ข่าวรถไฟฟ้าสีเขียวเข้ม(หมอชิต-สะพานใหม่) และเขียวอ่อน(แบริ่ง-ปากน้ำ)

[Mongwin]

ปิดยาวข้ามปีถนนพหลโยธิน ทำใจทุบทิ้งสะพาน "รัชโยธิน-เกษตร"
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 11 มิ.ย. 2558 เวลา 14:05:24 น.

เป็นที่ชัดเจนตั้งแต่เดือน ก.ย.นี้ "รฟม.-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย" จะปิดการจราจร "ถนนพหลโยธิน" เพื่อทุบทิ้งสะพานข้าม "แยกรัชโยธิน" เปิดหน้าดินรับตอม่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว "หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต" 18.7 กม.

"พีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล" ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า จากการหารือเบื้องต้นกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และกองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งแต่เดือนกันยายนที่จะถึงนี้จะเริ่มปิดการจราจรบนถนนพหลโยธินเป็นช่วง ๆ เพื่อให้ผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้าไปรื้อย้ายสะพานข้ามแยกรัชโยธิน จากนั้นเดือนพฤศจิกายนเป็นการรื้อสะพานข้ามแยกเกษตรศาสตร์ โดยคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการรื้อย้ายกว่า 2 ปี



โดยแยกรัชโยธินมีสะพานข้ามแยกสะพานขวางอยู่ หาก รฟม.สร้างโครงสร้างรถไฟฟ้าจะทำให้ต้องยกข้าม และมีระดับที่สูงเกินความจำเป็น จำเป็นต้องรื้อสะพานข้ามแยกออก และปรับเป็นสร้างอุโมงค์ทางลอดในแนวถนนรัชดาภิเษกแทน ส่วนแยกเกษตรศาสตร์จะรื้อและปรับโครงสร้างสะพานให้สั้นลงจากเดิม คงไว้เป็นสะพานขนาดเล็กข้ามทางแยก เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับสร้างสถานี

"ช่วงปิดการจราจรจะมีทางเลี่ยงแนะนำเพื่อให้ประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาในบริเวณดังกล่าวได้หลีกเลี่ยงรถติดเมื่อรื้อสะพานแล้วเสร็จระหว่างก่อสร้างเสาโครงสร้างรถไฟฟ้าบนเกาะกลางถนนพหลโยธินจะปรับสัญญาณไฟจราจรใหม่เป็น 4 แยก ขณะที่ช่องการจราจรจะถูกปรับลดลงไปด้วย อาจจะเหลือข้างละ 1-2 เลน เป็นต้น"

ทั้งนี้ "ผู้ว่าการ รฟม." กล่าวยอมรับว่า ช่วงที่ระหว่างก่อสร้างรถไฟฟ้าซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ปีนี้ จะทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวจะประสบปัญหารถติดมาก แต่อยากจะขอให้นักธุรกิจและประชาชนอดทน เนื่องจากรถไฟฟ้าเป็นโครงการมีความจำเป็น เมื่อสร้างเสร็จจะทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น

[Wisarut]

คจร.มอบประจินเร่งเจรจากทม. :สรุปเดินรถเขียวใต้-เหนือก.ค.นี้
ข่าวหุ้น
11 มิถุนายน 2558 เวลา 2:00:00

คจร.มอบ “ประจิน” เร่งเจรจา กทม.รับโอนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้-เหนือ เพื่อสรุปงานเดินรถภายในเดือนก.ค.นี้ พร้อมชี้ขาดสายสีส้มก่อสร้างตามแนวเส้นทางเดิม



พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการจัดการระบบการจราจรทางบก (คจร.) ที่มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วานนี้ (10 มิ.ย.) ได้มีมติเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นผู้เจรจากับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อรับงานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ แบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 12.8 กิโลเมตร พร้อมทั้งเจรจารวมไปถึงงานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 19.5 กิโลเมตรด้วย โดยให้ได้ข้อยุติเร็วที่สุดภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เนื่องจากมีความล่าช้ามามากแล้ว โดยเฉพาะเรื่องเดินรถสายสีเขียวใต้ที่ล่าช้ามา 2-3 เดือนแล้ว

ทั้งนี้ในการเจรจาสายสีเขียวเหนือจะใช้แนวทางเดียวกับสายสีเขียวใต้ด้วยหรือไม่นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับข้อเสนอของ กทม. แต่ยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไม่สามารถรับข้อเสนอของ กทม.ที่จะขอผ่อนชำระค่าก่อสร้างเป็นรายงวดรวม 10 ปี เพราะ รฟม.ต้องการให้ กทม.จ่ายค่าก่อสร้างทั้งหมดก่อนที่จะโอนโครงการให้เป็นกรรมสิทธิ์ของ กทม.

“ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงฯคิดว่าจะไม่รอ กทม.แล้ว และจะให้ รฟม.ดำเนินการเรื่องเดินรถสายสีเขียวใต้เองเลย แต่เมื่อวานนี้ปลัด กทม.เข้าร่วมประชุม คจร.ด้วย และยืนยันว่า กทม.พร้อมคุยเรื่องนี้ให้จบแล้ว เราจึงจะเร่งเจรจาให้ได้ข้อยุติแบบเร็วที่สุด โดยเฉพาะสายสีเขียวใต้ที่ล่าช้ามา 2-3 เดือนแล้ว และเราจะคุยสายสีเขียวเหนือร่วมไปด้วยเลย แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะโอนสายสีเขียวเหนือให้ กทม.แบบสายสีเขียวใต้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเรายังไม่เคยคุยเรื่องสีเขียวเหนือกันเลย ก็ต้องรอฟังก่อนว่า กทม.จะเสนออย่างไร” พล.อ.อ.ประจิน กล่าว

พล.อ.อ.ประจิน กล่าวต่อว่า คจร.ยังมีมติเห็นชอบให้ รฟม.ดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน-มีนบุรี ระยะทาง 38.8 กิโลเมตร ตามแนวสายทางเดิม ไม่ต้องปรับแนวเส้นทางเพื่อเลี่ยงชุมชนประชาสงเคราะห์ที่มีปัญหาคัดค้านโครงการ เนื่องจาก คจร.เห็นว่าแนวเส้นทางเดิมเหมาะสมและได้รับอนุมัติการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว ขณะปัจจุบันยังมีปัญหาการเวนคืนที่ดินประมาณ 184 ครัวเรือน ซึ่ง คจร.เชื่อว่า รฟม.สามารถแก้ปัญหานี้ได้ และควรเร่งดำเนินการโดยเร็วหลังจากปล่อยให้มีความล่าช้ามากว่า 2 ปีแล้ว

สำหรับขั้นตอนจากนี้ รฟม.ต้องรายงานให้คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.รับทราบมติ คจร. และนำส่งโครงการมายังกระทรวงคมนาคม เพื่อเตรียมเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออนุมัติโครงการ โดยสีส้มเฟสแรกที่จะเริ่มก่อสร้างก่อนคือฝั่งตะวันออก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี ระยะทาง 20.2 กิโลเมตร ส่วนเฟส 2 คือ ฝั่งตะวันตกบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ ระยะทาง 18.6 กม.

นอกจากนี้คาดว่าจะสามารถนำเสนอ ครม. เพื่อขออนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ระยะทาง 36 กิโลเมตร วงเงิน 56,691 ล้านบาท และสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร วงเงิน 54,644 ล้านบาท พร้อมกับสายสีส้มได้ ขณะที่วานนี้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบผล EIA โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ประจวบคีรีขันธ์ –ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงิน 17,293 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู จ.สตูล วงเงิน 203 ล้านบาทของกรมทางหลวงชนบทด้วย

//-----------------------------------------

ประจิน"นัดถกกทม.สรุปสายสีเขียว
ไทยโพสต์
12 มิถุนายน 2558 เวลา 00:08

“ประจิน” นัดถกปลัด กทม.สัปดาห์หน้า หาข้อสรุปเดินรถสายสีเขียว แบริ่ง-สมุทรปราการ แย้มอาจพ่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เผยไม่รับข้อเสนอขอเงินอุดหนุนรัฐ ยันต้องจ่ายคืนค่าก่อสร้างให้ รฟม.

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะนัดหารือกับ นายสัญญา ชีนิมิตร ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อหาข้อสรุปเรื่องที่จะให้ทาง กทม.เข้ามาบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 12.8 กม. และยืนยันไม่รับเงื่อนไขของ กทม. ที่ขอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยรับภาระให้เงินสนับสนุนบางส่วน

นอกจากนี้ มีแนวโน้มจะเจรจาการบริหารการเดินรถ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 19.5 กม.ไปพร้อมในคราวเดียวกันได้ ภายใต้เงื่อนไขที่ กทม.จะต้องจ่ายคืนค่าก่อสร้างโครงการทั้งหมดให้กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ด้วย

พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ที่มี ม.ร.ว.ปริดายาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีมติชัดเจนว่า มอบหมายให้อำนาจ รมว.คมนาคมเป็นผู้เจรจากับทาง กทม. เรื่องการบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้ง 2 ช่วง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้แจ้ง กทม.ว่าจะขอเจรจาการบริหารการเดินรถเฉพาะช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการก่อน แต่ กทม.ขอเจรจาทั้ง 2 ช่วงพร้อมกัน ซึ่งคงจะต้องฟังรายละเอียดและเงื่อนไขของ กทม.ด้วย

“เรื่องนี้ คจร.ให้อำนาจ รมว.คมนาคม ในการตัดสินใจ ว่าจะเจรจาเดินรถพร้อมกันทั้ง 2 ช่วงหรือไม่ แต่ส่วนตัวเห็นด้วยที่อยากให้เรื่องนี้จบลง ให้ทั้งเส้นทางสายสีเขียวมีผู้บริหารเดินรถรายเดียว เพื่อประโยชน์ประชาชน ทำให้เกิดการเดินรถแบบต่อเนื่อง ส่วนค่าใช้จ่าย ค่าก่อสร้างต้องไม่เป็นภาระให้กับ รฟม.เข้ามาแบกรับในอีก 10 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม จะเร่งเจรจาเรื่องทั้งหมดให้ได้ข้อสรุปภายในเดือน ก.ค.58 นี้“ พล.อ.อ.ประจินกล่าว

แหล่งข่าวจาก รฟม.กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.อ.ประจิน ได้มอบหมายให้ รฟม.เป็นผู้เจรจาหาข้อยุติกับ กทม.ในการได้สิทธิ์การบริหารการเดินรถสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ โดย กทม.จะต้องจ่ายคืนค่าก่อสร้างให้กับ รฟม.เป็นเงิน 17,092.21 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าก่อสร้าง 16,488.60 ล้านบาท และค่าที่ปรึกษางานโยธา 603.61 ล้านบาท แต่การเจรจาที่ผ่านมายังไม่มีข้อสรุป.

[Wisarut]

ไฟช็อตคนงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายแบริ่ง บาดเจ็บ


โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
13 มิถุนายน 2558 16:32 น. (แก้ไขล่าสุด 13 มิถุนายน 2558 16:35 น.)


คนงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว แบริ่ง-สมุทรปราการ ถูกไฟฟ้าช็อต ขณะร้อยลวดสลิงบนทางก่อสร้างสูงจากพื้น 10 เมตร บาดเจ็บ โชคดีเจ้าหน้าที่ช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ ( 13 มิ.ย.) เกิดเหตุกระแสไฟฟ้าช็อตคนงานก่อสร้างทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ โดยที่เกิดเหตุบริเวณก่อสร้างทางรถไฟฟ้า ที่สูงจากพื้นประมาณ 10 เมตร ช่วงหน้าหน้าบิ๊กซีจัมโบ้ ถ.สุขุมวิท ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ

ที่เกิดเหตุพบร่าง นายเลต้า เค้าละมุล อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77 ม.8 ต.บ้านต้อง อ.เซกา จ.บึงกาฬ เป็นคนงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทำหน้าที่ร้อยลวดสลิงใส่ท่อบนทางก่อสร้าง ถูกกระแสไฟฟ้าช็อต ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลที่บริเวณหน้าท้อง และข้อมือด้านซ้าย ถูกเพื่อนคนงานด้วยกันหามลงมาส่งต่อให้ ทางรถเจ้าหน้าที่กู้ชีพนำส่งต่อโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาที่โรงพยาบาลเมืองสมุทร ปู่เจ้า โดยล่าสุดทางแพทย์ให้พักรักษาตัวในห้อง ICU ซึ่งมีบาดแผลไฟลวกประมาณร้อยละ 25 ของร่างกาย

ภรรยาผู้ตายเล่าว่าก่อนเกิดเหตุนายเลต้า ได้ขึ้นไปทำงานงานและทำหน้าที่ร้อยสายสลิงใส่ท่อ ตามปกติ จากนั้นได้ยินเสียงตนงานร้องตะโกนโวยวายว่าสามีถูกไฟช็อต จึงรีบวิ่งมาดูจากนั้นได้มีเพื่อนคนงานช่วยกันหามร่างสามีลงมาตามบันไดก่อสร้าง เพื่อส่งให้รถพยาบาลมารับไปรักษา ส่วนตัวเองตกใจมากยังทำอะไรไม่ถูก แต่ได้ติดต่อญาติพี่น้องของสามี เพื่อให้มาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บแล้ว

[Wisarut]

รฟม.ถกกทม.ทุบรัชโยธิน-ปิดขาเข้าถ.จรัญฯ 4ทุ่ม-ตี5 ทำตอม่อรถไฟฟ้า


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
15 มิถุนายน 2558 07:03 น. (แก้ไขล่าสุด 15 มิถุนายน 2558 07:28 น.)

นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการ รฟม. เปิดเผยว่า ขณะนี้ กทม.ยังไม่เห็นชอบให้ รฟม. เข้าใช้พื้นที่เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เพราะยังกังวลเรื่องผลกระทบด้านจราจรในระหว่างการก่อสร้าง รวมถึงแบบสะพานข้ามแยกรัชโยธิน ซึ่ง กทม.มีแนวคิดจะให้ปรับจากอุโมงค์เป็นสะพานตามเดิม ทาง รฟม.พยายามติดตามและประสาน กทม. เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเป็นระยะ ทั้งโดยตรงและผ่านทางผู้แทน กทม.ที่ร่วมเป็นคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

สำหรับแผนการจัดจราจรระหว่างก่อสร้างที่แยกรัชโยธิน อาจจะกระทบต่อการเดินทางของประชาชนที่ใช้ถนนรัชดาภิเษก อาจต้องเลี่ยงไปใช้ถนนวิภาวดีรังสิตแทน รวมถึงการปรับเปลี่ยนการเดินรถบางจุด ซึ่งรายละเอียดผู้รับเหมาจะประสานกับตำรวจเพื่อศึกษาหาแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อให้กระทบต่อผู้ใช้รถน้อยที่สุดเช่นกัน ส่วนรูปแบบอุโมงค์ทางลอดแยกรัชโยธิน รฟม.มีความเห็นว่า น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม สอดรับกับอุโมงค์แยกห้วยขวาง สุทธิสาร ซึ่งหลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จ คาดว่าประสิทธิภาพการเดินทางบนถนนรัชดาภิเษกจะสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า กิจการร่วมค้า เอสเอช-ยูเอ็น ผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ (สัญญาที่ 3) จะดำเนินงานก่อสร้างฐานรากและเสาตอม่อรถไฟฟ้า จึงมีความจำเป็นต้องปิดจราจรถนนจรัญสนิทวงศ์ฝั่งขาเข้า โดยเริ่มจากปากอุโมงค์บริเวณคลองบางยี่ขันถึงแยกบรมราชชนนี ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน ถึง 31 กรกฎาคม 2558 เวลา 22.00-05.00 น. โดยขอให้ผู้ใช้เส้นทางวางแผนการเดินทาง ดังนี้

1.รถที่มาจากแยกบางพลัดและต้องการไปแยกอรุณอมรินทร์, สะพานพระปิ่นเกล้า, บางขุนนนท์ และสายใต้ใหม่ ให้ลงอุโมงค์แล้วกลับรถบริเวณซอยจรัญฯ 34 จากนั้นรถที่จะมุ่งหน้าไปสายใต้ใหม่ ให้เลี้ยวซ้ายที่แยกบรมราชชนนี ส่วนรถที่จะมุ่งหน้าไปแยกอรุณอมรินทร์ หรือสะพานพระปิ่นเกล้า ให้เลี้ยวขวาที่แยกบรมราชชนนี
2.รถฝั่งขาออกที่จะมุ่งหน้าไปบางพลัดให้ลงอุโมงค์หรือตรงผ่านแยกไฟแดงตามเส้นทางปกติ 3.รถที่จะเข้าซอยจรัญฯ 40 ให้วิ่งย้อนศร แล้วกลับรถหน้าซอยจรัญฯ 34 แล้ววิ่งตามทางที่จัดไว้

รายละเอียดสอบถาม แผนกสื่อสารองค์กร กองสื่อสารองค์กร รฟม. โทร. 0-2716-4000 ต่อ 1720

[Wisarut]

ฝ่าเกมยื้อรถไฟฟ้าสายสีเขียว
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ-คมนาคม
ออนไลน์เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558วลา 16:55 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,061 วันที่ 14 - 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ฝ่าเกมยื้อรถไฟฟ้าสายสีเขียว ‘บีทีเอส’ วัดใจรัฐบาล‘บิ๊กตู่’


รถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือรถไฟฟ้าบีทีเอสที่ชาวกรุงเทพมหานคร(กทม.)ตลอดจนคนต่างจังหวัดเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯคุ้นเคยชื่อกันดีในปัจจุบันหากติดตามข่าวมาตั้งแต่เริ่มโครงการจะพบว่าต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ ทำเอา "คีรี กาญจนพาสน์" ผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอสแทบเอาตัวไม่รอดมาแล้ว
วันนี้(รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี)รถไฟฟ้าสายสีเขียวเปิดให้บริการครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น เส้นทางสายสุขุมวิทไปสิ้นสุดที่แบริ่ง ส่วนเส้นทางสายสีลมไปสิ้นสุดที่บางหว้า แต่กว่าการก่อสร้างจากอ่อนนุชไปสิ้นสุดที่แบริ่งจะเปิดให้บริการได้ต้องใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะเคลียร์ปัญหาต่างๆจนลงตัว โดยช่วงนั้นกทม.ได้ "ธีระชน มโนมัยพิบูลย์" รองผู้ว่าฯกทม. รับผิดชอบเร่งผลักดันโครงการนี้ ไล่บี้กันแบบเกาะติดจนตัดงบประมาณที่ตรวจพบว่ามีผู้นำไปแอบซ่อนไว้ในรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆออกไปได้มูลค่ากว่าพันล้านบาท
ปัจจุบันบีทีเอสสายสุขุมวิทอยู่ระหว่างการก่อสร้างส่วนต่อขยายไปถึงสมุทรปราการซึ่งคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2551 ได้มีมติเห็นชอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ และช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ โดยช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ล่าสุดมีความคืบหน้าการก่อสร้างไปแล้วกว่า 60% แม้จะก่อสร้างได้เร็วโดยช่วงนี้ที่รฟม. เป็นเจ้าภาพลงทุนก่อสร้างเส้นทาง ส่วนการวางระบบไฟฟ้า อาณัติสัญญาณ การเดินรถ ยังเจอปัญหารอบใหม่ให้ล่าช้าอีกแล้ว นั่นก็คือจะเจรจาตรงให้บีทีเอสวิ่งให้บริการ หรือจะให้รฟม.จัดการเดินรถเอง พบว่าผ่านไปเกือบปียังหาข้อสรุปชัดเจนไม่ได้
++"ประจิน" เจรจากทม.แล้วเสร็จก.ค.นี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมาการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก(คจร.)มีมติให้พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคมไปเจราจากับกทม.ถึงเงื่อนไขและรายละเอียดต่างๆทั้งเรื่องภาระหนี้ในงบประมาณการก่อสร้างที่รฟม.ใช้ลงทุนในครั้งนี้ว่ากทม.จะพร้อมรับภาระหนี้นี้ไปได้หรือไม่ ซึ่งกทม.เสนอขอผ่อนชำระค่าก่อสร้างรวมแล้วเป็นรายงวด ระยะเวลา 10 ปี แต่รฟม.ต้องการให้กทม.จ่ายค่าก่อสร้างทั้งหมดก่อนที่จะโอนโครงการให้เป็นกรรมสิทธิ์ของกทม. ตลอดจนเรื่องการว่าจ้างให้บีทีเอสเดินรถเชื่อมโยงกับเส้นทางปัจจุบันที่วิ่งให้บริการอยู่แล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากที่สุดโดยไม่ต้องเดินเปลี่ยนถ่ายสถานีให้วุ่นวายนั่นเอง โดยให้ข้อสรุปภายในเดือนกรกฎาคมนี้
++กทม.ยื้อรอบใหม่สายสีเขียวเหนือ-ใต้ยุคคสช.
นอกจากต่อขยายไปถึงสมุทรปราการแล้ว วันนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ยังต่อขยายจากหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ได้รับอนุมัติให้ก่อสร้างได้แล้วช่วงที่มีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เป็นรมว.คมนาคม จัดอยู่ในช่วงที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กุมอำนาจในรัฐบาล โดยรฟม.เป็นเจ้าของโครงการ
รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ช่วงนี้ถูกยื้อให้ล่าช้ามาแล้วในปมรฟม.ขอใช้พื้นที่ช่วงเขตบางเขนแต่กลับไม่ได้รับอนุญาตจากกทม.จนต้องปรับแนวเส้นทางหลบหลีกกันอุตลุด ต้องยื่นขออีไอเอใหม่ ต้องเสนอความเห็นต่อกรมศิลปากรใหม่เพื่อเลี่ยงผลกระทบต่ออนุสาวรีย์บางเขนนั่นเอง แต่ปมปัญหาเหล่านี้ก็ค่อยคลี่คลายลงไปจนนำไปสู่การประมูลก่อสร้างจนได้ในที่สุด
วันนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือส่อแววยื้อรอบใหม่ หวั่นซ้ำรอย เพราะกทม.ดึงเกมไม่ให้พื้นที่ช่วงเขตบางเขนหลังผลการเจรจารฟม.-กทม.ยังไม่ลงตัว วงในเผยอาจนำไปสู่การเป็นเงื่อนไขเจรจาบีทีเอสเดินรถส่วนต่อขยายทั้งช่วงคูคตและช่วงสมุทรปราการ เพื่อแลกสิทธิ์ต่อกันระหว่างกทม.-กระทรวงคมนาคม-บีทีเอส
ปมปัญหาใหญ่อยู่ที่การขออนุญาตเข้าพื้นที่ก่อสร้างช่วงแยกรัชโยธิน แยกเสนานิคม แยกเกษตรศาสตร์ แยกวงเวียนหลักสี่ ที่กทม.เป็นเจ้าของพื้นที่ หาก รฟม.จะเข้าพื้นที่รื้อย้ายสะพานข้ามแยกหรือก่อสร้างในจุดใดๆก็ตามจะต้องผ่านความเห็นชอบจากกทม.ก่อนทุกครั้ง
ประเด็นสำคัญที่นำไปสู่มุมมองที่ว่าอาจจะเป็นการยืดเยื้อรอบใหม่นั้นเนื่องจากเกรงว่าจะมีการนำประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการไปอ้างอิงหรือเป็นเงื่อนไขต่อรองด้วย เนื่องจากช่วงหนึ่งจะอยู่นอกพื้นที่กทม.จึงต้องดำเนินการเรื่องตามระเบียบเพื่อไม่ให้ขัดต่อพ.ร.บ.ของรฟม. นั่นเอง
++ย้อนรอยยื้อสายสีลม จากสะพานสาทรไปฝั่งธน
ปัญหาความล่าช้าการเปิดบริการรถไฟฟ้าที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ อาจจะซ้ำรอย สายสีลม ช่วงสะพานสาทรไปจนถึงบางหว้า กว่าจะข้ามสะพานสาทรไปยังฝั่งธนบุรี เพียง 2 สถานีคือสถานีกรุงธนบุรีกับสถานีวงเวียนใหญ่ ล่าช้าไปหลายปีเพราะปมปัญหาเจรจาด้านการลงทุนระหว่างรัฐบาลพรรคไทยรักไทยยุค "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นนายกรัฐมนตรี กับกทม.ที่มี "หล่อเล็ก" อภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯกทม.โดยมีพรรคประชาธิปัตย์คอยเป็นแบ็กอยู่เบื้องหลัง แต่ก็ฝ่าฟันไปจนได้
แต่ใช่ว่าช่วงต่อมาจะราบรื่น ระหว่างการก่อสร้างสถานีวงเวียนใหญ่ไปจนถึงสถานีตลาดพลู ช่วงนี้พรรคเพื่อไทยครองเก้าอี้ในรัฐบาลยังส่งผลกระทบจนได้ เหตุกทม.ไม่มีงบประมาณไปลงทุนโครงการขนาดใหญ่จึงต้องใช้งบด้วยความระมัดระวัง แต่ด้วยความพยายามของกทม.กับแนวทางการดำเนินธุรกิจด้านขนส่งมวลชนสอดคล้องกับกลุ่มบีทีเอส กรุ๊ปที่มี "คีรี กาญจนพาสน์" เป็นหัวเรือใหญ่ก็ได้ก่อสร้างและเปิดให้บริการจนสำเร็จ
เท่านั้นยังไม่พออีก 2 สถานีที่เหลือคือสถานีวุฒากาศและสถานีบางหว้าก็ยังมีให้ลุ้นตามมาอีกเช่นเคย โดยเฉพาะปมหม้อแปลงจ่ายกระแสไฟฟ้าที่จะต้องลากจากช่วงสถานีที่เปิดให้บริการไปแล้วให้จ่ายไฟฟ้าไปยังสถานีบางหว้าเนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างต้องขออนุญาตใช้พื้นที่ของกรมทางหลวงชนบท(ทช.)ที่ขึ้นตรงกับกระทรวงคมนาคมที่มีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นรมว.คมนาคม สังกัดพรรคเพื่อไทยไปดำเนินการ
กว่าจะติดตั้งได้ต้องผ่านกระบวนการพิจารณาหลายเดือนเลยทีเดียว

[Mongwin]

รถไฟฟ้าสีเขียวมึน! กทม.ขวางปิดแยกรัชโยธิน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 17 มิ.ย. 2558 เวลา 18:05:52 น.

กทม.หวั่นรถติดหนึบแยกรัชโยธิน หลังทุบสะพานทิ้ง วางตอม่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว "หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต" จี้ รฟม.ทำแผนจัด "จราจร-ทางลัด-ทางเลี่ยง" ส่ง ก่อนทุบโต๊ะส่งมอบพื้นที่ ผู้ว่าการ รฟม.ลั่นทุกอย่างต้องเคลียร์ให้จบก่อน 1 ก.ย.

แหล่งข่าวจากสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ กทม.อยู่ระหว่างประเมินผลกระทบจากการรื้อสะพานข้ามแยกรัชโยธิน ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศ (รฟม.) เสนอก่อสร้างเป็นรูปแบบอุโมงค์ทางลอดแทน เนื่องจากจะต้องใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี จะทำให้เกิดปัญหารถติดหนัก ในช่วงที่ทุบสะพานข้ามแยกทิ้ง

เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาดังกล่าว ล่าสุดได้เชิญ รฟม.และผู้รับเหมามาหารือใหม่อีกครั้ง โดยจะขอให้คงสะพานข้ามแยกไว้ดังเดิม แต่จะมีปัญหาคือ รฟม.จะต้องไปแก้ไขสัญญาก่อสร้างกับบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากมีการปรับแบบรายละเอียดการก่อสร้างโครงการใหม่ อีกทั้งจะทำให้ รฟม.ส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาล่าช้าออกไปอีก จากเดิมจะเป็นวันที่ 1 กันยายน 2558 นี้

"ยังไม่สรุป รอให้ รฟม.ทำแผนการก่อสร้างและการจัดจราจรให้ดูก่อน แต่ก็เป็นทางเลือกที่ กทม.อยากจะเสนอ เพราะเรามีประสบการณ์จากที่ปิดซ่อมสะพานรัชโยธิน 1 เดือน พบว่ามีปัญหารถติดมาก และครั้งนี้ปิด 3 ปีคาดว่าน่าจะได้รับความเดือดร้อนมากกว่าหลายเท่า"

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ส่วนสะพานข้ามแยกเกษตรศาสตร์ถึงจะปิดการจราจร คาดว่าผลกระทบจะไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับแยกรัชโยธิน เนื่องจากเป็นการรื้อและสร้างกลับคืนมาเหมือนเดิม โดยโครงสร้างสะพานจะอยู่ใต้โครงสร้างรถไฟฟ้า

นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า ขณะนี้ รฟม.กำลังทำความเข้าใจกับ กทม.เพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนวันที่ 1 กันยายนนี้ ซึ่งจะเป็นวันที่ให้ผู้รับเหมาก่อสร้างเข้าพื้นที่ เพื่อรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคและสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวางการก่อสร้างในแนวเส้นทางรถไฟฟ้า

"จริง ๆ กทม.กับ รฟม.มีข้อตกลงเดิมอยู่แล้วก่อนหน้านี้จะทุบสะพานทิ้งแล้วสร้างอุโมงค์ทางลอดแทน ก่อนที่ รฟม.จะเปิดประมูลและเซ็นสัญญาก่อสร้าง ก็ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ กทม.ถึงจะมาขอให้ปรับรูปแบบใหม่ ซึ่ง รฟม.มีประสบการณ์ก่อสร้างรถไฟฟ้ามาหลายสายแล้ว เรื่องการบริหารจัดการจราจรระหว่างก่อสร้างไม่น่าจะมีปัญหา เพราะจะมีทางเลี่ยงให้ประชาชนใช้ในการเดินทางอยู่แล้ว"

แหล่งข่าวจาก รฟม.กล่าวว่า ก่อนที่ รฟม.จะสรุปสร้างอุโมงค์ทางลอดแทนสะพานข้ามแยกรัชโยธินนั้น มีการศึกษากันมานานและมีหลายท่านมาร่วมพิจารณารูปแบบก่อสร้าง และในช่วงระหว่างก่อสร้าง รฟม.จะมีจัดทางเลี่ยงและใช้เส้นทางลัดในซอยเชื่อมระหว่างถนนสายหลักคือ ถนนพหลโยธินกับถนนรัชดาภิเษก อีกทั้งอาจจะมีการออกมาตรการห้ามจอดรถหน้าบ้านในซอยย่อย เพื่อให้การจราจรในซอยไม่ประสบปัญหารถติด ซึ่งจะมีการหารือกับตำรวจจราจรในพื้นที่ต่อไป

"ก่อนหน้านี้ กทม.ไม่ยอมให้พื้นที่ รฟม.สร้างรถไฟฟ้าสีน้ำเงินส่วนต่อขยายสามแยกไฟฉายมาแล้ว เพราะ กทม.มีโครงการอุโมงค์ทางลอด จนทำให้การก่อสร้างรถไฟฟ้าล่าช้าจากแผนงานไป 1,500 วัน ตอนนี้จะออกมาติงเรื่องการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยายจากหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต โดยนำเรื่องการรื้อสะพานข้ามแยกรัชโยธินมาเป็นประเด็นหารือ ก็ไม่ทราบว่าขณะนี้ กทม.กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ รฟม.ขอยืนยันว่าควรจะสร้างอุโมงค์ทางลอดเหมือนเดิม เพราะทุกอย่างผ่านการพิจารณามาหมดแล้ว ก่อนที่จะเซ็นสัญญาก่อสร้าง ถ้ามาปรับใหม่จะทำให้เสียเวลาออกไปอีก" แหล่งข่าวกล่าว

[Wisarut]

โอนเดินรถสีเขียวยืดยันกทม.ต้องรับภาระหนี้
ประชาชาติธุรกิจ
22 มิถุนายน พ.ศ. 2558


พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างนัดหมายทาง กรุงเทพมหานคร (กทม.) และผู้เกี่ยวข้องเพื่อหารือถึงการดำเนินโครงการรถไฟฟ้า เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ระยะทาง 13 กม. ซึ่งก่อนหน้านี้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)ได้เจรจากับ กรุงเทพมหานคร (กทม.)ให้รับโอนการเดินรถแต่ยังไม่มีข้อสรุป โดยครั้งนี้ต้องการเจรจาให้ได้ข้อยุติภายในเดือน ส.ค.นี้ เพื่อรายงานผลต่อที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ในการประชุมครั้งต่อไปในอีก 3 เดือนข้างหน้า

พร้อมกันนี้จะหารือถึงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มแนวเส้นทางโครงการ รถไฟฟ้า สายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม ระยะทาง 17.5 กม. ซึ่งมีเรื่องแนวเส้นทางนั้นเกี่ยวข้องกับมวลชน จึงต้องให้ทางกทม.มารับทราบข้อมูล และช่วย

ในเรื่องการดูแลมวลชนด้วย นอกจากนี้จะหารือถึงการเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย(หัวลำโพง-บางแคและบางซื่อ-ท่าพระ) ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการนำเสนอเพื่อพิจารณาตามมติคณะกรรมการมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.รวมทุนฯ 35) ที่ให้เจรจาตรงกับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL

ทั้งนี้ ในส่วนของการโอนงานเดินรถสายสีเขียวใต้นั้น ต้องการให้ กทม.สรุปความชัดเจนในกรณีการรับหนี้สินที่ รฟม.ได้ลงทุนก่อสร้างค่างานโยธาไปแล้วด้วยทันที ในขณะที่ กทม.เสนอขอผ่อนชำระและขอให้รัฐช่วยสนับสนุน กทม. เหมือนที่สนับสนุน รฟม.โดยขอให้กระทรวงการคลังค้ำประกันด้วยนั้น ทาง กทม.จะต้องไปหารือกับกระทรวงการคลังให้ได้ความชัดเจน รวมถึงกรณีที่ กทม.ต้องเดินรถไฟฟ้าออกนอกเขตพื้นที่ กทม.นั้น จะต้องไปหารือกับทางจังหวัดสมุทรปราการ ว่ามีคำตอบหรือคำยืนยันจากท้องถิ่นที่ชัดเจนอย่างไร

ส่วนกรณีที่ กทม.เสนอขอรับโอนการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (หมอชิตสะพานใหม่-คูคต) ไปด้วยนั้น เรื่องนี้ กระทรวงคมนาคมได้นำหารือในที่ประชุม คจร.แล้ว และได้มีมติให้ รมว.คมนาคมพิจารณาความเหมาะสมได้ ดังนั้น ในการหารือครั้งต่อไป หาก กทม.มีความชัดเจนและข้อเสนอที่มีความเหมาะสม สามารถยอมรับได้ก็เชื่อว่าจะเจรจาได้ข้อยุติร่วมกันได้ โดยเห็นว่าการที่ กทม.ขอรับงานเดินรถสายสีเขียวเหนือไปด้วยนั้น เพื่อจะสามารถบริหารและวางแผนการเดินรถได้คุ้มทุนมากขึ้น ซึ่งการเจรจาเดินรถทั้ง 2 ส่วน ถือเป็นแนวทางที่ดีแต่ก่อนหน้านี้ ขั้นตอนการดำเนินงานของ 2 ส่วน ไม่พร้อมกัน กระทรวงคมนาคมจึงเจรจาในส่วนของการเดินรถสายสีเขียวใต้ก่อน

"ทางกระทรวงคมนาคมยังคงยึดหลักการที่ต้องการให้ กทม.รับภาระค่าลงทุนสายสีเขียวใต้ไปทันที ซึ่งการเจรจาเดินรถสายสีเขียวเหนือจะใช้หลักการเดียวกันกับสีเขียวใต้ ส่วนเงื่อนไขจะยืดหยุ่นแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับเหตุผลในการเจรจาซึ่งยังบอกตอนนี้ไม่ได้ ต้องดูข้อเสนอของ กทม.อีกครั้ง โดยเป้าหมายจะเร่งสรุปผลการพิจารณาการเดินรถสายสีเขียวเหนือและ ใต้ ภายใน 2 เดือน หรือในเดือน ส.ค. 2558 นี้ได้แน่นอนและจะสามารถเสนอต่อที่ประชุม คจร.ในครั้งต่อไปได้ การเจรจาเดินรถสายสีเขียวใต้และสีเขียวเหนือพร้อมกันไปด้วย หวังว่าจะทำให้การเจรจาได้ข้อยุติเพราะทางคมนาคมมีข้อมูลในใจอยู่ แล้วและการที่คจร.มอบอำนาจให้ รมว.คมนาคมพิจารณาในส่วนของเดินรถสีเขียวเหนือไปด้วยได้ ทำให้การเจรจามีความ คล่องตัวมากกว่าเดิม" พล.อ.อ.ประจินกล่าว

สำหรับสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) มีวงเงินลงทุนที่ กทม.ต้องจ่ายคืนให้ รฟม. จำนวน 17,092.21 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้างงานโยธา 16,488.60 ล้านบาท และค่าที่ปรึกษางานโยธา 603.61 ล้านบาทซึ่ง รฟม.ยังคงเป้าหมายแผนการ เปิดเดินรถในปี 2563 ส่วน สายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) วงเงินค่าก่อสร้าง 28,786 ล้านบาท

//----------------------------

เกมลึก ‘กทม.’ยื้อส่งมอบพื้นที่ รฟม.
ประชาชาติธุรกิจ
22 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 21:17:12 น.


มีความเคลือบแคลงไม่น้อยกับท่าทีล่าสุดของ "กทม.กรุงเทพมหานคร" กลับลำให้ "รฟม.-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน แห่งประเทศไทย" เปลี่ยนจากทุบสะพานข้ามแยกรัชโยธิน ให้คงไว้เหมือนเดิม ผิดจากข้อตกลงก่อนหน้านี้ ที่ยอมให้ "รฟม." ทุบสะพาน สร้างอุโมงค์ลอดแนวถนนรัชดาภิเษกแทน โดย "รฟม." จะ ออกค่าก่อสร้างให้กว่า 1,000 ล้านบาท รวมเข้ากับค่างานสัญญาที่ 1 ของ "บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์"เพื่อเคลียร์พื้นที่ รับตอม่อรถไฟฟ้า สายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ++หากหาข้อยุติไม่ได้ อาจจะกระทบชิ่งส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้ผู้รับเหมา ที่กำหนดเริ่มงาน 1 ก.ย.นี้

จากท่าที กทม.ถูกตั้งคำถามว่า ทำไมถึงมากลับลำในช่วง "รัฐบาล คสช." กำลังจะพิจารณาสัญญาสัมปทานเดินรถสาย สีเขียว จะให้ "รฟม.หรือ กทม." เป็นผู้รับผิดชอบเดินรถทั้ง 2 ช่วง "หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต" และ "แบริ่ง-สมุทรปราการ"

หลัง "คจร.-คณะกรรมการพัฒนาระบบการจราจรทางบก" มี ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นประธานนัดแรก 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา ไม่ฟันธงจะให้ใครเดินรถ กลับให้เวลา รฟม. กทม. และ บมจ.ระบบขนส่งมวลชน กรุงเทพ หรือ "บีทีเอส" หาข้อสรุปร่วมกันให้เสร็จ ก.ค.นี้ มี "บิ๊กจิน-พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง"เจ้ากระทรวงคมนาคม กำกับ ดูแล รฟม.ตรง เป็นผู้เจรจา ภายใต้เงื่อนไขให้เดินรถต่อเนื่อง และประชาชนได้ประโยชน์ ไม่ต้อง ลงจากสถานีที่เป็นรอยต่อทั้ง "หมอชิตและแบริ่ง"

หรือนี่คือยุทธวิธีที่ "กทม." อยาก เอาคืน "รฟม." หวังบีบให้โอนรถไฟฟ้า สายสีเขียวอยู่ในอ้อมอกอีกครั้ง หลัง "รัฐบาลเพื่อไทย" ล้างมติปี'51 ให้ รฟม.เป็นผู้สร้างสายสีเขียวทั้ง 2 ช่วง และให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาให้ รฟม.กำกับ ดูแลสัมปทานบีทีเอสแทน กทม. เพื่อให้เดินรถต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันก็เป็นข้อต่อรองให้ "รฟม." จ้างบีทีเอสเดินรถโดยไม่เปิดประมูล และยอมรับเงื่อนไข "กทม." ที่ยินดีจะ รับโอนทรัพย์และหนี้จากค่าก่อสร้างสายสีเขียวช่วง "แบริ่ง-สมุทรปราการ" ที่ รฟม.ควักไป 1.7 หมื่นล้านบาท แต่ขอปลอดหนี้ 10 ปีแรก จะเริ่มชำระคืนปีที่ 11-30

ทั้งที่สัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว มีโครงข่ายเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส ยังไงไม่พ้นมือ "บีทีเอส" ของเจ้าสัว คีรี กาญ จนพาสน์ เพียงแต่ "รัฐบาล คสช." จะหาทางออกยังไง ไม่ให้เกิดข้อครหา มี 2 ทางเลือก "จ้างตรง" กับ "เปิดประมูล" แต่กรณี หลังจะต้องเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2556 ใช้เวลาขั้นต่ำ 1 ปี กว่าจะเจรจาจบ

ขณะที่โครงสร้างงานโยธาช่วง "แบริ่งสมุทรปราการ" 12.8 กิโลเมตร ปัจจุบันก่อสร้างคืบหน้าเกิน 54% ถ้าหาเอกชน เดินรถได้เร็ว มีแนวโน้มเปิดบริการปี'61-62 จากกำหนดเดิมปี'63

"ถ้างานก่อสร้างเสร็จแล้ว ยังไม่ได้ ผู้เดินรถ รฟม.ต้องขอเงินรัฐบาลมาดูแลรางอย่างน้อย 3 ปี รวม 720 ล้านบาท" แหล่งข่าว จาก รฟม.กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ"

แหล่งข่าวย้ำว่า จะเหมือนกับสาย สีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) ที่ รฟม.สร้างเสร็จ แต่ใช้เวลาเป็นปีกว่าจะเจรจาลงตัวกับ "บีเอ็มซีแอล-บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ" ทำให้ รฟม.เสียค่าดูแลรางเดือนละ 20 ล้านบาท จนถึง ต.ค.นี้ จึงมีรถไฟฟ้ามาวิ่ง ทดสอบและเปิดใช้ไม่เป็นทางการ 5 ธ.ค. 2558

เช่นเดียวกับสายสีน้ำเงินต่อขยาย "บางซื่อ-ท่าพระ" และ "หัวลำโพง-บางแค"27 กิโลเมตร ยังลุ้นว่าบอร์ดสภาพัฒน์ และกระทรวงการคลังจะเห็นด้วยกับ "รฟม." ที่เสนอให้เจรจาตรง "บีเอ็มซีแอล"ผู้รับสัมปทานเดินรถใต้ดินเดิมหรือไม่ ใน เมื่อสัญญานี้อยู่ในข้อตกลงสัญญาคุณธรรม ที่ "รัฐบาล คสช."นำมาใช้สแกนโครงการให้โปร่งใส

ว่ากันว่า หากยังไม่ลงตัวปีนี้ มีหวังเป้าหมายเปิดบริการปี'62 คงหลุดอีกเป็นครั้งที่ 2 ขณะที่การก่อสร้างรุดหน้ากว่า 62% กำหนดเสร็จปี'60

จากกรณีของ "รฟม." นึกย้อนไปถึงรถไฟสายสีแดง "บางซื่อ-ตลิ่งชัน" 15 กิโลเมตร ของ "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่ง ประเทศไทย" ที่สร้างเสร็จปี'55 แต่เสียค่าดูแลรางเดือนละหลายสิบล้านบาท ระหว่างรอข้อสรุปสัญญา 3 งานจัดหาระบบรถ และเครื่องกลสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต ที่ "ร.ฟ.ท." รวมในสัญญาเดียว จึงช้ายกแผง เพราะผ่านมากว่า 2 ปี เพิ่งต่อรองราคากับซัพพลายเออร์ญี่ปุ่น "กลุ่ม MHSC" ประกอบด้วย มิตซูบิชิเฮฟวี่- ฮิตาชิ-สุมิโต โม ตั้งเป้าอยู่ในวงเงิน 30,500 ล้านบาท จากที่เสนอมา 32,000 ล้านบาท แต่มีแนวโน้มพบกันที่ 31,000 ล้านบาท เพื่อให้จบ ก่อนเสนอบอร์ดรถไฟเคาะ 23 มิ.ย. 58


หากปล่อยไปเรื่อย ๆ เห็นที กว่าคนกรุงจะได้ใช้คงขยับจากปี'61 เป็นปี'62-63 โน่น เรียกว่าเสียทั้งเงินและเวลา ไม่มีใครได้ประโยชน์

//--------------
มิน่าเล่า ถึงได้มีได้มีคำสั่งแก้แบบมาซะเฉยๆ ก็เพราะ อยากได้สายสีเขียวโดยไม่ต้องจ่ายสักบาท นี่เอง ทำอย่างนี้มันใช้ไม่ได้เลยนะครับ

[Mongwin]

รฟม.ยันรื้อสะพานรัชโยธิน
เดลินิวส์ วันอังคารที่ 23 มิถุนายน 2558 เวลา 10:13 น.

ยันสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวต้องรื้อรัชโยธิน หลักวิศวกรรมศึกษาแล้วเหมาะสมสุด ทำสะพานยกสูงอันตราย

นายพีระยุทธสิงห์พัฒนากุลผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวนแห่งประเทศไทย(รฟม.)กล่าวถึงแนวทางการื้อสะพานข้ามแยกรัชโยธินว่าขณะนี้รฟม.อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเสนอแบบก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือหมอชิต-สะพานใหม่-คูคตต่อกรุงเทพมหานคร(กทม.)ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เสนอให้ทบทวนโดยสร้างสะพานคร่อมทางรถไฟฟ้าในแนวเดิมโดยหลีกเลี่ยงการก่อสร้างเป็นทางลอดซึ่งใช้เวลานานนั้นเบื้องต้นนั้นรฟม.ยังยืนยันที่จะเสนอแบบเดิมคือการสร้างอุโมงค์ทางลอดแยกซึ่งรฟม.เห็นว่าในช่วงที่มีการก่อสร้างอาจจะมีผลกระทบด้านการจราจรแต่หากก่อสร้างแล้วเสร็จสภาพการจราจรบริเวณถนนพหลโยธินตัดถนนรัชดาภิเษกแยกรัชโยธินจะทำให้การจราจรในบริเวณดังกล่าวดีขึ้นกว่าปัจจุบันนี้

ข้อเสนอที่จะให้สร้างสะพานคร่อมสะพานเดิมนั้นตามหลักวิศวกรรมแล้วถือว่ามีความอันตรายเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากสะพานจะมีความสูงมากและหากสะพานสูงองศาในการทางขึ้น-ลงก็จะต้องใช้พื้นที่มากซึ่งก็จะต้องมีการทำการเวนคืนพื้นที่เพื่อทำทางขึ้น-ลงอีกด้วยซึ่งรฟม.เห็นว่าการสร้างอุโมงค์ลอดทางแยกนั้นเป็นวิธีการที่เหมาะสมมากที่สุด ทั้งนี้คาดว่าประมาณต้นเดือนก.ค.58 นี้จะสามารถสรุปแบบที่ชัดเจนและเสนอต่อกทม.ได้เนื่องจากรฟม.จะต้องเร่งส่งมอบพื้นที่ให้แกผู้รับเหมาเพราะที่ผ่านมาถือว่ามีความล่าช้าอยู่พอสมควรแล้ว.“

[Wisarut]

สรุปกทม.เดินรถ”สายสีเขียว”

ไทยโพสต์
เสาร์ที่ 27 มิถุนายน 2558 เวลา 00:09
“ประจิน” ถก ”คุณชายหมู" สรุปให้ กทม.บริหารเดินรถเขียวเหนือ-ใต้ โยนปลัดคมนาคม-กทม. หาข้อยุติ 2 สัปดาห์ ยันจ่ายคืนค่าก่อสร้างก้อนเดียว หวั่นผลกระทบจราจรก่อสร้างแยกรัชโยธิน-เกษตร สั่งทำแผนรับมือ

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้หารือกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดย กทม.พร้อมจะเข้ามารับผิดชอบบริหารการเดินรถทั้ง 2 ช่วง คือ สีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และสีเขียวเหนือช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องกับโครงการเดิม รวมทั้งจะมีความคุ้มทุนและช่วยเฉลี่ยการขาดทุนดีกว่าการโอนมาเพียงช่วงเดียว

ทั้งนี้ การให้ กทม.เป็นผู้เดินรถนั้นต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า กทม.จะต้องรับภาระจ่ายค่าลงทุนก่อสร้างช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ มูลค่า 17,092.21 ล้านบาท คืนให้กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยจะต้องจ่ายในครั้งเดียว ส่วนช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต มีวงเงินค่าก่อสร้าง 28,786 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างจะมีการเจรจาการเดินรถหลังจากนี้ อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมไปหารือกับ กทม.เพื่อให้ได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์

พล.อ.อ.ประจิน กล่าวถึงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ว่า มีความเป็นห่วงเรื่องของผลกระทบด้านการจราจรในระหว่างการก่อสร้างและการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค โดยเฉพาะบริเวณแยกรัชโยธินและแยกเกษตรศาสตร์ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการหารือร่วมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกระทรวงกลาโหมด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเป้าหมายเปิดเดินรถยังตามแผนเดิมคือในปี 2563.

[Mongwin]

รฟม.ขีดเส้น ก.ค.เจรจา กทม.เดินรถสีเขียวเหนือไม่จบพร้อมทำเอง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 มิถุนายน 2558 09:13 น.

บอร์ด รฟม.เตรียมหารือความชัดเจนโอนเดินรถสีเขียวเหนือให้ กทม. ยันต้องรับภาระค่าลงทุนและถกข้อกฎหมายในกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เวนคืนมาทั้งหมดด้วย หาก กทม.จะรับไปต้องชัดเจนใน ก.ค. หวั่นเจรจายืดเยื้อเหมือนสีเขียวใต้กระทบเปิดเดินรถล่าช้า ยันพร้อมทำเองรูปแบบPPP ด้าน “ประจิน” เผยข้อดีโอน กทม.เดินรถต่อเนื่อง ไม่ต้องแยกระบบควบคุมและศูนย์ซ่อม ไม่มีค่าแรกเข้า คุมค่าโดยสารได้



นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า หลังจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมคณะ ได้หารือร่วมกับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยขอเจรจาเพื่อรับโอนการเดินรถสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ไปพร้อมกับการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ด้วยนั้น เนื่องจากหากรับเดินรถสายสีเขียวใต้อย่างเดียวจะไม่คุ้ม ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้ นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม และ กทม.พิจารณารายละเอียดร่วมกัน พร้อมกันนี้จะต้องเชิญผู้แทนกระทรวงการคลังมาร่วมหารือด้วยในฐานะที่คลังเป็นผู้กู้เงินให้ รฟม.ลงทุน

ทั้งนี้ โดยหลัก กทม.จะต้องรับภาระค่าลงทุนของโครงการไปทั้งหมด และต้องหารือถึงกรรมสิทธิ์ในที่ดินและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในที่ดินซึ่ง รฟม.ได้เวนคืนมาใช้ในการดำเนินโครงการตลอดแนวเส้นทางและศูนย์ซ่อมบำรุง (เดปโป้) ต้องยอมรับว่าการเจรจาดังกล่าวไม่เคยทำกันมาก่อน ดังนั้นจะต้องพิจารณาทุกประเด็นอย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. ที่มี พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ เป็นประธานในวันที่ 3 ก.ค.นี้ จะมีการหารือถึงกรณีโอนเดินรถสีเขียวเหนือให้ กทม.ด้วย

“ประธานบอร์ด รฟม.เห็นว่าหากจะโอนเดินรถสีเขียวเหนือให้ กทม.จะต้องมีความชัดเจนภายในเดือน ก.ค.นี้ เพราะหากเจรจายืดเยื้อจะกระทบทำให้เปิดเดินรถล่าช้า ซึ่งต้องยอมรับว่าการดำเนินโครงการรถไฟฟ้า 8 สายของ รฟม.ถูกบรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์ร่วมทุน (PPP) ของรัฐบาล ดังนั้น รฟม.สามารถเสนอตั้งกรรมการร่วมทุนเพื่อเดินหน้าโครงการได้”

ส่วนการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือที่จะต้องมีการทุบสะพานข้ามแยกรัชโยธินและแยกเกษตรฯ นั้น ผู้ว่าฯ รฟม.กล่าวว่า รฟม.และ กทม.พร้อมด้วยตำรวจจะเร่งประชุมหาข้อสรุป ซึ่งทาง กทม.ไม่อยากให้ทุบสะพาน ต้องการเปลี่ยนรูปแบบ ซึ่งในเชิงวิศวกรรมจะทำแบบใดก็ได้ แต่ต้องดูว่าแบบไหนดีที่สุดในระยะยาวสำหรับการให้บริการประชาชน ยอมรับว่าการทุบสะพานจะมีผลกระทบในช่วงก่อสร้างซึ่งจะต้องบริหารจัดการให้ดีที่สุด แต่ระยะยาวดีแน่นอน

ด้าน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กล่าวว่า จากการหารือกับคณะของผู้ว่าฯ กทม. ได้ยืนยันว่ามีความพร้อมและไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน โดยรับประกันว่าจะไม่ให้ รฟม.ต้องรับภาระค่าลงทุน นอกจากนี้ทำให้การเดินรถต่อเนื่อง แก้ปัญหา 3 ข้อที่เป็นอุปสรรคในการให้บริการหากเป็นผู้เดินรถรายอื่น คือ ปัญหาเรื่องการเชื่อมระบบที่ต้องแยกระบบควบคุมมีความยุ่งยาก, แยกระบบศูนย์ซ่อมบำรุงและจัดเก็บค่าแรกเข้า ซึ่งส่งผลต่อค่าโดยสาร โดย กทม.ได้เสนอขอรับเดินรถสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ไปด้วยเพื่อให้การลงทุนมีความคุ้มค่ามากขึ้น ซึ่งจะต้องเร่งหาข้อยุติภายในเดือน ก.ค.นี้เนื่องจาก รฟม.กังวลว่าหากเจรจากับ กทม.ล่าช้าจะกระทบทำให้การเปิดเดินรถล่าช้าไปด้วย ถ้าไม่ยุติสามารถเดินรถเองได้ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ

“เรื่องเดินรถสีเขียวใต้น่าจะสรุปได้เร็วๆ นี้ ส่วนเดินรถสีเขียวเหนือนั้น กทม.เพิ่งเสนอเป็นทางการ ที่่ผ่านมายังไม่เคยคุยกัน รฟม.อยากให้จบเร็วๆ โดยได้พิจารณาแนวทางร่วมทุน PPP คู่ขนานไปด้วย ซึ่งผมได้หารือกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี แล้วเห็นว่าโอนเดินรถให้ กทม.รับผิดชอบจะทำให้การเดินรถต่อเนื่อง การรับภาระค่าลงทุนทั้งหมดจะส่งผลดีมากกว่า” รมว.คมนาคมกล่าว