View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
helldiver
3rd Class Pass
Joined: 03/09/2010 Posts: 67
|
Posted: 06/09/2010 2:12 pm Post subject: |
|
|
เรามาเริ่มต้นกันด้วยวัด พระศรีสรรเพชญ์และพระบรมหาราชวังครับ ก่อนที่เราจะมีราชธานีเป็น กรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าอมรของ คนเมืองหลวงในปัจจุบัน และ มี วัด พระแก้วเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่ครั้งสร้างกรุงนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระปฐมบรมราชจักรีวงศ์ทรงดำริตั้งแต่เถลิงถวัลย์เป็นปฐมกษัตริย์แล้วว่าจัก สร้างพระราชวังในเมืองใหม่ พร้อมวัดให้คล้ายกับวัดและวังเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
หาก ใครเห็นภาพของกรุงเก่า แล้วมองเห็นแต่ซากปรักหักพังจนแทบจะนึกภาพไม่ออก ให้ลองนึกภาพวัดพระแก้วในพระบรมมหาราชวังดู ก็จะเห็นเค้าได้บ้าง เนื่องจากรัชกาลที่ 1 นั้น แต่เดิมท่านเป็นคนอยุธยา อีกทั้งยังรับราชการในช่วงปลายกรุงเก่า พระองค์จึงมีภาพของพระราชวังเก่าและวัดพระศรีสรรเพชรญ์ที่อยู่ในวังอย่าง แจ่มชัด ดังนั้น วัด พระศรีรัตนศาสดาราม จึงมีส่วนละม้าย วัด พระศรีสรรเพชรญ์ ค่อนข้างมาก รวมทั้งกฏกติกาบางอย่าง เช่นการมิให้มีพระสงฆ์จำวัด อย่างที่เคยเป็นก็ถูกนำมาใช้ในราชวงศ์จักรีด้วย
Last edited by helldiver on 06/09/2010 2:16 pm; edited 2 times in total |
|
Back to top |
|
|
helldiver
3rd Class Pass
Joined: 03/09/2010 Posts: 67
|
Posted: 06/09/2010 2:14 pm Post subject: |
|
|
ราชธานีเก่า งามล้ำ
เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ สมอ้าง
เลิศล้ำกานต์กวี ศรีปราชญ์ นาแม่
อยุทธยาไซร้ ไม่สิ้น คนดี
ภายในพระบรมหาราชวังครับ |
|
Back to top |
|
|
helldiver
3rd Class Pass
Joined: 03/09/2010 Posts: 67
|
Posted: 06/09/2010 2:18 pm Post subject: |
|
|
ต่อกันด้วยวิหารพระมงคลบพิตร ครับ ถือว่าเป็นวัดที่ยังมีชีวิตอยู่
วิหารพระมงคลบพิตร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาตั้งอยู่ทางด้าน ใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ พระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปบุสัมฤทธิ์องค์ใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทย เดิมอยู่ทางทิศตะวันออกนอกพระราชวังสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดฯให้ย้ายมาไว้ ด้านตะวันตกที่ซึ่งประดิษฐานอยู่ในปัจจุบันและโปรดฯให้ก่อมณฑปสวมไว้
ครั้นถึงแผ่นดินของสมเด็จพระเจ้าเสือ ยอดมณฑปเกิดไฟไหม้เพราะเกิดอสนียบาตทำให้ส่วนบนขององค์พระมงคลบพิตรเสียหาย จึงโปรดให้ก่อสร้างใหม่ แปลงเป็นพระวิหารแทน เมื่อเสียกรุงครั้งที่ 2 วิหารพระมงคลบพิตรได้ถูกไฟไหม้ พระวิหารและองค์พระพุทธรูปได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่ ฝีมือไม่งดงามอ่อนช้อยเหมือนเก่า
บริเวณข้างวิหารพระมงคลบพิตรทางด้านทิศะวันออกเดิมเป็นสนามหลวง ใช้เป็นที่สำหรับสร้างพระเมรุพระบรมศพของพระมหากษัตริย์และเจ้านายเช่นเดียว กับท้องสนามหลวงของกรุงเทพฯ
และอนุสาวรีย์ ของสมเด็จพระเจ้าอู่ทองครับ
|
|
Back to top |
|
|
helldiver
3rd Class Pass
Joined: 03/09/2010 Posts: 67
|
Posted: 06/09/2010 2:25 pm Post subject: |
|
|
มาต่อกันที่วัดพระรามครับ วัดนี้มีบึงขนาดใหญ่อยู่หน้าวัดเดิเรียกว่า “หนองโสน” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “บึงพระราม” อยู่นอกเขตพระราชวังไปทางด้านทิศตะวันออก สมเด็จพระราเมศวรทรงสร้างขึ้นตรงที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าอู่ ทองพระราชบิดา ปัจจุบันคือ “สวนสาธารณะบึงพระราม” ซึ่งใช้เป็นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจของชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนอีกด้วย
|
|
Back to top |
|
|
helldiver
3rd Class Pass
Joined: 03/09/2010 Posts: 67
|
Posted: 06/09/2010 2:26 pm Post subject: |
|
|
อยุธยายศ ยิ่งแพร้ว เทียมฟ้า
เกียรติ์ก้องทั่วโลกา ต่างแคว้น
งามลำดั่งเมืองแมน ภิรมย์ นคร
บัดนี้พินาศสิ้น เพราะไทย อ่อนแอ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42783
Location: NECTEC
|
Posted: 06/09/2010 2:26 pm Post subject: |
|
|
helldiver wrote: | วิหารพระมงคลบพิตรได้ถูกไฟไหม้ พระวิหารและองค์พระพุทธรูปได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่ ฝีมือไม่งดงามอ่อนช้อยเหมือนเก่า |
ก็การบูรณะ วิหารมงคลบพิตร นั้นทำเมื่อปี 2499 คราวที่นายกรัฐมนตรี อูนุ มาเยื่อนเมืองไทย โดยอูนุเป็นออกเงินให้ ทำให้ชาวกรุงเก่าพากันแช่งชักหักกระดูกไปตามๆกันว่า อูนุ เป็นอ้ายพม่ารุ่น 2 ที่มาย่ำยีกรุงเก่าจนถึงทุกวันนี้นะครับ |
|
Back to top |
|
|
helldiver
3rd Class Pass
Joined: 03/09/2010 Posts: 67
|
Posted: 06/09/2010 2:28 pm Post subject: |
|
|
รถตุ๊กๆ ที่อยุธยาครับ
จากวัดพระราม ผมเดินไปวัดธรรมิการาช
วัดธรรมิกราช ตั้งอยู่ด้านหน้าพระราชวังหลวง ในพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระยาธรรมิกราชโอรสของพระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง จึงสันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นก่อนที่จะสถาปนากรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดมุขราช ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตามผู้สร้างเป็นวัดธรรมิกราช ปัจจุบันมีโบราณสถานที่สำคัญ คือ วิหารหลวง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดศิลปะอู่ทอง ปัจจุบันพระพุทธรูปนี้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา นอกจากนี้ยังมีเจดีย์ทรงระฆังค่ำ วิหารพระพุทธไสยาสน์เป็นศิลปกรรมสมัยอยุธยา ราวพุทธศตวรรษที่ 20-23 และพระอุโบสถสมัยรัตนโกสินทร์
ความโดดเด่นเมื่อแรกเห็นวัดนี้ คือ เจดีย์ทรงกลมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ คือมีปูนปั้นรูปสิงห์ล้อมรอบไว้อย่างงามสง่าและหาชมได้ยากในเมืองไทย ในอยุธยามีประติมากรรมสิงห์ปูนปั้นอีกแห่งหนึ่งที่วัดแม่นางปลื้มตั้งอยู่ ริมคลองเมือง (แม่น้ำลพบุรีเดิม) ตรงข้ามกับตลาดหัวรอ ในตำบลหัวรอ เพราะโดยทั่วไปอย่างสุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร ก็มีแต่วัดช้างล้อมในกรุงศรีอยุธยาก็มีเจดีย์ช้างล้อม ที่วัดมเหยงค์ และวัดแม่นางปลื้ม (ที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นศิลปะล้านนาที่ได้รับอิทธิพลจากพม่า ก็มีหลายวัดที่มีรูปสิงห์เฝ้าเจดีย์ทว่าส่วนใหญ่ปั้นไว้ 4 ตัว สำหรับ 4 ทิศ) แต่วัดธรรมิกราชมีสิงห์ล้อมรอบนับได้ 20 ตัว ซึ่งแม้จะหักพังไปตามกาลเวลาอันเนิ่นนานมาถึง 900 ปี แต่ก็ยังหลงเหลือที่สมบูรณ์อีกหลายตัว
นักประวัติศาสตร์ลงความเห็นว่า กรุงศรีอยุธยาได้รับอิทธพลทางศิลปะการปั้นตัวสิงห์มาจากจีนและขอม ซึ่งกำลังเกรียงไกรอยู่ในเวลานั้น (ราว พ.ศ. 1600) ตามคติความเชื่อของจีนและขอมนั้น สิงห์หรือสิงโตเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังอำนาจ และในตำนานของศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู (ซึ่งขอมนับถืออยู่ในขณะนั้น) เล่าว่าพระนารายณ์หรือวิษณุหนึ่งในเทพชั้นสูงของฮินดู เคยอวตารเป็นสิงห์ ขณะเดียวกันตามลัทธิเทวราชาซึ่งไทยรับมาจากขอม ก็เชื่อว่าพระมหากษัตริย์คือเทพวิษณุลงมาจุติบนโลกมนุษย์ จึงปรากฏว่าไทยเราใช้ตราครุฑเป็นสัญลักษณ์ของ"ข้าราชการ" (ผู้รับใช้พระราชา) มาจวบจนถึงปัจจุบัน ก็เพราะครุฑเป็นสัตว์พาหนะของพระวิษณุหรือพระนารายณ์
วัดธรรมิกราชมีวิหารขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นวิหารหลวง โดยโครงสร้างของวิหารไม่ได้มีโครงเหล็กเป็นรากฐาน แต่มีความมั่นคงแข็งแรงมาก เพราะใช้ปูนเปลือกหอยและประสานด้วยน้ำตาลอ้อย เคยเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ แต่ถูกพม่าเผาทำลายเหลือเพียงพระเศียร ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา พระพุทธรูปสำริดองค์นี้ยังถือเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะอู่ทอง หรือศิลปะยุคก่อนกรุงศรีอยุธยา คือพระพักตร์เป็นสี่เหลี่ยม แลดูเคร่งเครียด พระพักตร์ถมึงทึง จนชาวบ้านเรียกกันทั่วไปว่า "หลวงพ่อแก่"
|
|
Back to top |
|
|
helldiver
3rd Class Pass
Joined: 03/09/2010 Posts: 67
|
Posted: 06/09/2010 2:30 pm Post subject: |
|
|
ยังอยู่กันที่วัดธรรมิการาชครับ
|
|
Back to top |
|
|
helldiver
3rd Class Pass
Joined: 03/09/2010 Posts: 67
|
Posted: 06/09/2010 2:32 pm Post subject: |
|
|
เดินต่อมาจนถึงวัดมหาธาตุ ครับ
วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีลักษณะสถาปัตยกรรมของพระมหาธาตุ(ปรางค์) เป็นแบบแรกของสมัยอยุธยา ซึ่งมีอิทธิพลของขอมปนมาก ชั้นล่างก่อสร้างด้วยศิลาแลง แต่ที่เสริมใหม่ปัจจุบันเป็นอิฐปูน สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ได้ปฏิสังขรณ์พระปรางค์ใหม่โดยเสริมให้สูงกว่าเดิม วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่ตรงหน้าพระราชวังด้านทิศตะวันออกเชิงสะพานป่าถ่าน สร้างในสมัยของสมเด็จพระราเมศวร เมื่อ พ.ศ.1927
แต่ขณะนี้ยอดพังลงมาเหลือเพียงชั้นมุขเท่านั้น เมื่อพ.ศ. 2499 กรมศิลปากรได้ขุดแต่งพระปรางค์แห่งนี้ ได้ของโบราณหลายชิ้น ที่สำคัญคือผอบศิลา ภายในมีสถูป 7 ชั้น แบ่งออกเป็น ชินเงิน นาก ไม้ดำ ไม้จันทร์แดง แก้วโกเมนและทองคำ ชั้นในบรรจุพระบรมสาริกธาตุและเครื่องประดับอันมีค่า
|
|
Back to top |
|
|
helldiver
3rd Class Pass
Joined: 03/09/2010 Posts: 67
|
Posted: 06/09/2010 2:35 pm Post subject: |
|
|
เดินมาฝั่งตรงข้าม เข้ามาที่วัดราชบูรณะ ครับ
วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะอยู่เชิงสะพานป่าถ่าน ตรงข้ามกับวัดมหาธาตุ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 1967 ณ ที่ซึ่งใช้ถวายพระเพลิงเจ้าอ้ายกับเจ้ายี่ ซึ่งทั้งสองชนช้างกันจนถึงแก่พิราลัย และโปรดให้ก่อเจดีย์ 2 องค์ สวมทับบริเวณที่ชนช้างแห่งนั้น
ปัจจุบันเหลือเพียงฐานอยู่กลางวงเวียนหน้าวัดซากที่เหลืออยู่แสดงว่าวิหาร และส่วนต่างๆของวัดนี้ใหญ่โตมาก พระปรางค์ที่เหลืออยู่เป็นศิลปะอยุธยาสมัยที่ 1 ซึ่งนิยมตามแบบขอมที่ให้พระปรางค์เป็นประธานของวัด คราวเสียกรุง วัดนี้ถูกเผาเสียหายหมด แม้พระปรางค์ใหญ่จะยังคงเหลืออยู่แต่ได้ถูกคนร้ายลักขุดของมีค่าในกรุไปส่วน หนึ่ง
จนกระทั่งกรมศิลปากรได้ขุดกรุเอาโบราณวัตถุที่มีค่าไปรักษาไว้ใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา ซึ่งสร้างโดยเงินบริจาคจากการนำพระพิมพ์ขนาดเล็กที่ได้จากกรุนี้ไปเป็นของ ชำร่วย เมื่อปี พ.ศ. 2500
|
|
Back to top |
|
|
|