านพาณิชยกรรม ด้านที่อยู่อาศัย เป็นต้น แต่หากไม่มีแผนงานใด ก็จะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยภาคเอกชน
ส่วนอสังหาริมทรัพย์ที่จะเกิดใหม่ตามแนวสายทางรถไฟทางคู่นั้น ในอนาคตจะมีอาคารโกดังขนถ่ายสินค้า ศูนย์กระจายสินค้ามากขึ้น รวมถึงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมตามเมืองสำคัญต่างๆ หรือความต้องการด้านที่พักอาศัย ทั้งโรงแรม อพาร์ตเมนต์ ร้านค้าอาคารพาณิชย์ จากความจำเป็นของคนทำงานในแหล่งงานต่างๆ ส่วนตลาดบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ขึ้นอยู่กับสภาพความเจริญของชุมชนในปัจจุบัน และกำลังซื้อของคนในพื้นที่นั้นๆ Last edited by Wisarut on 03/09/2014 10:34 pm; edited 2 times in total
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 45022
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 27/08/2014 8:31 pm Post subject:
ศึกษารถไฟความเร็วสูง2เส้นทาง เน้นเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน
เดลินิวส์ วันพุธ 27 สิงหาคม 2557 เวลา 19:28 น.
สนข.เร่งศึกษารถไฟความเร็วสูง-เปลี่ยนรางเป็นรางมาตรฐานรับลูกนโยบายคสช.พร้อมปรับปรุงทางรถไฟสายเก่าอีก 6 เส้นทางใช้งบกว่า 3.8 แสนล้านบาทเริ่มปี 2563
นายชัยวัตน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)กล่าวในการสัมมนา"การสร้างรถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐานความเร็ว 180กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อรองรับระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูง" ว่าได้จัดฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการเพื่อพัฒนาระบบรางคู่ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่กำหนดให้เป็นนโยบายเร่งด่วน ในการพัฒนาระบบรางรถไฟสายทางเดิมขนาดราง1 เมตรซึ่งมีทั้งหมด 6โครงการได้แก่
1.ชุมทางจิระ-ขอนแก่น
2.ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร
3.นครปฐม-หัวหิน
4.มาบกะเบา-นครราชสีมา
5.ลพบุรี-ปากน้ำโพ
6.หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 887กิโลเมตร
งบประมาณ 127.47แสนล้านบาทคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ประมาณพ.ศ.2563 เพื่อแก้ปัญหาความคับคั่งของการเดินทางรองการขนสินค้า และรถไฟท้องถิ่นอย่างไรก็ตามสนข.ยังมีโครงการเร่งด่วนที่จะพัฒนาระบบทางขนาดรางเดิมให้เป็นทางมาตรฐาน1.435เมตรขับเคลื่อนด้วยระบบพลังงานไฟฟ้าความเร็ว180กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือโครงการรถไฟความเร็วสูงใน2เส้นทาง คือ
1.หนองคาย-โคราช-สระบุรี-แหลมฉบัง-มาบตาพุดระยะทาง 737กิโลเมตร(กม.)วงเงิน392,570ล้านบาทเน้นขนถ่ายสินค้าซึ่งเชื่อมกับศูนย์กลางขนส่งสินค้าทางเรือที่มาบตาพุด
2.เชียงของ-เด่นชัย-บ้านภาชีระยะทาง 655กม.วงเงิน348,800ล้านบาท ซึ่งเน้นเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านคาดว่าจะใช้เวลาในการศึกษาตั้งแต่ปี2558-2564
ทั้งนี้สนข.จะเริ่มศึกษาความเป็นไปได้และผลกระทบสิ่งแวดล้อมประมาณเดือนพฤศจิกายน2557คาดว่าจะใช้เวลาในการศึกษา1ปีทั้งนี้หากศึกษาเรียบร้อยแล้วจะต้องนำผลการศึกษาเสนอต่อสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาและนำเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อขออนุมัติงบประมาณโดยงบประมาณในการศึกษาทั้ง2เส้นทางประมาณ350ล้านบาทคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ประมาณปลายปี 2558 นอกจากนี้ยังมีโครงการระยะที่2ที่จะพัฒนาให้เป็นทางรถไฟให้เป็นระบบรางคู่ใน 3เส้นทางได้แก่ภาคอีสานตอนบนอีสานตอนล่าง และภาคใต้ อย่างไรก็ตามสนข.เคยทำการศึกษาระบบรถไฟความเร็วสูงความเร็วเฉลี่ย300กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่เมื่อมีการปรับเปลี่ยนเป็นเป็นระบบรางคู่ความเร็ว180กม.ต่อชั่วโมงซึ่งขนาดความเร็วดังกล่าวจะสามารถรองรับได้ทั้งการขนถ่ายสินค้าและประชาชนทั้งนี้ในการเปลี่ยนจากระบบรถไฟไฮสปีดเป็นระบบรางคู่นั้นจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมจากของเดิม
ด้านนายชาญชัย กล่าวว่า สำหรับการปรับเปลี่ยนระบบรางรถไฟเป็นระบบมาตรฐานจะสามารถรองรับระบบรถไฟความเร็วสูงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้เพราะในเบื้องต้นได้มีการออกแบบเพื่อรองรับระบบทางโค้งรัศมีทางโครง ความลาดชันไว้แล้วส่วนการยกระดับในทางโค้งจะแยกระบบหมอนเพื่อความปลอดภัย รวมทั้งน้ำหนักเพลาซึ่งมีความใกล้เคียงกันดังนั้นหากมีรถไฟฟ้าความเร็วสูงคาดว่าจะไม่มีปัญหา โดยในวันนี้ได้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เชียวชาญจากต่างประเทศเพื่อศึกษาความเหมาะสมทั้งนี้สำหรับการออกแบบโครงสร้างรถไฟความเร็งสูงจะต้องวิเคราะห์ผลของน้ำหนักรถบรรทุกแบบสถิติเปรียบเทียบกับรถบรรทุกแบบการเคลื่อนที่เพื่อหาค่าที่สมดุลกัน ส่วนการออกแบบรถไฟรางคู่จะดูค่าที่น้ำหนักเพลาที่ 20ตันซึ่งคิดเป็นร้อยละ80ของน้ำหนักรถบรรทุกจึงจะสามารถวิ่งบนโครงสร้างที่ออกแบบไว้สำหรับรถไฟความเร็วสูงได้อย่างปลอดภัย.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42813
Location: NECTEC
Posted: 27/08/2014 3:12 pm Post subject:
คมนาคมระดมความเห็นพัฒนารถไฟทางคู่ รองรับรถไฟความเร็วสูง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 สิงหาคม 2557 13:56 น.
สนข.เตรียมจ้างศึกษาปรับไฮสปีดเป็นทางคู่ เผยจีนยังสนใจเจรจาลงทุนตามข้อตกลงเดิม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 สิงหาคม 2557 15:00 น.
สนข.ระดมความเห็นปรับการศึกษารถไฟความเร็วสูง 250 กม./ชม.เป็นรถไฟทางคู่ ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตรความเร็ว 180 กม./ชม.เตรียมจ้างที่ปรึกษาเดินหน้ารถไฟทางคู่ 2 สายใหม่วงเงิน 350 ล. ในต.ค.นี้ พร้อมรูปแบบลงทุนที่เหมาะสม เผยจีนยังสนใจสานต่อข้อตกลงเดิมเสนอลงทุนความเร็วสูงซึ่งต้องอยู่ที่นโยบาย
นายชาญชัย สุวิสุทธะกุล รองปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนาวิชาการ เรื่อง การพัฒนารถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน Standard Gauge ความเร็ว 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รองรับระบบรถไฟความเร็วสูงในอนาคต" วานนี้ (27 ส.ค.) ว่า เบื้องต้นการออกแบบแนวเส้นทางและงานโยธาการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเดิมมีการเผื่อรัศมีโค้งและความลาดชันไว้แล้ว ส่วนระบบอาณัติสัญญาณและการบำรุงรักษาเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งมาประกอบ ทั้งด้านการคาดการณ์ปริมาณการขนส่งทางรางของประเทศไทย ด้านโครงสร้างทางรถไฟ Conventional standards railและด้านการพัฒนาเป็นระบบรถไฟความเร็วสูงในประเทศไทย ซึ่งมีหลายประเทศสามารถพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ให้รองรับระบบรถไฟความเร็วสูงได้เช่นในยุโรปและเกาหลีใต้
ทั้งนี้ระบบรางของไทยมุ่งเน้นขนส่งทั้งคนและสินค้าซึ่งแผนระยะเร่งด่วนในการพัฒนารถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐานแนวทางใหม่ ประกอบด้วย เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-สระบุรี-แหลมฉบัง-มาบตาพุด ระยะทาง 737 กิโลเมตร วงเงิน 392,570 ล้านบาท และเส้นทางเชียงของ-เด่นชัย-บ้านภาชี ระยะทาง 655 กิโลเมตร วงเงิน 348,890 ล้านบาท ดำเนินงานปี 58-64 ซึ่งทั้ง2เส้นทางสามารถเชื่อมโยงการเดินทางจากประเทศเพื่อนบ้านและจากจีนตอนใต้สอดคล้องกับแผนการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงของจีนมายัง สปป.ลาว และในอนาคตประเทศไทยจะมีการพัฒนารถไฟทางคู่ไปยังปาดังเบซาร์ และจะเชื่อมโยงกับเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก หรือ East-West Economic Corridor
ด้านนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า การปรับรูปแบบการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงความเร็ว 250 กม.ต่อชม. มาเป็นการพัฒนารถไฟทางคู่รางมาตรฐานความเร็ว 180 กม.ต่อชม.จะประหยัดงบประมาณลงส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะค่าตัวรถที่ต่างกัน และจะทบทวนในเรื่องเทคนิค ตัวรางซึ่งเบื้องต้นไม่มีปัญหา โดยสนข.อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในโครงการศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพ-เชียงใหม่ ระยะที่ 2 ช่วง พิษณุโลก-เชียงใหม่ เป็นครั้งที่ 2 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวมาประกอบการจัดทำโครงการรถไฟทางคู่รางมาตรฐาน ใน 2 เส้นทางทางใหม่ ซึ่งภายใน 2 เดือนนี้สนข.จะว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาในด้านความคุ้มค่าการลงทุนทั้งด้านเศรษฐกิจ การเงิน ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และรูปแบบการลงทุน วงเงินรวม 350 ล้านบาทใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 ปี
โดยรูปแบบการลงทุนนั้นต้องนำการตั้งกรมการขนส่งทางรางมาร่วมพิจารณาด้วยซึ่งตามแผนกรมรางจะเป็นผู้รับผิดชอบงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยอาจจะใช้ได้ทั้งงบประมาณ เงินกู้ หรือเงินจากกองทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนการเดินรถจะเป็นการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และบริษัทเอกชนก็ได้ส่วนข้อตกลงความร่วมมือกับจีนเดิมที่สนใจจะเข้ามาลงทุนรถไฟความเร็วสูงในเส้นทางหนองคาย-โคราช ซึ่งจะเชื่อมกับรถไฟจากจีนผ่านมาทางเวียงจันทน์ สปป.ลาว นั้น อยู่ที่ระดับนโยบาย ซึ่งล่าสุดทูตพาณิชย์จีนได้เข้าพบนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมเพื่อหารือถึงความร่วมมือเดิมแล้ว
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42813
Location: NECTEC
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 45022
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 14/08/2014 3:14 pm Post subject:
รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-เชียงใหม่ ระยะที่ 1 สัมมนา 2
Daoreuk Studio 14 Aug 2014
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 45022
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 45022
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 31/07/2014 2:46 pm Post subject:
ต่อรางเร็วสูงถึงปาดังเบซาร์ เชื่อมรถไฟจีน-มาเลย์
วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 13:59 น. ข่าวสดออนไลน์
เล็งขยายเพิ่มสร้างรางรถไฟฟ้ามาตรฐาน หรือไฮสปีดเทรนเดิม จาก 2 สายเหนือ-อีสาน มีจุดศูนย์กลางที่บ้านภาชี กรุงเก่า ต่อยาวไปถึงปาดังเบซาร์ รองรับการเชื่อมต่อรถไฟเร็วสูงจากจีน-ลาว ผ่านไทยไปมาเลย์-อินโดฯ คมนาคมชงเสนอ 5 แนวทางหาเงินลงทุน
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวแผนยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของไทยระหว่างปี 2558-2565 ที่ได้รับอนุมัติขยายรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง เพื่อเชื่อมต่อกับโครงข่ายทางรถไฟเดิมของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะก่อสร้างเป็นรางขนาดความกว้าง 1 เมตรตามระบบทางรถไฟเดิม
"การขยายทางคู่ 6 เส้นทางนี้จะเป็นโครงการสุดท้ายที่จะสร้างเป็นรางรถไฟ ขนาดความกว้าง 1 เมตร หลังจากนี้จะเน้นการก่อสร้างและขยายเส้นทางรถไฟขนาดรางมาตรฐาน เป็นหลัก 1.435 เมตร เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านจากจีนผ่านลาว ไทย ไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ ซึ่งแต่ละประเทศเตรียมแผนรองรับไว้หมดแล้ว" นางสร้อยทิพย์ กล่าว
ปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวอีกว่า ในอนาคตจะก่อสร้างเป็นรางขนาดความกว้างมาตรฐาน 1.435 เมตร หรือรางที่รองรับไฮสปีดเทรนขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า โดยนำร่องก่อสร้าง 2 โครงการแรกคือ สายหนองคาย-โคราช-สระบุรี-แหลมฉบัง-มาบตาพุด และสายเชียงของ-เด่นชัย-บ้านภาชี มีจุดศูนย์รวมที่สถานีบ้านภาชีที่จะเชื่อมทั้ง 2 เส้นทาง แผนระยะต่อไปจะขยายการก่อสร้างรางต่อเชื่อมจาก ชุมทางบ้านภาชีไปยังปาดังเบซาร์ด้วย
นางสร้อยทิพย์กล่าวอีก ว่า ในส่วนของรถไฟทางมาตรฐานที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าหรือรถไฟความเร็วสูงเดิม นั้นได้ปรับลดการลงทุนลง ในขณะที่การออกแบบก่อสร้างรางนั้นจะรองรับได้ที่ความเร็ว 250-300 ก.ม./ชั่วโมง แต่ในช่วงแรกจะวิ่งที่ความเร็ว 160 ก.ม./ชั่วโมง 2 เส้นทางแรกที่อนุมัติจะเน้นเชื่อมต่อเพื่อการขนส่งสินค้าจากประเทศจีนเป็น หลัก และสามารถขนส่งผู้โดยสารด้วย
นางสร้อยทิพย์กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูล โดยเฉพาะแผนเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการภายในปี 2557-2558 เพื่อกำหนดแหล่งเงินที่ชัดเจนของแต่ละโครงการ โดยส่วนที่มีงบประมาณก็เดินหน้าต่อได้
ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวอีกว่า ส่วนที่ยังไม่มีเงินลงทุนจะพิจารณาจัดหาแหล่งทุนที่เหมาะสมมาจาก 5 แหล่ง คือ 1.เงินงบประมาณ 2.รายได้จากรัฐวิสาหกิจ เงินกู้ตามพ.ร.บ.หนี้สาธารณะ 3.จากการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชนตามพ.ร.บ.ร่วมลงทุน (พีพีพี) และ 5.แหล่งอื่นๆ เช่น กองทุนอินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ เป็นต้น
คาด ว่าในเร็วๆ นี้จะประชุมร่วมกับพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เพื่อกำหนดรายละเอียดของแหล่งเงินแต่ละโครงการ โดยเน้นโครง การเร่งด่วนปี 2557-2558 จะเป็นโครงข่ายเชื่อมโยงประตูการค้า เมืองหลัก กทม. และปริมณฑล ทั้งทางรถไฟ ทางถนน ท่าเรือและสนามบิน
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42813
Location: NECTEC
Posted: 29/07/2014 6:11 pm Post subject:
ทุนจีนรุกหนักขอเทิร์นคีย์ 'รถไฟทางคู่-ไฮสปีดเทรน'
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ-คมนาคม
ออนไลน์เมื่อ วันศุกร์ที่ 25 กรกฏาคม 2014 เวลา 13:32 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,969 วันที่ 27 - 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
นายพีฬะ ห่านประเสริฐ ที่ปรึกษาด้านการลงทุน บริษัท RONGXIN POWER ENGINEERING จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาโครงการลงทุนระบบรางของบริษัท ไชน่าเรลเวย์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(CRCC) ที่ดำเนินการสร้างทางรถไฟให้แก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) และบริษัท ไชน่าเรลเวย์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด(CREC) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าได้นำคณะผู้บริหารของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและเดินรถไฟตลอดจนสถาบันการเงินชั้นนำของสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าพบนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมเพื่อนำเสนอแผนการลงทุนก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูงให้กับกระทรวงคมนาคมที่รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างเร่งผลักดันอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้จีนสนใจโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5-6 เส้นทางและไฮสปีดเทรน 4 เส้นทาง ซึ่งจีนพร้อมลงทุนในรูปแบบเทิร์นคีย์ โดยรัฐบาลไทยเพียงแค่เตรียมเงินจำนวนประมาณ 3 แสนล้านบาทเพื่อค้ำประกันให้แก่จีนเท่านั้น ประการสำคัญงบประมาณดังกล่าวกลุ่มสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของจีนอย่างธนาคารไอซีบีซี(ICBC) ยังพร้อมให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษและให้จัดเก็บเงินไว้ในประเทศไทยอีกด้วย ส่วนที่เหลือทั้งหมดจีนพร้อมดำเนินการให้ทันที
"ปลัดกระทรวงคมนาคมยังเสนอแนะให้มีการหารือร่วมกับพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ.ในฐานะรองหัวหน้าคสช. และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ และกระทรวงการคลังตลอดจนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอีกด้วย สำหรับเงื่อนไขการใช้คืนแก่จีนนั้นมีหลายรูปแบบนอกจากการใช้เป็นงบประมาณ เช่น อาจเลือกส่วนหนึ่งใช้คืนในรูปแบบบาร์เตอร์เทรดสินค้าเกษตรกรรม เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ฯลฯ สำหรับกระบวนการปฏิบัตินั้นจีนพร้อมดำเนินการตามกฎหมายของไทยทุกประการ"
นายพีฬะกล่าวอีกว่าภายในสัปดาห์หน้าจะนำข้อเสนอเข้าหารือร่วมกับพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เพื่อพิจารณา เนื่องจากปัจจุบันมีนักลงทุนจีนเข้ามาดำเนินการก่อสร้างโครงการต่างๆในประเทศไทยจำนวนมาก ในรูปแบบการร่วมทุนกับผู้รับเหมาของไทยประมูลโครงการใหญ่ๆของการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) อีกทั้งยังวางเครือข่ายเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ตลอดจนโครงข่ายด้านอื่นไว้โดยรอบประเทศไทย อาทิ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) พร้อมกันนี้ยังมีแหล่งทุนจากจีนไปซื้อที่ดินราว 1,000 ไร่ที่จังหวัดขอนแก่นเพื่อผลิตสินค้าและกองเก็บสินค้าประเภทต่างๆป้อนให้กับประเทศไทยรวมทั้งกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านของไทยรองรับไว้แล้ว
ด้านนายชาวี ชลิตวงศ์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็กซ์เครน แมชชินเนอรี่ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถเครนยี่ห้อ SANY จากจีนในตลาดประเทศไทย ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างธุรกิจของจีนและไทย กล่าวว่า ช่วงปี 2556 จนถึงครึ่งปีแรก 2557 บริษัทได้นำเข้ารถเครนเข้ามาจำหน่ายแล้วกว่า 300 คัน โดยกระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับพื้นที่ส่วนกลางนั้นกว่า 100 คันได้ถูกนำไปใช้ก่อสร้างโครงการสถานีกลางบางซื่อของรถไฟฟ้าสายสีแดงอยู่ในขณะนี้
Back to top