RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311313
ทั่วไป:13280920
ทั้งหมด:13592233
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ขึ้นรถไฟไปตะลอนถ่ายรูปอยุธยากรุงเก่า และสิ่งดีๆที่ได้จาก รฟท
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ขึ้นรถไฟไปตะลอนถ่ายรูปอยุธยากรุงเก่า และสิ่งดีๆที่ได้จาก รฟท
Goto page Previous  1, 2, 3, 4, 5  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ทริปตะลอนทัวร์สไตล์รถไฟไทยดอทคอม
View previous topic :: View next topic  
Author Message
helldiver
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 03/09/2010
Posts: 67

PostPosted: 06/09/2010 2:12 pm    Post subject: Reply with quote

เรามาเริ่มต้นกันด้วยวัด พระศรีสรรเพชญ์และพระบรมหาราชวังครับ ก่อนที่เราจะมีราชธานีเป็น กรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าอมรของ คนเมืองหลวงในปัจจุบัน และ มี วัด พระแก้วเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่ครั้งสร้างกรุงนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระปฐมบรมราชจักรีวงศ์ทรงดำริตั้งแต่เถลิงถวัลย์เป็นปฐมกษัตริย์แล้วว่าจัก สร้างพระราชวังในเมืองใหม่ พร้อมวัดให้คล้ายกับวัดและวังเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี

หาก ใครเห็นภาพของกรุงเก่า แล้วมองเห็นแต่ซากปรักหักพังจนแทบจะนึกภาพไม่ออก ให้ลองนึกภาพวัดพระแก้วในพระบรมมหาราชวังดู ก็จะเห็นเค้าได้บ้าง เนื่องจากรัชกาลที่ 1 นั้น แต่เดิมท่านเป็นคนอยุธยา อีกทั้งยังรับราชการในช่วงปลายกรุงเก่า พระองค์จึงมีภาพของพระราชวังเก่าและวัดพระศรีสรรเพชรญ์ที่อยู่ในวังอย่าง แจ่มชัด ดังนั้น วัด พระศรีรัตนศาสดาราม จึงมีส่วนละม้าย วัด พระศรีสรรเพชรญ์ ค่อนข้างมาก รวมทั้งกฏกติกาบางอย่าง เช่นการมิให้มีพระสงฆ์จำวัด อย่างที่เคยเป็นก็ถูกนำมาใช้ในราชวงศ์จักรีด้วย

Click on the image for full size


Click on the image for full size

Click on the image for full size

Click on the image for full size


Last edited by helldiver on 06/09/2010 2:16 pm; edited 2 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
helldiver
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 03/09/2010
Posts: 67

PostPosted: 06/09/2010 2:14 pm    Post subject: Reply with quote

ราชธานีเก่า งามล้ำ
เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ สมอ้าง
เลิศล้ำกานต์กวี ศรีปราชญ์ นาแม่
อยุทธยาไซร้ ไม่สิ้น คนดี

Click on the image for full size

Click on the image for full size

ภายในพระบรมหาราชวังครับ
Back to top
View user's profile Send private message
helldiver
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 03/09/2010
Posts: 67

PostPosted: 06/09/2010 2:18 pm    Post subject: Reply with quote

ต่อกันด้วยวิหารพระมงคลบพิตร ครับ ถือว่าเป็นวัดที่ยังมีชีวิตอยู่

วิหารพระมงคลบพิตร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาตั้งอยู่ทางด้าน ใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ พระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปบุสัมฤทธิ์องค์ใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทย เดิมอยู่ทางทิศตะวันออกนอกพระราชวังสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดฯให้ย้ายมาไว้ ด้านตะวันตกที่ซึ่งประดิษฐานอยู่ในปัจจุบันและโปรดฯให้ก่อมณฑปสวมไว้

ครั้นถึงแผ่นดินของสมเด็จพระเจ้าเสือ ยอดมณฑปเกิดไฟไหม้เพราะเกิดอสนียบาตทำให้ส่วนบนขององค์พระมงคลบพิตรเสียหาย จึงโปรดให้ก่อสร้างใหม่ แปลงเป็นพระวิหารแทน เมื่อเสียกรุงครั้งที่ 2 วิหารพระมงคลบพิตรได้ถูกไฟไหม้ พระวิหารและองค์พระพุทธรูปได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่ ฝีมือไม่งดงามอ่อนช้อยเหมือนเก่า

บริเวณข้างวิหารพระมงคลบพิตรทางด้านทิศะวันออกเดิมเป็นสนามหลวง ใช้เป็นที่สำหรับสร้างพระเมรุพระบรมศพของพระมหากษัตริย์และเจ้านายเช่นเดียว กับท้องสนามหลวงของกรุงเทพฯ

Click on the image for full size

Click on the image for full size

Click on the image for full size

และอนุสาวรีย์ ของสมเด็จพระเจ้าอู่ทองครับ

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
helldiver
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 03/09/2010
Posts: 67

PostPosted: 06/09/2010 2:25 pm    Post subject: Reply with quote

มาต่อกันที่วัดพระรามครับ วัดนี้มีบึงขนาดใหญ่อยู่หน้าวัดเดิเรียกว่า “หนองโสน” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “บึงพระราม” อยู่นอกเขตพระราชวังไปทางด้านทิศตะวันออก สมเด็จพระราเมศวรทรงสร้างขึ้นตรงที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าอู่ ทองพระราชบิดา ปัจจุบันคือ “สวนสาธารณะบึงพระราม” ซึ่งใช้เป็นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจของชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนอีกด้วย

Click on the image for full size

Click on the image for full size

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
helldiver
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 03/09/2010
Posts: 67

PostPosted: 06/09/2010 2:26 pm    Post subject: Reply with quote

Click on the image for full size

Click on the image for full size

Click on the image for full size

อยุธยายศ ยิ่งแพร้ว เทียมฟ้า
เกียรติ์ก้องทั่วโลกา ต่างแคว้น
งามลำดั่งเมืองแมน ภิรมย์ นคร
บัดนี้พินาศสิ้น เพราะไทย อ่อนแอ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42783
Location: NECTEC

PostPosted: 06/09/2010 2:26 pm    Post subject: Reply with quote

helldiver wrote:
วิหารพระมงคลบพิตรได้ถูกไฟไหม้ พระวิหารและองค์พระพุทธรูปได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่ ฝีมือไม่งดงามอ่อนช้อยเหมือนเก่า


ก็การบูรณะ วิหารมงคลบพิตร นั้นทำเมื่อปี 2499 คราวที่นายกรัฐมนตรี อูนุ มาเยื่อนเมืองไทย โดยอูนุเป็นออกเงินให้ ทำให้ชาวกรุงเก่าพากันแช่งชักหักกระดูกไปตามๆกันว่า อูนุ เป็นอ้ายพม่ารุ่น 2 ที่มาย่ำยีกรุงเก่าจนถึงทุกวันนี้นะครับ
Back to top
View user's profile Send private message
helldiver
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 03/09/2010
Posts: 67

PostPosted: 06/09/2010 2:28 pm    Post subject: Reply with quote

Click on the image for full size

รถตุ๊กๆ ที่อยุธยาครับ

จากวัดพระราม ผมเดินไปวัดธรรมิการาช

วัดธรรมิกราช ตั้งอยู่ด้านหน้าพระราชวังหลวง ในพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระยาธรรมิกราชโอรสของพระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง จึงสันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นก่อนที่จะสถาปนากรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดมุขราช ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตามผู้สร้างเป็นวัดธรรมิกราช ปัจจุบันมีโบราณสถานที่สำคัญ คือ วิหารหลวง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดศิลปะอู่ทอง ปัจจุบันพระพุทธรูปนี้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา นอกจากนี้ยังมีเจดีย์ทรงระฆังค่ำ วิหารพระพุทธไสยาสน์เป็นศิลปกรรมสมัยอยุธยา ราวพุทธศตวรรษที่ 20-23 และพระอุโบสถสมัยรัตนโกสินทร์


ความโดดเด่นเมื่อแรกเห็นวัดนี้ คือ เจดีย์ทรงกลมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ คือมีปูนปั้นรูปสิงห์ล้อมรอบไว้อย่างงามสง่าและหาชมได้ยากในเมืองไทย ในอยุธยามีประติมากรรมสิงห์ปูนปั้นอีกแห่งหนึ่งที่วัดแม่นางปลื้มตั้งอยู่ ริมคลองเมือง (แม่น้ำลพบุรีเดิม) ตรงข้ามกับตลาดหัวรอ ในตำบลหัวรอ เพราะโดยทั่วไปอย่างสุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร ก็มีแต่วัดช้างล้อมในกรุงศรีอยุธยาก็มีเจดีย์ช้างล้อม ที่วัดมเหยงค์ และวัดแม่นางปลื้ม (ที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นศิลปะล้านนาที่ได้รับอิทธิพลจากพม่า ก็มีหลายวัดที่มีรูปสิงห์เฝ้าเจดีย์ทว่าส่วนใหญ่ปั้นไว้ 4 ตัว สำหรับ 4 ทิศ) แต่วัดธรรมิกราชมีสิงห์ล้อมรอบนับได้ 20 ตัว ซึ่งแม้จะหักพังไปตามกาลเวลาอันเนิ่นนานมาถึง 900 ปี แต่ก็ยังหลงเหลือที่สมบูรณ์อีกหลายตัว


นักประวัติศาสตร์ลงความเห็นว่า กรุงศรีอยุธยาได้รับอิทธพลทางศิลปะการปั้นตัวสิงห์มาจากจีนและขอม ซึ่งกำลังเกรียงไกรอยู่ในเวลานั้น (ราว พ.ศ. 1600) ตามคติความเชื่อของจีนและขอมนั้น สิงห์หรือสิงโตเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังอำนาจ และในตำนานของศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู (ซึ่งขอมนับถืออยู่ในขณะนั้น) เล่าว่าพระนารายณ์หรือวิษณุหนึ่งในเทพชั้นสูงของฮินดู เคยอวตารเป็นสิงห์ ขณะเดียวกันตามลัทธิเทวราชาซึ่งไทยรับมาจากขอม ก็เชื่อว่าพระมหากษัตริย์คือเทพวิษณุลงมาจุติบนโลกมนุษย์ จึงปรากฏว่าไทยเราใช้ตราครุฑเป็นสัญลักษณ์ของ"ข้าราชการ" (ผู้รับใช้พระราชา) มาจวบจนถึงปัจจุบัน ก็เพราะครุฑเป็นสัตว์พาหนะของพระวิษณุหรือพระนารายณ์

วัดธรรมิกราชมีวิหารขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นวิหารหลวง โดยโครงสร้างของวิหารไม่ได้มีโครงเหล็กเป็นรากฐาน แต่มีความมั่นคงแข็งแรงมาก เพราะใช้ปูนเปลือกหอยและประสานด้วยน้ำตาลอ้อย เคยเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ แต่ถูกพม่าเผาทำลายเหลือเพียงพระเศียร ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา พระพุทธรูปสำริดองค์นี้ยังถือเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะอู่ทอง หรือศิลปะยุคก่อนกรุงศรีอยุธยา คือพระพักตร์เป็นสี่เหลี่ยม แลดูเคร่งเครียด พระพักตร์ถมึงทึง จนชาวบ้านเรียกกันทั่วไปว่า "หลวงพ่อแก่"

Click on the image for full size

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
helldiver
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 03/09/2010
Posts: 67

PostPosted: 06/09/2010 2:30 pm    Post subject: Reply with quote

ยังอยู่กันที่วัดธรรมิการาชครับ

Click on the image for full size

Click on the image for full size

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
helldiver
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 03/09/2010
Posts: 67

PostPosted: 06/09/2010 2:32 pm    Post subject: Reply with quote

เดินต่อมาจนถึงวัดมหาธาตุ ครับ

วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีลักษณะสถาปัตยกรรมของพระมหาธาตุ(ปรางค์) เป็นแบบแรกของสมัยอยุธยา ซึ่งมีอิทธิพลของขอมปนมาก ชั้นล่างก่อสร้างด้วยศิลาแลง แต่ที่เสริมใหม่ปัจจุบันเป็นอิฐปูน สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ได้ปฏิสังขรณ์พระปรางค์ใหม่โดยเสริมให้สูงกว่าเดิม วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่ตรงหน้าพระราชวังด้านทิศตะวันออกเชิงสะพานป่าถ่าน สร้างในสมัยของสมเด็จพระราเมศวร เมื่อ พ.ศ.1927

แต่ขณะนี้ยอดพังลงมาเหลือเพียงชั้นมุขเท่านั้น เมื่อพ.ศ. 2499 กรมศิลปากรได้ขุดแต่งพระปรางค์แห่งนี้ ได้ของโบราณหลายชิ้น ที่สำคัญคือผอบศิลา ภายในมีสถูป 7 ชั้น แบ่งออกเป็น ชินเงิน นาก ไม้ดำ ไม้จันทร์แดง แก้วโกเมนและทองคำ ชั้นในบรรจุพระบรมสาริกธาตุและเครื่องประดับอันมีค่า

Click on the image for full size

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
helldiver
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 03/09/2010
Posts: 67

PostPosted: 06/09/2010 2:35 pm    Post subject: Reply with quote

เดินมาฝั่งตรงข้าม เข้ามาที่วัดราชบูรณะ ครับ

วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะอยู่เชิงสะพานป่าถ่าน ตรงข้ามกับวัดมหาธาตุ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 1967 ณ ที่ซึ่งใช้ถวายพระเพลิงเจ้าอ้ายกับเจ้ายี่ ซึ่งทั้งสองชนช้างกันจนถึงแก่พิราลัย และโปรดให้ก่อเจดีย์ 2 องค์ สวมทับบริเวณที่ชนช้างแห่งนั้น

ปัจจุบันเหลือเพียงฐานอยู่กลางวงเวียนหน้าวัดซากที่เหลืออยู่แสดงว่าวิหาร และส่วนต่างๆของวัดนี้ใหญ่โตมาก พระปรางค์ที่เหลืออยู่เป็นศิลปะอยุธยาสมัยที่ 1 ซึ่งนิยมตามแบบขอมที่ให้พระปรางค์เป็นประธานของวัด คราวเสียกรุง วัดนี้ถูกเผาเสียหายหมด แม้พระปรางค์ใหญ่จะยังคงเหลืออยู่แต่ได้ถูกคนร้ายลักขุดของมีค่าในกรุไปส่วน หนึ่ง

จนกระทั่งกรมศิลปากรได้ขุดกรุเอาโบราณวัตถุที่มีค่าไปรักษาไว้ใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา ซึ่งสร้างโดยเงินบริจาคจากการนำพระพิมพ์ขนาดเล็กที่ได้จากกรุนี้ไปเป็นของ ชำร่วย เมื่อปี พ.ศ. 2500

Click on the image for full size

Click on the image for full size

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ทริปตะลอนทัวร์สไตล์รถไฟไทยดอทคอม All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3, 4, 5  Next
Page 2 of 5

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©