View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
srinopkun
1st Class Pass (Air)
Joined: 08/04/2010 Posts: 2877
Location: นครปฐม
|
Posted: 30/06/2011 7:06 pm Post subject: |
|
|
dueramae wrote: | ในฐานะที่เป็นนักข่าว ขออธิบายการทำงานของสื่อเล็กน้อยครับ โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวรายวันและต้องรายงานสถานการณ์เร่งด่วน
ข่าวอุบัติเหตุหรือข่าวอาชญกรรม ส่วนมากนักข่าว จะทราบข่าวจาก วิทยุของตำรวจ แล้วถามรายละเอียดข้อมูลจากตำรวจอีกครั้ง เพราะฉะนั้น ถ้าข้อเท็จจริงคาดเคลื่อนไป ก็น่ะคาดเคลื่อนมาจากแหล่งข่าวแรกแล้ว
|
ประทานโทษ ....
เอ่ยถึง "วิทยุตำรวจ" ก็ดีแล้ว จะขอบอกกล่าวกันหน่อยว่า
1. ที่แจ้งข่าวเวลาเกิดเหตุน่ะ ไม่ใช่ตำรวจแน่นอน (เขาเป็นใครไม่เอ่ยถึงนะ ขี้เกียจเรื่องยาว)
2. การพูด และดักฟัง อ้อ ..... เดี๋ยวนี้ไม่ดักละ เล่น ว. กันในช่องหลักของเจ้าหน้าที่เฉยเลย ทั้งๆที่มี ว.34 (ช่องเฉพาะกิจ) ให้ใช้ ผิดระเบียบปฏิบัติการใช้ ว. เด้อ (เอ้า ท่าน CENTENNIAL มาให้ความรู้ด้านกฎหมาย-ระเบียบ ว. ของ ตร.หน่อย)
3. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีทางรถไฟอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ ได้มีการทบทวนความรู้เรื่องระเบียบปฏิบัติในการไปตรวจที่เกิดเหตุ, สอบสวน, ทำสำนวน ฯลฯ กันอยู่เสมอๆ ไปดูบันทึกประจำวันเหตุเกี่ยวกับรถไฟสิ ละเอียดชัดเจน
--------------
จาก 3 ข้อที่แสดงให้เห็น ที่คุณบอกว่า ....
"นักข่าวจะทราบข่าวจากวิทยุของตำรวจ แล้วถามรายละเอียดข้อมูลจากตำรวจอีกครั้ง"
แฮ่ ๆ ๆ
--------------
ปัญหาทุกอย่าง แก้ไขได้เสมอ
ทางออก ---->
1. นักข่าวมีความรู้ความเข้าใจระบบรถไฟพอสมควร .... อย่างน้อยก็เรียนรู้ตารางรถไฟ อ่านเลขขบวนเป็น ..... แล้วก็รู้ด้วยว่า เลข 4 หลัก ที่แปะอยู่ด้านหน้ารถนั้นน่ะ เขาเป็นเลขประจำตัวรถคันนั้นๆ (เหมือนเลขทะเบียนรถยนต์นั่นไงเล่า ง่ายๆ) ไม่ใช่เลขขบวน
2. นักข่าวอาจจะฟัง "ข่าวจาก ว." แล้วก็ไปดูที่เกิดเหตุ หรือให้เพื่อน / สายข่าวไปดูที่เกิดเหตุ แล้วถามด้วยว่า มีป้ายเตือนมั้ย มีเสาไฟเตือนหรือเปล่า แค่นี้ ข่าวท่านก็ชัดเจนขึ้นแล้ว ...... ทั้งนี้ ถ้าเราไม่ได้ไปเอง เราก็ตั้งข้อคำถามง่ายๆกับสายข่าวที่เราฝากไปดูพื้นที่ก็ได้ สะดวกดีด้วย แถมได้ข่าวชัดเจนอีกตะหาก ท่านจะดู "คม" ขึ้นมากเลยนะเออ
ลองดูครับ ง่ายๆ ไม่ยากเลย
Last edited by srinopkun on 30/06/2011 9:21 pm; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
srinopkun
1st Class Pass (Air)
Joined: 08/04/2010 Posts: 2877
Location: นครปฐม
|
Posted: 30/06/2011 7:27 pm Post subject: |
|
|
อย่างกระทู้นี้ ก็เป็นความรู้เรื่องรถจักรแต่ละรุ่นนะ
วิธีสังเกตความแตกต่างของรถจักร Alsthom แต่ละรุ่น
Credit : alderwood
อย่างนี้ คันนี้ เลขประจำรถ (เลขทะเบียน) = 4109
4 - เป็นรถจักรดีเซลไฟฟ้า
1 - เป็น Alstom ชุดที่ 1
09 - คันที่ 9 ในรุ่นนี้
ภาพนี้ Credit : OneBrutal
นี่ก็เลขประจำรถ = 4536 อย่างนี้เป็นต้น
(อันนี้เล่าแบบไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญรถไฟนะครับ เดี๋ยวสมาชิกในบอร์ดจะโห่กันซะก่อน)
ส่วน หัวรถจักรเหล่านี้จะนำไปลาก (ทำขบวน) ขบวนใด นักข่าวจะต้องถามไปยังเจ้าหน้าที่รถไฟ ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่บนขบวนรถนั้นๆ หรือเจ้าหน้าที่ที่อยู่ตามสถานี / ซุ้มเครื่องกั้นครับ ........ ถ้าถามคนอื่นที่ไม่ใช่คนรถไฟ เขาก็จะตอบแบบไม่ตั้งใจตอบหรอก ซึ่งคำตอบที่ได้มาน่ะ ผิดแหงแก๋อยู่แล้วแหละ
ทีนี้ .... ท่านนักข่าวเห็นเลขประจำรถเหล่านี้แล้ว + การได้เช็คข่าวเลขขบวนรถ จากไหนไปถึงไหน จะได้เขียนข่าวได้ถูกต้องยิ่งขึ้นครับ |
|
Back to top |
|
|
srinopkun
1st Class Pass (Air)
Joined: 08/04/2010 Posts: 2877
Location: นครปฐม
|
Posted: 30/06/2011 9:26 pm Post subject: Re: ข.37 กรุงเทพ-สุไหงโก-ลก ชนรถเก๋งที่โพธาราม ราชบุรี (28/06/54) |
|
|
Mongwin wrote: | รองนายกเทศบาลบ้านสิงห์ซิ่งตัดหน้ารถไฟถูกชนสาหัส
พ.ต.ท.พิศิษฐ์ ลายลักษณ์ พนักงานสอบสวน สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถไฟชนรถเก๋งมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ที่บริเวณถนนตัดทางรถไฟ บ้านคลองข่อย หมู่ 7 ต.คลองข่อย อ.โพธาราม ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อจี๊บ แกรนด์เชอโรกี สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ภธ- 6014 กทม. สภาพด้านขวาของรถพังยับเยิน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 รายอาการสาหัสมีพลเมืองดีช่วยนำส่งโรงพยาบาลเจ็ดเสมียนไปก่อนหน้าแล้ว ทราบชื่อต่อมาคือ นายสิทธิกร พัฒนผดุงวิทยา อายุ 63 ปี รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านสิงห์ และ น.ส.นวพร ธงพิมพ์ไทย อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/2 หมู่ 6 ต.ลาดบัวขาว อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ส่วนรถไฟขบวนที่ชนนั้นเป็นรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 37 กรุงเทพฯ-สุไหงโกลก หมายเลขข้างรถ 45/15 วิ่งจากกรุงเทพฯไป อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส
|
อย่างข่าวตามหัวข้อกระทู้นี้ ผมยกมาให้ดูเป็นตัวอย่าง
ถ้านักข่าวมีความเข้าใจรถไฟบ้าง ก็แค่เขียน (ตรงที่ผมเน้นไว้น่ะแหละ) เป็นว่า ...
หมายเลขรถจักร 4515
แค่นี้เอง
เพราะส่วนอื่นๆ ครบถ้วนสมบูรณ์อยู่แล้ว
เหมือนรถสองคันชนกันน่ะแหละ เวลาเขียนข่าวก็จะเป็นว่า รถยี่ห้อนี้ ทะเบียนนี้ ชนกับรถยี่ห้อนี้ ทะเบียนนี้
แต่ในกรณีรถไฟ นักข่าวเพียงแค่ระบุเลขทะเบียนรถจักร หรือรถคันนำ (กรณีเป็นดีเซลราง) ก็ได้ ถ้าไม่ทราบว่ารถจักร/รถคันนำนั้นยี่ห้ออะไร
รถไฟแต่ละคันก็มียี่ห้อครับ แต่มันลึกซึ้งไปหน่อย ขอเป็นลงข่าวเลขรถจักร/รถคันนำ กับรายละเอียดของขบวน (ดังตัวอย่างนี้) ก็เยี่ยมยอดแล้วละครับ
เห็นมั้ยล่ะ ไม่ยากอะไรกับการทำความเข้าใจ |
|
Back to top |
|
|
dueramae
3rd Class Pass
Joined: 03/02/2010 Posts: 18
Location: อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
|
Posted: 08/07/2011 2:27 pm Post subject: |
|
|
ขออภัยครับ ไม่ได้เขียนตอบ ผมว่า เรื่องนี้น่าจะทำเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย เพราะแม้อุติเหตุบางครั้งเล็ก บางครั้งใหญ่ มีความเสียหายเยอะ แต่ถ้านำสถิติทั้งหมดมารวมกัน แล้วลองคำนวนความเสียหายทั้งหมด ผมว่ามันไม่น้อยแน่นอน
ไหนจะผลกระทบที่มองไม่เห็นตามมาอีก เช่น คนตายมีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบอีกกี่คน ค่ารักษาพยาบาลที่ตามมา ภาระจากความพิการ ยังไม่นับถึงผลกระทบทางด้านจิตใจ ค่าเสียของการรถไฟโดยตรง หรือแม้แต่ทำให้ผู้โดยสารรถไฟเสียเวลาอีก
การเยียวผลกระทบทั้งหมด ก็ล้วนเป็นภาระของรัฐที่ต้องนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้ ดังนี้ผมคิดว่า คนที่จะทำเรื่องนี้ได้ ก็คือการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่จะต้องร่วมมือกับสมาคมนักข่าว โดยเฉพาะในสายอาชญกรรม ที่ต้องทำข่าวอุบัติเหตุ ร่วมกันรณรงค์ให้คนขับรถมีวินัยมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่อาจเกิดอุบัติเหตุจากรถไฟ
เช่น จัดสัมมนานักข่าวให้ช่วยรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุจากรถไฟ ชี้ให้เห็นถึงความเสียหายและผลกระทบที่จะตามมาจากการขาดวินัยในการขับรถ ไม่ใช่มุ่งแต่ทำข่าวเพื่อให้มีข่าวส่งสำนักข่าว ถ้าข่าวใหญ่ก็ได้ค่าตอบแทนเยอะเท่านั้น โดยไม่ช่วยคิดหาวิธีทำอย่างไรให้คนตระหนักมากขึ้น
และมิใช่มุ่งแต่โทษรถไฟหรือโทษรัฐที่ไม่ลงทุนสร้างเครื่องกั้น ซึ่งแม้รัฐจะสร้างให้ผมว่า มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร ตราบใดที่คนยังขับรถประมาท และการจัดสัมนาหรือกิจกรรมประเภท ก็ไม่ใช่เพื่อไปจับผิดนักข่าว ซึ่งมันเป็นเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่คือ เราต้องช่วยกันทำอย่างไรให้คนหยุดรถก่อนข้ามทางรถไฟ เพื่อความปลอดภัย
เรื่องนี้ผมว่าทำได้ครับ การรถไฟอาจไม่ต้องออกเงินเองก็ได้ เพราะสมาคมนักข่าวน่าจะมีงบเพื่อทำกิจกรรมเรื่องนี้ได้ และน่าจะใช้งบไม่มาก เพราะทำกับนักข่าวที่อยู่ในพื้นที่ที่มีรถไฟผ่าน โดยมีพวกเราอาจเป็นผู้สนับสนุน หรือจุดประกาย หากการรถไฟฯหรือสมาคมนักข่าว อาจจะยังไม่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้
หรืออาจจะของบจากที่อื่นด้วยก็ได้ จากองค์กรที่ทำงานด้านสุขภาพหรือด้านป้องกันอุบัติเหตุ เช่น สสส.อย่างนี้เป็นต้น
เรื่องแบบนี้ ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องของรัฐอย่างเดียว แต่น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องร่วมมือกันหลายๆ ฝ่ายครับ อย่างน้อยเราก็มีส่วนช่วยเหลือสังคมบ้านเราให้มันน่าอยู่มากขึ้นครับ |
|
Back to top |
|
|
pak_nampho
1st Class Pass (Air)
Joined: 25/06/2007 Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต
|
Posted: 08/07/2011 3:18 pm Post subject: |
|
|
dueramae wrote: |
มิใช่มุ่งแต่โทษรถไฟหรือโทษรัฐที่ไม่ลงทุนสร้างเครื่องกั้น ซึ่งแม้รัฐจะสร้างให้ผมว่า มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร ตราบใดที่คนยังขับรถประมาท และการจัดสัมนาหรือกิจกรรมประเภท ก็ไม่ใช่เพื่อไปจับผิดนักข่าว ซึ่งมันเป็นเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่คือ เราต้องช่วยกันทำอย่างไรให้คนหยุดรถก่อนข้ามทางรถไฟ เพื่อความปลอดภัย
|
อ่านความเห็นตามย่อหน้าของบังแล้วขอปรบมือให้จากใจจริงครับ......
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุเช่น รถไฟ,กรมทางหลวงชนบท,อบต.,สสส. ร่วมรณรงค์สปอร์ตโฆษณาทางทีวีของรัฐ,สถานีวิทยุชุมชนในท้องถิ่น,
เสียงตามสายจากกำนัน,ผู้ใหญ่บ้าน ให้คนที่ขับรถยนต์หยุดรถก่อนข้ามทางรถไฟเพื่อความปลอดภัยไม่ให้ถูกรถไฟที่วิ่งมาตามรางของเขาชนทำให้ถึงแก่ชีวิต
ตนเองและผู้อื่น และผลเสียหายที่ต้องตามมาจากความใจร้อน หรือประมาทของผู้ขับขี่รถยนต์............. _________________ +++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ................... |
|
Back to top |
|
|
srinopkun
1st Class Pass (Air)
Joined: 08/04/2010 Posts: 2877
Location: นครปฐม
|
Posted: 08/07/2011 4:45 pm Post subject: |
|
|
dueramae wrote: |
การเยียวผลกระทบทั้งหมด ก็ล้วนเป็นภาระของรัฐที่ต้องนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้ ดังนี้ผมคิดว่า คนที่จะทำเรื่องนี้ได้ ก็คือการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่จะต้องร่วมมือกับสมาคมนักข่าว โดยเฉพาะในสายอาชญกรรม ที่ต้องทำข่าวอุบัติเหตุ ร่วมกันรณรงค์ให้คนขับรถมีวินัยมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่อาจเกิดอุบัติเหตุจากรถไฟ
เช่น จัดสัมมนานักข่าวให้ช่วยรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุจากรถไฟ ชี้ให้เห็นถึงความเสียหายและผลกระทบที่จะตามมาจากการขาดวินัยในการขับรถ......
.... เรื่องใหญ่คือ เราต้องช่วยกันทำอย่างไรให้คนหยุดรถก่อนข้ามทางรถไฟ เพื่อความปลอดภัย
เรื่องนี้ผมว่าทำได้ครับ การรถไฟอาจไม่ต้องออกเงินเองก็ได้ เพราะสมาคมนักข่าวน่าจะมีงบเพื่อทำกิจกรรมเรื่องนี้ได้ และน่าจะใช้งบไม่มาก เพราะทำกับนักข่าวที่อยู่ในพื้นที่ที่มีรถไฟผ่าน โดยมีพวกเราอาจเป็นผู้สนับสนุน หรือจุดประกาย หากการรถไฟฯหรือสมาคมนักข่าว อาจจะยังไม่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้
หรืออาจจะของบจากที่อื่นด้วยก็ได้ จากองค์กรที่ทำงานด้านสุขภาพหรือด้านป้องกันอุบัติเหตุ เช่น สสส.อย่างนี้เป็นต้น
เรื่องแบบนี้ ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องของรัฐอย่างเดียว แต่น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องร่วมมือกันหลายๆ ฝ่ายครับ อย่างน้อยเราก็มีส่วนช่วยเหลือสังคมบ้านเราให้มันน่าอยู่มากขึ้นครับ |
เข้าท่านะ
และมีความเป็นไปได้ด้วยแหละ กับการของบประมาณจาก สสส. เพราะตรงประเด็นในหมวดการขอทุนสนับสนุน (วงเงินไม่เกิน 200,000 เวลาในการพิจารณาไม่เกิน 60 วัน) เขียนโครงการให้ตรงกับหมวด ประเด็นสุขภาพ ---> ลดอุบัติเหตุ และสร้างเสริมความปลอดภัย โดยมีกลุ่มเป้าหมายตรงเป๊ะเลย ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือองค์กรที่นำการเปลี่ยนแปลง, ผู้คนในท้องถิ่น, เยา่วชน
พอมาดูหมวดผู้เสนอโครงการ ว่าใครจะเสนอโครงการได้ ... ผมยกประโยคมาให้อ่านเลย
1. กลุ่มบุคคล ชุมชน องค์กรไม่แสวงกำไร ที่ตั้งใจดำเนินโครงการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน โรงเรียน สถานที่ทำงาน/อาชีพ โดยอาศัยฐานความรู้ และจะต้องวางแผนงานโครงการและดำเนินงานโครงการอย่างมีส่วนร่วมจากกลุ่มเป้าหมายและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
2. ผู้เสนอโครงการควรอยู่ในพื้นที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกับชุมชน/กลุ่มเป้าหมายที่จะดำเนินการ
3. ควรมีที่ปรึกษาโครงการที่เป็นผู้รู้ หรือนักวิชาการในพื้นที่
กรณีนี้ ก็เป็นชุมชนเวบไซต์ รถไฟไทยดอทคอมนี่แหละ เป็นผู้เสนอโครงการ
ลองเข้าไปดูรายละเอียดที่เวบไซต์ สสส.ครับ
http://www.thaihealth.or.th/partner/application-process
น่าสนใจ น่าสนใจ |
|
Back to top |
|
|
tamz
3rd Class Pass (Air)
Joined: 01/10/2008 Posts: 457
Location: พัทยา
|
|
Back to top |
|
|
donatt76
1st Class Pass (Air)
Joined: 03/09/2006 Posts: 2587
Location: บางนา สุวรรณภูมิครับ
|
Posted: 08/07/2011 5:58 pm Post subject: |
|
|
การจัดสัมมนาเป็นเรื่องดีครับ แต่ที่กลัวคือ ถ้าจัดแล้ว จะมีนักข่าวซักกี่คนที่สนใจจะมา....
การส่งข่าวของนักข่าวอาจจะเร่งรีบก็จริง แต่ผมเข้าใจว่าทุกสำนักเค้ามร บก.ข่าวไม่ใช่หรือครับที่ทำหน้าที่กรอง ซึ่งข่าวที่ส่งเข้ามาก่อนตีพิมพ์ ควรจะต้องผ่านตาของ บก.ทุกครั้ง หรือว่าตอนนี้ จากนักข่าว ตรงดิ่งสู่แท่นพิมพ์ โดยอาศัยโต๊ะ บก.เป็นทางผ่าน
ผมไม่โทษนักข่าวที่ส่งข่าวนะครับ เพราะต้องรีบทำแข่งกับเวลา ส่วน บก.นั่นแหละครับต้องมีความรู้ที่ถูกต้อง _________________
|
|
Back to top |
|
|
srinopkun
1st Class Pass (Air)
Joined: 08/04/2010 Posts: 2877
Location: นครปฐม
|
Posted: 08/07/2011 6:00 pm Post subject: |
|
|
เรื่องนี้น่าจะให้ webmaster ได้รับทราบนะ
ส่วนจะเห็นด้วย/ไม่เห็นด้วยประการใดก็แล้วแต่
ถ้า Rotfaithai.com ทำ ก็เข้าท่า ..... เพราะเป็นชุมชนอิิสระ ไม่ได้เป็นองค์กรในสังกัดของใคร, ไม่ได้แสวงหากำไร ตรงกับวัตถุประสงค์ของ สสส.
ลองไปพิจารณากันดูครับ |
|
Back to top |
|
|
tamz
3rd Class Pass (Air)
Joined: 01/10/2008 Posts: 457
Location: พัทยา
|
Posted: 08/07/2011 9:48 pm Post subject: |
|
|
donatt76 wrote: | การจัดสัมมนาเป็นเรื่องดีครับ แต่ที่กลัวคือ ถ้าจัดแล้ว จะมีนักข่าวซักกี่คนที่สนใจจะมา....
การส่งข่าวของนักข่าวอาจจะเร่งรีบก็จริง แต่ผมเข้าใจว่าทุกสำนักเค้ามร บก.ข่าวไม่ใช่หรือครับที่ทำหน้าที่กรอง ซึ่งข่าวที่ส่งเข้ามาก่อนตีพิมพ์ ควรจะต้องผ่านตาของ บก.ทุกครั้ง หรือว่าตอนนี้ จากนักข่าว ตรงดิ่งสู่แท่นพิมพ์ โดยอาศัยโต๊ะ บก.เป็นทางผ่าน
ผมไม่โทษนักข่าวที่ส่งข่าวนะครับ เพราะต้องรีบทำแข่งกับเวลา ส่วน บก.นั่นแหละครับต้องมีความรู้ที่ถูกต้อง |
srinopkun wrote: | เรื่องนี้น่าจะให้ webmaster ได้รับทราบนะ
ส่วนจะเห็นด้วย/ไม่เห็นด้วยประการใดก็แล้วแต่
ถ้า Rotfaithai.com ทำ ก็เข้าท่า ..... เพราะเป็นชุมชนอิิสระ ไม่ได้เป็นองค์กรในสังกัดของใคร, ไม่ได้แสวงหากำไร ตรงกับวัตถุประสงค์ของ สสส.
ลองไปพิจารณากันดูครับ |
อืมมมม... ท่าน บทก. เอ๊ยยย... ท่าน วมต.ผู้มีตัวตนครับ... เรามาลองดูกันมั๊ยครับ...
๑.หากโครงการผ่าน... ไม่ต้องห่วงเรื่องการ ปชส. ครับ เพราะว่า สสส. เค้าเก่งเรื่องนี้มากครับ
๒.ลองนำร่องกับสายใดสายหนึ่งดูมั๊ยครับ... เอาสายตะวันออกก็ได้... _________________ ผู้โดยสารโปรดทราบ ที่นี่สถานีพัทยา |
|
Back to top |
|
|
|