ข่าวรถไฟฟ้าสีเขียวเข้ม(หมอชิต-สะพานใหม่) และเขียวอ่อน(แบริ่ง-ปากน้ำ)

[Wisarut]

เอกชนฟาดเรียบบีทีเอสส่อเดินรถยาวจากคูคตยันปากน้ำ
ข่าวกทม.
เดลินิวส์
วันอังคาร 14 ตุลาคม 2557 เวลา 20:33 น.

รถไฟฟ้ารฟม.เอกชนฟาดเรียบ บอร์ดฯรับนโยบายคมนาคมสั่งเรียกบีทีเอสเจรจาเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่อได้วิ่งยาวจากคูคต-สมุทรปราการ ให้ชาวบ้านใช้บริการสะดวกไม่ต้องขึ้นลงต่อรถไฟขบวนใหม่

พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการบริหารกิจการ(บอร์ด)การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)กล่าวภายหลังการประชุมบอร์ดรฟม.ว่าจากที่กระทรวงคมนาคมมีคำสั่งให้รฟม.ไปเจรจาการเดินรถรถไฟฟ้าสำหรับสายสีเขียวส่วนใต้แบริ่ง-สมุทรปราการนั้น ทางรฟม.จะต้องเร่งหารือกับบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)หรือบีทีเอสซีและกรุงเทพมหานคร(กทม.)เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันว่าจะมีการเลือกเดินรถในลักษณะใดภายใต้ข้อตกลงว่าจะต้องมีการเดินรถแบบต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยรูปแบบที่เจรจาอาจจะจ้างบีทีเอสเดินรถให้ทั้งระบบหรือรฟม.จะจัดหารถมาเองและจ้างบีทีเอสดูแลระบบและเดินรถให้ซึ่งภายหลังจากนี้รฟม.จะต้องเร่งเข้าไปเจรจากับทางบีทีเอสเพื่อให้เกิดความชัดเจนโดยเร็วที่สุดและจะต้องรายงานผลการเจรจาต่อบอร์ดฯเพื่อส่งเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคมและเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป สำหรับสายสีเขียวเหนือช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคตภายหลังจากที่มีการเปิดยื่นซองไปเมื่อวันที่30 ก.ย.2557ที่ผ่านขณะนี้คณะกรรมการก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติโดยคาดว่าประมาณเดือนก.พ.2558จะสามารถเปิดซองราคา คาดว่าจะสามาถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ประมาณต้นปี 2558นี้โดยในเส้นทางนี้การเดินรถก็ต้องเจรจากับบีทีเอสซีด้วยเช่นกันตามนโยบายที่ให้ยึดการเดินทางที่สะดวกของประชาชนไม่ต้องเดินลงมาต่อรถไฟฟ้าอีกขบวน

พล.อ.ยอดยุทธกล่าวต่อว่าสำหรับการเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค-บางซื่อ-ท่าพระยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ(คตร.)คาดว่าประมาณเดือนต.ค.นี้คตร.จะดำเนินการตรวจสอบเสร็จสิ้นและได้ข้อยุติภายหลังจากนั้นคณะกรรมการมาตรา13จึงจะพิจารณารูปแบบการเดินรถของสายสีน้ำเงินว่าควรจะดำเนินการในรูปแบบใดภายใต้เงื่อนไขการเดินรถให้ต่อเนื่อง

รายงานข่าวแจ้งว่าก่อนหน้านี้ฝ่ายนโยบายของรฟม.มีแนวคิดที่จะตั้งบริษัทลูกพัฒนาเทคโนโลยีสร้างบุคลากรของรฟม.ตลอดจนการซ่อมและประกอบรถไฟฟ้าเพื่อที่จะให้บริการเดินรถแก่ประชาชนเองจากเดิมที่ให้สัมปทานกับเอกชนแต่เมื่อนโยบายของกระทรวงคมนาคมขณะนี้ให้เน้นเรื่องการอำนวยความสะดวกประชาชนที่จะต้องเดินรถแบบต่อเนื่องซึ่งเส้นทางสายใหม่ที่กำลังดำเนินการขณะนี้ทั้งสายสีเขียวส่วนเหนือและส่วนใต้และสายสีน้ำเงินเป็นส่วนที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเดิมที่เอกชนเดินรถอยู่จึงต้องเจรจากับผู้เดินรถเดิม.

[Wisarut]

เอกชนแห่ยื่นข้อเสนอเป็นที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
Written by: newmedia
สำนักข่าวไทย
17 ตุลาคม 2557 17:45

กรุงเทพฯ 17 ต.ค.-บริษัทเอกชนแห่ยื่นข้อเสนอเป็นที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต

ผู้สื่อข่าวรายงานตามที่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ประกาศเชิญชวนบริษัทที่ปรึกษายื่นข้อเสนอเป็นที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหาะสม ออกแบบรายละเอียดและจัดทำเอกสารประกวดราคา โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ในระหว่างวันที่ 1-17 ตุลาคม 2557 แล้วนั้น

ทั้งนี้ ปรากฏว่ามีบริษัทที่ปรึกษาสนใจมาขอรับเอกสารจัดจ้างที่ปรึกษาดังกล่าวแล้วจำนวน 37 ราย โดยมีรายชื่อดังต่อไปนี้
1.บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด
2.บริษัท พีบี เอเชีย จำกัด
3.บริษัท อาร์เคเดีย (ไทยแลนด์) จำกัด
4.บริษัท เอ็ม เอ เอ คอนซัลแตนท์ จำกัด
5.บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด
6.บริษัทโชติจินดา มูเชล คอนซัลแตนท์ จำกัด
7.บริษัท วิสิทธิ์ เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด
8.SEA – CONSULT ENGINEERING CO.,LTD.
9.TEAM CONSULTING ENGINEERING AND MANAGEMENT CO.,LTD.
10.บริษัท พี.พี.เอส.เอ็น จำกัด 11. AECOM
12.บริษัท เทสโก้ จำกัด
13.บริษัท แลงดอน แอนด์ เซียห์ (ประเทศไทย) จำกัด

14.MOLINARI RAIL AG
15.ASDECON CORPORATION CO.,LTD
16.บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด
17.บริษัท เทคโนโลยี เอเชียแปซิฟิค จำกัด
18.บริษัท วิศวกรที่ปรึกษาไทย จำกัด
19.บริษัท ซีอีแอล เอ็นจิเนียส์ จำกัด
20.บริษัท เลซิพ ไทย จำกัด
21.DB International GmbH
22.บริษัท วันดีทู กรุ๊ป จำกัด
23.บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด
24.SYSTRA ASIA PACIFIC
25.TLT CONSULTANTS CO.,LTD.
26.บริษัท เยนเติลแมน อาคีเตคเจอร์ แอนด์ เอนจิเนียริ่ง 1945 จำกัด
27.บริษัท เชนี่ เอนจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด
28.บริษัท แอตแลนติค เอนจิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด
29.BK BURNS (THAILAND) LIMITED
30.CTCI (THAILAND) CO.,LTD.
31.บริษัท ไทยเอนยิเนียริ่งคอนซัลแตนทส์ จำกัด
32.CHINA ECOTEK CORPORATION
33.RANHILL BERSEKUTU SDN BHD
34.บริษัท ทักโบท ทีม จำกัด
35.BECHTEL INTERNATIONAL INC.
36. RABCO ENGINEERING, P.C.
37.ORSCH CONSULT ASIA CO., LTD.
38.บริษัท โตอะ อิเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด

ทั้งนี้ บริษัทที่ขอรับเอกสารจัดจ้างที่ปรึกษานี้ จะต้องยื่นข้อเสนอเป็นที่ปรึกษาภายในวันที่ 18 ธันวาคม 2557 เพื่อให้คณะกรรมการว่าจ้างที่ปรึกษาฯ ดำเนินการประเมินผลและคัดเลือกข้อเสนอของที่ปรึกษาต่อไป สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต นั้น เป็นโครงการต่อขยายจากโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (BTS) บริเวณสวนจตุจักร (สถานีหมอชิต) โดยเป็นทางวิ่งยกระดับทั้งหมด 16 สถานี ระยะทาง 19 กิโลเมตร และไปสิ้นสุดที่บริเวณคลองสอง (สถานีคูคต) ต่อไป

[Wisarut]

ทุบเมอร์รี่คิงส์สะพานควายผุดคอมเพล็กซ์
วันพุธที่ 15 ตุลาคม 2014 เวลา 13:33 น.
กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
คอลัมน์ : ข่าวหน้า1

เปิดแผนพัฒนาแลนด์แบงก์ "ศรีศุภราชกรุ๊ป" กว่า 2 พันไร่ กรุงเทพฯและต่างจังหวัด ครบทั้งโครงการที่อยู่อาศัย โรงแรมและช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ ตั้งท่ารับรถไฟฟ้า คาดใช้งบไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท เผยเตรียมทุบทิ้งอาคารที่ตั้งอดีตห้างชื่อดังเมอร์รี่คิงส์สะพานควายผุดคอมเพล็กซ์ มิกซ์ยูส altยื่นขออีไอเอสร้างโรงแรมขนาด165 ห้องย่านบางกรวย รับรถไฟฟ้าสายสีแดง พร้อมหาผู้ร่วมทุนไทย/ เทศพัฒนาที่ดิน 200 ไร่ รองรับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ และลุยพัฒนาที่ดินต่างจังหวัดต่อเนื่อง
นายวิเชียร กลิ่นสุคนธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีศุภราช จำกัด เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ"ถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในช่วง 1-2 ปีนี้ว่า มีโครงการพัฒนาที่ดินของบริษัทซึ่งมีทั้งพื้นที่กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา มหาสารคาม และอุดรธานี รวมกว่า 2 พันไร่ โดยวางแผนจะพัฒนาหลากหลายรูปแบบ ได้แก่โครงการที่อยู่อาศัย โรงแรม นิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น

สำหรับที่ดินในกรุงเทพมหานครมีหลายพื้นที่ตั้งอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ สายสีส้ม และใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ดังนั้นหากมีการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าที่สามารถเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการบริษัทก็พร้อมพัฒนาโครงการขึ้นรองรับความเจริญในพื้นที่ได้ทันที ด้านการลงทุนวางแผนไว้ 3 รูปแบบคือ

1. ใช้ทุนของบริษัทลงทุนเอง
2.กู้จากสถาบันการเงินบางส่วน และ
3. การร่วมทุนกับนักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ

ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบและรอความชัดเจนของโครงการรถไฟฟ้า

[Mongwin]

ครม.เห็นชอบ ร่างพ.ร.บ.เวนคืนอสังหา สร้างรถไฟฟ้าสายแบริ่ง-สมุทรปราการ
มติชนออนไลน์ วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16:19:08 น.

วันที่ 28 ตุลาคม พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าครม.มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม.ได้เจรจาเจ้าของที่แล้ว 76 แปลง จากทั้งหมด 83 แปลง เหลืออีกเพียง 7 แปลงที่จะต้องเร่งเจรจา และเบื้องต้นได้มีการตั้งงบชดเชยให้กับแปลงที่เหลือแล้ว

อีกทั้งยังเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินบริเวณที่จะเวนคืน เพื่อสร้างกิจการขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว - สำโรง /โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี/โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี/โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ซึ่งการดำเนินการทั้งหมด รฟม. มีความจำเป็นต้องใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อประโยชน์ด้านการขนส่งมวลชน อำนวยความสะดวกแก่การจราจร

[Wisarut]

ครม.มีมติอนุมัติ พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย์สร้างรถไฟฟ้าสีเขียวช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ เพื่อดำเนินการเวนคืนที่ดินจากเอกชน 83 แปลง ซึ่งขณะนี้มีเจ้าของที่ดินตกลงกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
(รฟม.) ซึ่งขณะนี้มี เจ้าของที่ดินตกลงกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แล้ว 76 แปลง อีก 7 แปลง ยังไม่สามารถตกลงทำสัญญากันได้เพราะมีปัญหาเรื่องราคา
http://www.posttoday.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/326940/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3

[Wisarut]

ยันเจรจา BTS เดินรถสีเขียวใต้ "บิ๊กจิน"เร่ง รฟม.คุย กทม.ให้ได้ข้อยุติใน 4 เดือน


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤศจิกายน 2557 08:27 น.


"ประจิน"ยันไม่ประมูลเดินรถสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) เรียก BTS เจรจาก่อนเร่ง รฟม.เจรจากทม. วางกรอบร่วมกันให้ได้ข้อยุติใน 4 เดือน ก่อนเจรจาต่อรอง BTS ต่อไป

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ว่า ได้มอบนโยบายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เจรจา 3 ฝ่าย กรุงเทพมหานคร (กทม.) และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันกรณีรูปแบบการเดินรถเชื่อมต่อเพื่อประโยชน์ของประชาชนซึ่งวิธีการเจรจากับ BTS จะเป็นและการลงทุนที่มีความคุ้มค่ามากกว่าเปิดประกวดราคา โดยหลักการคือ รฟม.จะต้องเจรจากับ กทม.ก่อนเพื่อวางกรอบข้อตกลงร่วมกัน จากนั้นจึงจะเชิญทาง BTS มาเจรจาเป็นรายแรก แต่หากไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้สำเร็จจึงจะพิจารณาเอกชนรายอื่น

ทั้งนี้ เบื้องต้นรฟม.ได้ส่งผู้แทนไปเจรจากับกทม.ในระดับปฎิบัติการแล้ว หลังจากนี้จะเป็นในส่วนของระดับนโยบาย คือปลัด และรัฐมนตรี โดยคาดว่าภายใน 4 เดือน การเจรจาร่วมกับกทม.จะสรุปแนวทางในการเดินรถที่เชื่อมต่อมีความสะดวกมากที่สุด

พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า จะเรงรัดให้รถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้จะเปิดเดินรถในปี2561 ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 36 กม. วงเงิน 56,691 ล้านบาท สายสีเหลือง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 54,644 ล้านบาทและสายสีส้ม ตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ระยะทาง 20 กม. วงเงิน 95,108 ล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างในปี 2558-2559 และทยอยแล้วเสร็จในปี 2561-2562

รายงานข่าวแจ้งว่า ผลการหารือระหว่าง รฟม.กทม.และ BTS ในเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการนั้น กทมงพร้อมลงทุนงานระบบรถไฟฟ้าและเดินรถ ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้และสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ซึ่งหากกทม.ได้รับผิดชอบทั้ง 2 โครงการ จะมีความเป็นไปได้ที่ไม่จำเป็นต้องมีศูนย์ซ่อมบำรุงสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ โดยรฟม.ได้ขอให้กทม.และ BTSศึกษาความเป็นไปได้เพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ในการเจรจาเดินรถสายสีเขียวใต้นั้นนอกจากต้องเร่งรัดให้ได้ข้อสรุปแล้ว ยังต้องมีความช้ดเจนการเดินรถสายสีเขียวเหนือด้วยเนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงของสายสีเขียวเหนือ ซี่งขณะนี้รฟม.อยู่ระหว่างการประกวดราคาก่อสร้างงานโยธารถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ซึ่งมีงานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงรวมอยู่ด้วยหากมีการปรับเปลี่ยนจะกระทบต่อเงื่อนไขใน TOR ประกวดราคา

[Wisarut]

รฟม.เดินหน้าเจรจากทม.-บีทีเอส เดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขายสายสีเขียวเหนือ-ใต้คาด4เดือนได้ข้อยุติ
เดลินิวส์
วันอังคาร 4 พฤศจิกายน 2557 เวลา 09:50 น.

รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพ(รฟม.)เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงคมนาคมได้มีข้อสั่งการให้รฟม.เร่งเจรจาหารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร(กทม.)และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)หรือบีทีเอสซี เพื่อเจรจาเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง25กิโลเมตรซึ่งจุดเชื่อมต่อที่แบริ่งนั้นกทม.เป็นผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและจ้างบีทีเอสเดินรถ ส่วนสายสีเขียวเหนือช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง19กิโลเมตร จุดเชื่อมต่อที่สถานีหมอชิต เป็นส่วนการลงทุนของบีทีเอสโดยได้รับสัมปทานจากกทม. ทั้งนี้การเจรจากับทั้ง2หน่วยงานแทนการเปิดประมูลตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม ขณะนี้ทางรฟม.ได้มีการเข้าไปเจรจากับทางกทม.ไปแล้ว โดยในการเจรจาเป็นการเจรจาแบบไม่เป็นทางการและยังไม่ได้ลงรายละเอียดว่าจะต้องพิจารณาในส่วนใดบ้าง แต่เบื้องต้นในการเจรจานั้นกทม.ไม่ได้ขัดข้องที่จะดำเนินการในส่วนของการเดินรถส่วนต่อขยายสายสีเขียว ทั้งนี้จะต้องมีการนัดเจรจาหารือร่วมกันกทม.อีกครั้งเพื่อเร่งรัดให้ได้ข้อสรุปคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ4เดือนเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน

อย่างไรก็ตามการเจรจาเพื่อให้บีทีเอสเดินรถส่วนต่อขยายทั้งเหนือและใต้นั้นจะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้นโดยทีไม่ต้องเสียเวลาลงเปลี่ยนขบวน นอกจากนี้ในส่วนเนื้องานจะส่งผลให้รฟม.ประหยัดงบในการก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงสายสีเขียวเหนือเนื่องจากหากมีการเดินรถต่อเนื่องกันก็จะสามารถใช้ศูนย์ซ่อมบำรุงที่สถานีหมอชิตของบีทีเอสร่วมกันได้ ดังนั้นรฟม.จะต้องพิจารณาลดเนื้องานในส่วนศูนย์ซ่อมบำรุงบริเวณกม.25ลงไป ด้านสีเขียวใต้ที่ขณะนี้ดำเนินการก่อสร้างอยู่นั้นก็จะต้องให้เสร็จรวมทั้งยังส่งผลให้ประหยัดงบในการเวนคืนที่ดินลงด้วย นอกจากนี้คณะรัฐมนตรี(ครม.)ยังมีมติให้รฟม. เจรจากับบริษัทบีเอ็มซีแอลเพื่อเดินรถส่วนต่อขยายสายสีม่วงช่วงบางซื่อ-เตาปูนระยะทาง1กิโลเมตร ซึ่งรฟม.จะเร่งดำเนินการเจรจาเพื่อหายุติให้ได้โดยเร็วที่สุด.

//---------------------

ยันเจรจา BTS เดินรถสีเขียวใต้ “บิ๊กจิน” เร่ง รฟม.คุย กทม.ให้ได้ข้อยุติใน 4 เดือน


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤศจิกายน 2557 08:27 น.



คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ยันเจรจา BTS เดินรถสีเขียวใต้ “บิ๊กจิน” เร่ง รฟม.คุย กทม.ให้ได้ข้อยุติใน 4 เดือน



“ประจิน” ยันไม่ประมูลเดินรถสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) เรียก BTS เจรจาก่อน เร่ง รฟม.เจรจา กทม. วางกรอบร่วมกันให้ได้ข้อยุติใน 4 เดือน ก่อนเจรจาต่อรอง BTS ต่อไป

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ว่า ได้มอบนโยบายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เจรจา 3 ฝ่าย กรุงเทพมหานคร (กทม.) และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันกรณีรูปแบบการเดินรถเชื่อมต่อเพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งวิธีการเจรจากับ BTS จะเป็นการลงทุนที่มีความคุ้มค่ามากกว่าเปิดประกวดราคา โดยหลักการคือ รฟม.จะต้องเจรจากับ กทม.ก่อนเพื่อวางกรอบข้อตกลงร่วมกัน จากนั้นจึงจะเชิญทาง BTS มาเจรจาเป็นรายแรก แต่หากไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้สำเร็จจึงจะพิจารณาเอกชนรายอื่น

ทั้งนี้ เบื้องต้น รฟม.ได้ส่งผู้แทนไปเจรจากับ กทม.ในระดับปฏิบัติการแล้ว หลังจากนี้จะเป็นในส่วนของระดับนโยบาย คือปลัด และรัฐมนตรี โดยคาดว่าภายใน 4 เดือนการเจรจาร่วมกับ กทม.จะสรุปแนวทางในการเดินรถที่เชื่อมต่อมีความสะดวกมากที่สุด

พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า จะเร่งรัดให้รถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้เปิดเดินรถในปี 2561 ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 36 กม. วงเงิน 56,691 ล้านบาท สายสีเหลือง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 54,644 ล้านบาท และสายสีส้ม ตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ระยะทาง 20 กม. วงเงิน 95,108 ล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างในปี 2558-2559 และทยอยแล้วเสร็จในปี 2561-2562

รายงานข่าวแจ้งว่า ผลการหารือระหว่าง รฟม. กทม. และ BTS ในเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการนั้น กทม.พร้อมลงทุนงานระบบรถไฟฟ้าและเดินรถ ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้และสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ซึ่งหาก กทม.ได้รับผิดชอบทั้ง 2 โครงการจะมีความเป็นไปได้ที่ไม่จำเป็นต้องมีศูนย์ซ่อมบำรุงสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ โดย รฟม.ได้ขอให้ กทม.และ BTS ศึกษาความเป็นไปได้เพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ในการเจรจาเดินรถสายสีเขียวใต้นั้นนอกจากต้องเร่งรัดให้ได้ข้อสรุปแล้วยังต้องมีความช้ดเจนการเดินรถสายสีเขียวเหนือด้วย เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงของสายสีเขียวเหนือ ซี่งขณะนี้ รฟม.อยู่ระหว่างการประกวดราคาก่อสร้างงานโยธารถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ซึ่งมีงานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงรวมอยู่ด้วย หากมีการปรับเปลี่ยนจะกระทบต่อเงื่อนไขใน TOR ประกวดราคา

[Wisarut]

จับตา! ทำเลกรุงเทพฯ ตอนเหนือบูม "แลนด์ลอร์ด" งัดแผนพัฒนารับฮับรถไฟฟ้า - รับมือภาษีที่ดินใหม่
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
10 พฤศจิกายน 2557เวลา 13:00:06 น.


นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากข้อมูลฝ่ายวิจัยการตลาดและการลงทุนของบริษัทในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมาพบว่า ทำเลบริเวณห้าแยกลาดพร้าวและใกล้เคียงของถนนคู่ขนานถนนพหลโยธิน ตั้งแต่ช่วงรถไฟฟ้า BTS หมอชิต กับถนนวิภาวดีรังสิต มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก คอนโดมิเนียมที่เปิดตัวในย่านดังกล่าวราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 90,000-100,000 บาท/ตร.ม. และเชื่อว่าคอนโดมิเนียมใหม่ที่เปิดตัวราคาขายเริ่มต้นกว่า 100,000-120,000 บาท/ตร.ม. ขณะที่ราคาที่ดินที่มีการซื้อขายกันน่าจะขยับขึ้นเป็น 500,000-600,000 บาท/ตร.ว. เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนๆ ที่ราคาขาย 200,000 - 350,000 บาท/ ตร.ว

"เส้นวิภาวดีรังสิตน่าจะเป็นทำเลที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มทุนในการนำแลนด์แบงก์ออกมาพัฒนาและราคาที่อยู่อาศัยน่าจะปรับขึ้นทุกปี รวมถึงราคาที่ดินที่ซื้อขายเปลี่ยนมือน่าจะปรับขึ้นอย่างน้อย 30-40%"

นายกิติศักดิ์ให้ความเห็นเกี่ยวกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่า ยังไม่บังคับใช้จนกว่าจะถึงปี 2559 เนื่องจากประเมินภาษีอ้างอิงจากราคาประเมินที่ดิน ซึ่งขณะนี้ภาครัฐคงมีการประเมินราคาที่ดินใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น ราคาประเมินรอบใหม่จะประกาศใช้ในปี 2559

ทั้งนี้ จากการศึกษาเบื้องต้นพบมีทั้งข้อดี ข้อเสีย และผลกระทบต่อธุรกิจ ดังนี้

ข้อดี 1.ลดการถือครองที่ดินเพื่อเก็งกำไรในระยะยาว 2.ช่วยชะลอการชึ้นของราคาที่ดิน ซึ่งพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในส่วนที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง 3.เปลี่ยนจากการเสียภาษีบำรุงท้องที่สำหรับทรัพย์ส่วนกลางของนิติบุคคลอาคารชุด เป็นภาษีที่ดินสิ่งปลูกสร้างเชิงพาณิชย์ในอัตรา 0.5% แทน กล่าวคือค่าใช้จ่ายของนิติบุคคลอาคารชุดที่ต้องเสียภาษีบำรุงท้องที่สำหรับทรัพย์ส่วนกลาง โดยจ่ายเป็นภาษีที่ดินสิ่งปลูกสร้างใช้งานในเชิงพาณิชย์แทนในอัตรา 0.5% ของราคาประเมิน แต่ต้องติดตามเรื่องการคิดขนาดพื้นที่ส่วนกลางในการเก็บภาษีซึ่งจะมีเงื่อนไขหรือวิธีคิดอย่างไร

ส่วนข้อเสีย 1.เพิ่มคู่แข่งในการพัฒนาอาคารชุด เนื่องจากการทยอยนำแลนด์แบงก์ออกมาพัฒนา 2.ทำให้เกิดการแข่งขันการระบายสินค้าสต๊อก (Inventory) เพื่อลดภาระภาษีที่ดิน

ส่วนผลกระทบต่อธุรกิจในด้านต้นทุนและแนวทางในการพัฒนาโครงการนั้น คือจะส่งผลกระทบต่อการเลือกซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ โดยที่ดินขนาดใหญ่ต้องมีการแบ่งเป็นเฟสการพัฒนาโครงการ เป็นต้น

[Wisarut]

ความก้าวหน้าเรื่องการก่อสร้างทางรถไฟฟ้าไปปากน้ำ
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=n_QLUmARCvQ

[Wisarut]

รถไฟฟ้าสีเขียวสะดุดกึ้ก กทม.ขอเฟส1 สะพานใหม่/รฟม.ยันตลอดสาย
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ REAL ESTATE
ออนไลน์เมื่อ วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2014 เวลา 11:32 น.
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 3,001 วันที่ 16 - 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รฟม.-กทม.เสียงแตกแผนพัฒนารถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือเส้นหมอชิต-สะพานใหม่ -คูคต กทม.เสนอสร้างเฟสแรกถึงสะพานใหม่ อ้างไม่คุ้มค่าการลงทุน จำนวนผู้โดยสารมีน้อย ด้านรฟม.อยากให้ทำตามแผน สร้างถึงคูคต ลุ้นผลหารือข้อสรุป กทม.และบีทีเอส ฝ่ายบีทีเอส เผยขอใช้เดโปที่หมอชิต

alt แหล่งข่าวระดับสูงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ในการหารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เกี่ยวกับความร่วมมือพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ เส้นทางหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เมื่อเร็วๆนี้ว่า ยังไม่สามารถสรุปความชัดเจนได้ในหลายประเด็น โดย กทม.เสนอลงทุนสร้างสิ้นสุดแค่สะพานใหม่ ไม่ไปถึงคูคต เนื่องจากเห็นว่าไม่คุ้มค่าด้านการลงทุนอีกทั้งปริมาณผู้โดยสารมีจำนวนน้อย ในขณะที่ฝ่าย รฟม.เสนอให้ขยายแนวเส้นทางก่อสร้างไปสิ้นสุดที่คูคต

ในส่วนของศูนย์ซ่อมบำรุงหรือเดโปที่คูคตนั้น ฝ่าย กทม.เห็นว่าเดโปที่หมอชิตยังสามารถรองรับได้อย่างเพียงพอ ซึ่งทาง รฟม.ก็มีความเห็นเช่นเดียวกัน เพียงแต่เห็นว่าควรจะมีการก่อสร้างอาคารจอดรถตามที่รฟม.กำหนดไว้ 2 จุดคือที่ กม.25 และคูคต เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการรถไฟฟ้าได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

ประการสำคัญแนวเส้นทางดังกล่าวรฟม.ได้นำเสนอพ.ร.ฎ.เวนคืนไปแล้วพร้อมกับการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังมีชุมชนขนาดใหญ่อย่างโรงพยาบาลภูมิพล หน่วยงานราชการทหารอากาศ ศูนย์ประชุมกองทัพอากาศ สนามกีฬาธูปะเตมีย์ ตลอดจนย่านประตูกรุงเทพฯและยังเปิดโอกาสให้ชาวลำลูกกาที่อยู่กันอย่างหนาแน่นได้เข้าถึงบริการระบบขนส่งมวลชนสะดวกสบายยิ่งขึ้นจึงควรก่อสร้างรวดเดียวไปถึงคูคตตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อเร็วๆนี้

"แม้ว่ายังไม่สามารถสรุปได้ในขณะนี้คงต้องหารือร่วมกันอีกหลายรอบ เนื่องจากกทม.ขอให้ก่อสร้างช่วงสะพานใหม่-คูคตเป็นเฟสที่ 2 โดยขอรอดูช่วงหมอชิต-สะพานใหม่มีปริมาณการใช้บริการหนาแน่น เนื่องจากเกรงว่าหากก่อสร้างยาวไปถึงคูคตจะไม่คุ้มค่าด้านการลงทุนเนื่องจากช่วงเลยสะพานใหม่ไปแล้วไม่มีชุมชนหนาแน่นนั่นเอง มีเพียงหน่วยงานราชการอย่างทหารอากาศและโรงพยาบาลภูมิพลเท่านั้น"

ขณะที่นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการ/ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า บีทีเอสยังจะใช้เดโปที่หมอชิตซึ่งสามารถรองรับได้อย่างเพียงพอ อีกทั้งยังเห็นว่าเดโปที่บางปิ้ง สมุทรปราการน่าสนใจมากกว่า ประการสำคัญยังช่วยประหยัดงบประมาณการก่อสร้างได้อีกมาก แต่ยังคงไว้ซึ่งอาคารจอดรถเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนทั่วไป

ด้านนายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ว่า ปัจจุบันตลาดที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมจะหนาแน่นอยู่ในช่วงหมอชิตถึงช่วงตัดถนนรัชดาฯ เลยจากนั้นไปก็จะเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นหลัก ซึ่งคอนโดฯส่วนใหญ่จะอยู่ในซอย เนื่องจากพื้นที่ริมถนนยังคงเป็นตึกแถวที่มีผู้พักอาศัย ทั้งนี้หากโครงการมีความคืบหน้าตลาดที่อยู่อาศัยแนวรถไฟฟ้าก็คงจะเติบโตไม่รวดเร็วนัก โดยเฉพาะตามแนวเส้นถนนพหลโยธิน เนื่องจากยังมีตึกแถวพักอาศัยเป็นจำนวนมาก

อนึ่ง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (เหนือ) ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต มีระยะทาง 19 กม. มี 16 สถานี แนวเส้นทางเริ่มต้นที่สถานีหมอชิต ข้ามทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ผ่านแยกรัชโยธิน แยกเกษตรฯ ไปจนถึงบริเวณซอยพหลโยธิน 55 จากนั้นแนวเส้นทางจะเบี่ยงออกไปเลียบกับแนวถนนฝั่งขวาจนถึงอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญหรือวงเวียนหลักสี่ และเบี่ยงกลับมาแนวเกาะกลางถนนที่บริเวณซอยหมู่บ้านราชตฤณมัย ไปจนถึงบริเวณสะพานใหม่ หน้าตลาดยิ่งเจริญ และเมื่อถึงประมาณกม.ที่ 25 ของถนนพหลโยธินแนวเส้นทางจะเบี่ยงไปทางด้านทิศตะวันออก (ด้านเหนือของพื้นที่ประตูกรุงเทพฯ) ข้ามคลองสอง ผ่านบริเวณด้านข้างของสถานีตำรวจภูธรคูคต เข้าสู่บริเวณเกาะกลางของถนนลำลูกกา และสิ้นสุดที่บริเวณคลองสอง